ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำธุรกิจส่วนตัว ทางผู้ประกอบการเองจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาระบบธุรกิจที่ตัวเองต้องการจะทำเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น องค์กรธุรกิจ ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ก็ล้วนแต่จะต้องมีการวางแผนระบบการทำงานกันทั้งนั้น การจัดการองค์กรธุรกิจของตัวเองเรื่องของวิสัยทัศน์ในการทำงานนั้นสำคัญมาก ๆ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจของคุณเองให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น Show
แต่ทั้งนี้.. ก็ต้องยอมรับว่าองค์กรธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบ เราลองไปดูกันค่ะว่าองค์กรธุรกิจมีกี่ประเภท ระบบธุรกิจขององค์กรทางธุรกิจมีอะไรบ้าง สำหรับความหมายของ องค์กรธุรกิจ คือ องค์กรที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ โดยมักประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยกิจกรรมต่าง ๆ ในระบบธุรกิจ เกิดขึ้นเพื่อสนองความต้องการของผู้ใช้บริการหรือผู้บริโภค และหวังซึ่งผลกำไร ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมการผลิตสินค้าหรือการบริการต่าง ๆ องค์ประกอบขององค์กรธุรกิจธุรกิจ SME ก็ถือว่าเป็นองค์กรธุรกิจรูปแบบนึง จำเป็นที่จะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญขององค์กรธุรกิจเช่นกัน ได้แก่ 1. ทรัพยากรบุคคล 2. แหล่งเงินทุน 3. วัตถุดิบและวัตถุที่ต้องจัดหามาเพื่อใช้ในการผลิตหรือสร้างบริการ 4. กิจกรรมด้านการบริหารจัดการองค์กรธุรกิจให้ดำเนินไป อ่านเพิ่มเติม : ธุรกิจ sme คืออะไร พร้อมวิธีเขียนแผนธุรกิจ sme ให้ผ่านฉลุยสำหรับผู้ประกอบการ รูปแบบองค์กรธุรกิจรูปแบบขององค์กรธุรกิจ สามารถแบ่งออกได้เป็น 7 ประเภท ได้แก่ 1. กิจการเจ้าของคนเดียวกิจการเจ้าของคนเดียว คือ องค์กรธุรกิจที่มีเจ้าของเพียงคนเดียว หรือมีผู้ลงทุนในกิจการเพียงคนเดียว ยกตัวอย่างกิจการประเภทนี้ เช่น ร้านค้าปลีก-ส่ง ร้านค้าแผงลอย ธุรกิจส่วนตัวอื่น ๆ 2. ห้างหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วน คือ กิจการที่มีบุคคลั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันลงทุนและดำเนินกิจการ มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งผลกำไรที่ได้จากการดำเนินงาน โดยองค์กรธุรกิจแบบห้างหุ้นส่วนสามารถแบ่งออกได้อีก 2 ประเภท คือ – ห้างหุ้นส่วนสามัญ – ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งแตกต่างกันตรงที่ ผู้ที่ลงทุนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดในหนี้สินทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดจำนวน ในขณะที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย คือ หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ได้แก่ ผู้เป็นหุ้นส่วนอันมีหน้าที่รับผิดจำกัดเพียงจำนวนเงินที่ตนรับว่าจะลงทุนในห้างหุ้นส่วนเท่านั้น 3. บริษัทจำกัดบริษัทจำกัดเป็นองค์กรธุรกิจที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีการจัดตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้น โดยแต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน ผู้ถือหุ้นมีหน้าที่รับผิดอย่างจำกัด โดยการรับผิดจะไม่เกินจำนวนเงินที่ยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนประสงค์จะถือนั่นเอง 4. บริษัทมหาชนจำกัดบริษัทมหาชนจำกัด คือ องค์กรธุรกิจในรูปแแบบบริษัทอีกแบบหนึ่ง แตกต่างจากบริษัทจำกัดตรงที่ บริษัทมหาชนจำกัดตั้งขึ้นเพื่อมีวัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้นให้กับบุคคลทั่วไป หรือประชาชน โดยผู้ถือหุ้นมีความรับผิดจำกัดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ต้องชำระ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทมหาชนจำกัดที่มีการซื้อขายกันในตลาดหุ้น 5. สหกรณ์เรียกได้ว่าเป็น องค์กรธุรกิจอย่างหนึ่งเช่นกัน โดยการจัดตั้งสหกรณ์มักจัดตั้งและดำเนินการโดยกลุ่มคนที่มีความประสงค์ และเป้าหมายเดียวกัน และร่วมกันจัดตั้ง ลงทุน ดำเนินการและเป็นเจ้าของร่วมกันด้วยความสมัครใจ ยกตัวอย่างสหกรณ์ที่หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินเช่น สหกรณ์เกษตร สหกรณ์โคนม สหกรณ์ร้านค้า 6. รัฐวิสาหกิจเป็นองค์กรภาครัฐ หรือรัฐบาล หมายถึงธุรกิจที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ หรือมีทุนรวมอยู่ด้วย เกินกว่าร้อยละ 50 มีการบริหารงานอยู่ระหว่างระบบราชการและระบบองค์กรธุรกิจ โดยวัตถุประสงค์ขององค์กรธุรกิจลักษณะนี้คือ เพื่อหารายได้เข้าภาครัฐ เพิ่มเติมจากการเก็บภาษี เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน เป็นการป้องกันการผูกขาดของผู้ประกอบการเอกชน 7. กิจการแฟรนไชส์กิจการแฟรนไชส์ เป็นธุรกิจที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 2 กลุ่มขึ้นไป (Franchisee และ Franchisor) หรือมากกว่า ในการมีส่งเสริมซึ่งกันและกันในระบบธุรกิจ มีวัตถุประสงค์จะกระจายสินค้าหรือบริการไปสู่ผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างระบบธุรกิจแบบแฟรนไชน์ คือ KFC, Swensen, Mcdonald ในการจัดตั้ง องค์กรธุรกิจ แต่ละประเภท จะเห็นได้ว่าในแต่ละระบบธุรกิจ มักมีเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการที่แตกต่างกัน องค์ประกอบของธุรกิจมีความต้องการในอัตราที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากสนใจที่จะจัดตั้งองค์กรธุรกิจขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง อาจลองศึกษาถึงวัตถุประสงในการจัดตั้ง และหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสียของการจัดตั้งองค์กรธุรกิจในรูปแบบที่แตกต่างกันด้วยเพื่อเป็นการเปรีบเทียบนั่นเองค่ะ การรู้จักประเภทธุรกิจของตนเองเป็นอย่างดี จะทำให้การบริหารดำเนินงานเป็นไปได้ดีขึ้น มีความเป็นมืออาชีพและดูน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่านั่นเอง หัวข้อเนื้อหา ซ่อน ประเภทของธุรกิจ 1. ประเภทของธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา 2. ประเภทของธุรกิจแบบนิติบุคคล ประเภทของธุรกิจประเภทของธุรกิจสามารถแบ่งได้หลักๆ คือ แบบบุคคลธรรมดา ได้แก่ กิจการเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วนสามัญ และ แบบนิติบุคคล เช่น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด 1. ประเภทของธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา1.1 กิจการเจ้าของคนเดียวธุรกิจที่มีเจ้าของคนเดียว มูลค่าของกิจการไม่สูงมาก มีการจดทะเบียนการค้าแบบบุคคลธรรมดา การตัดสินใจต่างๆ รวมทั้งเรื่องกำไรหรือขาดทุนก็มีผลต่อเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว ตัวอย่างเช่น เจ้าของร้านชำที่เราเห็นได้ทั่วๆ ไป 1.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญลักษณะธุรกิจคล้ายกับกิจการเจ้าของคนเดียว เพียงแต่มีผู้ร่วมธุรกิจตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ ผลจากกำไร และการขาดทุนเท่าๆ กันซึ่งห้างหุ้นส่วนสามัญจะต่างกับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตรงที่ไม่ได้จดทะเบียน ทำให้มีสถานะเป็นคณะบุคคลนั่นเอง 2. ประเภทของธุรกิจแบบนิติบุคคล2.1 ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียนและห้างหุ้นส่วนจำกัดลักษณะธุรกิจคล้ายกับห้างหุ้นส่วนสามัญ คือมีผู้ร่วมธุรกิจตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพียงแต่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ความแตกต่างคือ หุ้นส่วนมีความรับผิดชอบแตกต่างกัน คือ แบบรับผิดชอบในหนี้สินแบบจำกัด โดยรับผิดชอบไม่เกินเงินที่ได้ลงทุน แต่ไม่มีการสิทธิการตัดสินใจในกิจการ ส่วนแบบรับผิดชอบในหนี้สินไม่จำกัด โดยรับผิดชอบในหนี้สินไม่จำกัดจำนวน แต่มีสิทธิในการตัดสินใจต่างๆ 2.2 บริษัทจำกัดธุรกิจที่มีผู้ร่วมดำเนินงานตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ถือหุ้นในจำนวนเท่าๆ กัน ซึ่งเรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” ซึ่งรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุน บริษัทจำกัดต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ธุรกิจประเภทนี้เหมาะกับกิจการที่มีรายได้หรือมูลค่าสูง มีความเป็นสากลเพราะมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริษัทขึ้นมาบริหารและตัดสินใจการดำเนินงานต่างๆ 2.3 บริษัทมหาชนจำกัดบริษัทจำกัดที่นำหุ้นออกจำหน่ายให้บุคคลทั่วไปซื้อ และร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทได้ตามสัดส่วนที่ซื้อ ซึ่งหุ้นดังกล่าวสามารถขายต่อให้ผู้อื่นได้ตามราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่เดิมบริษัทมหาชนจำกัดต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 100 คน แต่ปัจจุบันต้องมีผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 15 คน 2.4 องค์กรธุรกิจจัดตั้งหรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะองค์กรธุรกิจจัดตั้ง มีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป หุ้นแต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่ากัน การชำระค่าหุ้นคือชำระครั้งเดียวเต็มจำนวน และกรรมการของบริษัทไม่น้อยกว่า 5 คน โดยลักษณะของธุรกิจมีดังนี้ ธุรกิจการเกษตร คือ การทำไร่ ทำสวน ปศุสัตว์ ธุรกิจอุตสาหกรรม ทั้งในครัวเรือน และอุตสาหกรรมโรงงาน ธุรกิจเหมืองแร่ ธุรกิจการพาณิชย์ ธุรกิจการก่อสร้าง ธุรกิจการเงิน ธุรกิจการให้บริการ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจอื่นๆ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ อย่างแพทย์ วิศวกร สถาปนิก เป็นต้น การทำธุรกิจไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม การจดทะเบียนการค้าจะทำให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังช่วยให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ คู่ค้าสนใจลงทุนมากขึ้นเพราะดูมีหลักประกันมากกว่าธุรกิจที่ได้ไม่ได้จดทะเบียนทางการค้าใดๆ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจดทะเบียนการค้า) ความสําคัญของธุรกิจมีอะไรบ้างความสำึคัญของธุรกิจ
1. การดำเนินงานของธุรกิจก่อให้เกิดการนำทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. ช่วยให้ผู้บริโภคหรือประชาชนได้ใช้สินค้าหรือบริการ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของตนเองให้ดีขึ้น 3. ธุรกิจต่าง ๆ ช่วยขจัดปัญหาการว่างงาน และช่วยกระจายรายได้ไปสู่ประชาชน 4. ช่วยเพิ่มพูนรยได้ให้กับประเทศในรูปแบบของภาษีอากร
รูปแบบของกิจการห้างหุ้นส่วนมีลักษณะอย่างไรบ้างลักษณะของกิจการห้างหุ้นส่วน 1. มีผู้ร่วมเป็นหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตกลงทำสัญญาร่วมกันดำเนินงาน 2.มีการร่วมกันลงทุนโดยนำเงินสด ทรัพย์สินหรือแรงงานมาลงทุนตามข้อตกลง 3. มีการกระทำกิจการอย่างเดียวกันร่วมกัน
|