กินยาคุมกี่วันถึงจะปล่อยในได้

สาวๆ หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิด บ้างก็ไม่รู้ว่าต้องกินอย่างไร หรือควรเริ่มกินตอนไหนของการมีประจำเดือน สำหรับคนที่คิดว่ากินถูกวิธีแล้ว มาลองเช็คกัน จะเริ่มตอนไหน ถึงจะถูกต้อง... เพื่อคลายความสงสัยและทำความเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิด นี่คือ 10 ข้อควรรู้ก่อนเริ่มใช้

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิด

  1. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด (Birth Control Pill) ประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่มีความสำคัญต่อการป้องกันการตั้งครรภ์
  2. ยาคุมกำเนิดมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ นอกจากนี้ยังทำให้เมือกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้อสุจิไม่สามารถเข้ามาผสมกับไข่เพื่อปฏิสนธิได้นั่นเอง
  3. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด มีทั้งแบบ 21 เม็ด และแบบ 28 เม็ด โดยแบบ 21 เม็ด เมื่อกินจนหมดแผงแล้ว จะต้องเว้นไป 7 วันจึงจะสามารถเริ่มแผงใหม่ได้ ส่วนแบบ 28 เม็ด จะมีตัวยาจริงเพียง 21 เม็ด และมีเม็ดแป้งอีก 7 เม็ด (ซึ่งเสมือนเป็นยาหลอก) เหมาะสำหรับคนที่กลัวจะนับวันผิด จึงต้องกินต่อกันจนหมดแผง แต่ไม่ว่าจะกินแบบใด21 หรือ 28 เม็ด ก็ได้ผลในการคุมกำเนิดเท่ากัน
  4. สำหรับการใช้ยาคุมกำเนิดครั้งแรก หรือการเริ่มใช้อีกครั้งหลังหยุดคุมกำเนิดไประยะหนึ่ง ควรเริ่มกินภายในวันที่ 1-5 ของช่วงที่มีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ เพราะอาจเสี่ยงทำให้ตัวอ่อนทารกพิการได้หากกำลังตั้งครรภ์อยู่พอดี
  5. การกินยาคุมกำเนิดจะต้องกินเวลาเดิมทุกวัน หากลืมกินยาจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง และหากลืมกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 3 ชั่วโมง ให้กินทันทีที่นึกขึ้นได้ และกินเม็ดต่อไปในเวลาเดิม
  6. การกินยาคุมกำเนิดอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คัดเต้านม อารมณ์แปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ อาการเหล่านี้บางคนอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
  7. วิธีกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ควรดูวันที่ตามจริงและวันที่บนแผงอย่างละเอียด ซึ่งบนแผงยาจะระบุวันไว้ตั้งแต่วันจันทร์ถึงอาทิตย์ หากวันที่จะเริ่มกินยาเม็ดแรกเป็นวันพุธก็ให้แกะยาเม็ดแรกของวันพุธมากิน แล้วกินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแผง ที่ต้องให้กินแบบนี้เพื่อจะได้ไม่หลงลืมว่าในวันนั้นๆ กินยาไปแล้วหรือยัง
  8. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ในกรณีถูกข่มขืน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ตั้งใจ
  9. ในแผงของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมี 2 เม็ด เม็ดแรกให้กินทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ส่วนเม็ดที่ 2 ให้กินหลังจากนั้น 12 ชั่วโมง ซึ่งยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นอาจมีประสิทธิภาพต่ำกว่ายาคุมกำเนิดชนิดแผง
  10. ก่อนกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ทุกครั้ง ควรตรวจเช็คดูวันหมดอายุก่อนใช้ยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth Control Pill)

   วิธีการคุมกำเนิดสามารถทำได้หลายวิธี แต่สำหรับวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งเป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบชั่วคราว แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) เพียงอย่างเดียว และชนิดฮอร์โมนรวม (combined pills) ซึ่งในแต่ละเม็ดมีตัวยาสำคัญเป็นฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจน (estrogens) ผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสติน (progestins) มีกลไกหลักที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยการออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผง 21 เม็ดกับ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร? 

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจมีจำนวนเม็ดในแผงยาได้แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่มีแผงละ 21 หรือ 28 เม็ด ซึ่งแตกต่างกันดังนี้

  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 21 เม็ด ทุกเม็ดจะมีตัวยาทั้งหมด (ไม่มีเม็ดแป้ง) รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วหยุด 7 วันก่อนเริ่มแผงใหม่ หลังหยุดยาประมาณ 1-3 วันจะเริ่มมีประจำเดือน

  2. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 28 เม็ด โดยทั่วไปมีตัวยาฮอร์โมนจำนวน 21 เม็ดและไม่มีตัวยาหรือเรียกว่า “เม็ดแป้ง” อีก 7 เม็ด รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วขึ้นแผงใหม่ต่อเนื่องกันไป ช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งไปประมาณ 1-3 เม็ดจะเริ่มมีประจำเดือนมา

เริ่มต้นรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมได้เมื่อไร? 

   โดยทั่วไปผู้ที่มีประจำเดือนมาปกติและสม่ำเสมอ เมื่อเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเป็นครั้งแรก แนะนำให้เริ่มในวันแรกที่มีประจำเดือนหรือไม่เกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือนโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

   ผู้ที่เริ่มรับประทานยาเป็นครั้งแรกเกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย นอกจากนี้อาจเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่วันใดๆ ได้เช่นกันแต่ต้องไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ และให้งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วันหลังจากเริ่มรับประทานยา หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยในช่วงเวลาดังกล่าว

กินยาคุมกี่วันถึงจะปล่อยในได้

อาการไม่พึงประสงค์ของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม 

การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคัดเต้านม ท้องอืด ปวดศีรษะ ตัวบวมน้ำ มีเลือดคล้ายประจำเดือนออกกะปริบกะปรอย ตลอดจนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (จึงมีข้อห้ามใช้ในผู้ที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ) ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวมากน้อยต่างกันขึ้นกับชนิดของตัวยา 

เมื่อลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะแก้ไขอย่างไร? 

การลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม หากเป็นเม็ดแป้งให้ทิ้งเม็ดที่ลืมนั้นและรับประทานเม็ดถัดไปในเวลาเดิม หากลืมรับประทานเม็ดที่มียาฮอร์โมนมีข้อแนะนำดังนี้

  1. กรณีลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี Ethinylestradiol 30-35 ไมโครกรัม 1 หรือ 2 เม็ด (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 1 หรือ 2 วัน) หรือยาที่มี Ethinylestradiol 20 ไมโครกรัม 1 เม็ด (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 1 วัน)

  • ลืมกินยาที่มีฮอร์โมน 1 เม็ด ให้กินเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และกินยาเม็ดต่อไปทุกวันตามเวลากินปกติ และไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นเพิ่มเติม
  • ลืมกินยาที่มีฮอร์โมน 2 เม็ด (เฉพาะชนิดที่มี Ethinylestradiol 30-35 ไมโครกรัม) ให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมล่าสุดทันทีที่นึกได้ ส่วนยาเม็ดอื่นที่ลืมก่อนหน้านั้นให้ทิ้งไป และรับประทานยาเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ และไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นเพิ่มเติม

  2. กรณีลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี Ethinylestradiol 30-35 ไมโครกรัม 3 เม็ดขึ้นไป (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 3 วันขึ้นไป) หรือยาที่มี Ethinylestradiol 20 ไมโครกรัม 2 เม็ด (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 2 วัน) ให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมล่าสุดทันทีที่นึกได้ ส่วนยาเม็ดอื่นที่ลืมก่อนหน้านั้นให้ทิ้งไป และรับประทานยาเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ แต่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะได้รับประทานยาเม็ดที่มีฮอร์โมนติดต่อกันเป็นเวลา 7 วันแล้ว และให้พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้

  • หากเป็นการลืมรับประทานในช่วง 1 อาทิตย์แรกของแผงยา (วันที่ 1-7) และมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันในช่วง 5 วันก่อนหน้านั้น ควรพิจารณาใช้วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
  • หากเป็นการลืมรับประทานในช่วงอาทิตย์ที่ 3 ของแผงยา (เม็ดที่ 15-21) ให้ปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้ ให้เว้น (ไม่ต้องรับประทาน) ช่วงที่เป็นเม็ดแป้งกรณีที่เป็นยาชนิดแผง 28 เม็ด หรือไม่ต้องหยุดยา 7 วันกรณีที่เป็นยาชนิดแผง 21 เม็ด โดยให้เริ่มยาแผงใหม่ได้ทันทีหลังหมดยาเม็ดที่ 21

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเภสัชกรรม โทร 1474 กด 2 

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth Control Pill)

   วิธีการคุมกำเนิดสามารถทำได้หลายวิธี แต่สำหรับวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งเป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบชั่วคราว แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (progesterone) เพียงอย่างเดียว และชนิดฮอร์โมนรวม (combined pills) ซึ่งในแต่ละเม็ดมีตัวยาสำคัญเป็นฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจน (estrogens) ผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสติน (progestins) มีกลไกหลักที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยการออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผง 21 เม็ดกับ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร? 

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจมีจำนวนเม็ดในแผงยาได้แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่มีแผงละ 21 หรือ 28 เม็ด ซึ่งแตกต่างกันดังนี้

  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 21 เม็ด ทุกเม็ดจะมีตัวยาทั้งหมด (ไม่มีเม็ดแป้ง) รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วหยุด 7 วันก่อนเริ่มแผงใหม่ หลังหยุดยาประมาณ 1-3 วันจะเริ่มมีประจำเดือน

  2. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแผงละ 28 เม็ด โดยทั่วไปมีตัวยาฮอร์โมนจำนวน 21 เม็ดและไม่มีตัวยาหรือเรียกว่า “เม็ดแป้ง” อีก 7 เม็ด รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วขึ้นแผงใหม่ต่อเนื่องกันไป ช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งไปประมาณ 1-3 เม็ดจะเริ่มมีประจำเดือนมา

เริ่มต้นรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมได้เมื่อไร? 

   โดยทั่วไปผู้ที่มีประจำเดือนมาปกติและสม่ำเสมอ เมื่อเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเป็นครั้งแรก แนะนำให้เริ่มในวันแรกที่มีประจำเดือนหรือไม่เกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือนโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

   ผู้ที่เริ่มรับประทานยาเป็นครั้งแรกเกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย นอกจากนี้อาจเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่วันใดๆ ได้เช่นกันแต่ต้องไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ และให้งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วันหลังจากเริ่มรับประทานยา หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยในช่วงเวลาดังกล่าว

กินยาคุมกี่วันถึงจะปล่อยในได้

อาการไม่พึงประสงค์ของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม 

การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคัดเต้านม ท้องอืด ปวดศีรษะ ตัวบวมน้ำ มีเลือดคล้ายประจำเดือนออกกะปริบกะปรอย ตลอดจนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (จึงมีข้อห้ามใช้ในผู้ที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ) ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวมากน้อยต่างกันขึ้นกับชนิดของตัวยา 

เมื่อลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะแก้ไขอย่างไร? 

การลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม หากเป็นเม็ดแป้งให้ทิ้งเม็ดที่ลืมนั้นและรับประทานเม็ดถัดไปในเวลาเดิม หากลืมรับประทานเม็ดที่มียาฮอร์โมนมีข้อแนะนำดังนี้

  1. กรณีลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี Ethinylestradiol 30-35 ไมโครกรัม 1 หรือ 2 เม็ด (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 1 หรือ 2 วัน) หรือยาที่มี Ethinylestradiol 20 ไมโครกรัม 1 เม็ด (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 1 วัน)

  • ลืมกินยาที่มีฮอร์โมน 1 เม็ด ให้กินเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และกินยาเม็ดต่อไปทุกวันตามเวลากินปกติ และไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นเพิ่มเติม
  • ลืมกินยาที่มีฮอร์โมน 2 เม็ด (เฉพาะชนิดที่มี Ethinylestradiol 30-35 ไมโครกรัม) ให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมล่าสุดทันทีที่นึกได้ ส่วนยาเม็ดอื่นที่ลืมก่อนหน้านั้นให้ทิ้งไป และรับประทานยาเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ และไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นเพิ่มเติม

  2. กรณีลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิดที่มี Ethinylestradiol 30-35 ไมโครกรัม 3 เม็ดขึ้นไป (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 3 วันขึ้นไป) หรือยาที่มี Ethinylestradiol 20 ไมโครกรัม 2 เม็ด (หรือเริ่มกินแผงใหม่ช้าไป 2 วัน) ให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมล่าสุดทันทีที่นึกได้ ส่วนยาเม็ดอื่นที่ลืมก่อนหน้านั้นให้ทิ้งไป และรับประทานยาเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ แต่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะได้รับประทานยาเม็ดที่มีฮอร์โมนติดต่อกันเป็นเวลา 7 วันแล้ว และให้พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้

  • หากเป็นการลืมรับประทานในช่วง 1 อาทิตย์แรกของแผงยา (วันที่ 1-7) และมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันในช่วง 5 วันก่อนหน้านั้น ควรพิจารณาใช้วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉิน
  • หากเป็นการลืมรับประทานในช่วงอาทิตย์ที่ 3 ของแผงยา (เม็ดที่ 15-21) ให้ปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้ ให้เว้น (ไม่ต้องรับประทาน) ช่วงที่เป็นเม็ดแป้งกรณีที่เป็นยาชนิดแผง 28 เม็ด หรือไม่ต้องหยุดยา 7 วันกรณีที่เป็นยาชนิดแผง 21 เม็ด โดยให้เริ่มยาแผงใหม่ได้ทันทีหลังหมดยาเม็ดที่ 21

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเภสัชกรรม โทร 1474 กด 2 

ยาคุม 28 เม็ด ออกฤทธิ์ ภายใน กี่ วัน

หากได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดภายใน 1-5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ยาคุมกำเนิดก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที โดยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% หรือมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่า 1%

กินยาคุมกี่วันถึงจะมีไรกันได้

การใช้ยาคุมแบบแผงรายเดือนนั้นเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก หากได้กินติดต่อกันทุกวันจนหมดแผงยา โดยการเริ่มยาควรเริ่มภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนเพื่อให้สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทันที หากเริ่มช่วงเวลาอื่น อาจจะต้องกินติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนค่อยมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันได้

กินยาคุมได้3วันจะท้องไหม

ดังนั้นหากคุณ Love Struck ไม่ได้เริ่มทานยาคุมภายในช่วงเวลา 5 วันนับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน การทานยาคุมไป 3 วัน ยาจึงยังไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ แต่เนื่องจากได้มีการทานยาคุมฉุกเฉินไปภายใน 10-12 ชั่วโมง ยาคุมฉุกเฉินก็จะสามรถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 95% ค่ะ โดยหากเป็นชนิดที่มี 2 เม็ด อย่าลืมทานเม็ด ...

กินยาคุม 7 วัน หลั่งในได้ ไหม

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม : ทำให้หยุดการตกไข่ ดังนั้นการกินยาคุมกำเนิดชนิดนี้ จึงสามารถคุมกำเนิดได้ 99% และสามารถหลั่งในได้ โดยไม่จำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีก ย้ำอีกครั้ง! ว่าจะไม่ท้อง ในกรณีที่มั่นใจว่ากินยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง ไม่ขาด ไม่เกิน เท่านั้นนะจ๊ะ