Thesis กับ is ต่าง กัน อย่างไร

Thesis กับ is ต่าง กัน อย่างไร

วิทยานิพนธ์ (เข้มข้น) คือ

งานวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัยระดับอุดมศึกษา อันเป็นผลงานจากการค้นคว้าวิจัย เป็นงานเขียนวิชาการที่นักศึกษาทุกคนโดยเฉพาะในระดับปริญญาโทและเอกต้องจัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจบการศึกษา รับปริญญา เพื่อเป็นเกียรติคุณและ เป็นไปเบิกทางในสายอาชีพต่างๆ ที่ตนเองสนใจในอนาคต

สารนิพนธ์ คือ

การค้นคว้าอิสระ (Independent Study) หมายถึง การศึกษาวิจัยอิสระ โดยอาศัยการกลั่นกรองความรู้และสาระในเนื้อหาต่างๆ ที่มีผู้ศึกษาวิจัยไว้แล้ว การค้นคว้าอิสระที่ได้มาจากการอ่าน การรวบรวมวิเคราะห์ของผู้เขียนแล้วนำมาสรุปผลให้เป็นเรื่องเดียวกัน

สารนิพนธ์ต่างจากวิทยานิพนธ์ ในเรื่องของแนวคิด (concept) หรือตัวแปร (variable) ตัวเดียว ใช้สถิติหรือการวิเคราะห์อย่างง่าย และจำกัดบริบทที่ศึกษา ระยะเวลาที่ชัดเจน แต่จะไม่เข้มข้นเรื่องคุณภาพของความถูกต้อง (validity) และความเชื่อมั่น (reliability มากกว่า) เท่ากับทางด้านวิทยานิพนธ์ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกว่า จะทำสารนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท

มีปัจจัยสำคัญในการเลือกสารนิพนธ์ ข้อดีคือ ไม่ยุ่งยาก เป็นการเรียนการสอนของหลักสูตร แต่ข้อเสียคือนักศึกษาไม่มีประสบการณ์เต็มที่ในการเขียนงานวิจัย อาจจะไม่สามารถใช้ในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป หรืออาจจะมีปัญหาไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อเราทำหน้าที่ทางวิชาการ เช่น อาจารย์ ครู ในทางตรงกันข้ามกับการเลือกทำวิทยานิพนธ์มีข้อดีคือทำให้นักศึกษามีความรู้ เป็นที่ยอมรับทางวิชาการ และมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่ตั้งมาตรฐานการสอบคัดเลือก แต่จะใช้ระยะเวลาสำหรับการศึกษาเกินกว่าหลักสูตรกำหนดเป็นปกติ

การทำงานวิจัยนักศึกษาต้องตั้งโจทย์หรือคำถามการวิจัย (research question) ให้ถูกต้องเหมาะสม ควรเป็นคำถามที่เฉพาะเจาะจง เพราะคือการหาคำตอบจากคำถามการวิจัยให้ครบถ้วน ถ้าตั้งคำถามไม่ชัดเจนหรือมากเกินไป คำตอบก็ไม่ชัดเจนหรือไม่ถูกต้องเช่นกัน ส่วนเครื่องมือเก็บข้อมูลการวิจัย แบ่งง่ายๆ เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามซึ่งก็คือมาตรประมาณค่า (rating scale) และเครื่องมือเก็บเครื่องมือเชิงคุณภาพ ส่วนใหญ่เป็นแบบสัมภาษณ์ (interview form)

หลักการเขียนโครงการสารนิพนธ์ (สารนิพนธ์ ต่างจาก วิทยานิพนธ์ อย่างไร)

ส่วนแรกจะเป็นการเขียนการคัดเลือกชื่อเรื่อง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งชื่อเรื่องต้องใช้คำกะทัดรัด ชัดเจน ไม่คลุมเครือ และชื่อเรื่องควรสะท้อนหรือชี้ถึงประเด็นปัญหาของการวิจัย

การเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา เป็นส่วนของการชี้ให้เห็นที่มาของประเด็นปัญหาหรือข้อคำถามที่จะทำการศึกษาหาคำตอบ ชี้ให้เห็นว่ามีผู้เสนอแนวคิดหรือทฤษฎีสำหรับตอบคำถามนั้นอย่างไร

– การเขียนวัตถุประสงค์การวิจัย คือ ส่วนของการวางเป้าหมายที่จะทำการวิจัยไว้ล่วงหน้า กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน การเขียนใช้ภาษาชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่วกวน ชัดเจน ใช้ประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ประโยคคำถามและปฏิเสธ

– การเขียนขอบเขตการวิจัย คือ ส่วนของการเขียนระบุว่าพื้นที่ อาณาเขตของงานวิจัยเรื่องนั้นๆ จะศึกษาภายในขอบเขตกว้างแคบแค่ไหนเพียงไร เกณฑ์มาตรฐานการเขียนระบุขอบเขตประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่จะใช้ในการศึกษาให้ชัดเจน ระบุขอบเขตตัวแปรในการวิจัย ตัวแปรอิสระและตัวแปรตามที่จำเป็นจะต้องใช้ในการทำงานวิจัย

– กรอบแนวคิดในการวิจัย คือ ส่วนของการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการเขียนตัวแปรแต่ละตัวที่เลือกศึกษา ต้องมีพื้นฐานเชิงทฤษฎีว่า มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการศึกษา ตรงประเด็นในด้านเนื้อหาสาระ รูปแบบสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย โดยการเขียนปัญหาที่ต้องการทราบหรือต้องการตอบ คือการเขียนระบุลงไปให้ชัดเจนว่างานวิจัยเรื่องนั้นต้องการตอบปัญหาอะไรเรื่องนั้น

– สมมติฐานการวิจัย คือ ส่วนของการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการเขียนเป็นคำตอบปัญหาการวิจัยล่วงหน้าที่ผู้วิจัยคาดคะเนว่าจะเป็นอย่างนั้นและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป็นคำตอบล่วงหน้าที่สอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม เป็นสมมติฐานที่ตั้งขึ้นจากหลักฐานข้อมูลเบื้องต้นและจากแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องซึ่งจะปรากฎในบทถัดไป

– นิยามศัพท์เฉพาะ คือ ส่วนที่ใช้ในการบอกกล่าว เกณฑ์มาตรฐานการเขียนศัพท์ที่จะนิยามต้องใช้ในความหมายเฉพาะเจาะจงหรือความหมายพิเศษเท่านั้น ศัพท์ที่จะนิยามควรเป็นคำหลัก (Keyword) ของงานวิจัยเท่านั้น และต้องนิยามให้ครอบคลุม กำหนดเฉพาะความหมาย ขอบเขตของพื้นที่ที่ผู้วิจัยใช้ในการดำเนินงานวิจัย

– การทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง คือ ส่วนที่จะทบทวนข้อมูลทุกหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสารนิพนธ์ จะนำมาทบทวนต้องมีเนื้อหาหรือมีประเด็นการศึกษาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะดำเนินการศึกษา เอกสารและงานวิจัยที่จะนำมาทบทวนควรมีมาตรฐานทางวิชาการ การทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องนำมาบรรยายให้เห็นข้อมูลพัฒนาการขององค์ความรู้ด้านนั้น ๆ

– วิธีดำเนินการวิจัย คือ ส่วนของการกำหนดการชี้แจงรายละเอียดว่า เวลาลงมือทำวิจัยในแต่ละหัวข้อ เราจะมีข้อมูล วิธีการ และขั้นตอนการเก็บหลักฐานข้อมูลสำหรับปัญหาการวิจัยอย่างไร จะใช้เครื่องมืออะไรเก็บข้อมูล เช่น แบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต การสนทนากลุ่ม หรือสถิติแบบใดบ้าง

– ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ คือ ส่วนของการเขียนคาดการณ์ล่วงหน้าว่า เมื่อการทำงานวิจัยเรื่องนั้นๆ สำเร็จแล้วจะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นบ้าง กับหน่วยงานใด องค์กร ชุมชนใดบ้าง

บทที่ 4. ผลการวิจัย (Results) เป็นการรายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดโดยละเอียดอาจนำเสนอด้วยการบรรยายหรือนำเสนอในรูปตาราง กราฟ ภาพ เพื่อให้การตีความหมายข้อมูลชัดเจนยิ่งขึ้น

บทที่ 5. อภิปรายและสรุปผล (Discussion and Conclusion) หรือสรุปและอภิปรายผล (Conclusion and Discussion)  การอภิปรายผลในส่วนนี้ผู้วิจัยจะต้องนำประเด็นสำคัญของผลการศึกษามาอภิปรายว่าผลที่ค้นพบ สนับสนุนหรือ  ขัดแย้งกับทฤษฎีหรือตรงกับการศึกษาของผู้อื่นหรือไม่อย่างไร  หรือที่ได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมประการใด โดยอ้างอิงทฤษฎี แนวคิดและผลการวิจัยของผู้อื่น หรือข้อมูลประกอบเพื่อยืนยันผลที่ได้รับจากการวิจัยของผู้วิจัย มีการค้นพบใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ เมื่ออภิปรายผลจบแล้ว ให้ผู้วิจัยสรุปผลการวิจัยเฉพาะประเด็นสำคัญในดุษฎีนิพนธ์ทั้งหมด

บรรณานุกรม คือ ส่วนของรายการเอกสารต่าง ๆ ที่นำมาใช้อ้างอิงหรือประกอบศึกษาค้นคว้าในงานวิจัยแต่ละเรื่อง จะกำหนดเป็นมาตรฐานต่างๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันกำหนดไว้ เช่น APA

ประวัติผู้วิจัย เป็นส่วนข้อมูลที่แสดงให้ทราบถึงภูมิหลังด้านการศึกษา มีประสบการณ์ มีผลงานทางวิชาการ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่สอดคล้องกับเรื่องที่จะทำการศึกษาหรือไม่อย่างไร ซึ่งไม่แปลกสำหรับสถานะนักศึกษานิสิตที่จะมีเพียงข้อมูลเบื้องต้น

การเขียนสารบัญชั่วคราว เป็นการวางโครงสร้างเนื้อหาของงานวิจัยให้เห็นว่าในแต่ละบทมีประเด็นที่จะศึกษาอย่างไรบ้าง

เชิงอรรถ (Footnote) คือ การทำรายการเอกสารอ้างอิงหรือคำอธิบายเพิ่มเติมที่อยู่ด้านล่างของข้อความในหน้ากระดาษแต่ละหน้า

สรุป สารนิพนธ์ ต่างจาก วิทยานิพนธ์ อย่างไรนั้น หลักการของสารนิพนธ์สารนิพนธ์ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกันต้องมีคุณภาพและมาตรฐานทางวิชาการเช่นเดียวกัน การจัดกระบวนการเรียนรู้ของรายวิชา สารนิพนธ์ ในหลักสูตรต่างๆ อาจมีความแตกต่างกันได้ แต่ต้องมุ่งให้บรรลุวัตถุประสงค์ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

หากสงสัยหัวข้อวิทยานิพนธ์ทำยังไง คลิ๊ก!!! หรือ FB: iamthesis

 16,345 total views,  2 views today

จำนวนคนดู: 23,637