การร้องเพลงก็เหมือนศิลปะ สบายใจ อารมณ์ดีก็วาดออกมาสวย หงุดหงิด ไม่สบายใจ ก็วาดออกมาไม่ได้อย่างที่ใจหวัง ถ้าเวลาเราจะร้องเพลง แล้วเครียด กลัวว่าจะร้องออกมาได้ไม่ดี ยิ่งกดดันตัวเอง ว่าต้องทำออกมาให้ดีให้ได้ ผลที่เกิดจะได้ในทางตรงข้ามกัน เพราะยิ่งกดดันก็ยิ่งจะทำให้ร่างกายเครียด อวัยวะที่เกี่ยวกับการปล่อยเสียง ก็จะยิ่งบีบหรือเค้น และทำลายช่วงเสียงของคุณได้ ก่อนขึ้นเวทีควรฝึกฝนให้ได้มากที่สุด และทำใจให้สบายเมื่อต้องขึ้นร้องเพลงบนเวทั สนุกกับการร้องและการให้ความสุขกับผู้ฟัง แค่นี้ผลที้ได้ก็จะมีความสุขท้งผู้รับและผู้ให้
วิธีนี้จะช่วยให้คุณปล่อยเสียงโน้ตที่อยู่นอกเหนือช่วงเสียง(Range)ได้ง่ายขึ้น เป็นการฝึกสลับใช้ช่องเสียงไปในตัว ช่วงแรกของการฝึก อาจจะรู้สึกยากในการบังคับหรือสลับช่องเสียงขณะปล่อยเสียงอยู่บ้าง แต่เมื่อคุณเคยชินกับการปล่อยเสียงในโน้ตเหล่านั้นแล้ว คุณก็จะสามารถออกเสียงได้ง่ายและนานขึ้น
เช่น ลองก้มตัวไปด้วยขณะร้องเพลง จะช่วยขจัดความตึงเครียดของร่างกาย และช่วยให้อากาศไหลผ่านเส้นเสียงได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพยายามปล่อยโน้ตสูงๆ เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ความตึงเครียดของร่างกาย คอ จะลดลงทำให้สามารถเปล่งเสียงออกมาได้เองโดยไม่ต้องก้มตัวอีกอีก
ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ต่อมไทรอยด์เอียง และช่วยให้เราเปล่งโน้ตสูงๆ ได้ง่ายขึ้นมาก ต้องหมั่นฝึกฝนอยู่เรื่อยจนกว่าร่างกายจะจำความรู้สึกนี้ได้ และเมื่อคุณไม่อยากทำเหมือนกำลังร้องไห้อีกต่อไป คุณก็จะสามารถเปล่งโน้ตเหล่านั้นได้เองโดยปริยาย…และเป็นธรรมชาติ
โดยวางลิ้นระหว่างฟันหน้าบนและเพดานปาก จากนั้นให้ดันอากาศผ่านช่องปาก วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในลำคอและช่วยผ่อนคลายอาการเกร็งของช่องคอและจะทำให้คุณค่อยๆแตะโน้ตที่คุณไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ได้ดีขึ้น ควรฝึกทำ lips roll และ tongue trill ใน scale exercise ด้วย
เพราะมันจะช่วยทำให้กล่องเสียงของเราผ่อนคลาย ไม่กดตำแหน่งเสียงลงมาที่คอ ทำให้สามารถเชื่อมเสียงขึ้นหรือลงได้ง่ายขึ้น และสามารถเปล่งโน้ตใหม่ๆ ได้ ซึ่งในอีกทางหนึ่งก็จะช่วยให้คุณพัฒนาความจำของกล้ามเนื้อในการปล่อยเสียงที่เหมาะสมด้วย (muscle memory)
10. เลือกร้องเพลงที่เสียงสูงที่สุด ที่คุณสามารถเอาอยู่แบบสบายๆ ให้ร้องเพลงนั้นวันละหลายๆ รอบ การฝึกทำซ้ำๆบ่อยๆ จะเป็นการสร้างความคุ้นเคยของอวัยวะที่ใช้ในการปล่อยเสียง ทำให้สามารถควบคุมให้ผ่อนคลายและง่ายขึ้นในการปล่อยตัวโน้ตลูงๆ ในที่สุดมันจะไม่ยากเย็นอีกต่อไป จากนั้นค่อยลองจัดการกับเพลงใหม่ที่มีช่วงเสียงสูงขึ้น
11. เลือกร้องเพลงที่เสียงต่ำที่สุด ที่คุณสามารถร้องได้ไม่ยาก ในเวลาไม่นาน คุณจะเริ่มรู้สึกสบายขึ้นกับการใช้ช่วงเสียงต่ำ ตอนนี้แหละ ให้คุณเลือกเพลงที่มีช่วงเสียงต่ำลงไปอีก และฝึกจนกว่าจะชำนาญ
12. การไหลเวียนของอากาศที่สม่ำเสมอก็เป็นคีย์สำคัญ นักร้องหลายคนจะเปลี่ยนอัตราเร็วเมื่อหายใจออก ขณะปรับเสียงขึ้นลงในช่วงเสียงสูงและเสียงต่ำ คุณจำเป็นต้องมั่นคงขณะหายใจออก ไม่ว่ากำลังร้องโน้ตไหนออกมาก็ตาม ปัจจุบันการร้องเพลงให้ถูกต้องตามหลักทฤษฎีเป็นสิ่งจำเป็นในการออกงานสังคมมาก เช่น 1. ท่าทาง 2. การหายใจ 3. การจับเสียงและเข้าจังหวะ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ 4. คุณภาพของเสียง 5. การออกเสียงของสระและพยัญชนะ หลักการร้องพยัญชนะ แบ่งออกเป็น 5 ข้อคือ (1) ถ้าคำใดขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ควรร้องพยัญชนะตรงจังหวะ อย่าร้องช้ากว่าจังหวะ หลักการร้องเพลงเสียงต่ำ แบ่งออกเป็น 6 ข้อคือ (1) ใช้เลียนแบบเช่นเดียวกับการพูด เสียงจะอยู่ที่ริมฝีปาก พยัญชนะและสระอยู่ที่ริมฝีปากไม่ใช่อยู่ในคอ หลักการร้องเพลงเสียงสูง แบ่งออกเป็น 5 ข้อคือ (1) ใช้สมองหรือใช้ความคิดช่วยในการร้องเสียงสูง เช่น จะร้องเสียงซอลสูง ให้สมมุติว่าจะร้องเสียงสูงเท่ากับที่เคยร้องมาก่อน 6. อักขระ ความรู้เรื่องการร้องเพลงที่กล่าวมานี้เป็น เพียงหลักที่ต้องนำไปฝึกหัดและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ร้องควรคำนึงก็คือการวางอิริยาบท ในเวลาร้องเพลงบนเวที สำหรับผู้ร้องที่ไม่ประกอบ เรื่องมารยาทของผู้ร้องก็เช่นกัน ขณะอยู่บนเวทีสิ่งที่ควรปฏิบัติคือ ยิ้มและร่าเริงทันทีเมื่ออยู่บนเวที ฝึกการท่องจำเนื้อเพลงให้แม่นยำ เครื่องดนตรีใน ตัวมนุษย์ การหายใจแบ่งอย่างคร่าวๆ ได้เป็น 2 ช่วง ปัญหาที่มักพบกัน การฝึกฝน เราควรเลือกหายใจตรงไหนดี นักร้องที่ฉลาด การฝึกหายใจ เทคนิคเสริม คำถามที่พบบ่อยในการร้องเพลง Share this:Like this:ถูกใจ กำลังโหลด... |