Summaryณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพังหลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…Show more MANGA DISCUSSIONบันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์หลิงฮันสุดยอดจอมยุทธ์และจักรพรรดิปรุงยาเพียงหนึ่งเดียว เสียชีวิตลงในการบรรลุสู่การเป็นเทพเจ้า ในหนึ่งหมื่นปีต่อมาด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เขาได้เกิดใหม่ในร่างของเด็กหนุ่มที่ชื่อเหมือนกัน จากนั้นทั้งสายลมและเมฆจะต้องแหวกออกเมื่อเขาได้ต่อกรกับเหล่าอัจฉริยะในยุคใหม่นับไม่ถ้วน เส้นทางในการเป็นตำนานของเขาได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ในทุกยุคสมัย ภายใต้สวรรค์ ข้าแกร่งที่สุด!! จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 001 – 100 ตอนที่ 101 – 200 ตอนที่ 201 – 300 ตอนที่ 301 – 400 ตอนที่ 401 – 500 ตอนที่ 501 – 600 ตอนที่ 601 – 800 ตอนที่ 801 – 900 ตอนที่ 901 – 1000 ตอนที่ 1001 – 1100 ตอนที่ 1101 – 1200 ตอนที่ 1201 – 1300 ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้ ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน... ในเรื่องแบ่งการฝึกปราณเป็น 5 ระดับใหญ่ ระดับยิ่งสูง=พลังสูงกว่า แต่ละระดับจะมีขั้นย่อยลงไปอีก 1. ระดับกำลังภายใน - ขั้นกำหนดปราณ 2. ระดับจิตผสานวิญญาณ 3. ระดับจิตวิญญาณสมุทร 4. ระดับหยั่งสัจจะ 5. ระดับกระบวนแปรจุติ ศพคลั่งฝังวิญญาณนับร้อยพันทยอยแตกซ่าน กลายเป็นควันดำเข้าปกคลุมฟ้าดิน โคมมหามรรคไร้มลทินลอยเด่น ไส้ตะเกียงพลิ้วไหว เงาโคมเหลืองสลัวพร่างพร้อย ส่องแสงสว่างขับไล่ศัตรูทั้งมวล! เงาร่างหลินสวินอาบไล้ด้วยเงาตะเกียงเหลืองสลัว เสริมกลิ่นอายที่ดูลึกลับอยู่รางๆ พวกเมิ่งอี้ต่างอึ้งงันอย่างสมบูรณ์ นับแต่โบราณมา ผู้แข็งแกร่งที่มาแดนผนึกแท่นสักการะไม่รู้เท่าไหร่ ได้แต่หยุดอยู่หน้าต้นมรณะฝังวิญญาณ อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกจีเฉียนและเจียงเหิงเองยังรู้สึกสิ้นหวัง จิตใจดับสิ้นดั่งเถ้าธุลี แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินที่เดิมถูกพวกเขามองข้าม จะใช้โคมสำริดดวงหนึ่งคลี่คลายหายนะแห่งการทำลายล้างนี้! โดยเฉพาะตอนที่เห็นซากศพมากมายที่สามารถฆ่าบุคคลระดับอริยะได้อย่างง่ายดาย สลายกลายเป็นธุลีราวกับวัชพืช พวกเขาก็ถูกทำให้ตกตะลึงแล้ว ซ่า… ควันดำม้วนซัด ไอมรณะทบเป็นชั้นๆ ปกฟ้าคลุมตะวัน ในที่นั้นไม่มีศพคลั่งฝังวิญญาณพุ่งเข้ามาอีกแล้ว เมื่อกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก็เต็มไปด้วยสีดำไร้ขอบเขต หลินสวินและอาหูเก็บป้ายคำสั่งเซียนเหินลงไปพร้อมกัน เกือบจะเวลาเดียวกัน ควันดำไอมรณะที่ปกคลุมฟ้าดินนั้น ถาโถมเข้าไปในโคมมหามรรคไร้มลทินราวเขื่อนแตก มองจากไกลๆ เหมือนวาฬยักษ์กลืนวารี! หลินสวินยังอดผิดคาดไม่ได้ ไม่นานก็สังเกตเห็นว่าไอมรณะที่เข้มข้นหาใดเปรียบพวกนี้ ถึงกับกลายเป็นน้ำมันตะเกียงสีดำสนิทแทรกเข้าไปในโคมไร้มลทินทีละน้อย สมบัติเก่าแก่ที่อัศจรรย์เกินคาดเดาซึ่งเป็นหนึ่งใน ‘เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน’ ดวงนี้ ยามนี้ได้แผ่กลิ่นอายมหัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูกออกมา ก็เหมือนมีพลังเจตะไร้รูปสายหนึ่งแผ่ออกมา! กระทั่งไอมรณะที่ปกคลุมทั่วพื้นที่แถบนั้นถูกรวบรวมมาจนหมด ในโคมมหามรรคไร้มลทินจึงปรากฏน้ำมันตะเกียงดำสนิทที่หนาราวข้อนิ้วชั้นหนึ่ง เมื่อมองไปอีกครั้งก็ไม่เห็นร่องรอยของ ‘ต้นมรณะฝังวิญญาณ’ ต้นนั้นแล้ว มีเพียงจันทร์เพ็ญสีเลือดเก้าดวงบนเวิ้งฟ้าสาดแสงโลหิตมืดสลัวลงมา พวกจีเฉียน เจียงเหิงต่างถอนหายใจยาวเหมือนรอดจากความตาย สีหน้าดูดีใจและตื่นเต้นอย่างยากปกปิด เมิ่งอี้ก็ทำหน้าไม่ถูก เหมือนทอดถอนใจ คล้ายตกตะลึง ทั้งเหมือนยกภูเขาออกจากอก อาหูเม้มปากอมยิ้ม นัยน์ตาคู่งามใสกระจ่างดั่งวารี หลินสวินกลับเหมือนไม่รับรู้ทุกอย่างนี้ ยืนนิ่งอยู่จุดเดิม เมื่อโคมมหามรรคไร้มลทินดูดน้ำมันตะเกียงสีดำได้ชั้นหนึ่ง ในสมองของเขาก็เกิดการหยั่งรู้มรดกอย่างเงียบเชียบ ราวกับสัทครรลองมหามรรคดังก้องอยู่ในใจ ‘ไร้มลทินเป็นสื่อนำ แสงโคมส่องสว่างนิรันดร์ กลับไปถิ่นที่มาเถิด วิญญาณข้ามพ้นการหลงทาง…’ สุดท้ายการหยั่งรู้พวกนี้ก็กลายเป็นอักษรปริศนาบทหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘พาวิญญาณกลับ’ ประทับอยู่ในใจของหลินสวิน เมื่อลองสัมผัสดูเล็กน้อย นี่ถึงกับเป็นวิชาอย่างหนึ่งที่มีไว้ควบคุมโคมมหามรรคไร้มลทิน! นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกผิดคาด คิดไม่ถึงเลยว่าด้วยวาสนาบังเอิญจะทำให้ตนได้เคล็ดวิชาควบคุมโคมไร้มลทินมา “พี่หลิน ครั้งนี้โชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า” จีเฉียนเผยสีหน้าละอายใจ “ข้าขอโทษสำหรับการกระทำที่มองเจ้าเป็นศัตรูก่อนหน้านี้ด้วย และจากนี้ไปจะชดเชยให้พี่หลินแน่” เจียงเหิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้า ครั้งนี้หากหลินสวินไม่ลงมือ เกรงว่าพวกเขาคงประสบเคราะห์ตายไปแล้ว บุญคุณใหญ่หลวงที่ช่วยชีวิตนี้ พวกเขาจะไม่รับไว้ได้อย่างไร “เรื่องชดเชยไม่จำเป็นแล้ว ถือว่าไม่ต่อยตีไม่รู้จักเถอะ” หลินสวินพูดง่ายๆ เมิ่งอี้ยิ้มกล่าว “ครั้งนี้พวกเราล้วนติดหนี้น้ำใจของพี่หลินอย่างใหญ่หลวง เอาอย่างนี้ รอเมื่อเข้าไปในแท่นสักการะแล้ว หากชิงวาสนาและศุภโชคอะไรได้จะให้พี่หลินเป็นคนแรก” จีเฉียนและเจียงเหิงพยักหน้ารับปากพร้อมกัน หลินสวินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พวกเขาหยุดพักกันครู่หนึ่งก็เดินทางต่อ บนทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว ฟ้าดินไร้ขอบเขต ความมืดเข้ากดดัน ก้าวเดินอยู่ในนั้นก็เหมือนเดินอยู่กลางนรกที่มืดมน พาให้ผู้คนอึดอัดใจ ตลอดทางนี้ไม่สันติ ถึงขั้นอันตรายอย่างที่สุด ไอสังหารทบเป็นชั้นๆ มีกระแสลมเย็นประหลาดที่กลายเป็นพายุหิมะน้ำแข็งโหมกระหน่ำ น้ำแข็งผนึกฟ้าดิน ลมหนาวเสียดกระดูก มีพลังทำลายล้างน่ากลัวต่อจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณ กระแสลมเย็นนี้ยังถูกมองเป็น ‘ลมเป่าวิญญาณ’ แค่พัดผ่านแผ่วเบาก็ทำให้บุคคลระดับอริยะขวัญหนีดีฝ่อ มีธุลีทรายสีเงินลอยอยู่บนฟ้า แต่ละเม็ดล้วนละเอียดเป็นประกาย แจ่มจรัสลานตา ดูเหมือนเล็กจ้อย แต่กลับแหวกผ่านอากาศ ซัดสะเก็ดดาวให้แตกได้! และมีสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ซุ่มซ่อมอยู่กลางอากาศ ลักษณะคล้ายลิงขนดำ แต่กลับหน้าตาน่ากลัว ปากใหญ่มหึมาโดยกำเนิด สัตว์ร้ายพวกนี้ถูกเรียกว่า ‘ลิงน้ำหน้าผี’ เคลื่อนแหวกห้วงอากาศ ไปมาไร้ร่องรอย ไม่อาจปัดป้องได้ เสียงร้องของมันก็สะเทือนสภาวะจิตของผู้ฝึกปราณจนพังทลายได้เช่นกัน ทำให้มรรควิถีทั้งร่างถูกทำลายด้วยสิ่งนี้ แปลกประหลาดและน่ากลัว ตลอดทางหากไม่มีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่ ก็ไม่รู้ว่าพวกหลินสวินจะประสบเคราะห์ไปกี่ครั้ง! กระทั่งผ่านไปสองสามชั่วยาม ยอดเขาที่สูงใหญ่เด่นตระหง่านลูกหนึ่งปรากฏอยู่บนเส้นขอบฟ้าอย่างไม่คาดฝัน บนยอดเขานั้นมีโซ่ดำสนิทหลายสายทิ้งตัวลงมาดั่งพญามังกร มากมายแน่นขนัด พันรอบด้วยแสงโลหิตประหลาดหลายสาย แค่มองจากไกลๆ พวกหลินสวินก็รู้สึกว่ามีไอเย็นถาโถมเข้าใส่ทันที ขนพองสยองเกล้า ทั้งตัวราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง ความรู้สึกอันตรายรุนแรงแล่นปราดไปทั่วร่าง “ยอดเขากักเทพสวรรค์!?” จีเฉียนร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกับตัวสั่น คล้ายเห็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดบนโลกด้วยตาตนเอง เขาจีเฉียนเป็นถึงผู้สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์เสวียนจี ทายาทแกนหลักแห่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจี มกุฎมหาอริยะที่โด่งดังคนหนึ่ง แต่ตั้งแต่เข้ามาในแดนผนึกแท่นสักการะ ตลอดทางกลับเสียอาการไม่หยุด ถูกทำให้ตกใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แค่เขา เจียงเหิงก็ไม่ต่างกัน พวกเมิ่งอี้ หลินสวิน อาหูดีกว่าหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไร ด้วยแดนผนึกนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ อันตรายและสิ่งลี้ลับมากมายที่คงอยู่ ล้วนสามารถคร่าชีวิตของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย! เดินทางอยู่ในนั้นก็เหมือนร่ายรำอยู่บนปลายดาบ วนเวียนอยู่บนเส้นความตาย ไม่เพียงวิตกหวาดกลัว ยังต้องรับแรงกดดันในการเอาตัวรอดอย่างมาก แต่ตลอดทางมานี้จีเฉียนยังไม่เคยหวาดผวาเหมือนครั้งนี้เลยสักครั้ง “นี่… ยอดเขาในตำนานลูกนี้… มีอยู่จริงหรือ” เจียงเหิงกัดฟันจนเกิดเสียง ใบหน้างามซีดเผือด ตามตำนาน แดนผนึกแท่นสักการะมียอดเขาประหลาดอยู่ลูกหนึ่ง ราวกับปราการธรรมชาติขวางกั้น มีโซ่เทพที่อัศจรรย์หาใดเปรียบหนึ่งพันแปดร้อยสายทิ้งตัวลงมา โซ่เทพแต่ละสายล้วนมีพลังประหลาดที่พันธนาการเทพ สังหารอริยบุคคลได้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือในช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอแค่เป็นผู้ที่เจอเขาลูกนี้ก็แทบไม่มีใครรอดกลับไป! ภูเขานี้ก็คือ ‘ยอดเขากักเทพสวรรค์’! แม้แต่จีเฉียนและเจียงเหิงก็ยังคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะโชคร้ายเช่นนี้ ระหว่างทางถึงกับเจอภูเขาที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้! ชั่วขณะเดียวทั้งสองคนก็เหมือนสูญเสียเรี่ยวแรงไปทั้งตัว สีหน้าซีดเผือด “จบกัน ครั้งนี้ไม่มีทางรอดแล้ว… ป้ายคำสั่งเซียนเหินล้วนไร้ประโยชน์ ยอดเขากักเทพสวรรค์นั่นก็คือเค้าลางของความตาย ขอแค่เจอมัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต่างถูกลิขิตให้หนีความตายไม่พ้น…” จีเฉียนสีหน้าเศร้าหมอง พึมพำเสียงหลง “ตลอดทางมานี้โชคของพวกเราจะแย่เกินไปแล้ว เท่าที่ข้ารู้ ในอดีตที่ผ่านมาผู้แข็งแกร่งที่มายังแดนผนึกแท่นสักการะ ส่วนใหญ่ภายในสามชั่วยามก็ไปถึงหน้าแท่นสักการะได้อย่างปลอดภัยแล้ว” เจียงเหิงดูไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “ทั้งอันตรายที่พวกเขาเจอตลอดทางก็ไม่ได้มาบ่อยๆ เหมือนพวกเรา นี่… นี่สวรรค์จงใจแกล้งพวกเราเล่น ให้พวกเราเดินไปหาความตายรึ” เมิ่งอี้สีหน้าคร่ำเคร่ง หลินสวินและอาหูสบตากันวูบหนึ่ง สีหน้าล้วนอึมครึมขึ้นมา เมื่อคิดดูอย่างละเอียด อันตรายและเคราะห์สังหารที่พวกเขาเจอตลอดทางนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งไปหน่อยจริงๆ ทันทีที่เข้ามาก็เจอ ‘กระแสน้ำหลากแห่งกาลเวลา’ จากนั้นไม่ทันไรก็เจอ ‘ต้นมรณะฝังวิญญาณ’ ทั้งยังถูกศพคลั่งฝังวิญญาณนับไม่ถ้วนปิดล้อมด้วย ไม่ง่ายเลยกว่าจะหนีเคราะห์สังหารมาได้ ตลอดทางมานี้ยังทยอยเจอ ‘ลมเป่าวิญญาณ’ ‘ทรายแสงเงิน’ ‘ลิงน้ำหน้าผี’ และภัยพิบัติประหลาดอันโหดร้ายอื่นอีก เดิมทีนี่ก็ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ทำให้คนกดดันและใจสั่นระรัว เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณทั่วไป เกรงว่าคงพังทลายไปนานแล้ว ไม่อาจยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้แน่ แต่ตอนนี้เป็นอย่างไร ยังมาเจอ ‘ยอดเขากักเทพสวรรค์’ ในตำนานอีก! ‘พี่หลิน เจ้าสังเกตไหมว่าตลอดทางมานี้พวกเรายังไม่เจอผู้ฝึกปราณสักคน ที่เจอทั้งหมดล้วนเป็นเคราะห์สังหารและภัยพิบัตินานัปการ’ อาหูสื่อจิตอย่างรวดเร็ว สีหน้าท่าทางของนางดูแปลกไปอยู่บ้าง ‘นี่ได้แต่พิสูจน์ว่า หากไม่ใช่โชคของพวกเราแย่เกินไปจริงๆ เช่นนั้นเส้นทางที่พวกเราเดินมาก็ผิดแล้ว!’ ‘เจ้าสงสัยว่า…’ หลินสวินใจกระตุกเล็กน้อย กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ตูม! พลังที่น่ากลัวพุ่งสังหารมาจากด้านหลังของหลินสวินและอาหู เร็วเกินไปแล้ว! ด้วยไม่ทันตั้งตัว หลินสวินและอาหูจึงได้แต่หลีกหลบตามสัญชาตญาณ ท่ามกลางเสียงปะทะอึกทึกสนั่นหู เงาร่างหลินสวินซวนเซ ถอยหลังกลางอากาศไปหลายก้าว แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับถูกกระเทือนจนเสื้อผ้าด้านหลังขาดวิ่น ผิวหนังปวดแสบปวดร้อน บ่าของอาหูก็ถูกโจมตีโดนถากๆ ส่งเสียงอึดอัดในคอ ใบหน้างามพลันซีดขาว “เป็นเจ้า!?” เกือบจะเวลาเดียวกัน หลินสวินและอาหูมองไปทางเมิ่งอี้พร้อมกัน แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง คนที่ลอบโจมตีกะทันหันเมื่อครู่ก็คือเมิ่งอี้ หากไม่เป็นเช่นนี้ มีหรือจะทำให้ทั้งสองคนไม่ทันแม้แต่จะตั้งรับ “ขออภัยที่ตลอดทางมานี้ต้องหลอกท่านทั้งสอง ข้าผู้แซ่เมิ่งปวดใจจริงๆ แต่กลับไม่อาจไม่ทำเช่นนี้” เมิ่งอี้เอ่ยปาก คำพูดแม้กล่าวเช่นนั้น แต่บนใบหน้างามสุขุมลุ่มลึกของเขากลับไม่มีความรู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย กลับเป็นว่ามีรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี ยามนี้มือซ้ายของเขาหิ้วจีเฉียน มือขวาคว้าเจียงเหิง ยืนห่างออกไปพันจั้ง “เพราะอะไร” อาหูกล่าวเย็นชา จีเฉียนและเจียงเหิงก็เบิกตากว้าง หน้าตาตื่นตะลึง ล้วนคิดไม่ถึงว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ในเวลานี้ ทั้งสองคนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพบว่าพลังถูกพันธนาการ แม้แต่จะส่งเสียงสักแอะก็ยังไม่ได้ นี่ทำให้ทั้งสองคนทั้งตกใจทั้งงุนงง เมิ่งอี้เขา… คิดจะทำอะไรกันแน่ “เพราะข้าทำการแลกเปลี่ยนกับคนผู้หนึ่งไว้” เมิ่งอี้ถอนหายใจเบาๆ “การแลกเปลี่ยนนี้ล่อใจข้ามากเกินไป ทำให้ข้าได้แต่ละทิ้งความร่วมมือกับพวกเจ้าสองคน มาจัดการพวกเจ้าอย่างไร้น้ำใจ” “แต่ดูท่าว่าเจ้าจะทำไม่สำเร็จ” นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น ไอสังหารห้อมล้อม เมิ่งอี้ยิ้มแล้ว น้ำเสียงเจือความเด็ดเดี่ยวอย่างไม่ยอมให้กังขา “ไม่ ครั้งนี้พวกเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” สายตาของเขามองไปยังยอดเขากักเทพสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไป “เห็นไหม ภายในเวลาไม่กี่นาน โซ่เทพประหลาดบนเขาลูกนี้จะมัดตัวพวกเจ้าสองคนไปขังใต้ภูเขา จากนั้นก็จะกำจัดเลือดเนื้อและจิตวิญญาณของพวกเจ้าไปทีละน้อย กระทั่งพวกเจ้าจิตสิ้นวิญญาณสลาย…” กล่าวถึงตอนท้ายเขาเหลือบสายตามองไปยังหลินสวินและอาหูอย่างเจือความเวทนา “จะบอกพวกเจ้าให้ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ใต้ภูเขาลูกนี้เคยกำจัดบุคคลระดับจักรพรรดิแท้มาก่อน พวกเจ้าคิดว่ายังจะหนีพ้นเคราะห์ร้ายนี้ไปได้ไหม” …….. |