Show
"ทำไมสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน?" 8 เหตุผลสุดฮิต ที่โดน Reject การสมัครบัตรฯ มากที่สุดกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ใครๆ หลายคนหนักอกหนักใจไปตามๆ กันค่ะ สำหรับการสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน (ก่อนหน้านี้เราเคยมีบทความเรื่อง "สมัครบัตรเครดิตอย่างไร ถึงจะอนุมัติง่าย อนุมัติเร็ว?") วันนี้เราก็เลยลองวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุต่างๆ เหล่านั้นดู และนำมารวบรวมไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ ไปดูกันดีกว่าว่า.. 8 เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เราโดน Reject การสมัครบัตรเครดิตนั้นมีอะไรบ้าง? (หรือจะดูบทความ Checklist สำหรับมนุษย์เงินเดือน ทำแล้วไม่ต้องรอ เช็คผลอนุมัติบัตรเครดิต ผ่านชัวร์!) 1. มีประวัติการค้างชำระหนี้อยู่ในเครดิตบูโรด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอก็คือ
การตรวจสอบประวัติทางการเงินกับ "บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด" หรือที่เรารู้จักกันในชื่อสั้นๆ ว่า "เครดิตบูโร" ว่าเรามีประวัติทางการเงินที่ดีหรือไม่ โดยทางเครดิตบูโรจะทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต ซึ่งมีทั้งประวัติการชำระหนี้ที่ดีและไม่ดีของเรา ตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งส่งข้อมูลมาให้ทุกๆ เดือน หากทางสถาบันการเงินที่เราไปยื่นสมัครบัตรเครดิต ตรวจพบว่าเรามีประวัติการค้างชำระหนี้ หรือมีการผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินอื่นๆ มาก่อน
ก็อาจปฏิเสธการสมัครนั้นได้ค่ะ เพื่อนๆ สามารถตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรได้ด้วยตนเอง โดยผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้ค่ะ (ขอขอบคุณรูปภาพจาก : www.ncb.co.th) 2. รายได้ประจำไม่ถึงเกณฑ์ที่แบงค์ชาติกำหนดจากที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า การที่จะสมัครบัตรเครดิตหรือสมัครขอสินเชื่อใดๆ ก็ตาม ผู้สมัครจะต้องมีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน หรือ 180,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ของแบงค์ชาติ แต่อาจมีบางสถาบันการเงินที่ระบุว่าเพียงมีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาท ต่อเดือน ก็สามารถยื่นใบสมัครบัตรเครดิตได้ แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่บัตรเครดิตจะได้รับการอนุมัติค่ะ อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมากๆ ในส่วนของเงินเดือนก็คือ แหล่งที่มาของเงินเดือน พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ทางธนาคารจะตรวจสอบว่าคุณมีรายได้มาจากอะไร และผ่านช่องทางใด ซึ่งสำหรับคนที่ได้รับเงินเดือนโดยการโอนเข้าบัญชีธนาคารอัตโนมัติทุกๆ เดือน ก็จะสามารถพิสูจน์แหล่งที่มาของรายได้ได้ง่าย และมีน้ำหนักมากกว่าคนที่ได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดค่ะ 3. บางกลุ่มอาชีพมีรายได้ไม่แน่นอนข้อนี้จะเกี่ยวเนื่องจากข้อ 2 ค่ะ หากสังเกตคุณสมบัติของผู้สมัครบัตรเครดิตที่ถูกกำหนดไว้ในส่วนของอาชีพก็คือ พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และเจ้าของกิจการ ซึ่งโดยส่วนใหญ่กลุ่มอาชีพเหล่านี้มักจะได้รับเงินเดือนโดยการโอนผ่านบัญชีธนาคาร ส่วนผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ค้าขาย หรือฟรีแลนซ์ จะเป็นอาชีพที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน เพราะในแต่ละวันอาจมีรายได้มากหรือน้อยแตกต่างกันไป และเงินที่ได้รับก็เป็นเงินสด ทำให้โอกาสในการพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตนั้นมีน้อยกว่ากลุ่มอาชีพพนักงานบริษัทค่ะ
4. เบอร์โทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งนอกจากเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เป็นข้อมูลสำคัญอย่างในหนึ่งในการสมัครบัตรเครดิตแล้ว ยังต้องระบุเบอร์โทรศัพท์พื้นฐานทั้งของที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งถ้าหากใครไม่มีเบอร์บ้าน ก็ต้องระบุเบอร์ที่ทำงานลงในใบสมัครด้วยค่ะ เพราะทางธนาคารนั้นต้องการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่เป็นบุคคลล่องลอย และสามารถติดต่อได้ง่าย เมื่อผ่านการพิจารณาคุณสมบัติในขั้นตอนแรกแล้ว ทางธนาคารจะต้องมีการโทรหาผู้สมัครเพื่อยืนยันข้อมูล ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อได้ภายใน 1 - 3 ครั้ง ก็อาจถูกปฏิเสธการสมัครได้เช่นกัน 5. เอกสารไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจนอีกเรื่องหนึ่งคือ เอกสารที่ใช้ในการสมัคร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนค่ะ เพราะฉะนั้นเราต้องใส่ใจทุกรายละเอียดในการกรอกข้อมูลลงในใบสมัครฯ เช่น
นอกจากนั้น เอกสารแนบอื่นๆ ก็มีส่วนสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนต้องชัดเจน ไม่ดำหรือเข้มจนเกินไป จนมองไม่เห็นหน้าผู้สมัคร สำเนาหน้าสมุดบัญชีต้องมองเห็นตัวเลขบัญชีชัดเจน สำเนา Statement ต้องครบทั้ง 3 - 6 เดือน ย้อนหลัง ตามที่ทางธนาคารกำหนด หรือสลิปเงินเดือนย้อนหลังต้องไม่เกิน 3 เดือน เป็นต้น ซึ่งถ้าผู้สมัครส่งเอกสารไม่ครบถ้วนก็อาจเกิดการ Reject ใบสมัครได้ค่ะ 6. เคยสมัครบัตรเครดิตแล้วถูกปฏิเสธ หรือมีบัตรแล้วแต่ยกเลิก ยังไม่ถึง 6 เดือนข้อนี้จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
7. มีวงเงินสินเชื่ออื่นๆ อยู่แล้ว จนเกินความสามารถในการชำระหนี้สมมติว่าผู้สมัครมีสินเชื่ออื่นๆ (ที่ไม่ใช่บัตรเครดิต) อยู่แล้ว เช่น กู้ซื้อบ้าน ผ่อนรถยนต์ ฯลฯ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน เพราะภาระหนี้สินที่มีอยู่ในขณะนั้นอาจเกินความสามารถในการชำระหนี้ของคุณไปแล้วก็ได้ค่ะ โดยที่ทางธนาคารแต่ละแห่งจะตรวจสอบภาระหนี้สินทั้งหมดของแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในเครดิตบูโร เพื่อดูความน่าจะเป็นในการชำระหนี้ที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาอีกได้ ก่อนที่จะทำการอนุมัติบัตรเครดิตนั่นเองค่ะ 8. ไม่เคยมีประวัติบัตรเครดิต หรือการขอสินเชื่อที่ไหนมาก่อนหลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ! ในเมื่อเรายังไม่เคยสมัครบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่อกับที่ไหนมาก่อน ก็น่าจะเป็นข้อดีที่ประวัติเรายังไม่เสียหายอะไร เมื่อเทียบกับคนที่ติด Black List หรือมีประวัติไม่ดีในข้อมูลเครดิตบูโรใช่มั้ยคะ? แต่นั่นอาจไม่ใช่ผลดีสำหรับสถาบันการเงินใหญ่ๆ สักเท่าไรค่ะ เพราะทางธนาคารจะไม่สามารถเช็คประวัติข้อมูลทางการเงินของเราได้ ซึ่งเท่ากับว่าไม่สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของการเป็นผู้ถือบัตรเครดิตได้ ก็อาจปฏิเสธการสมัครของเราได้เช่นกัน แนวทางแก้ไขก็คือ ลองสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารหรือสถาบันการเงินเล็กๆ หรืออาจจะสมัครเป็นบัตรเสริม เพื่อให้ข้อมูลของเราไปอยู่ในเครดิตบูโรเสียก่อน แล้วค่อยๆ สะสมเครดิตดีไปเรื่อยๆ เพียงเท่านี้การเป็นผู้ถือบัตรเครดิตหลักก็อยู่ไม่ไกลแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ กับสาเหตุหลักๆ ของการถูกปฏิเสธการสมัครบัตรเครดิตที่เรานำมาฝากกัน หวังว่าคงพอจะเป็นแนวทางเพื่อให้เพื่อนๆ หลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ จะได้สมัครบัตรเครดิตได้อย่างผ่านฉลุย! แต่ยังไงก็อย่าลืมหลักสำคัญในการใช้บัตรเครดิตให้ถูกวิธีกันด้วยนะคะ เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเพื่อนๆ เอง และถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีเหตุผลอื่นที่เคยโดน reject ใบสมัครฯ นอกเหนือจากที่กล่าวแล้วมาข้างต้น ก็ลองเข้ามาพูดคุยหรือแชร์ประสบการณ์ผ่านช่องทางแฟนเพจ MoneyGURUThailand กันได้นะคะ ^^ ทำยังไงให้ผ่านบัตรเฟิร์สช้อยส์สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด หรือหนังสือรับรองรายได้ฉบับจริง สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาสมุดเงินฝากหน้าแรกของธนาคารที่ต้องการให้โอนเงินเข้า (กรณีสมัครสินเชื่อเงินสด) เอกสารแสดงรายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่รายได้ประจำ เช่น ค่าล่วงเวลา และ ค่าคอมมิชชั่นที่สามารถนำมาพิจารณาในการให้การให้วงเงิน
บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ผ่านง่ายไหมท่านที่ต้องการบัตรกดเงินสดดีๆสักใบวันนี้เราขอแนะนำ บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ สินเชื่อกดเงินสดทันใจ สมัครง่ายมากๆ อนุมัติไว แค่ 30 นาที พร้อมรับวงเงินบัตรกดเงินสดสูงสุด 500,000 บาท* ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า 3% ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน กดเงินสดง่ายทุกตู้ 24 ช.ม ชำระคืนขั้นต่ำเริ่มต้นแค่ 3%* พร้อม ...
สมัครบัตรเฟิร์สช้อยกี่วันรู้ผลเฉพาะจำนวนเงินที่เบิกถอนเงินสดนับจากวันที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คือ อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 15% และค่าธรรมเนียมสูงสุด 10% สมาชิกใหม่ที่สมัคร จะสามารถรู้ผลอนุมัติภายใน 30 นาที ที่ศูนย์บริการกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ทั่วประเทศ เมื่อยื่นสมัครด้วยเอกสารที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์
สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ได้ที่ไหนสมัครบัตรเซ็นทรัล เดอะวัน เฟิร์สช้อยส์ ได้ที่ศูนย์บริการกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ทุกสาขาทั่วประเทศ ยกเว้นสาขาที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และเทสโก้ โลตัส
|