จงอธิบายสัญลักษณ์ลวดเชื่อม r65

งานเชือ่ มและโลหะแผน่ เบือ้ งตน้
รหสั 20100-1004

อ.วชิ าญ กฤษณะพนั ธ์
อ.พพิ ิธ องั ติกุล

วชิ า งานเชอ่ื มและโลหะแผ่นเบอื้ งตน้ รหัสวชิ า 2100 -1004 ระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.)

หน่วยท่ี 1 เรอ่ื ง กระบวนการเช่อื มแก๊ส เวลา 12 ชั่วโมง

สอนครัง้ ที่ 1 เรื่อง กระบวนการเชือ่ มแก๊ส เวลา 4 ชั่วโมง

สาระสำคัญประจำหน่วย
กระบวนการเช่อื มแก๊ส เป็นกรรมวธิ ีการเช่อื มหลอม(Fusion Welding) วิธหี นึ่ง ท่นี ยิ มใชอ้ ย่างแพรห่ ลายใน

ปัจจบุ ัน ดังนนั้ การศึกษาหลกั การของการเชื่อมโลหะดว้ ยแก๊ส สมบตั ขิ องแก๊ส อณุ หภูมขิ องแก๊สเช้ือเพลิงแตล่ ะชนดิ
ตลอดจนชนิดของเปลวไฟท่ีใชใ้ นการเช่ือม จึงเปน็ สง่ิ จำเป็นเพ่อื ท่ีจะสามารถนาไปใชง้ านไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและ
ปลอดภัย

สาระการเรียนรู้
1. หลกั การเชื่อมแก๊ส
2. สมบตั ขิ องแก๊สออกซเิ จนและแกส๊ อะเซทิลีน
3. ชนดิ ของเปลวไฟเชื่อมแก๊ส
4. ลวดเชอ่ื มแก๊ส
5. มาตรฐานลวดเชอื่ มแก๊ส
6. ฟลกั ซเ์ ชื่อม
7. งานเช่อื มแก๊สต่อตวั ทที ่าราบ (1F)

จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. อธบิ ายความหมายของการเชอื่ มแกส๊ ได้
2. บอกสมบัติของแกส๊ ออกซเิ จนและแก๊สอะเซทลิ ีนได้
3. จำแนกชนดิ ของเปลวไฟทใ่ี ช้ในงานเชอ่ื มแกส๊ ได้
4. เลอื กใชล้ วดเชื่อมแก๊สได้เหมาะสมกับลักษณะของงาน
5. บอกลกั ษณะของลวดเช่ือมแก๊สตามมาตรฐานตา่ งๆ ได้
6. ปฏิบตั งิ านเชื่อมแก๊สต่อตัวทีทา่ ราบ (1F) ได้
7. เพื่อให้มีกิจนิสัยทด่ี ี ทางานดว้ ยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประหยัด ประณีต รอบคอบ ซ่อื สตั ยแ์ ละปลอดภยั

แบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลงั เรียน
วชิ า งานเชื่อมโลหะ 1 รหัสวชิ า 2103-2104 หน่วยที่ 3 เรื่อง กระบวนการเช่ือมแก๊ส

จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสุด แลว้ กาเครอ่ื งหมาย (X) ลงในกระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดกลา่ วถึงหลกั การเช่อื มแกส๊ ไม่ถูกต้อง

ก. เป็นกระบวนการเช่ือมหลอม(Fusion Welding)

ข. อุณหภมู ขิ องเปลวไฟสูงกว่าจุดหลอมเหลวของโลหะงาน

ค. ได้รับความร้อนจากแกส๊ เช้อื เพลิงเท่านน้ั

ง. เติมลวดเชอื่ มหรอื ไมเ่ ตมิ กไ็ ด้ขน้ึ อยู่กับลักษณะงาน

2. แก๊สเช้อื เพลงิ ชนิดใดนยิ มใชใ้ นการเช่ือมแก๊ส

ก. อะเซทิลนี ข. แก๊สธรรมชาติ

ค. โพรเพน ง. ไฮโดรเจน

3. แก๊สชนดิ ใดเป็นตัวชว่ ยในการเผาไหม้

ก. อะเซทิลีน ข. ออกซิเจน

ค. โพรเพน ง. ไนโตรเจน

4. C2H2 เป็นสัญลักษณ์ของแก๊สชนิดใด

ก. ไฮโดรเจน ข. แกส๊ ธรรมชาติ

ค. โพรเพน ง. อะเซทลิ นี

5. เปลวไฟในงานเชอ่ื มแก๊สมีกช่ี นิด

ก. 2 ชนดิ ข. 3 ชนิด

ค. 4 ชนดิ ง. 5 ชนดิ

6. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลักในการเลือกใช้ลวดเช่อื มแกส๊

ก. ความหนาของโลหะงาน ข. ชนดิ ของโลหะงาน

ค. ตาแหน่งทา่ เช่ือมของโลหะงาน ง. ขนาดของรอยต่อ

7. ข้อใดไมใ่ ช่สมบตั ิของแก๊สออกซเิ จน

ก. มีสี ไมม่ กี ลน่ิ ข. ไมม่ สี ี ไมม่ ีกล่ิน

ค. ชว่ ยใหไ้ ฟตดิ ง. ไม่ติดไฟ

8. ลวดเชือ่ มแกส๊ แยกตามชนิดของโลหะได้กชี่ นดิ

ก. 1 ข. 2

ค. 3 ง. 4

9. ลวดเช่ือม G A 43 ตามมาตรฐานลวดเช่อื มแก๊สเหลก็ กลา้ ละมนุ JIS Z 3201-1990 ตวั อักษร A

หมายถึงข้อใด

ก. ลวดเช่อื มแก๊ส ข. ค่าความเคน้ แรงดงึ ต่าสุด

ค. การยดื ตัวของแนวเชอ่ื ม ง. สว่ นผสมทางเคมี

10. ข้อใดไม่ใช่สมบัติของฟลักซ์เชื่อม

ก. ไม่มสี ารเป็นพษิ ปนอยู่เลย ข. ขจดั ออกได้ง่ายหลังการเชื่อม

ค. ขจดั ออกไซดบ์ นผวิ หน้าโลหะได้ ง. ปกคลุมผิวงานและแนวเชอ่ื มจากออกซิเจน

3.1 หลกั การเชือ่ มแก๊ส

กระบวนการเชื่อมแก๊ส(Gas Welding) อยู่ในกลมุ่ กระบวนการเชื่อมหลอม(Fusion Welding)
โดยได้รับความร้อนมาจากการเผาไหมร้ ะหว่างแกส๊ เชื้อเพลิงกบั แกส๊ ออกซิเจน หลอมโลหะใหต้ ิดกัน
โดยเตมิ ลวดเชือ่ มหรอื ใหเ้ น้ือของโลหะงานหลอมเหลวประสานกนั เองกไ็ ด้ แกส๊ เชอื้ เพลิงมีหลายชนิด เช่น
อะเซทลิ นี ไฮโดรเจน โพรเพน มีเทน เปน็ ตน้ ดังแสดงในรูปที่ 3.1

แกส๊ เชื้อเพลงิ ท่ีใชม้ อี ยู่หลายชนดิ ดงั นั้น ในการเลือกใช้ต้องคานึงถงึ ปริมาณความรอ้ นที่ได้ ราคาและ
ผลทเ่ี กดิ ขึ้นกับงาน สาหรบั ค่าความรอ้ นที่ได้จากแก๊สเช้ือเพลงิ แต่ละชนดิ มีค่าทแ่ี ตกต่างกัน
ดงั แสดงในตารางท่ี 3.1

จากตารางที่ 3.1 แกส๊ อะเซทลิ นี เปน็ แก๊สเช้อื เพลิงทใ่ี ห้คา่ ความรอ้ นสงู สุดเมื่อเกิดการสนั ดาป
กบั แกส๊ ออกซเิ จน จึงเหมาะสาหรบั การเชอ่ื มแก๊สเพราะอุณหภูมิของเปลวไฟทีจ่ ะใชใ้ นการเชอื่ มแก๊ส
ต้องสูงกวา่ จุดหลอมเหลวของโลหะงาน จึงจะสามารถทาการเชือ่ มได้ง่ายและเรียกกระบวนการเชื่อม
ที่ใชแ้ กส๊ อะเซทลิ ีนเป็นเชอ้ื เพลงิ ว่า การเช่ือมออกซีอะเซทิลนี (Oxy-acetylene Welding)

3.2 สมบตั ขิ องแก๊สออกซิเจนและแกส๊ อะเซทิลนี
3.2.1 แกส๊ ออกซเิ จน(Oxygen)

ออกซเิ จนเปน็ แกส๊ ทีม่ ีความสาคญั ต่อสงิ่ มีชวี ติ แก๊สออกซเิ จนไม่ติดไฟ แตช่ ่วยใหไ้ ฟตดิ ในส่วนของ
กระบวนการเชื่อมเมื่อเกิดการเผาไหมก้ บั แก๊สเช้อื เพลิงแลว้ จะมอี ุณหภมู ิสงู สามารถทาใหโ้ ลหะหลอมเหลวได้ โดย
ในบรรยากาศรอบๆ ตวั เราน้ันมแี ก๊สออกซเิ จนอยู่ประมาณ 23 เปอร์เซ็นต์ แกส๊ ไนโตรเจนประมาณ 75 เปอรเ์ ซน็ ต์
และแก๊สอนื่ ๆ อีกประมาณ 2 เปอรเ์ ซน็ ต์
สมบตั ขิ องแก๊สออกซเิ จน มดี ังนี้
1. ในสถานะท่ีเป็นแกส๊ ไม่มสี ี ไม่มีกล่นิ ไม่มีรส แต่ถ้าอยู่ในสถานะท่ีเปน็ ของเหลว
จะมสี นี า้ ทะเลอ่อน
2. ในสภาพปกติ ออกซเิ จน 12.07 ลกู บาศก์ฟุต หนัก 1 ปอนด์
3. เป็นแก๊สท่ีชว่ ยให้ไฟตดิ แต่ตวั เองไมต่ ิดไฟ
4. ออกซเิ จนมี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส
5. ออกซเิ จนมีสภาวะเป็นของเหลวทอี่ ุณหภมู ิ -183°C และจะกลายเป็นของแข็ง
ทอ่ี ุณหภูมิ -218°C
3.2.2 แกส๊ อะเซทิลีน(Acetylene)

แก๊สอะเซทิลีน เปน็ สารประกอบประเภทไฮโดรคาร์บอน สัญลักษณท์ างเคมี คอื “ C2H2” ผลิตได้
โดยการนาแคลเซียมคาร์ไบด์ผสมกับนา้ โดยคารบ์ อนท่อี ยู่ในแคลเซียมคาร์ไบด์กับไฮโดรเจนทอ่ี ยู่ในนา้ จะเกิดการ
รวมตวั กนั เป็นแก๊สอะเซทลิ นี ขึ้นมา ซึง่ เปน็ ไปตามสมการเคมี ดงั น้ี

แคลเซียมคารไ์ บด์ ผลิตได้จากการเผาแคลเซียมออกไซดแ์ ละถา่ นโค้กให้หลอมเหลว ในเตาไฟฟา้ โดยท่ี
ไมใ่ ห้อากาศเขา้ ไปรวมตวั ในขณะหลอมเหลวและเม่ือปล่อยใหแ้ ข็งตวั มีลกั ษณะเปน็ ก้อนแขง็ คลา้ ยหิน สมการเคมี
ของแคลเซยี มคาร์ไบด์ คอื

สมบตั ขิ องแก๊สอะเซทลิ นี
1. เป็นแกส๊ เชอ้ื เพลิงท่ใี ห้ความร้อนสูง
2. ไม่มีสี
3. มกี ลน่ิ ฉนุ

4. ละลายในของเหลวได้
5. เป็นแก๊สคลุมไมใ่ หบ้ รรยากาศภายนอกเขา้ ทาปฏิกิรยิ ากับแนวเชื่อม
6. เปน็ แกส๊ ทน่ี ้าหนกั เบากวา่ อากาศมาก
3.3 ชนดิ ของเปลวไฟเชื่อมแก๊ส

เปลวไฟเช่ือมแก๊สแต่ละชนิด จะให้ความรอ้ นท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป เพราะมปี ริมาณของแก๊ส
ทเี่ ขา้ มารวมตวั กนั ในอตั ราสว่ นผสมทแี่ ตกต่างกัน สาหรับเปลวไฟในการเชือ่ มแกส๊ ออกซีอะเซทลิ ีนเป็นเปลวทีใ่ ห้
อุณหภมู ิสงู ถึง 3,315◦C(6,000◦F) ซึง่ ความร้อนขนาดนี้หลอมโลหะในงานอตุ สาหกรรมได้โดยง่าย จึงนยิ มใช้ในงาน
อตุ สาหกรรมโดยทวั่ ไป เปลวไฟทใี่ ช้แบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ ดังน้ี
3.3.1 เปลวคาร์บูไรซิง(Carburizing Flame)

เป็นเปลวที่เกิดขน้ึ จากการจุดแก๊สอะเซทลิ นี และในขณะที่เปดิ แกส๊ ออกซเิ จนเข้าไปผสมจะไดเ้ ปลวคาร์บู
ไรซงิ ซ่งึ เปน็ เปลวไฟที่มแี กส๊ อะเซทลิ นี มากกวา่ แกส๊ ออกซิเจน เปลวไฟจะมลี ักษณะ เป็นกรวยไฟ 3 ชัน้ โดยกรวย
ไฟชนั้ นอกสุดมีลกั ษณะเป็นเปลวยาวสีส้มออ่ น เปน็ สว่ นทีเ่ กิดปฏิกริ ิยา เผาไหม้สมบรู ณ์ล้อมรอบกรวยไฟชน้ั ที่สอง
ซึ่งเป็นส่วนของแก๊สอะเซทลิ ีนที่เหลอื จากการเผาไหม้ จะเป็นตวั กาหนดขนาดของเปลวคาร์บไู รซิง เปลวไฟชนดิ น้ี
การเผาไหม้จะมีแกส๊ อะเซทิลีนเหลอื อยู่ จงึ ไม่ควรเชือ่ มในห้องหรือบรเิ วณทอี่ บั อากาศ เพราะอาจเกดิ อันตรายได้
เปลวคาร์บูไรซิงมีอณุ หภมู ิประมาณ 3,150◦C (5,700◦ F) ไมเ่ หมาะแกก่ ารเชื่อมเหลก็ กลา้ เพราะจะเป็นการเติม
คาร์บอนบรเิ วณผวิ โลหะ ทาให้แนวเชอื่ มเปราะและในขณะเชื่อมบ่อหลอมเหลว ของโลหะจะเดือดและขนุ่ มวั ส่วน
เปลวคารบ์ ไู รซงิ อ่อนๆ จะใช้ในการเช่ือมอะลูมิเนยี มและการบดั กรี

เปลวคาร์บไู รซิงดังแสดงในรูปท่ี 3.2

3.3.2 เปลวนวิ ทรัล (Neutral Flame)
เปลวนวิ ทรลั เหมาะแก่การเชื่อมโลหะเกือบทุกชนิดประกอบด้วยกรวยไฟ 2 ชน้ั กรวยไฟชั้นในเป็นกรวย

มนสีขาวนวล ใหอ้ ณุ หภมู ิประมาณ 3,315◦C (6,000◦F) เป็นเปลวทมี่ ีการเติมธาตุต่างๆ ให้แกแ่ นวเช่อื ม บ่อ
หลอมเหลวของโลหะจะมีลกั ษณะน่ิมและใส การสันดาประหวา่ งแกส๊ ออกซิเจนกับแก๊สอะเซทิลนี สาหรับเปลว
นวิ ทรัลแบง่ ออกเปน็ 2 ข้นั ตอน คือ

ขนั้ ที่ 1 เป็นการสนั ดาปของเปลวชั้นใน ท่ไี ดร้ บั แกส๊ ออกซเิ จนกับแกส๊ อะเซทิลีน
ออกจากปลายหัวทิพในอัตราส่วน 1 : 1 ดังสมการเคมี

ขั้นที่ 2 เป็นการสนั ดาปของเปลวชัน้ นอกทีห่ ่อหมุ้ เปลวช้ันใน โดยเปลวชน้ั นอกเกิดขนึ้ จากการสันดาปของ
สว่ นทีเ่ หลอื จากการสันดาปของเปลวช้ันใน คือ คารบ์ อนมอนอกไซด์ กับไฮโดรเจนจะสันดาปกบั ออกซเิ จนใน
บรรยากาศภายนอก ดังสมการเคมี

เปลวนวิ ทรัลใชแ้ กส๊ ออกซเิ จนกับแกส๊ อะเซทิลีนในอตั ราส่วน 1:1 เมื่อมีการเผาไหม้ ท่สี มบูรณ์แล้วจะ
มสี ว่ นทีเ่ หลอื คือ คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) กบั นา้ (H2O) ดังสมการเคมี

หมายเหตุ จากสมการเคมี ได้แก๊สอะเซทิลีนจากหัวทิพ 2 สว่ นและแก๊สออกซเิ จน 2 ส่วน สาหรับ
แก๊สออกซิเจนอีก 3 สว่ น ไดจ้ ากบรรยากาศภายนอก

3.3.3 เปลวออกซิไดซงิ (Oxidizing Flame)
เป็นเปลวที่มแี ก๊สออกซิเจนมากกว่าแกส๊ อะเซทิลีน มกี รวยไฟ 2 ชั้น โดยกรวยไฟชัน้ ใน เป็นรูปกรวย

แหลม กรวยไฟชั้นนอกสีเขียวอมน้า เงนิ มีอณุ หภูมปิ ระมาณ 3,480◦C(6,300◦F) ไม่เหมาะ สา หรบั เชอื่ มเหล็ก
เพราะจะเกิดการเติมออกซิเจนแก่เหล็กมีผลทา ใหแ้ นวเชอื่ มเปราะ ความแข็งแรงต่า บรเิ วณแนวเชอื่ มมคี วามแขง็
เพ่ิมข้นึ และบ่อหลอมเหลวเป็นฟอง ใช้เชอื่ มเหล็กหลอ่ และการบดั กรแี ขง็ ดงั แสดงในรปู ท่ี 3.4

3.4 ลวดเชื่อมแกส๊
ลวดเชื่อมแกส๊ จดั เปน็ ลวดเติม(Filler Rod) ชนิดหน่งึ ซงึ่ มลี ักษณะเป็นแท่งโลหะทีใ่ ชเ้ ติม

ลงในแนวเช่ือมขณะทา การเชือ่ ม การเลือกใชต้ ้องถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งาน ลวดเชอ่ื มแก๊ส ดังแสดงใน
รูปท่ี 3.5

3.4.1 ชนิดของลวดเชื่อมแก๊ส
ลวดเชื่อมแก๊สแยกตามชนดิ ของโลหะ ไดด้ ังน้ี
3.4.1.1 ลวดเช่ือมท่เี ป็นเหล็ก(Ferrous) มสี ว่ นผสมของธาตเุ หลก็ เปน็ หลัก มธี าตุอ่นื ๆ ผสมเพื่อเพม่ิ สมบัตขิ อง
ลวดเชื่อม เช่น คาร์บอน แมงกานสี ซลิ คิ อน ใช้ในการเชอ่ื มโลหะที่เปน็ เหลก็
3.4.1.2 ลวดเชื่อมทไ่ี มใ่ ชเ่ หลก็ (Non-Ferrous) เปน็ ลวดเช่ือมทมี่ สี ว่ นผสมของธาตุอนื่
ท่ีไมใ่ ชเ่ หลก็ เป็นหลกั ใชเ้ ช่อื มโลหะที่ไมใ่ ช่เหล็ก เชน่ ทองเหลอื ง บรอนซ์ และอะลูมเิ นยี ม เป็นตน้
ลกั ษณะของลวดเช่ือมแก๊สมขี นาดความโตหลายขนาด โดยมคี วามยาว 36 นว้ิ ซ่งึ ขนาด และจา นวนเส้นในนา้
หนกั 1 ปอนด์ แสดงในตารางท่ี 3.2

ตารางท่ี 3.2 แสดงขนาดลวดเชื่อมแกส๊ และจา นวนเส้นลวด ตอ่ น้า หนัก 1 ปอนด์

3.4.2 การเลอื กใชล้ วดเชอื่ มแก๊ส
การเลือกลวดเชอ่ื มแกส๊ จะต้องพจิ ารณาถึงองค์ประกอบดังนี้

1. ความหนาของโลหะท่ีจะนามาเช่อื ม
2. ชนิดของโลหะงานที่จะนามาเชอ่ื ม
3. ขนาดของรอยต่อ
4. ขนาดของแนวเช่อื ม
3.5 มาตรฐานลวดเช่ือมแกส๊
3.5.1 ขอ้ กาหนดลวดเติมเหล็กกลา้ คาร์บอนและเหลก็ กล้าผสมตา่ กระบวนการเชอ่ื มแก๊ส มาตรฐาน AWS
A5.2-92 (Carbon and Low Alloy Steel Rods for Oxyfuel Gas Welding)
3.5.1.1 ประเภทลวดเชื่อม ลวดเชือ่ มตามมาตรฐานน้ีแบง่ ประเภทออกตามสมบตั ิทางกล
ของเนื้อแนวเช่อื ม ดงั แสดงในตารางท่ี 3.3

หมายเหตุ
a) เนอ้ื แนวเช่ือมท่นี ามาทดสอบจะไมผ่ า่ นการปรับปรุงสมบัตทิ างความรอ้ น

(AS-Weld)
b) สญั ลักษณ์ XXX แสดงถึงความเคน้ แรงดึงต่าสุดของเนื้อแนวเชอื่ ม ไดแ้ ก่ 45, 60, 65, 70, 80, 90 และ 100

(ทม่ี า:สมบูรณ์ เต็งหงสเ์ จรญิ . มปป. : 50)
3.5.1.2 สญั ลักษณล์ วดเชื่อม

หมายเหตุ
a) SEA/ASTM Unified Numbering System for Metals and Alloys
b) ค่าเดียวเปน็ คา่ สงู สุด
c) สัญลกั ษณ์ XXX = ค่าความเคน้ แรงดึงตา่ สุดของเน้ือแนวเชอ่ื ม(หน่วย ksi)

(ทมี่ า:สมบรู ณ์ เต็งหงส์เจรญิ . มปป. : 51)
3.5.1.3 รายละเอียดและจุดมุ่งหมายการใช้ลวดเชื่อม

ลวดเชือ่ มแก๊สไม่มฟี ลกั ซ์หุม้ ที่จะมีผลต่อความสามารถในการใช้งานของลวดเชอื่ ม ดงั นั้นความสามารถใน
การเชอื่ มในตาแหน่งทา่ ตงั้ และทา่ เหนือศรี ษะ จึงต้องขึน้ อยู่กับความสามารถ ของผเู้ ชอ่ื มและมีผลตอ่ สมบัตทิ างเคมี
ของลวดเชื่อมอย่บู า้ ง การแบ่งชัน้ ลวดเช่อื มเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกลา้ ผสมต่า สามารถแบ่งได้ดงั นี้
CLASS R45 เปน็ ลวดเช่ือมแก๊สเหลก็ กลา้ คาร์บอน ซ่ึงใช้สาหรบั การเชื่อมเหล็กกลา้ มีค่าความเคน้ แรงดงึ ต่าสดุ 45
ksi (310 Mpa) CLASS R60 เปน็ ลวดเช่ือมใชส้ าหรับการเช่อื มดว้ ยแกส๊ เชอ้ื เพลิง กบั แก๊สออกซเิ จน สาหรบั เชือ่ ม
เหล็กกล้าคาร์บอน มคี ่าความเคน้ แรงดึงตา่ สุด 60 ksi (415 Mpa) ลวดเช่อื ม

CLASS R60 มสี ว่ นผสมเป็นเหลก็ กล้าคาร์บอน CLASS R65 เปน็ ลวดเช่ือมใชส้ าหรบั การเชื่อมดว้ ยแกส๊
เช้ือเพลิงกับแก๊สออกซิเจน สาหรบั เชือ่ มเหลก็ กล้าคาร์บอนและเหลก็ กล้าผสมต่า มคี ่าความเค้นแรงดึงต่าสุด 65
ksi (450 Mpa) ลวดเชือ่ ม R65 อาจจะมสี ว่ นผสมเปน็ เหลก็ กล้าคารบ์ อนหรือเหล็กกลา้ ผสมตา่

CLASS R100 ลวดเชอื่ มสาหรบั เช่อื มเหลก็ กล้าผสมต่า มคี า่ ความเคน้ แรงดึงตา่ สุด 100 ksi(690
Mpa) ผเู้ ชอ่ื มจาเป็นท่ีจะต้องมีการพิจารณาถึงความแตกต่างในด้านการปรับปรุงสมบัติ
ดว้ ยความร้อน(Post Weld Heat Treatment) ระหว่างแนวเชื่อมกบั โลหะงานดว้ ย
3.5.2 มาตรฐานลวดเชื่อมแกส๊ สาหรับเหล็กไมผ่ สมและเหล็กผสมตา่ ของเยอรมัน
(DIN 8554 part 1 May 1986) เป็นมาตรฐานของสมาคมการเช่ือมของประเทศเยอรมนั (German Welding
Society) สัญลกั ษณ์ % ในมาตรฐานนี้หมายถึงเปอร์เซ็นตข์ องนา้ หนกั
3.5.2.1 สัญลักษณ์ลวดเชื่อม

ตัวอยา่ ง ลวดเชื่อมแก๊ส(G) Class III สามารถเขยี นสัญลักษณ์ไดด้ ังนี้
Filler rod DIN 8554-G III
3.5.2.2 ประเภทของลวดเช่ือมแกส๊ (Classification)และการนาไปใช้

การแบ่งประเภทของลวดเช่อื มแก๊สตามส่วนผสมทางเคมี ดังแสดงในตารางที่ 3.5 สามารถแบง่ ออกเปน็ 7
ประเภท เพ่ือให้สามารถเลือกใชล้ วดเชอ่ื มใหเ้ หมาะสมกับชนดิ ของชน้ิ งาน
3.5.2.3 ขนาดของลวดเชอ่ื มแก๊ส

ลวดเช่อื มแก๊สมีความยาวมาตรฐาน 1,000 มลิ ลเิ มตร และมขี นาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง ต้ังแต่ 1.6-5
มลิ ลเิ มตร
3.5.2.4 การทาเคร่ืองหมายบนลวดเชอื่ มแก๊ส

ลวดเชื่อมแกส๊ จะทาเครอ่ื งหมายท่คี งทนและชดั เจนไวท้ ีล่ วดเช่อื ม เพ่ือแสดงประเภท ของลวด
เคร่อื งหมายจะต้องตอกไวใ้ นทกุ ๆ ความยาว 400 มิลลเิ มตรและมีรหัสสีท่ปี ลายลวด ในกรณีของลวดเชอ่ื มขนาด
1.6 มิลลิเมตร จะใช้รหสั สแี ทนการตอกเครื่องหมาย ดังแสดงในตารางที่ 3.6

หมายเหตุ
1) ค่านรี้ วมทองแดงที่เคลือบลวดเชื่อมไวด้ ว้ ย
สาหรบั ธาตุอื่นๆ : วานาเดียมอยู่ไม่เกิน 0.10 เปอร์เซ็นต์, เม่อื รวมธาตุผสมอน่ื ๆ ท้งั หมดแลว้ ไม่เกิน 0.50
เปอรเ์ ซ็นต์ แต่ธาตุใดธาตหุ น่งึ จะต้องไม่เกนิ 0.30 เปอรเ์ ซน็ ต์
(ทีม่ า:สมบรู ณ์ เต็งหงสเ์ จริญ. มปป. : 72)

3.5.3 มาตรฐานลวดเชื่อมแกส๊ เหล็กกลา้ ละมนุ (JIS Z 3201-1990)
มาตรฐานอตุ สาหกรรมญปี่ ุ่นได้กาหนดลวดเชอ่ื มแก๊สใช้กบั การเช่อื มเหล็กกล้าคารบ์ อนและโลหะทเ่ี หมือนกนั ไว้
ดงั น้ี
3.5.3.1 ประเภทของลวดเชื่อมแกส๊ (Classification)
ลวดเชื่อมแกส๊ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมของญีป่ ุ่นสามารถแบง่ เปน็ ประเภทตา่ งๆ
ตามค่าความเค้นแรงดึงและการยดื ตวั ของแนวเช่ือม ดงั แสดงในตารางที่ 3.7

3.5.3.2 คุณภาพลวดเชอ่ื ม
1) ลักษณะของลวดเชอื่ ม ผิวลวดตอ้ งเรียบและปราศจากตาหนทิ มี่ ผี ลต่อการใชง้ าน อย่างไรกต็ ามมีการเคลือบผวิ
ลวดเช่อื มด้วยทองแดงไวเ้ พือ่ ป้องกันสนมิ
2) สว่ นผสมทางเคมี เม่ือทาการทดสอบสว่ นผสมทางเคมแี ล้ว คา่ ที่ได้จะต้องถูกต้อง ดงั แสดงในตารางท่ี 3.8

หมายเหตุ รหสั ท่ีใชส้ าหรับการปรับปรงุ สมบัตขิ องช้นิ ทดสอบ(Treatment of test piece)
มคี วามหมายดังน้ี

SR = กาจัดความเคน้ ออกแล้ว
NSR = ไม่กาจัดความเค้นออก
(ท่มี า:สมบูรณ์ เต็งหงสเ์ จรญิ . มปป. : 94)
หมายเหตุ รหัสที่ใช้สาหรบั การปรับปรุงสมบตั ขิ องชิ้นทดสอบ(Treatment of test piece)
มีความหมายดังน้ี
SR = กาจดั ความเคน้ ออกแลว้
NSR = ไมก่ าจดั ความเคน้ ออก
(ที่มา:สมบรู ณ์ เต็งหงสเ์ จรญิ . มปป. : 94)

3.6 ฟลักซเ์ ช่ือม(Welding Fluxes)
ในกระบวนการเช่อื มแก๊สเม่ือโลหะไดร้ ับความรอ้ น จะรวมตัวกับแกส๊ ออกซิเจนในอากาศเป็นออกไซด์ ทาใหแ้ นว
เช่อื มไมแ่ ขง็ แรง บางคร้ังจงึ ต้องใชฟ้ ลักซใ์ นการเชอ่ื มดว้ ย ฟลกั ซม์ ีทั้งแบบผง ของเหลว แบบครีมและต้องเลอื กใช้
ใหเ้ หมาะสมกบั โลหะชน้ิ งานแตล่ ะชนิด เช่น ฟลักซอ์ ะลูมเิ นียม ทองเหลือง บรอนซ์ เหล็กหลอ่ เปน็ ต้น

รูปท่ี 3.6 แสดงฟลักซ์ท่ีใช้ในงานเชือ่ มแกส๊
ฟลักซท์ ่ีใช้ในงานเชื่อมตอ้ งมสี มบตั ดิ ังน้ี

1. เมือ่ ถูกความร้อนตอ้ งไม่ระเหยกลายเปน็ ไอเรว็ เกนิ ไป
2. ปกคลมุ ผวิ งานและแนวเชื่อมไม่ให้รวมตวั กับออกซิเจน
3. สามารถขจัดออกไซด์ออกจากผิวหน้าโลหะได้
4. ขจัดฟลกั ซ์ออกได้งา่ ยหลังการเชอ่ื มแลว้
5. มีสารเปน็ พษิ ปนอยู่น้อยท่ีสดุ
ฟลักซ์ เมือ่ เลิกใช้แลว้ ควรปิดฝาใหส้ นิท ทกุ ครง้ั
3.7 งานเช่อื มแก๊สต่อตวั ทีท่าราบ(1F)
เทคนคิ วธิ กี ารเชื่อมแกส๊ ตอ่ ตัวทที า่ ราบ(1F) มดี ังน้ี

1. ปรบั เปลวไฟให้ได้เปลวนิวทรัล

2. เชอื่ มยดึ ชิ้นงานโดยใช้อุปกรณช์ ว่ ยในการวางช้ินงานใหท้ ามุมฉาก เชื่อมยึดชนิ้ งาน 3 จุด
เพอ่ื ป้องกนั การโกง่ งอของชิน้ งาน

2. วางชน้ิ งานใหอ้ ยใู่ นตาแหน่งท่าราบ โดยใช้อิฐทนไฟหนุนชนิ้ งานเอียง 45 องศา

4. เริ่มเชือ่ มจากจุดเร่ิมต้นไปยังจุดสิ้นสดุ แนวเชอื่ ม เคลอ่ื นท่ีโดยให้ลวดเชือ่ มนาหนา้ หัวทิพ

เอียงหวั ทิพทามุมประมาณ 60 องศา กบั ชน้ิ งานชนิ้ ล่างและเอียงมุมประมาณ 45 องศา ในขณะเคล่ือนท่ี
ให้ส่ายหัวทิพเล็กน้อย เพ่ือให้ชิ้นงานหลอมเหลวสมบรู ณท์ งั้ สองชน้ิ

5. เติมลวดเชอ่ื มทจ่ี ุดส้นิ สุดแนวเชือ่ มใหเ้ ตม็ และระวงั เกิดการขาดทะลุเนอ่ื งจากชิน้ งาน
สะสมความร้อนจนปลายแนวรอ้ นแดงเป็นวงกวา้ ง

บทสรุป
การเชอ่ื มแกส๊ (Gas Welding) นยิ มใชแ้ ก๊สอะเซทิลนี เปน็ แก๊สเช้ือเพลงิ ซ่ึงจะให้ค่าความร้อนสงู สุดเมื่อเกดิ การ
สนั ดาปกับแกส๊ ออกซเิ จน จึงเหมาะแกก่ ารเชื่อมแก๊ส
เปลวไฟทใ่ี ช้ในการเชือ่ มแก๊ส มี 3 ชนดิ คอื
1. เปลวคารบ์ ูไรซงิ (Carburizing Flame)
2. เปลวนิวทรลั (Neutral Flame)
3. เปลวออกซิไดซิง(Oxidizing Flame)
ลวดเชือ่ มที่ใชใ้ นการเชื่อมแก๊สแยกตามชนิดของโลหะไดด้ ังนี้
1. ลวดเชอ่ื มที่เปน็ เหลก็ (Ferrous)
2. ลวดเชอ่ื มทไี่ ม่ใช่เหลก็ (Non-Ferrous)

ลวดเช่ือมแก๊สมหี ลายมาตรฐาน เชน่ มาตรฐาน AWS, DIN และ JIS ซง่ึ แตล่ ะมาตรฐาน ได้กำหนด
สญั ลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป

แบบฝกึ หัด
วิชา งานเชื่อมและโลหะแผนเบือ้ งตน้ 1 รหสั วิชา 2100-1004 เรื่อง กระบวนการเช่ือมแก๊ส
ตอนท่ี 1 จงทำเคร่ืองหมาย ✓ หนา้ ขอ้ ความที่ถูกต้องและเครอื่ งหมาย × หน้าข้อความทไ่ี มถ่ ูกต้อง
1.------- กระบวนการเชื่อมแก๊สนิยมใชแ้ ก๊สเชอื้ เพลิง คือ แก๊สอะเซทลิ ีน
2. -------สมบตั ิของแกส๊ อะเซทิลนี คอื ไม่มสี ี มีกลิน่
3. -------สญั ลกั ษณ์ C2H2 คอื แกส๊ อะเซทิลีน
4. -------เปลวคารบ์ ไู รซิง มลี กั ษณะเปน็ กรวยไฟ 3 ช้ัน
5.-------- เปลวนวิ ทรัลเหมาะแก่การเชื่อมโลหะเกือบทุกชนิด
6. --------DIN 8554 part 1 May 1986 มาตรฐานลวดเชอ่ื มแกส๊ จัดทำโดยสมาคมการเช่อื มของประเทศ
สหรฐั อเมรกิ า
7.-------- ลวดเช่ือมแกส๊ มีความยาวมาตรฐาน 1,000 เซนติเมตร
8. --------เปลวออกซไิ ดซิง ใช้ในการเชอ่ื มเหลก็ หล่อและบดั กรีแขง็

9. --------CLASS R45 เป็นลวดเช่ือมแก๊สเหลก็ กล้าคารบ์ อน มคี า่ ความเคน้ แรงดึงต่าสุด 45 ksi

10. ------ลวดเช่อื มมี 2 ชนิด คอื ลวดเชอื่ มทเี่ ป็นเหลก็ และลวดเชอื่ มที่เปน็ ทองแดง

ตอนท่ี 2 จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ไดใ้ จความสมบรู ณ์

1. สมบตั ขิ องแก๊สอะเซทิลีนมีอะไรบ้าง
........................................................................................... ................................................................
...........................................................................................................................................................
2. เปลวไฟในการเช่ือมแก๊สมีกช่ี นดิ อะไรบา้ ง
............................................................................................................................. ..............................
...........................................................................................................................................................
3. จงอธบิ ายความหมายของการเช่ือมแก๊สมาให้ถูกต้อง
............................................................................................................................. ..............................
...........................................................................................................................................................
4. หลักในพจิ ารณาเลือกใช้ลวดเชื่อมแกส๊ มอี ะไรบ้าง
...........................................................................................................................................................
................................................................................................... ........................................................

5. จงอธบิ ายความหมายของ สญั ลักษณล์ วดเช่อื ม มาตรฐาน AWS A5.2-92 มาให้ถกู ตอ้ ง

ใบมอบหมายงาน โมดลู ท่ี 1
วชิ า งานเชือ่ มและโลหะแผ่นเบ้อื งต้น รหัส20100-1004 สอนครั้งท่ี 1
ชื่อหน่วย กระบวนการเช่ือมแกส๊ เวลารวม 12 ชั่วโมง
ชอ่ื งาน งานเชื่อมแก๊สต่อตวั ทีทา่ ราบ เวลลา 4 ชวั่ โมง

วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม วัสดุ
1. สามารถใช้เครือ่ งมือและอุปกรณ์ในการเชือ่ มแก๊ส 1. เหล็กกลา้ ละมนุ แผน่ เบอร์ 16 ขนาด
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและปลอดภยั
2. สามารถเช่อื มแกส๊ ตอ่ ตวั ทีทา่ ราบได้ 150×40×2 มิลลิเมตร จานวน 1 แผน่
3. มีกจิ นิสัยทีด่ ี ทางานด้วยความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย 2. เหล็กกล้าละมุนแผ่น เบอร์ 16 ขนาด
ประหยัด ประณีต รอบคอบ ซอ่ื สตั ยแ์ ละปลอดภยั
150×50×2 มลิ ลเิ มตร จานวน 1 แผน่
3. ลวดเตมิ (Filler Rod) เหล็กกล้าละมนุ
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.6 มลิ ลเิ มตร
เครือ่ งมอื และอุปกรณ์
1. ชดุ เชอ่ื มแกส๊ ออกซอี ะเซทิลีน
2. อปุ กรณ์จุดเปลวไฟ
3. อปุ กรณท์ าความสะอาดหัวทิพ
4. แว่นตาเชื่อมแกส๊
5. แปรงลวด
6. ตะไบแบน
7. บรรทัดเหล็ก
8. เสื้อหนงั คลุมตวั
9. ถงุ มือหนงั
10. คีมจับชน้ิ งานรอ้ น

ใบมอบหมายงาน โมดลู ท่ี 1

วิชา งานเชอ่ื มและโลหะแผน่ เบอ้ื งตน้ รหัส20100-1004 สอนครงั้ ที่ 1

ช่อื หน่วย กระบวนการเชอ่ื มแกส๊ เวลารวม 12 ช่ัวโมง

ชื่องาน งานเชื่อมแกส๊ ต่อตัวทีท่าราบ เวลลา 4 ชัว่ โมง

รูปประกอบ ลำดับขั้นการปฏบิ ตั งิ าน

1. เตรียมเคร่ืองมืออปุ กรณ์งานเชื่อมแก๊สให้เรยี บรอ้ ย

ครบถว้ น

2. ตัดช้ินงานให้ไดข้ นาดพร้อมตะไบครีบ ลบคม
ขอบช้นิ งานให้เรียบทง้ั 2 ชิ้น

3. ประกอบอปุ กรณง์ านเชื่อมแก๊สใหเ้ รียบรอ้ ย
ข้อควรระวงั

- กอ่ นประกอบตัวคุมคา่ ความดันแก๊ส ตอ้ งเปิดวาล์ว ท่อบรรจุ
แกส๊ ช้าๆ แล้วรบี ปดิ เพ่ือเป่าฝุ่นผงออกก่อน

4. เปดิ วาลว์ หัวท่อบรรจแุ กส๊ ออกซิเจนสุดเกลยี ว ปรบั ความดันใช้
งาน ที่ 5 ปอนด์ต่อตารางน้ิว เปดิ วาลว์ ทหี่ ัวเชือ่ ม อ่านคา่ ความดนั
และปรับให้ได้ 5 ปอนดต์ ่อตารางน้ิว ซึ่งเป็นความดนั จรงิ ขณะเชอื่ ม

5. เปดิ วาล์วหวั ท่อบรรจแุ ก๊สอะเซทลิ นี เพยี งครง่ึ รอบ ปรบั ความดัน
ใชง้ าน ท่ี 5 ปอนด์ต่อตารางน้ิว เปดิ วาลว์ ทหี่ วั เชอ่ื ม อ่านค่าความดัน
และปรบั ให้ได้ 5 ปอนด์ต่อตารางนิว้ ซ่งึ เป็นความดนั จรงิ ขณะเชื่อม
ข้อควรระวัง
- ประแจเปิดทอ่ ต้องเสยี บไว้ทห่ี วั ท่อตลอดเวลาหากมีแก๊สรว่ั
สามารถปดิ ไดท้ นั ที

ใบมอบหมายงาน โมดูลท่ี 1

วชิ า งานเชอื่ มและโลหะแผน่ เบ้ืองต้น รหัส20100-1004 สอนครั้งที่ 1

ช่ือหนว่ ย กระบวนการเชอ่ื มแกส๊ เวลารวม 12 ชัว่ โมง

ช่อื งาน งานเช่ือมแกส๊ ต่อตัวทีท่าราบ เวลลา 4 ชัว่ โมง

รูปประกอบ(ต่อ) ลำดบั ข้นั การปฏิบตั ิงาน

6. ตรวจสอบรอยรัว่ ของแก๊สที่จดุ ตอ่ อปุ กรณท์ กุ จุด

โดยใชน้ า้ สบู่ หากมรี อยรว่ั ใหร้ ีบทาการแกไ้ ข

ขอ้ ควรระวงั

-ห้ามทดสอบรอยรั่วโดยใช้การดมกลิ่น

7. จดุ เปลวไฟและปรับเปลวไฟใหไ้ ด้เปลวนิวทรัล

ขอ้ ควรระวัง

-ปรับปริมาณแก๊สให้เหมาะสมกบั ความหนาชนิ ้ งาน

8. เชอื่ มยึดช้ินงานโดยใชอ้ ุปกรณ์ชว่ ยในการวางช้นิ งาน
ให้ทามมุ ฉากกนั เชือ่ มยดึ ชนิ้ งาน 3 จุด เพอื่ ป้องกัน
การโก่งงอของช้ินงาน เคาะแตง่ ให้บริเวณรอยต่อ
แนบกันสนิทตลอดความยาวของชิน้ งาน

- 9. สง่ งานใหค้ รูตรวจการเตรียมงาน
10. วางชน้ิ งานในตาแหนง่ ท่าราบ โดยใช้อฐิ ทนไฟ
หนนุ ชิ้นงานเอยี ง 45 องศา เชื่อมจากจุดเริ่มต้น
เอยี งหัวทิพทามุมประมาณ 60 องศา กบั งานช้นิ ล่าง
และเอียงมมุ ประมาณ 45 องศา ขณะเคล่ือนที่
ส่ายหัวทิพเล็กนอ้ ย ให้ชน้ิ งานหลอมเหลวสมบรู ณ์
ขอ้ ควรระวัง
-เตมิ ลวดเชอื่ มท่ีจดุ สนิ้ สุดให้เต็ม ระวงั การขาดทะลุ
เนื่องจากการสะสมความร้อนของชนิ้ งาน
-อยา่ ให้เปลวไฟพุ่งหาชิ้นงานแนวต้ังเพราะจะทะลไุ ด้

ใบมอบหมายงาน โมดูลท่ี 1

วิชา งานเชื่อมและโลหะแผน่ เบอื้ งต้น รหสั 20100-1004 สอนครง้ั ท่ี 1

ชอ่ื หน่วย กระบวนการเชอ่ื มแก๊ส เวลารวม 12 ชัว่ โมง

ชือ่ งาน งานเชอ่ื มแก๊สต่อตวั ทีทา่ ราบ เวลลา 4 ชว่ั โมง

รูปประกอบ(ต่อ) ลำดับข้นั การปฏิบตั ิงาน

11. ใช้คอ้ นเคาะแต่งชนิ้ งานและใช้แปรงลวด

ขดั ให้สะอาด

12. ปดิ วาลว์ หวั ทอ่ แก๊สออกซิเจนและแกส๊ อะเซทิลนี
13. เปดิ วาล์วแก๊สอะเซทิลีนและแกส๊ ออกซิเจน ที่หวั เช่ือมเพ่อื ปล่อย
แกส๊ ทีค่ ้างในสายเช่อื มออก เม่ือเขม็ ทเ่ี กจวดั ความดันต่าและเกจวัด
ความดนั สูง ช้ีทเ่ี ลข “ 0 ” จงึ ปดิ วาล์วของแกส๊ ออกซิเจน และแก๊ส
อะเซทิลนี ท่หี ัวเชื่อมใหเ้ รียบรอ้ ย
ข้อควรระวงั
-อยา่ ปิดวาลว์ จนแนน่ เกนิ ไป
14. คลายสกรปู รับความดันท่ีตวั คุมคา่ ความดนั
แก๊สออกซิเจนและแกส๊ อะเซทิลนี หมุนในทศิ ทาง
ทวนเข็มนาฬิกา
ขอ้ ควรระวงั
-ระวงั อย่าคลายจนสกรหู ลุดออกจากเกลยี ว
-ซึง่ อาจจะทำใหเ้ กลียวเสียหายได้

15. ม้วนเก็บสายเชอ่ื ม ทาความสะอาดโต๊ะเชื่อม
และพ้ืนทปี่ ฏบิ ตั ิงานใหเ้ รยี บร้อย
16. ทำความสะอาดเคร่ืองมอื ตรวจเช็คใหค้ รบทกุ ชนิ้
17. เกบ็ เคร่ืองมืออปุ กรณเ์ ข้าท่ี
18. นำผลงานส่งตรวจและร่วมประเมนิ ผลงานกับครู เน่ืองจากการ
สะสมความร้อนของชนิ้ งาน
-อย่าใหเ้ ปลวไฟพุง่ หาชน้ิ งานแนวตั้งเพราะจะทะลุได้

แบบประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน

ชอ่ื ผู้ปฏิบัติงาน.........................................สกลุ ..........................................ระดับช้ัน...............กลมุ่ .........สาขาวิชา

..............................................................สาขางาน.....................................................................

ใบมอบหมายงานที่.....….......ชื่อชิ้นงาน............งานเชอ่ื มแก๊สตอ่ ตวั ทที ่าราบ(1F)................................

วนั ท.ี่ ..........เดอื น..............................พ.ศ. ............. เวลาเรม่ิ งาน.............. น. เวลางานเสร็จ.............. น.

รายการ ผลการประเมนิ

ดีมาก(3) ดี(2) พอใช(้ 1) รวม

การเตรยี มการ

1. การเตรียมชิ้นงาน

2. การเตรยี มเคร่ืองมืออุปกรณ์

คุณภาพงาน

1. ขนาดขาของแนวเช่อื ม

2. ความหนาแนวเช่อื มจริง

3. รอยแหวง่ ขอบแนว รอยเกยของแนวเชอ่ื ม

4. จดุ เริม่ ตน้ และจดุ ส้ินสดุ ของแนวเช่อื ม

5. ความสมบรู ณ์ของแนวเชอ่ื ม

กจิ นิสัย

1. ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัตงิ าน

2. การใชแ้ ละการเกบ็ เคร่ืองมืออุปกรณ์ อย่างถูกวธิ ี

เวลาที่ใช้ปฏบิ ัติงาน

1. ปฏบิ ัติงานแลว้ เสร็จตามเวลาที่กาหนด

เวลาทใี่ ช้ปฏิบัติงาน

1. ปฏิบตั ิงานแล้วเสร็จตามเวลาทกี่ าหนด

สรปุ คะแนนรวมที่ได้ ................ คะแนน

ผลการตดั สนิ ผา่ นการประเมิน ไม่ผ่านการประเมิน

หมายเหตุ เกณฑผ์ ่าน 60 เปอรเ์ ซ็นต์ *หากไม่ผา่ นเกณฑต์ ้องปรับปรุงงานหรอื ปฏบิ ตั งิ านซา้

ข้อเสนอแนะ

............................................................................................................................. .......................................................

ลงชื่อ.................................................ผูป้ ระเมิน

(.................................................)

รายการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน คะแนน
1. การเตรียมการ ชื่องาน งานเชือ่ มแกส๊ ตอ่ ตัวทีท่าราบ (1F)
เกณฑก์ ารประเมนิ 3
2. คณุ ภาพงาน 2
1.1 การเตรียมช้ินงาน 1
1.1.1 ตะไบขอบลบคม ชิ้นงานไดม้ มุ ฉาก เคาะแต่งรอยตอ่ แนบสนทิ
1.1.2 ตะไบขอบลบคม ชิ้นงานไดม้ มุ ฉาก เคาะรอยตอ่ ไม่แนบบางจดุ 3
1.1.3 ไม่ตะไบขอบลบคม ชนิ้ งานไม่ได้มุมฉาก เคาะรอยต่อไมแ่ นบสนทิ 2
1.2. การเตรียมเครอื่ งมืออุปกรณ์ 1
1.2.1 เตรยี มเคร่ืองมอื อปุ กรณ์ ถูกตอ้ งและครบถ้วน
1.2.2 เตรียมเคร่อื งมืออปุ กรณ์ ถูกต้อง ขาดไม่เกนิ 2 ช้นิ 3
1.2.3 เตรียมเครื่องมอื อุปกรณ์ ไมถ่ ูกต้อง ขาด 3 ช้นิ ขน้ึ ไป 2
2.1 ขนาดขาของแนวเชอ่ื ม 1
2.1.1 ตา่ งกนั ไมเ่ กนิ 2 มลิ ลเิ มตร
2.1.2 ตา่ งกันเกิน 2 มิลลิเมตร แตไ่ มเ่ กนิ 4 มิลลเิ มตร 3
2.1.3 มีขนาดต่างกนั เกนิ 4 มิลลเิ มตร 2
2.2 ความหนาแนวเชือ่ มจริง 1
2.2.1 ขนาด 4-5 มิลลิเมตร
2.2.2 ขนาด 3,6 มลิ ลิเมตร 3
2.2.3 ขนาด 2,7 มิลลเิ มตร 2
2.3 รอยแหว่งขอบแนว รอยเกยของแนวเช่อื ม 1
2.3.1 ลึกเกนิ 0.5 มลิ ลเิ มตร แตไ่ ม่เกิน 1 มลิ ลเิ มตร
2.3.2 ลึกเกิน 1 มิลลิเมตร แต่ไมเ่ กิน 1.5 มิลลิเมตร 3
2.3.3 ลกึ เกนิ 1.5 มิลลิเมตร 2
2.4 จุดเริม่ ตน้ และจุดส้ินสุดแนวเชอื่ ม 1
2.4.1 จุดเร่มิ ตน้ และจดุ ส้นิ สดุ แนวเชื่อมหลอมเหลวดี ไมม่ จี ุดบกพรอ่ ง
2.4.2 จุดเร่มิ ต้นและจดุ สิ้นสุดแนวเช่อื มมจี ดุ บกพรอ่ ง ไมเ่ กนิ 2 จุด 3
2.4.3 จดุ เร่ิมต้นและจดุ สนิ้ สุดแนวเชอื่ มมจี ดุ บกพรอ่ ง มากกว่า 2 จุด 2
2.5 ความสมบรู ณข์ องแนวเชือ่ ม 1
2.5.1 เกลด็ แนวเช่ือมมคี วามสมา่ เสมอตลอดแนว
2.5.2 มคี วามห่างระหว่างเกลด็ แนวเช่อื มไมเ่ กนิ 2 มลิ ลเิ มตร
2.5.3 มคี วามห่างระหวา่ งเกล็ดแนวเชื่อมเกนิ 2 มิลลเิ มตร

รายการ เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน (ตอ่ ) คะแนน
ชอ่ื งาน งานเชื่อมแก๊สตอ่ ตวั ทที ่าราบ (1F)
3. กจิ นสิ ยั เกณฑ์การประเมนิ 3
2
4. เวลาท่ใี ช้ปฏิบตั งิ าน 3.1 ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน 1
3.1.1 ไมป่ ฏิบตั ผิ ิดกฎความปลอดภยั เลย
3.1.2 ปฏิบัตผิ ิดกฎความปลอดภยั 1-2 ครง้ั 3
3.1.3 ปฏิบัติผดิ กฎความปลอดภยั 3 คร้ังขึ้นไป 2
3.2 การใช้และ การเก็บเครื่องมืออปุ กรณ์ อยา่ งถกู วธิ ี 1
3.2.1 ใชเ้ ครื่องมอื อปุ กรณอ์ ยา่ งถกู ต้องและเกบ็ เครือ่ งมือครบถว้ น
3.2.2 ใช้เครอ่ื งมอื อุปกรณไ์ มถ่ กู ตอ้ งบางคร้งั เก็บเครอื่ งมอื ครบถว้ น 3
3.2.3 ใช้เครื่องมืออปุ กรณไ์ มถ่ ูกต้องและเกบ็ เครื่องมอื ไมค่ รบถ้วน 2
4.1 ปฏิบัตงิ านได้ตามเวลาท่กี ำหนด 1
4.1.1 ปฏบิ ตั ิงานเสรจ็ ตามเวลาทก่ี ำหนด
4.1.2 ปฏิบตั ิงานเสรจ็ เกินเวลาท่ีกำหนดไมเ่ กนิ 15 นาที
4.1.3 ปฏิบัติงานเสรจ็ เกินเวลาท่ีกำหนดมากกว่า 15 นาที

สรปุ แบบการประเมินผลการเรยี น หนว่ ยท่ี 1 เร่ือง กระบวนการเชอื่ มแก๊ส

คำชแ้ี จง

1. ให้นักเรียนประเมินผลการเรยี นของตนเองประจำหน่วย

2. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น คือ

2.1 ส่วนที่ 1 ประเมนิ ผลการเรียนภาคทฤษฎขี องแบบฝกึ หัดประจาหน่วย จำนวน 20 คะแนน

2.2 ส่วนที่ 2 ประเมินผลการเรียนภาคปฏิบตั ิ จากใบมอบหมายงานท่ี 1 จำนวน 30 คะแนน

คะแนนรวม 50 คะแนน

ผลการประเมิภาคทฤษฎี คะแนนท่ที ำได้

ตอนที่ 1 ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(10 คะแนน ) (9-10 คะแนน) (7-8 คะแนน) (5-6 คะแนน) (ตา่ กวา่ 5 คะแนน)

ตอนท่ี 2 ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
(10 คะแนน ) (9-10 คะแนน) (7-8 คะแนน) (5-6 คะแนน) (ต่ากวา่ 5 คะแนน)

ผลการประเมนิ ตนเอง ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
(ตอนท่ี 1 +ตอนท่ี 2 (17-20 คะแนน) (13-16คะแนน) (10-12คะแนน) (ตำ่ กว่า 10 คะแนน)

(20 คะแนน) คะแนนทีท่ ำได้ ปรับปรุง
(ตำ่ กวา่ 15 คะแนน)
ผลการประเมนิ ภาคปฏบิ ตั ิ ดมี าก ดี พอใช้
ใบมอบหมายงานที่ 1
(30 คะแนน) (26-30 คะแนน) (20-25คะแนน) (15-19คะแนน)

สรปุ ผลการประเมินตนเอง คะแนนทท่ี ำได้
(ภาคทฤษฎี + ภาคปฏิบัติ)
ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
(50 คะแนน) (ตำ่ กวา่ 25 คะแนน)
(42-50 คะแนน) (32-41คะแนน) (25-31คะแนน)

ข้อเสนอแนะ………………………………………………………………………………………...................................................…………………...

…………………………………………………………………….........................................................……………………………………………………

ผู้ประเมนิ …………………………………………………… วันท.ี่ .......เดอื น............................ พ.ศ. ................