จากปัญหาค่าไฟแพงผิดปกติ ที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ ใช้ไฟเท่าเดิมแต่ทำไมค่าไฟแพงขึ้นมาก ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มกังวลว่า ค่าไฟที่ใช้อยู่นั้นแพงผิดปกติกับเขาด้วยหรือไม่ จริงหรือไม่ที่สถานการณ์ไวรัสระบาด ต้องอยู่บ้านมากขึ้น ผลกระทบให้ค่าไฟแพง หรือค่าไฟขึ้นราคาโดยที่เราไม่รู้ หยิบบิลค่าไฟมาดูใหม่ก็ดูไม่รู้เรื่องอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ถ้าหากค่าไฟแพงผิดปกติจริง ๆ เราจะทำยังไงได้บ้าง ต้องไปแจ้งไปที่ใคร
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าค่าไฟหน่วยละกี่บาทกันแน่ วันนี้เราเอาคำตอบเรื่องนี้มาฝากกันว่า หลักในการคิดค่าไฟฟ้าคิดอย่างไร มีค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง วิธีคำนวณค่าไฟฟ้าที่ถูกต้อง รวมไปถึงรายละเอียดด้านต่างๆ กับคลายข้อสงสัยค่าไฟแพง คิดอย่างไร ค่าไฟหน่วยละกี่บาท ก่อนจะรู้ว่าค่าไฟหน่วยละกี่บาท เราต้องรู้ก่อนว่า พื้นที่บ้านพักอาศัยของเรา
อยู่ในการดูแลของการไฟฟ้าส่วนไหน ซึ่งการไฟฟ้าในประเทศไทย จะแบ่งส่วนในการบริหารออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนงานมีหน้าที่แตกต่างกัน คือ การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
หรือ PEA มีหน้าที่ดูแลจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากการไฟฟ้านครหลวงดูแล จะทำหน้าที่เหมือนกันคือ จำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีไฟฟ้าใช้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
การเก็บค่าไฟฟ้านั้น ค่าไฟหน่วยละกี่บาทอาจจะไม่เท่ากัน เพราะการไฟฟ้าจะเรียกเก็บค่าไฟ โดยคิดตามประเภทของการใช้งาน ซึ่งการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าหน่วยละกี่บาท 2564 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้แยกประเภทผู้ใช้งานออกเป็น 8 ประเภทหลักๆ ไว้ดังนี้
จากการที่การไฟฟ้าได้คิดค่าไฟต่อหน่วยแตกต่างกัน ตามประเภทของการใช้งาน ทำให้ค่าไฟหน่วยละกี่บาทแตกต่างกันออกไป หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วประเภทบ้านพักที่อยู่อาศัย มีการคิดค่าไฟหน่วยละกี่บาทกันแน่ เพราะมีการคิดค่าไฟต่อหน่วยถึง 3 รูปแบบการใช้งานและปริมาณการใช้ไฟ ซึ่งเรียกวิธีแบบนี้ว่า การคิดค่าไฟอัตราปกติแบบก้าวหน้า ซึ่งมีรายละเอียดแยกไว้ดังนี้
ปัจจุบันค่าไฟหน่วยละกี่บาท การไฟฟ้าจะคิดตามปริมาณการใช้งานจริง เรียกว่าการคิดคำนวณค่าไฟอัตราปกติแบบก้าวหน้า เป็นการคิดค่าไฟแบบขั้นบันได โดยในแต่ละขั้นจะมีราคาต่อหน่วยแตกต่างกันไป หมายความง่าย ๆ คือ ถ้ายิ่งเราใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก ค่าไฟฟ้าก็จะยิ่งแพงมากขึ้นด้วยนั่นเอง ค่าไฟหน่วยละกี่บาทจึงขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟ
ส่วนบ้านพักอาศัยที่มีการใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน มีอัตราการคิดค่าไฟฟ้าก้าวหน้า ดังนี้
รู้หรือไม่ บิลค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน ประกอบด้วยอะไรบ้างค่าไฟหน่วยละกี่บาทประกอบไปด้วยปัจจัยต่าง ๆ ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า ส่วนประกอบในบิลค่าไฟฟ้า ที่เราได้รับในแต่ละเดือนมีอะไรบ้าง โดยในบิลเรียกเก็บค่าไฟหน่วยละกี่บาท การไฟฟ้าจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เพื่อให้เราดูได้ง่ายขึ้นว่า หากมีการเรียกเก็บเพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้น มาจากต้นทุนด้านใดบ้าง ซึ่งมีส่วนประกอบ ดังนี้ ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บ หรือค่าไฟฟ้าฐาน เป็นค่าการใช้งานไฟฟ้า ที่จะมีการปรับอัตราทุก ๆ 3 - 5 ปี โดยจะพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนการผลิต การจัดส่ง และการจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และผลตอบแทนในการขยายการลงทุนในอนาคต เพื่อนำไปเป็นรายได้สำหรับใช้พัฒนาประเทศ ค่า FT หรือค่าไฟฟ้าผันแปร นอกจากค่าไฟหน่วยละกี่บาทที่คิดจากการใช้งานจริงแล้ว ยังมีค่าบริการที่เราต้องจ่ายเพิ่มที่เรียกว่า ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่า FT Fuel Adjustment Charge (at the given time) ด้วย ซึ่งค่า FT ที่เราเห็นในบิลค่าไฟฟ้านั้น มาจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ค่าซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชน และจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าขยายเสาไฟฟ้า ค่าอุปกรณ์เสาไฟฟ้า ต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ฯลฯ ในส่วนของค่า FT นั้น การไฟฟ้าจะไม่สามารถควบคุมเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ โดยค่า FT จะมีการปรับเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้ดูแลการที่ค่า FT จะมากขึ้นหรือน้อยลง ก็จะขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม การไฟฟ้าเรียกจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ใช้ไฟฟ้า โดยจะคิดในอัตราร้อยละ 7 ของค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT)
ค่าไฟหน่วยละกี่บาทคำนวณด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ค่าไฟหน่วยละกี่บาทสามารถตรวจสอบเองได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูจากบิลค่าไฟฟ้าแล้ว หลาย ๆ คนอาจจะไม่แน่ใจว่า ถูกต้องตามการใช้งานจริงหรือไม่ ค่าไฟหน่วยละกี่บาทจะตรงกันหรือไม่ เราสามารถที่จะคำนวณค่าไฟด้วยตัวเองง่าย ๆ ได้เช่นกัน โดยเริ่มจากการคิดค่าไฟพื้นฐาน เช่น ถ้าภายใน 1 เดือน มีการใช้ไฟฟ้า 100 หน่วย การคิดคำนวณเฉพาะค่าไฟหน่วยละกี่บาท ทำดังนี้
เมื่อรวมการใช้ไฟทั้งหมดของเรา คือ 15 + 10 + 10 + 65 จะได้ออกมา = 100 หน่วย รวมค่าปริมาณการใช้ไฟ = 35.23 + 29.88 + 32.41 + 235.54 = 333.06 บาท เมื่อรวมกับค่าบริการ คือ 8.19 บาท ดังนั้น 333.06 + 8.19 = 341.25 สรุปค่าไฟฟ้าพื้นฐานค่าไฟหน่วยละกี่บาท ที่ต้องเรียกเก็บจริงคือ 341.25 บาท ซึ่งค่าไฟฟ้าตรงนี้รวมค่า FT แล้ว แต่ยังไม่รวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนการคำนวณค่า FT สมมุติว่าตอนนี้ค่า FT อยู่ที่ 11.50 บาท ตามนโยบายของ กกพ. (คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) โดยการคำนวณทำดังนี้ คือ นำค่าไฟฟ้าฐานที่คำนวณออกมาได้ลบกับค่า FT เราก็จะได้ค่าไฟฟ้าก่อนที่จะรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าไฟฟ้าฐาน 341.25 - ค่า FT 11.50 = 329.75 บาท จากนั้นก็นำผลที่ได้ไปคำนวณกับค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้วนำเอาผลที่ได้ มาบวกกับค่าไฟพื้นฐาน ที่รวมค่า FT อีกครั้ง ก็จะได้ค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายจริง ค่าไฟฟ้า 329.75 x ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% = 23.08 *ก็จะเท่ากับค่าไฟฟ้า 329.75 + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 23.08 = 352.83 บาท จึง = ค่าไฟที่ต้องจ่ายจริง * หรือสามารถคำนวณว่าค่าไฟหน่วยละกี่บาทผ่านเว็บไซต์การใช้ไฟฟ้าได้ง่าย ๆ เช่นกันที่ https://www.mea.or.th/aboutelectric/116/280/form/12 ปัจจุบันทั้งการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มี Website และ Application ในโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป สามารถเข้าไปดูข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เช่น เช็กดูว่าค่าไฟหน่วยละกี่บาท แจ้งปัญหาการใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าขัดข้อง หรือค่าไฟฟ้าแพง ได้ที่
ถึงเราอาจจะเช็กด้วยตัวเองได้ว่าค่าไฟหน่วยละกี่บาท แต่หากยังไม่แน่ใจว่า มีปัญหาจากค่าไฟแพงมากกว่าการใช้งานจริง ก็สามารถยื่นเรื่องร้องเรียน ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ที่ การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หากเกิดปัญหาจากไฟฟ้ารั่ว เกิดความผิดปกติจากตัวมิเตอร์เครื่องวัดไฟฟ้า หรือเกิดปัญหาจากระบบไฟฟ้าของหน่วยงาน การไฟฟ้าจะทำการชดเชยให้ แต่ในเบื้องต้นก็ต้องลองสำรวจตรวจดูการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของเรา รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ ว่า อยู่ในสภาพสมบูรณ์ด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้เป็นการช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันปัญหาค่าไฟแพงด้วยอีกทาง และนี่ก็เป็นเรื่องราวค่าไฟและการคำนวณค่าไฟหน่วยละกี่บาท ------------ ติดตามเว็บไซต์ข่าวสารอสังหาฯ และการลงทุนคอนโด ของเราได้ที่ Website : https://www.condonewb.com/ |