การแต่งกายยนื เครอ่ื งโขน ของกรมศลิ ปากร .................................................. พระ นาง ยกั ษ์ ลิง ที่มา : สานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร แสดงแบบทา่ ราของกรมมหรสพ 2 โขน การแสดงนาฏกรรมทเ่ี ป็นแหล่งรวมศิลปะหลายแขนง โดยมีเครอื่ งแตง่ กายเปน็ เคร่ืองแตง่ กายโขนเห็นได้ชดั เจนวา่ เปน็ เครื่องแตง่ กายท่ีเลียนแบบมาจากเครื่องตน้ หรอื ตามความเช่ือในทางศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดูท่ไี ด้เข้ามาเผยแพรส่ ่ปู ระเทศไทยแต่คร้งั จินตนาการในเร่ืองที่เกย่ี วกบั เทพต่างๆ เกดิ ไปตามศรทั ธาของแต่ละชุมชน และเพ่ือยก เมือ่ ความเชื่อในเร่ืองของพระมหากษตั ริย์เปน็ องคส์ มมติเทพ มคี วามแพรห่ ลาย และ ในตานาน นทิ าน นิยาย หรอื ละครพนื้ บ้าน สว่ นใหญ่เป็นเรอ่ื งท่ีเกี่ยวกับจกั รๆ วงศ์ๆ 3 “พระหรวิ งศ์ทรงทิพยภ์ ษู า เครอื หงส์กาบผกาช่อห้อย พระลักษมณ์ทรงผ้ากา้ นกระหนกลอย ชายไหวชอ่ ชอ้ ยชายแครง สอดใส่ฉลององค์ทรงประพาส พนื้ ตาดฉลุเครอื แยง่ ทบั ทรวงประดับเพชรแดง ตาบทิศลายแทงสังวาลวลั ย์ พาหุรัดทองกรมงั กรพด สลับดว้ ยมรกตมุกดาคัน่ ธามรงค์เพชรรายเรือนสบุ รรณ มงกฎุ แก้วเทวัญสว่างวาม” จากหนงั สือเร่อื ง “การศกึ ษาและการพัฒนาองค์ความรู้เกย่ี วกบั การแตง่ กายยืนเคร่อื ง” ของกรมศลิ ปากร แสดงให้เห็นชัดเจนวา่ เคร่ืองแตง่ กายโขน มีองค์ประกอบ 3 สว่ น ดงั นี้ 1. ศริ าภรณ์ หมายถึง เคร่ืองประดบั ศีรษะของตัวโขน ได้แก่ - ตวั พระ ได้แก่ ชฎา - ตวั นาง ได้แก่ มงกุฎกษัตรีย์ - ตวั ยกั ษ์ ได้แก่ ศรี ษะยกั ษ์ - ตัวลิง ไดแ้ ก่ ศีรษะลงิ 2. ถนมิ พิมพาภรณ์ หมายถึง เครื่องประดับกาย ไดแ้ ก่ - กาไลเทา้ หรอื ข้อเท้า - เข็มขัด หรือป้ันเหนง่ - สังวาล (รวม ตาบทศิ และตาบหลงั ) - ทับทรวง - กาไลแผง หรือทองกร - ธามรงค์ หรอื แหวน - แหวนรอบ - ปะวะหลา่ 3. พัสตราภรณ์ หมายถึง เครื่องน่งุ ห่มท่ีเปน็ ผา้ ไดแ้ ก่ - สนับเพลา หรือกางเกง - ผ้านงุ่ หรอื ภูษา หรือพระภูษา - หอ้ ยข้าง หรอื เจยี ระบาด หรือชายแครง - ห้อยหน้า หรือชายไหว (รวมสุวรรณกระถอบ ซ่ึงปักลายเป็นชิ้นเดียวกัน) - เสอ้ื หรือฉลององค์ - รดั สะเอว หรือรัดองค์ - กรองคอ หรือนวมคอ หรือกรองศอ 4 การแต่งกายยนื เคร่อื งโขน การแตง่ กายยืนเคร่ืองโขน ตัวพระ ตวั นาง ตัวยักษ์ และตวั ลงิ ท่ีกรมศลิ ปากรใช้ปฏิบัตนิ น้ั มกี ารสบื ทอดวิธีการแต่งมาจากโบราณ ทัง้ กรมมหรสพ วังสวนกหุ ลาบ และวงั เจา้ คณุ พระประยูรวงศ์ เป็นต้น เห็นไดจ้ ากบรรดาครูบาอาจารย์ ที่เข้ามาทางานในกองการสังคตี กรมศลิ ปากร ในยุคแรกๆ นัน้ มาจากสานักโขน ละคร ท่ีมชี ื่อเสยี งและทีม่ ีคณุ ภาพในด้านการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยอยา่ งดเี ลิศ อกี ทั้งยังมีรายการเครือ่ งแตง่ กายโขน ละคร ทีไ่ ด้รบั โอนมาจากกรมมหรสพ อนั มคี วามประณีตใน การจดั สร้างช้ันยอด ทาใหม้ องเห็นได้วา่ ผแู้ ตง่ ตวั ผูแ้ สดงโขนจะต้องมีความรคู้ วามชานาญในเรอื่ ง เครื่องแตง่ กาย และกลวธิ ใี นการแต่งกายยืนเครอื่ งโขนเป็นอยา่ งดี การแตง่ ตัวผแู้ สดงนั้น ผู้แต่งตัวต้องสามารถทาให้เครอ่ื งทรงอันวิจติ รท่ผี แู้ สดงสวมใส่ มคี วามโดดเด่นเป็นสงา่ สมภูมขิ องตวั ละคร ผิดไปจากรปู ลกั ษณ์ทเี่ ป็นธรรมชาติเดมิ ของศลิ ปิน อีก ท้งั การแต่งตัวผ้แู สดงอยา่ งมคี ุณภาพท่ีดีน้ัน เปน็ การส่งเสรมิ ให้ศิลปนิ สามารถแสดงทา่ ทางร่ายราได้ อยา่ งคลอ่ งตวั สวยงาม ท้ังนท้ี ่ีสาคญั ผู้แตง่ ตวั และศลิ ปินผู้แสดงจึงต้องมีความเขา้ ใจ และทราบ กลวธิ ีในการแต่งกายอย่างชัดเจน และถกู ตอ้ งเปน็ ไปในทศิ ทางเดียวกัน จึงพอกลา่ วไดว้ ่าขนบธรรมเนยี มการแตง่ กายยืนเครอื่ งโขน ของกรมศิลปากร มกี าร สบื ทอดอย่างเป็นระบบจากรุ่นสูร่ นุ่ และดาเนนิ การมาอยา่ งต่อเนอ่ื งนบั จากอดตี ถงึ ปัจจุบัน ซ่งึ เปน็ การสืบทอดกนั ทางปฏบิ ตั ิ เม่ือนามาบนั ทกึ เป็นลายลักษณ์อักษร สาหรับเป็นหลกั ฐานข้อมูลทาง วชิ าการ สามารถเรียบเรยี งได้ดังน้ี ขัน้ ตอนการแต่งกาย ขน้ั ตอนการแตง่ กายยนื เครื่องผู้แสดงโขน ไม่ว่าจะเป็นตวั พระ ตัวนาง ตวั ยกั ษ์ และตัวลงิ สามารถแบ่งข้ันตอนการแต่งกายได้เป็น 2 ข้ันตอน คือ 1. การเตรยี มความพร้อม 1.1 การเตรยี มความพร้อมของผู้แตง่ 1.2 การเตรยี มความพร้อมของผ้แู สดง 2. การแตง่ กาย 1. การเตรยี มความพรอ้ ม 1.1 การเตรยี มความพร้อมของผแู้ ตง่ ผ้แู ต่งตัวผู้แสดงจะต้องเตรยี มอปุ กรณก์ ารแตง่ กายยนื เครื่องโขนให้พรอ้ ม และครบทกุ ชิ้นสว่ นตามรปู แบบทกี่ าหนด พรอ้ มตรวจดคู วามเรียบรอ้ ยของเครื่องแตง่ กายให้ถกู ตอ้ ง ดว้ ยการ ตรวจดูสภาพความสมบรู ณ์ของเครอ่ื งแตง่ กาย อุปกรณก์ ารแต่งกายยืนเครอื่ งโขน ประกอบด้วย 1. ดา้ ยเย็บผ้าเบอร์ 8 2. เข็มเยบ็ ผา้ ก้นทองขนาด 2 “No. B 7 040/ 5 3. มดี และกรรไกร ตัวพระ (พระราม) ภาพการแตง่ กายยืนเคร่ืองโขนตวั พระ (พระราม) ด้านหน้า และด้านหลัง 6 เคร่ืองแตง่ กายโขนตัวพระ (พระราม) ประกอบดว้ ยเคร่ืองพัสตราภรณ์ ถนิมพมิ ภาภรณ์ 2. สนับเพลา หรือกางเกง 3. ผ้าน่งุ หรือภูษา หรอื พระภูษา 4. หอ้ ยขา้ ง หรือเจียระบาด หรอื ชายแครง 7 5. เส้อื หรอื ฉลององค์ 6. รดั สะเอว หรือรดั องค์ หรือรดั พัสตร์ 7. ห้อยหนา้ หรือชายไหว 8. กรองคอ หรือนวมคอ หรือกรองศอ 8 9. เขม็ ขดั หรือป้ันเหน่ง 9 13. แหวนรอบ (แหวนรองกาไลเทา้ ) 10 17. ชฎา การแตง่ กายยนื เครอ่ื งโขนตวั พระ (พระราม) (หวั บวั ) และแหวนรอบ (แหวนรองกาไลข้อเท้า) อันเป็นเสมือนเครอ่ื งประดับเทา้ เพือ่ มิใหข้ าชว่ ง - ใส่สนบั เพลา เสมอื นเป็นกางเกงชน้ั
ใน 11 - ใส่เข็มขดั เป็นเคร่ืองประดับเอว อันเป็นความนยิ มทว่ั ไป ท่ีนุ่งกางเกงหรือน่งุ ผา้ นุง่ - ใส่กาไลแผง เป็นเครื่องประดับขอ้ มือ 12 ภาพการแตง่ กายยืนเครอื่ งโขน ตัวพระ (พระราม) 13 เทคนคิ การน่งุ ผา้ จบี โจงหางหงส์ของนางฉวีวรรณ ชื่นสาราญ เทคนคิ การนุ่งผา้ จีบโจงหางหงส์ เทคนคิ การนงุ่ ผา้ ทเ่ี รยี กวา่ การน่งุ ผา้ แบบ “จีบโจงหางหงส์” หรอื “ตปี ีกจบี โจงหางหงส์” วธิ กี ารนุ่ง 14 การจบี ผา้ ยก ภาพการจีบผา้ หางหงส์ วิธีจบั จบี ผ้ายกให้เปน็ หางหงส์ - ทบผา้ แบ่งคร่งึ ตามความยาว จบั ชายผา้ ยกท้ังด้านยาว และด้านขวางให้เสมอกัน เทคนิคในขัน้ ตอนจีบผ้าขณะทท่ี บผ้าจบี ต้องรีดผ้าด้วยการสอดน้วิ รีดจีบผ้าทีล่ ะจีบให้เสมอกัน 15 การนุ่งผ้าจบี โจงหางหงส์ ภาพการจบั ผ้า ทบซอ้ นเข้าหาตวั ผแู้ สดง วิธีนุ่งผา้ จบี โจงหางหงส์ใหส้ วยงาม ท้งั ผแู้ ตง่ และผ้แู สดงต้องร่วมมอื กัน โดยผแู้ ตง่ จะให้ผ้แู สดงนุ่ง ผ้ายก เทคนคิ ขั้นตอนของการนุ่งผ้าตอ้
งดึงชายผ้าที่โอบตวั ผูแ้ สดงใหเ้ รยี บตึงจากเอวจนถึงปลายขา 16 การจับจีบหลัง ภาพการจับจีบหลัง การจับจบี หลัง ผู้แสดงยืนหนั หลงั เพ่ือใหผ้ ้แู ต่งจับจบี ดา้ นหลงั โดยยนื กางขาตึงเข่า ผูแ้ ตง่ จบั จบี แรกจาก 17 เทคนิคการจับจีบหลงั ขณะทบจบี ให้ใชฝ้ า่ มือและนิ้ววัดระยะความหนาของทบผ้าแตล่ ะจีบและ การจับจีบตปี ีกจีบโจง ภาพการจับจบี ตปี ีกผา้ นุ่ง วิธกี ารจบั จบี โจงไปด้านหลัง 18 ภาพการจบั ผา้ จบี โจงตลบไปดา้ นหลัง ผูกรัด การจบั ผา้ จีบโจงตลบ วธิ กี ารปล่อยหางหงส์ ใหผ้ ู้แสดงยอ่
เข่าตั้งเหลยี่ ม ดันหลังให้ตรง ผู้แต่งจดั แต่งจีบผ้าทบซ้อนท่จี บี โจง 19 วิธีการมว้ นขอบริมผ้า ต้องม้วนรดู ผา้ ขน้ึ ให้แน่น และเกบ็ ให้เรียบรอ้ ย รวบปลายดา้ นบนไว้รวมกบั ผา้
ท่ี เทคนคิ การโจงผา้ ต้องดึงชายผา้ ล่างดา้ นหลังไปถึงเป้าแลว้ จึงดึงจีบผ้าโจงขึ้นจากน้ันปลอ่ ยหาง วิธีการผกู มดั ดว้ ยผ้ารดั เอว ต้องคลีผ่ ้ารดั เอวแลว้ วางแนบผ้านงุ่ จากเอวด้านหลงั อ้อมมาผกู มดั ด้านหน้าใต้ การปลอ่ ยจีบหางหงส์ ภาพการปล่อยจบี จดั แตง่ หางหงส์ วธิ ีการจัดแต่งหางหงสด์ ้านเหรยี ลบังรต้ออ้ยงไล่จบี ด้านหลงั ขึ้นใหเ้ รยี บรอ้ ย การจดั แต่งทดี่ ีจะต้องไม่ให้จีบท่ที บั เทคนคิ
การจับจบี หางหงส์ใหเ้ นยี นเรียบเสมอสวยงามขน้ึ อย่กู ับการรูดจีบแตล่ ะจีบตรงรอยเย็บ 20 เหนอื ผา้ คาดให้กระชับจัดริมชายผ้านุ่งขนานกับจบี กลางเท่าๆกันท้ังด้านซา้ ยและดา้ นขวาแต่งจบี ให้ สรปุ เทคนิคการนงุ่ ผ้าหางหงสข์ องนางฉววี รรณ ช่ืนสาราญ นางฉวีวรรณ ชน่ื สาราญเป็นผไู้ ฝ่รแู้ ละเอาใจใส่ต่อผู้แสดงทุกคนจึงศึกษาหาวธิ ีแก้ไขข้อเสีย ---------------------------------------------------------------------- 21 |