ความสัมพันธ์กับประเทศไทย ๑.๑ การเมืองและความมั่นคง ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามในด้านการเมืองและความมั่นคงอยู่ในระดับดี ผู้นำของทั้งสองประเทศมีโอกาสพบหารือกันในหลายโอกาส และนายกรัฐมนตรีมีความคุ้นเคยกับผู้นำของเวียดนาม โดยนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐
เพื่อหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางกระชับความร่วมมือรอบด้าน นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองฝ่ายยังได้พบกันบ่อยครั้งในการประชุมระดับพหุภาคีต่าง ๆ โดยล่าสุด นายเหวียน ซวน ฟุก ได้เดินทางเยือนไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ที่กรุงเทพฯ ๑.๒ การค้า
ไทยกับเวียดนามมีกลไกความร่วมมือด้านการค้าที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee – JTC) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามเป็นประธานร่วม โดยเวียดนามเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ครั้งที่ ๓ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เป็น ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๓ ๑.๓ การลงทุน เวียดนามได้กลายเป็นฐานการลงทุนด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญของภูมิภาค เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความพร้อมด้านทรัพยากร แรงงาน ตลาดผู้บริโภค รวมถึงมีนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ อีกทั้งมีการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับหลากหลายประเทศ โดยสถานะ ณ เมษายน ๒๕๖๓ ไทยเป็นผู้ลงทุนต่างชาติอันดับ ๙ ในเวียดนาม มีโครงการทั้งหมด ๕๖๗ โครงการ มูลค่าการลงทุนสะสม รวม ๑๒,๓๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสาขาการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตและการแปรรูป การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยนักลงทุนรายใหญ่ของไทยในเวียดนาม เช่น กลุ่มบริษัท ปตท. เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือ SCG กลุ่มอมตะ บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ บริษัทบีทาเก้น บริษัทเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง บริษัทไทยนครพัฒนา บริษัททีโอเอ บริษัทไทยซัมมิท บริษัทสยามสตีล ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ๑.๔ ความร่วมมือด้านแรงงาน เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ไทยและเวียดนามได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างไทย – เวียดนาม และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการด้านแรงงานระหว่างกัน โดยอนุญาตให้นำเข้าแรงงานเวียดนาม อย่างถูกกฎหมายมายังไทยในสาขากิจการประมงและก่อสร้างซึ่งไทยขาดแคลน อย่างไรก็ตามมีแรงงานเวียดนามเข้ามาทำงานในไทยในสาขาดังกล่าวค่อนข้างน้อย และยังมีปัญหาเรื่องแรงงานเวียดนามที่เข้ามาไทยอย่างผิดกฎหมาย ๑.๕ การท่องเที่ยว ปี ๒๕๖๒ มีชาวเวียดนามเดินทางมาประเทศไทย ๑,๐๔๗,๖๒๙ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๘๙ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๖๑ ที่มีจำนวน ๑,๐๒๘,๑๕๐ คน ขณะที่ชาวไทยเดินทางไปเวียดนาม ๕๐๙,๘๐๒ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖๘.๕๒ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๖๑ ที่มีจำนวน ๓๔๙,๓๑๐ คน ก่อนที่การเดินทางระหว่างประเทศจะถูกระงับไปเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ไทยและเวียดนามมีเที่ยวบินระหว่างกัน ๒๙๘ เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สามารถจุผู้โดยสารได้รวม ๔,๘๓๙ คนต่อวัน หรือ ๕๐,๙๗๖ คนต่อสัปดาห์ ๑.๖ สังคมและวัฒนธรรม ไทยและเวียดนามมีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ โดยปัจจุบันมีการประเมินว่าน่าจะมีชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม (เวียดเกี่ยว หรือ เกี่ยวบ่าว) จำนวนกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คนในหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
และได้กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยซึ่งกลุ่มชุมชนไทยเชื้อสายเวียดนามยังคงนิยมรวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ตามประเพณีเวียดนาม ช่วงปี ๒๔๙๐ ไทยเคยเป็นที่พำนักและให้ความช่วยเหลือสนับสนุนประธานาธิบดีโฮจิมินห์และขบวนการกอบกู้เอกราชของเวียดนามจากฝรั่งเศส และด้วยความสัมพันธ์ดังกล่าว จึงได้มีการก่อตั้งหมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม อนุสรณ์สถานและรูปปั้นเพื่อระลึกถึงประธานาธิบดีโฮจิมินห์ในหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
ซึ่งผู้นำระดับสูงของเวียดนามได้ไปเยือนและสักการะทุกครั้งที่เดินทางเยือนไทย ๒. ความตกลงที่สำคัญ ไทยกับเวียดนามมีความตกลง/บันทึกความเข้าใจที่ลงนามแล้วมากกว่า ๖๐ ฉบับ ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือในทุกสาขา อาทิ ความมั่นคง อาญา การค้าและการลงทุน ความเชื่อมโยง การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการศึกษา ตัวอย่างความตกลงสำคัญที่สองฝ่ายได้ลงนามแล้ว มีดังนี้ – ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (ลงนามเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๔)
สถานะ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ |