ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

Update : 06 Jul 2019

View : 340,779

จะใช้คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คทั้งทีถ้าหากอุปกรณ์เกิดปัญหากับ Wifi แล้วหละก็รับรองว่าคงเซ็งไปตามๆกันยิ่งไปกว่านั้นบน Windows 10 ปัญหาจุกจิกนี้ก็พบได้บ่อยครั้งและมากมายหลายสาเหตุบทความนี้เราจะไปดูกันทีละจุดว่าปัญหา Wifi เกิดปัญหาบน Windows 10 เกิดจากอะไรได้บ้างและแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไร

1.เชื่อมต่อ Wifi แล้วแต่ไม่สามารถใช้งาน Internet

ใช่แล้วคุณทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณกับ Wifi ทุกอย่างดูปกติแต่คุณก็ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ได้ต้นเหตุอาจมาจาก TCP IP, IP Address หรือ DNS เบื้องต้นเราขอแนะนำให้ลองเข้าไปที่Settings > Update and security > Troubleshoot > Internet connections 

แต่ถ้าทำตามขั้นตอนด้านบนแล้วยังไม่ได้ผลให้ลองเปิด Command Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้

netsh winsock reset

ipconfig /release

netsh int ip reset

ipconfig /renew

ipconfig /flushdns

2.Windows 10 ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wifi ได้

ถ้าคุณใช้งานและพบว่ามีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับ Windows 10 ขึ้นมาว่าไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ทางออกก็คือให้ลองถอนการติดตั้งไดร์เวอร์อแดปเตอร์และอนุญาติให้ Windows ทำการติดไดร์เวอร์อัตโนมัติ

โดยกดWindows + X แล้วคลิกที่ Device Manager > คลิกขวา network adapter > เลือก Uninstall > รีสตาร์ทเครื่องของคุณ ระบบจะทำการติดตั้งใหม่โดยอัตโนมัติ

3.ค่า IP ไม่ถูกต้อง

ถ้าคุณลองเช็ค Wifi ของคุณแล้วพบว่าไม่มีค่า IP ปรากฎ เบื้องต้นลองแก้ไขโดยการเปลี่ยน Network Name และ Password ดูครับ ออกตัวก่อนนะครับว่าวิธีนี้ผลที่ได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์กรด้วยครับ

4.ลืมรหัสผ่านแต่ไม่อยการีเซ็ตเราเตอร์

การตั้งค่าเราเตอร์ใหม่หรือเราเตอร์ที่ ISP มาติดตั้งให้แนะนำว่าให้กำหนดค่าต่างๆด้วยตัวเองเพื่อความปลอดภัยนะครับ แต่เชื่อว่ามีบ้างที่เราอาจจะลืม Network Name และ Password แต่นอกจากการรีเซ็ตเราเตอร์แล้วยังมีวิธีหารหัสผ่านเดิมได้อีกด้วย 

โดยให้คลิกขวาที่ Network ที่ Taskbar > เลือก Network Internet Settings > จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา เลือก Change adapter options > จะเห็น Wifi Connection เลือก Status > จากนั้นเลือก Wireless Properties > เลือก Security > ติ๊กถูกตรงช่อง Show Characters และกด Next ครับ

5.ปัญหาจากไดร์เวอร์ Wifi

ตามข้อ 2 เราได้สอนไปแล้วเกี่ยวกับการถอนการติดตั้งไดร์เวอร์และติดตั้งใหม่ แต่มีอีกวิธีคือการอัพเกรดหรือดาวน์เกรดไดร์เวอร์ลงครับ ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

คลิกขวาที่ Start Menu > เลือก Device Manager > คลิก Network Adapters เพื่อขยายสับเมนู > คลิกขวาที่ Adapters เลือก Properties > สังเกตที่ Tab เมนูเลือก Driver > จากนั้นเลือกได้เลยครับว่าจะ Update Driver หรือ Roll Back Driver


วิธีแก้ปัญหา คอมพิวเตอร์มองไม่เห็น Wi-Fi

เมื่อต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าไปยังเครือข่าย Wi-Fi บางครั้งมันก็มีปัญหาเกิดขึ้น โดยปัญหาที่สามารถพบเจอได้ก็มีอยู่หลายรูปแบบ บ้างก็ปัญหาที่ตัวคอมพิวเตอร์, บ้างก็ปัญหาที่เครือข่าย Wi-Fi, คอมพิวเตอร์ตรวจพบสัญญาณ Wi-Fi แต่เชื่อมต่อไม่ได้ หรือการเห็น Wi-Fi ครบทุกเครือข่ายเลย ยกเว้นเครือข่ายที่คุณต้องการจะเชื่อมต่อ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอ

บทความเกี่ยวกับ Wi-Fi อื่นๆ

ในบทความนี้ เราก็จะมาแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ไปยังเครือข่าย Wi-Fi ที่สามารถทำด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ให้ลองไปใช้แก้ไขปัญหากันดูนะ

1. ปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode)

ถ้าอยู่ดี ๆ คอมพิวเตอร์ก็มองไม่เห็นเครือข่าย Wi-Fi เลย สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ตรวจสอบก่อนว่าคอมพิวเตอร์อยู่ในโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) หรือเปล่า เพราะโหมดนี้จะปิดระบบการสื่อสารไร้สาย ซึ่ง Wi-Fi ก็นับเป็นการสื่อสารแบบไร้สายรูปแบบหนึ่งด้วยเช่นกัน

วิธีปิด Airplane Mode

เราสามารถปิดได้ง่าย ๆ โดยคลิกที่ "ไอคอน Action Center" ที่อยู่ตรงมุมขวาล่างของหน้าจอ แล้วคลิกที่ "ไอคอน Airplane Mode"

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

แต่ถ้าใน "เมนู Action center" ของคุณไม่มี "ไอคอน Airplane mode" ก็ให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. กด "Windows + i" เพื่อเปิด "หน้าต่าง Settings" ขึ้นมา
  2. คลิกที่ "ไอคอน Network & Internet"
  3. ในพาเนลด้านซ้าย คลิกที่ "เมนู Airplane Mode"
  4. ในพาเนลด้านขวา ใต้หัวข้อ Airplane Mode ให้ คลิกเปลี่ยนเป็น "Off"
  5. ในพาเนลด้านขวา ใต้หัวข้อ Wireless Devices ตรวจสอบว่า Wi-Fi อยู่ใน "สถานะ On"

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

หลังจากตรวจสอบแล้วว่า ปัญหาไม่ได้มาจากการเผลอเปิดใช้งานโหมดเครื่องบินเอาไว้ ขั้นตอนถัดมาก็แนะนำให้ใช้เครื่องมือแก้ปัญหาที่มีอยู่แล้วในตัวระบบปฏิบัติการ Windows นั่นก็คือ "Internet Connections Troubleshooter" โดยมันจะตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาให้เราโดยอัตโนมัติ

วิธีใช้เครื่องมือ Internet Connections Troubleshooter

  1. กด "Windows + i" เพื่อเปิด "หน้าต่าง Settings" ขึ้นมา
  2. คลิกที่ "ไอคอน Update & Security"
  3. ในพาเนลด้านซ้าย คลิกที่ "เมนู Troubleshoot"
  4. ในพาเนลด้านขวา คลิกที่ "เมนู Additional Troubleshooter"
  5. คลิกที่ "เมนู Internet Connections"
  6. คลิกที่ "ปุ่ม Run the Troubleshooter"
  7. จากนั้น ก็ทำตามคำแนะนำที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

  1. ถ้าปัญหายังอยู่ ให้ทำตามขั้นตอน 1-4 อีกครั้ง
  2. คลิกที่ "เมนู Network Adapter"
  3. คลิกที่ "ปุ่ม Run the Troubleshooter"
  4. จากนั้น ก็ทำตามคำแนะนำที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

3. สั่งให้ลืมเครือข่าย Wi-Fi

อาจจะอ่านแล้วดูแปลกสักหน่อย ว่าการลืมจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร ? แต่บ่อยครั้งที่เราพบว่า ตัวระบบปฏิบัติการ Windows สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่มีปัญหาได้ เมื่อเราสั่งลืม แล้วทำความรู้จักกับมันใหม่อีกครั้ง

วิธีลืมเครือข่าย Wi-Fi

  1. กด "Windows + i" เพื่อเปิด "หน้าต่าง Settings" ขึ้นมา
  2. คลิกที่ "Network & Internet"
  3. ในพาเนลด้านซ้าย คลิกที่ "เมนู Wi-Fi"
  4. ในพาเนลด้านขวา คลิกที่ "เมนู Show available networks"
  5. "คลิกขวา" ที่เครือข่ายที่เรามีปัญหาในการเชื่อมต่อ แล้วเลือก "เมนู Forget"

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

4. ตรวจสอบคุณสมบัติของ Wi-Fi Network Adapter

ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก โดยเมื่อแบตเตอรี่ใกล้จะหมด แล้วเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน (Battery Saver Mode) ตัว ระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะเริ่มปิดการทำงานของคุณสมบัติหลายอย่างเพื่อลดอัตราการใช้พลังงาน

และถ้าคุณพบว่า Wi-Fi หยุดทำงานทุกครั้งที่แบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊กใกล้หมด คุณสามารถเข้าไปตรวจสอบการตั้งค่าคุณสมบัติของ Wi-Fi Network Adapter เพื่อดูว่าสามารถปรับให้ Wi-Fi ยังทำงานได้ตามปกติ แม้จะอยู่ในโหมดประหยัดพลังงานได้หรือเปล่า

วิธีตรวจสอบคุณสมบัติของ Wi-Fi Network Adapter

  1. คลิกขวาที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Device Manager"
  2. คลิกซ้ายที่ "เมนู Network Adapters" เพื่อแสดงรายการที่ถูกซ่อนอยู่ออกมา
  3. คลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์ Wi-Fi (แต่ละเครื่องจะชื่อแตกต่างกัน) แล้วเลือก "เมนู Properties"

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

  1. ไปที่ "แท็บ Power Management" คลิกเอาเครื่องหมาย ✔ออกจาก
    "☑ Allow the computer to turn off this device to save power"
  2. คลิกที่ "ปุ่ม OK" เพื่อบันทึกการตั้งค่า
  3. รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

5. ปิด และเปิดตัวการ์ดแลน (Network Interface Card) ใหม่

การที่คอมพิวเตอร์จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ จำเป็นต้องมีการดแลน หรือ การ์ดเครือข่าย (Network Interface Card - NIC) อยู่ภายในเครื่องด้วย โดยการ์ดตัวนี้รับผิดชอบด้านการสื่อสารทั้งแบบมีสาย และไร้สาย ถ้าหากเครือข่ายมีปัญหาเพราะการทำงานของ NIC การแก้ไขเบื้องต้น คือ การปิด (Disable) และเปิด (Enable) ตัว Network Interface Card ใหม่อีกครั้ง

วิธีเปิด (Disable) และปิด (Enable) ตัว Network Interface Card ใหม่

  1. กด "Windows + i" เพื่อเปิด "หน้าต่าง Settings" ขึ้นมา
  2. คลิกที่ "ไอคอน Network & Internet"
  3. ในพาเนลด้านขวา คลิกที่ "เมนู Change Adapter Options"

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

  1. หน้าต่าง Network Connections จะถูกเปิดขึ้นมา
  2. "คลิกขวา" ที่การ์ด NIC แล้วเลือก "เมนู Disable"
  3. หลังจาก Disable แล้ว ให้ "คลิกขวา" ที่การ์ด NIC อีกครั้ง แล้วเลือก "เมนู Enable"

6. เปิดใช้งาน Dynamic Host Configuration Protocol

คุณสมบัติที่เรียกว่า Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP) มันทำหน้าที่ดูแล และควบคุม IP address ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ไร้สาย แน่นอนว่ามันรวมไปถึงคอมพิวเตอร์ของคุณด้วย ถ้าหากคุณสมบัติ DHCP ถูกปิดเอาไว้อยู่ คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะไม่สามารถเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Wi-Fi ได้

วิธีเปิดใช้งาน Dynamic Host Configuration Protocol

  1. กด "Windows + i" เพื่อเปิด "หน้าต่าง Settings" ขึ้นมา
  2. คลิกที่ "ไอคอน Network & Internet"
  3. ในพาเนลด้านขวา คลิกที่ "เมนู Change Adapter Options"
  4. หน้าต่าง Network Connections จะถูกเปิดขึ้นมา
  5. "คลิกขวา" ที่การ์ด NIC แล้วเลือก "เมนู Diagnose"
  6. รอจน Windows ดำเนินการแก้ไขจนเสร็จ มันจะเปิดใช้งาน DHCP และแก้ไขปัญหาเครือข่ายให้อัตโนมัติ

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

7. ตั้งค่า Channel Width เป็นแบบอัตโนมัติ (Auto)

ถ้าภายในที่อยู่อาศัย หรือที่ทำงานมีเราเตอร์หลายตัวที่ใช้ ความกว้างของช่องสัญญาณ (Channel Width ) เดียวกันอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งคลื่นวิทยุที่ถูกปล่อยออกมา ก็อาจจะชนกันเอง และประสบปัญหาในการทำงานได้ คุณสามารถลองเปลี่ยนค่า Channel Width ด้วยตนเอง เพื่อดูว่าเมื่อเปลี่ยนแล้ว ปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

วิธีตั้งค่า Channel Width เป็น Auto

  1. "คลิกขวา" ที่ "ปุ่ม Start" แล้วเลือก "เมนู Device Manager"
  2. "คลิกซ้าย" ที่ "เมนู Networl Adapters" เพื่อแสดงรายการที่ถูกซ่อนอยู่ออกมา
  3. "คลิกขวา" ที่ชื่ออุปกรณ์ Wi-Fi (แต่ละเครื่องจะชื่อแตกต่างกัน) แล้วเลือก "เมนู Properties"
  4. ไปที่ "แท็บ Advanced" ใต้ "เมนู Property" เลือก "Channel Width for 2.4GHz" หรือ "Channel Width for 5GHz"
  5. จากนั้นเลือกค่า Value เป็น "Auto" 
  6. คลิกที่ "ปุ่ม OK" เพื่อบันทึกการตั้งค่า

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

ในกรณีที่ไม่มีตัวเลือก "Auto" ให้ตั้ง ก็ลองปรับเป็นค่าอื่น ๆ แล้วทดสอบดูว่า มันช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็อย่าลืมกลับมาตั้งค่าให้เหมือนเดิมด้วยล่ะ

8. ลบค่า Wireless Profile

หากระบบ Wireless Profile เกิดความเสียหาย หรือมีข้อผิดพลาด (Bug) ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้ด้วย วิธีการแก้ไขที่ง่ายที่สุด คือการใช้การพิมพ์คำสั่ง (Command Prompt)

วิธีลบค่า Wireless Profile

  1. กดปุ่ม "Windows + r" แล้วพิมพ์ว่า "cmd" จากนั้นกด "ปุ่ม Ctrl + Shift + Enter"
  2. พิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้ลงไป แล้วกด "ปุ่ม Enter"
    netsh wlan delete profile name =ชื่อ Wi-Fi 
    ตัวอย่างเช่น
    netsh wlan delete profile name =THAIWARE_Wi-Fi_5G

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

9. เปิดใช้งาน WLAN AutoConfig

WLAN AutoConfig เป็นคุณสมบัติที่ทำหน้าที่กำหนดค่า, การค้นหา, การเชื่อมต่อ และยกเลิกการเชื่อมต่อจากเครือข่ายไร้สาย หากมันหยุดทำงาน ผู้ใช้จะประสบปัญหากับการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอย่างแน่นอน

วิธีเปิดใช้งาน WLAN AutoConfig

  1. กดปุ่ม "Windows + r" แล้วพิมพ์ว่า "services.msc" จากนั้นกด "ปุ่ม Enter"
  2. ในหน้าต่าง Services ให้เลื่อนหา "WLAN AutoConfig"
  3. "คลิกขวา" ที่ "WLAN AutoConfig" แล้วเลือก "เมนู Properties"
  4. ตรวจสอบดูว่า Service status อยู่ในสถานะอะไร หากอยู่ในสถานะ "Stopped"  ให้คลิกที่ "ปุ่ม Start"
  5. ตั้งค่าประเภท Startup type ให้เป็น "Automatic"
  6. คลิกที่ "ปุ่ม Apple" แล้ว คลิกที่ "ปุ่ม OK" เพื่อยืนยันการตั้งค่า

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 ยังมี Service อีกหลายตัว ที่จำเป็นต่อการทำงานของเครือข่าย Wi-Fi แนะนำว่าควรตรวจสอบรายการต่อไปนี้ว่าอยู่ในสถานะ "Running" ครบทุก Service หรือเปล่า

  • Network Location Awareness
  • Network List Service
  • Application Layer Gateway Service
  • Remote Procedure Call (RPC)
  • Network Connections
  • Remote Access Connection Manager
  • Remote Access Auto Connection Manager

10. เปลี่ยนชื่อ Wi-Fi และรหัสผ่าน

วิธีแก้ปัญหาสุดพื้นฐาน แต่บ่อยครั้งที่มันได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม การจะแก้ไขด้วยวิธีการนี้ คุณต้องมีสิทธิ์ในการเข้าไปเปลี่ยนการตั้งค่าของเราเตอร์ด้วย

เราเตอร์แต่ละรุ่นจะมีวิธีการเข้าไปตั้งค่าที่แตกต่างกันออกไป แนะนำว่าควรดูคู่มือการใช้งานที่ให้มากับเราเตอร์ หรือค้นหาวิธีตั้งค่าใน Google ดู 

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

11. ปรับเปลี่ยนจำนวนผู้ใช้งาน DHCP

สำหรับเราเตอร์ธรรมดาทั่วไปแล้ว จำนวนผู้ใช้งาน DHCP (DHCP Client Numner) จะมีขีดจำกัดอยู่ที่ประมาณ 50 ผู้ใช้ หากมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่านั้น อาจทำให้เกิดปัญหากับระบบ Wi-Fi ได้

การตั้งค่าจำกัดจำนวนผู้ใช้งาน DHCP จึงอาจแก้ไขปัญหาให้คุณได้ ส่วนวิธีการตั้งค่า เราเตอร์แต่ละรุ่นก็จะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป แนะนำให้อ่านคู่มือประกอบ หรือสอบถามไปยังฝ่ายบริการของลูกค้าของผู้ผลิตเราเตอร์แบรนด์ที่คุณใช้งานอยู่


หวังว่า ใครที่ประสบปัญหากับเครือข่าย Wi-Fi อยู่ วิธีการที่เราได้รวบรวมมานำเสนอจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้นะ

ที่มา : www.makeuseof.com

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11

เขียนโดย

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ได้ win11
    Thaiware

แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ