ทา เซ รั่ ม แล้ว ทาครีมได้ ไหม

หน้าแรก > บทความ > 5 เทคนิคทาครีมให้ซึมเร็ว ให้ผิวได้รับครีมไปเต็มๆ

5 เทคนิคทาครีมให้ซึมเร็ว ให้ผิวได้รับครีมไปเต็มๆ

ได้ครีมดีๆ มาแล้ว ทำไมรู้สึกว่าเหมือนครีมเข้าสู่ผิวได้ไม่เต็มที่ วันนี้ DERMA EXPERT ขอมาแนะนำวิธีทาให้ซึมเร็ว ให้ผิวเราได้ครีมไปแบบเต็มค่ะ

1. ล้างหน้าให้สะอาดก่อน

เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เราก็ต้องล้างสิ่งอุดตัน ที่อาจจะกั้นไม่ให้ครีมเราซึมเข้าสู่ผิวได้ ดังนั้นก่อนทาครีม ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนเสมอค่ะ

2. ทาตอนที่ผิวยังชื้นๆ อยู่

ทา เซ รั่ ม แล้ว ทาครีมได้ ไหม

มีผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่า ผิวที่ยังชื้นๆ อยู่ หลังจากอาบน้ำเสร็จ จะช่วยให้ครีมซึมเข้าผิวได้มากกว่าผิวตอนที่แห้งสนิทแล้วถึง 10 เท่า ถ้าเราอยากให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวทุกรูขุมขน ควรรีบทาครีมหลังอาบน้ำใหม่ๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่ทาตอนที่หน้าเปียกนะคะ ซับหน้านิดนึงก่อน ให้ผิวยังดูชุ่มชื้น แล้วค่อยทาครีมลงไปค่ะ

3. เรียงลำดับการทาครีมให้ถูกต้อง

หลายคนอาจโฟกัสไปที่คุณสมบัติของครีมว่าตัวไหนดีหรือไม่ดี แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ “ลำดับการทาครีม” ค่ะ เพราะต่อให้ได้ครีมดีมา แต่ทาผิดลำดับก็ทำให้ครีมตัวนั้นซึมเข้าผิวได้ไม่เต็มที่ ลำดับขั้นตอนหลักๆ ที่ถูกต้องคือ ควรเริ่มจาก

ครีมทาเฉพาะจุด>>>เซรั่ม>>>มอยส์เจอร์เซอร์>>>ครีมกันแดดค่ะ

หรือครีมที่มีเนื้อบางเบาที่สุดไปหาครีมที่มีเนื้อหนาที่สุด

 4. บีบใส่นิ้วมือ แล้วค่อยแต้มที่ละจุด

ทา เซ รั่ ม แล้ว ทาครีมได้ ไหม

ใครชอบทาครีมแบบบีบใส่มือ แล้วเอามาถูๆ ที่มือก่อน แล้วค่อยเอาไปทาหน้าไหมคะ ถ้าใช่ เราขอแนะนำวิธีใหม่ที่ทำให้ครีมซึมเข้าผิวได้แบบเน้นๆ และช่วยประหยัดครีมไม่ให้หมดเร็วได้ด้วยค่ะ นั่นก็คือ ให้บีบครีมลงบนนิ้วมือเพียงนิดเดียวก็พอ แล้วแต้มไปที่ผิวหน้าแต่ละจุด เช่น แก้ม 1 จุด จมูก 1 จุด หน้าผาก 1 จุด คาง 1 จุด แล้วค่อยทาครีมให้ซึมเข้าผิวค่ะ วิธีนี้จะทำให้ครีมเข้าสู่ผิวได้มากกว่า ถ้าทาแบบวิธีแรก จะทำให้ครีมไปติดที่ผิวมือแทน แต่มีครีมจำนวนน้อยที่เข้าสู่ผิวจริงๆ

5. อย่าทาเยอะเกินไป

เราอาจรู้สึกว่า ยิ่งเยอะก็ยิ่งดีใช่ไหมคะ แต่ความเป็นจริงแล้ว ครีมแต่ละแบบก็มีปริมาณที่เหมาะสมแตกต่างกัน เช่น ครีมกันแดดก็ต้องใช้ถึง 2 ข้อนิ้วมือ หรือขนาดเท่าเหรียญสิบสำหรับทาทั่วใบหน้าและลำคอ ในขณะที่เซรั่มใช้แค่เพียงเท่าถั่วเม็ดลันเตาก็เพียงพอแล้ว และที่สำคัญครีมบางตัวหากใช้เยอะเกินก็อาจทำให้ผิวเราระคายเคืองได้เช่นกันค่ะ

ใครรู้สึกว่าทาครีมไปนานแล้ว แต่ดูเหมือนผิวหน้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลองเปลี่ยนวิธีทาครีมตามที่เราแนะนำกันดูค่ะ ครีมตัวเดิม อาจทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แค่เปลี่ยนวิธีการทา

ข้อมูลจาก : id SKIN EXPERT

==================================

Visitors: 725,742

จัดลำดับการทาครีมบำรุงผิว เช้า ก่อนนอน อะไรก่อนหลัง ทาอย่างไรถึงเห็นผล?

บางคนเห็นหัวข้อนี้แล้วอาจเมินผ่านเพราะคุณเซียนอยู่แล้ว แต่เชื่อไหมว่านี่คือคำถามอันดับหนึ่ง เพราะยังมีผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่มีสกินแคร์จำนวนมากไว้ในครอบครอง อารมณ์ว่าใครว่าดีก็ซื้อตาม แต่สุดท้ายกลับใช้ผิดใช้ถูกจนไม่เห็นผล บ่อยครั้งยังแยกเดย์ครีมกับไนต์ครีมไม่ออก ทำให้ต้องคอยเสียเงินซ้ำๆ อยู่ร่ำไป หากคุณเข้าข่ายดังว่า เราขอชวนมาทำความเข้าใจลำดับการทาครีมบำรุงเสียใหม่ รับรองปฏิบัติตามนี้ไม่งงแน่นอน

ทำไมลำดับการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวถึงสำคัญ

คุณอาจจะคิดว่าผสมๆ เซรั่มขวดนี้เข้ากับครีมกระปุกนู้นแล้วทาพร้อมกันก็ได้ สุดท้ายมันก็ไปรวมในผิวอยู่ดี แต่ช้าก่อน เพราะหลักการให้ทาสกินแคร์ไล่ตามหน้าที่ และน้ำหนักเนื้อนั้นเป็นไปเพื่อให้ผิวได้รับคุณประโยชน์ที่พึงได้จากสกินแคร์อย่างสูงสุด “ลำดับการทาสกินแคร์นั้นสำคัญมาก” ดร.เฮเธอร์ โรเจอร์ส (Dr. Heather Rogers) แพทย์ผิวหนังกล่าว

“หน้าที่ของผิวคือปกป้องผิว คอยกรองสิ่งแปลกปลอมออก ในขณะเดียวกันสกินแคร์ก็มีส่วนผสมบำรุงต่างๆ ที่เราอยากเติมเข้าผิว ทว่าแม้สกินแคร์จะสูตรทรงประสิทธิภาพเพียงใด และอนุภาคเล็กซึมซาบดีเพียงใด หากทาไม่ถูกลำดับขั้น ผิวคุณจะไม่ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ที่สุด”

ยกตัวอย่างหากคุณมีอาการสิวอักเสบ แต่คุณกลับทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อนแล้วจึงทาเจลแต้มสิว เช่นนี้ส่วนผสมซาลิไซลิกแอซิด ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะถูกครีมบังอยู่ นอกจากนี้ช่วงเวลาก็สำคัญไม่แพ้กัน หากสลับหรือใช้สกินแคร์กลางวันกลางคืนมั่วไปหมด อาจส่งผลเสียต่อผิวมากกว่า เช่น ในเคสยาแต้มสิวเดียวกันนี้ หากคุณใช้ตอนกลางวัน พอผิวเจอแดดแรงๆ เข้าก็มีความเสี่ยงสูงว่าผิวจะถูกกระตุ้นให้แสบไหม้ได้

ทา เซ รั่ ม แล้ว ทาครีมได้ ไหม

ทีนี้ต้องเรียงลำดับอย่างไรล่ะ

กฎพื้นฐานคือดูตามหน้าที่ของสกินแคร์ จากล้างทำความสะอาด บำรุง ไปถึงปกป้องผิว และยึดความเข้มข้นของเนื้อสัมผัสเป็นหลักโดยเริ่มจากเบาไปหนัก หรือจากของเหลวใสไปออยล์และครีม

“ทั่วๆ ไปคือจากเนื้อเบาไปหนัก และสำคัญมากว่าสกินแคร์ที่มีส่วนผสมบำรุงผิวเข้มข้นอย่างแอนติออกซิแดนต์ในเซรั่ม ควรซึมซาบไปเป็นอันดับแรกๆ แล้วจึงตามด้วยสกินแคร์ที่เคลือบบนผิวอย่างพวกอิโมลเลียนต์เก็บความชุ่มชื้นในครีม” ดร.โรเจอร์สแนะนำพอให้เห็นภาพ ที่นี้ลองมาดูลำดับขั้นอย่างละเอียดระหว่างกลางวันกับกลางคืนดูดีกว่า

Skincare Regimen: ลำดับการบำรุงผิว

ในภาพรวมมีขั้นตอนพื้นฐาน 7-8 ขั้นตามตารางที่คุณควรเซฟเก็บไว้เพื่อความเข้าใจ

สำหรับช่วงกลางวันเน้นไปที่การเติมน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และปัจจัยทำร้ายผิวต่างๆ เป็นพื้นฐาน ในช่วงเวลานี้ควรงดการใช้สกินแคร์แรงๆ ที่กระตุ้นการผลัดผิว

ส่วนกลางคืนเน้นดูแลผิวให้ชุ่มชื้นเช่นกัน เสริมสกินแคร์ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะจุด และซ่อมแซมผิว

*Step 1: คลีนเซอร์ (Cleanser) *

ตอนเช้าแม้เป็นช่วงที่ผิวไม่ได้สกปรกนัก แต่การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่านั้นไม่เพียงพอ พอลล่า เบกวน (Paula Begoun) กูรูด้านสกินแคร์แนะให้เลือกใช้คลีนเซอร์ตามสภาพผิว “น้ำเปล่าไม่ช่วยล้างความมันออก ในช่วงเช้าควรใช้คลีนเซอร์ล้างเอาสิ่งที่ทาในค่ำคืนออกไปก่อน ผิวจะได้สะอาดเตรียมรับสารบำรุงใหม่ได้” ส่วนในตอนกลางคืน หากแต่งหน้าก็ต้องใช้เมกอัพรีมูฟเวอร์ก่อนด้วย แล้วตามด้วยคลีนเซอร์

*Step 2: โทนเนอร์ (Toner) *

ถือเป็น Optional ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ให้ดูตามสภาพผิวหลังล้างหน้า เพราะดั้งเดิมโทนเนอร์ออกแบบมาให้ช่วยทำความสะอาดผิวอีกขั้น และช่วยปรับสมดุลผิวหลังใช้คลีนเซอร์ ซึ่งช่วยให้ผิวสะอาดแต่ก็แห้งตึงอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันมีคลีนเซอร์สูตรใหม่มากมายที่ช่วยปรับสมดุลผิวไปในตัวแล้ว ในขณะเดียวกันโทนเนอร์ก็มีหลากหลายสูตร และเพิ่มส่วนผสมบำรุงผิวเข้าไปด้วย ข้อควรระวังคืออย่าเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้ง

*Step 3: ทรีตเมนต์ เอสเซนส์ (Treatment Essences) และทรีตเมนต์ โลชั่น (Treatment Lotion) *

ถือเป็น Optional เช่นกัน ว่าง่ายๆ นี่คือน้ำตบ ที่เป็นขั้นตอนที่เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยเตรียมให้ผิวชุ่มชื้นพร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไป และช่วยบำรุงผิวเป็นขั้นตอนแรก ด้วยเนื้อสัมผัสแบบน้ำเบาบาง บวกกับลักษณะการใช้ที่ต้องอาศัยปลายนิ้วตบเบาๆ ทั่วใบหน้า จึงช่วยปลุกกระตุ้นการไหลเวียนในผิวได้

Step 4: ครีมบำรุงรอบดวงตา (Eyes Cream)

แพทย์ผิวหนัง แอนนี ชิว (Annie Chiu) แนะนำให้ทาอายส์ครีมตั้งแต่ช่วงวัย 20 ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างสม่ำเสมอ “ไม่มีอายส์ครีมมหัศจรรย์ใดช่วยให้เห็นผลในข้ามคืน การทาอายส์ครีมเป็นเรื่องของการเหนี่ยวรั้งสภาพผิวรอบดวงตาไม่ให้หย่อนยาน หากใช้ประจำในระยะยาว จะช่วยป้องกันริ้วรอยและลดการสูญเสียคอลลาเจนได้”

Step 5: เซรั่ม (Serum)

เซรั่มเป็นสกินแคร์ที่อัดแน่นด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์บำรุงผิวที่สุด จึงไม่ควรข้ามขั้นตอนนี้ แนะนำควรมีเซรั่มชุ่มชื้นเติมน้ำให้ผิวเป็นเซรั่มพื้นฐานทั้งกลางวันและกลางคืน แล้วเสริมด้วยเซรั่มอื่นๆ ตามวัยและตามแต่สภาพผิวต้องการ สำหรับช่วงกลางวัน ดร. โรเจอร์สแนะนำว่าควรใช้เซรั่มแอนติออกซิแดนต์ด้วย เพราะให้ผลครอบคลุมทั้งลดการอักเสบผิว ปกป้องผิวจากรังสียูวี มลภาวะต่างๆ ส่วนเวลากลางคืนเป็นช่วงที่ร่างกายและผิวเตรียมซ่อมแซมส่วนต่างๆ ขณะที่เรานอนหลับ จึงควรใช้เซรั่มหรือทรีตเมนต์ที่แก้ปัญหาผิวเฉพาะเจาะจง ซึ่งมักมีส่วนผสมที่แรงขึ้นอย่างวิตามินซี เรตินอล เปปไทด์ เช่น เซรั่มต้านริ้วรอย เซรั่มเพื่อลดเลือนจุดด่างดำ เซรั่มกระตุ้นการผลัดผิว แผ่นพีลลิ่ง ยาแต้มสิว และควรสังเกตดูตามสภาพผิวในช่วงเวลานั้นๆ

Step 6: มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer)

เพราะผิวคนเราล้วนต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด อากาศร้อนหนาว และปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยดึงความชุ่มชื้นในผิวออกไป และแม้ร่างกายจะผลิตสารหล่อลื่นและน้ำมันมาเคลือบผิวตามธรรมชาติแล้วก็ตาม แต่ทุกสภาพผิวแม้ผิวมันก็ต้องการมอยส์เจอไรเซอร์เสริมอยู่ดี เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นภายในผิว ซึ่งเป็นพื้นฐานผิวสุขภาพดีไว้ มอยส์เจอไรเซอร์บางชนิดใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มักมีเนื้อสัมผัสเบาแบบเจลถึงเจลครีม ส่วนบางชนิดที่เข้มข้นขึ้นก็เหมาะสำหรับใช้กลางคืน เพื่อช่วยเคลือบผิวและลดการระเหยของน้ำ อย่างไรก็ตามในคนที่ผิวแห้งมากๆ สามารถเสริมด้วยออยล์ก่อนทาครีมได้อีก

*Step 7: ครีมกันแดด (Sunscreen) *

อีกขั้นตอนสำคัญขาดไม่ได้สำหรับช่วงเวลากลางวัน แต่จะใช้ครีมกันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen) หรือครีมกันแดดแบบสะท้อนแสงออก (Physical Sunscreen) ดีนั้น ดร.โรเจอร์สแนะนำว่าให้ใช้แบบหลังจะดีกว่า เนื่องจาก “ครีมกันแดดแบบเคมีจะต้องอาศัยเวลาให้ซึมซาบเข้าผิวจึงจะเห็นผล ดังนั้นถ้าลงกันแดดแบบนี้ตามหลังมอยส์เจอไรเซอร์ก็จะผ่านลงไปได้ยาก” ด้วยเหตุนี้ครีมกันแดดแบบมิเนอรัลสะท้อนแสงออกจากผิวที่มักใช้ซิงก์เป็นส่วนประกอบหลักจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า แถมยังปลอดภัยและให้ผลป้องกันรังสียูวีเอและบีได้ครอบคลุมกว่า แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดแบบเคมี ก็แนะนำว่าให้เลือกสูตรที่ผสมสารให้ความชุ่มชื้นไปในตัว และข้ามขั้นตอนมอยส์เจอไรเซอร์ไปเสียเลยก็ได้เหมือนกัน

พิสูจน์อักษร: *ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์ *

อ้างอิง

  • www.skincare.com/article/how-to-layer-skin-care-products
  • www.dermstore.com/blog/in-what-order-do-i-apply-my-skin-care-products-infographic
  • www.allure.com/story/how-to-layer-your-skin-care-products
  • https://glowjournal.com/paulas-choice-q-and-a

ทาเซรั่มแล้วทาครีมกันแดดได้ไหม

การใช้เซรั่มบำรุงผิวหน้า ควรใช้ควบคู่กับการทาครีมกันแดด โดยทาเซรั่มทิ้งไว้สักพัก ให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิว แล้วค่อยทาครีมบำรุงผิว แล้วไปจบที่ครีมกันแดด ถือเป็นการบำรุงที่ได้ทั้งผิวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ ผิวชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากแสงแดดได้อีกด้วย

เซรั่มทาตอนกลางคืนได้ไหม

สำหรับตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ผิวจะฟื้นฟูตัวเอง จึงควรใช้เซรั่มที่แก้ปัญหาผิวเฉพาะเจาะจง เช่น เซรั่มต้านริ้วรอย ซึ่งสารสกัดที่ใช้เป็นส่วนผสมมักมีพลังในการบำรุงมากกว่ากลางวัน เช่น โปรตีน (บางครั้งอยู่ในรูปเปปไทด์) เรตินอล หรือวิตามินซี

ทาครีมแล้วทากันแดดได้ไหม

หลังจากที่ลงครีมบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไรเซอร์เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็เป็นการทากันแดดแล้วค่ะ สาเหตุที่เราต้องทาหลังลงครีมบำรุงผิวก็เพราะว่า ถ้าเราลงกันแดดก่อน ครีมบำรุงก็จะไม่สามารถซึมซับลงสู่ชั้นผิวได้หรืออาจจะไม่สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากที่ชั้นผิวนอกสุดมีโลชั่นกันแดดเคลือบอยู่ ดังนั้นเราจึงต้อง ...

เซรั่มทาตอนเช้าได้ไหม

หลังจากที่สาวๆ ทำความสะอาดผิวหน้ากันเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนแรกเราจะเริ่มจากการทาเซรั่ม เพราะเนื้อของเซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็ก และมีความเข้มข้นสูงมาก ซึมเร็วและลงลึกถึงชั้นผิว แนะนำให้ทาทั้งเช้าและเย็นเป็นอันดับแรก ก่อนเริ่มทาครีมหรือใช้สกินแคร์ตัวอื่นๆ