มหากาฬ…ของถูกและดี จาก IKEA พร้อมรีวิว การ D.I.Y Built in สารพัดห้อง ด้วยงบไม่เกิน 30,000 คนรักการตกแต่งบ้าน ห้ามพลาด!!! คนรักการ D.I.Y & ตกแต่งบ้านห้ามพลาด!!! วันนี้…ขอเสนอบทความมหากาฬ รีวิวของถูกและดี จาก IKEA พร้อม วิธีการ D.I.Y + Built สารพัดห้อง ง่าย ๆ จาก บิวตี้ บล็อกเกอร์ คนสวย K.PuY~isme บอกเลยว่าใครที่ได้อ่านรีวิวฉบับนี้ จัดมาให้กันแบบละเอียดยิบ ทุกกระบวนการตกแต่ง เข้าใจง่าย ครบ จบทุกรายละเอียด แค่เห็นภาพหัว สวยงามขนาดนี้ ก็อดใจไม่ได้ที่จะอ่านต่อกันแล้วใช่ไหมหละ ตามไปดูรายละเอียดมหากาฬ ของถูกและดี กันต่อได้เลย :/D … สวัสดีค่ะ ชื่อ ปุ้ย ค่ะ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องบ้าน (ปกติจะเขียนแต่เรื่องบิ้วตี้) ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาด หรือผิดกฏ ต้องขออภัยไว้ ณ ย่อหน้าแรกนี้เลย และหากมีคำแนะนำ ปุ้ยขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ บล็อกนี้เป็นความภาคภูมิใจที่มากๆ ในขีวิตเลย เพราะเกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง ของปุ้ยเอง เพราะที่บ้านไม่อนุมัติงบเฟอร์นิเจอร์ จึงต้องเก็บเงินทำ DIY เองค่ะ แบบนี้ เป็นทางที่พอจะเป็นไปได้ ที่จะทำฝันให้เป็นจริง ได้มากที่สุด ทั้งหมดนี้ เกิดจากไอเดียการออกแบบ การวัดพื้นที่ เลือกซื้อของทุกชิ้นเอง จ่ายเอง (แต่ให้สามีช่วยติดตั้งให้) โอเค ขอเข้าเรื่องเลยค่ะ โดยเริ่มจากพื้นที่ที่ใช้สอยบ่อยๆ ก่อนค่ะ ที่จะมารีวิวในบล็อกนี้ มี 3 ส่วน คือ ห้องทำงาน (my Work Studio) ห้องเก็บของ (my StoreRoom) และมุมบิ้วตี้ตามทางเดินในบ้าน (my Beauty Station in Hallway) ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ ส่วนใหญ่เลย 95% ซื้อจาก IKEA งบไม่เกิน 30,000 /ห้อง (ออกตัวไว้ก่อน ไม่ได้มีเอี่ยว ไม่ได้ค่าจ้างรีวิวซักบาทนะคะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่า เชียร์เพราะมีเบื้องหลัง) ที่ชอบอีเกีย เพราะว่าราคาไม่เว่อร์ ดีไซน์ดี คุณภาพโอเคกว่า พวก Index และ SB (ในชิ้นที่ราคาเท่าๆ กัน) แถมที่เว็บและแคตตาล็อกมีภาพไอเดียการใช้งานมาแชร์เยอะ เราเห็นแล้วเกิดไอเดียอยากทำบ้าง การเลือกสินค้าจากอีเกีย ปุ้ยจะเลือกของที่ประยุกต์ใช้งานได้ในราคาที่ไม่แพงเกินชิ้นละ 3 – 4,000 บาท (สินค้าอีเกียแพงๆ เยอะ แต่ของถูกและดี ก็มีไม่น้อย ต้องเดินนานๆ ดูให้ทั่วๆ ค่ะ) หลักการของปุ้ยคือ พยายามจะ DIY จากของชิ้นถูกๆ แต่เน้นใช้แรงมากหน่อยค่ะ คือ อยากได้ห้องสวยๆ แต่งบไม่เยอะ ส่วนรูป ปุ้ยเป็นคนถ่ายเอง ถ่ายมั่วๆ ไม่ได้มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ มากนัก บางรูปอาจจะเห็นว่าตู้เบี้ยวๆ เอียงๆ จริงๆ ไม่ได้เบี้ยวนะคะ คือ ยืมเลนส์พี่เขยมา แล้วเลนส์คล้ายๆ จะเป็นเลนส์ Wide เลยทำให้รูปป่องๆ ตรงกลาง มาพูดถึงอุปกรณ์ที่เราจะต้องใช้ก่อนค่ะ 1) อุปกรณ์การวัด ได้แก่ ตลับเมตร ไม้บรรทัดยาว ไม้วัดระดับ 2) ดินสอ 3) กระดาษ Post-it พับเป็นตัว L เอาไว้รองฝุ่นที่เจาะ 4) อุปกรณ์เจาะ ได้แก่ สกรูไฟฟ้า 5) อุปกรณ์ติดตั้ง ได้แก่ น็อตและพุก เบอร์ 7 – 8 (เตรียมไว้ทั้งหัวแบบและหัวกลม) ไขควง ค้อนยาง 6) บันได วิธีการ 2) สำรวจสินค้าตามแหล่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ 3) วัดพื้นที่หน้างานที่จะติดตั้งจริง แล้วก็เชคดูว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่เราเลือก นำไปวางได้พอดีมั้ย 4) ออกแบบ วาดรูปคร่าวๆ ว่าอะไรจะวาง จะแขวนตรงไหน โดยวิเคระห์จากการใช้สอยในชีวิตจริงๆ ของเรา 5) ไปซื้อของ เตรียมลิสท์ไป ถ้าเดินโชว์รูม เดินช้าๆ เพราะว่าถ้าเราหยิบของไม่ครบตามลิสท์จะต้องย้อนกลับมาใหม่ มันจะไกลเลยค่ะ แล้วก็ถ้าเจอเฟอร์นิเจอร์ที่จะซื้อในโชว์รูมถ่ายรูปรหัสตำแหน่งในสต๊อกด้วย เผื่อจะได้ไม่ต้องไปถามพนักงานว่าของชิ้นนี้อยู่ตรงไหนในโกดังค่ะ 6) เตรียมติดตั้ง วัดระดับที่จะติด โดยใช้ไม้วัดระดับช่วย เพื่อให้ตู้แขวนผนังไม่เอียง แล้วเอาดินสอขีดไว้ หรือถ้าต้องเจาะรู เอาดินสอจุดได้ ถ้าเมีคนช่วย ก็ให้เค้าช่วยเอาน็อตจริงๆ มาเสียบที่รู แล้วใช้ค้อนตอกลงไปให้ไปรอยว่า รูที่จะเจาะคือ “ตรงนี้นะ” 7) ขั้นตอนการติดตั้ง ดูตามคู่มือที่แนบมากับเฟอร์เจอร์ชิ้นนั้นๆ ได้เลย ** ข้อแนะนำในเรื่องการซื้อสินค้า IKEA สามารถให้เค้ามาส่งที่บ้านได้ค่ะ ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพก็ 590 บาท ถ้าไกลกว่านั้นก็ขึ้นกับระยะทาง และถ้าเฟอร์นิเจอร์ ราคาไม่สูงเว่อร์ ก็ใช้ช่างเค้าประกอบให้ คิดราคา 7% ของราคาสินค้า อย่างตู้บางชิ้นรายละเอียดเยอะ ปุ้ยซื้อมา 1,000 ให้เค้าประกอบให้ เพิ่มอีก 70 บาท แบบนี้สามียิ้มเลยค่ะ(ให้ช่างประกอบให้ เสียเงินเล็กๆ น้อยๆ ดีกว่าที่ต้อง วานสามี กว่าจะต้องรอดูอารมณ์วันไหนอารมณ์ดี ที่ไม่เสี่ยงต่อการโดนบ่น บางทีรอเป็นเดือน) รูปด้านบนนี้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งห้องทำงานค่ะ ( รูปนี้เป็นภาพตอนที่เพิ่งฉาบปูนเสร็จ กำลังติดตั้งหน้าต่าง ) มาดูผลงานกันเลยค่ะ ในการรีวิวนี้ ปุ้ยจะอธิบายวิธีคิด แล้วก็การใช้บัดเจ็ดไปด้วยเลย (บัดเจ็ดจะแจงเฉพาะเฟอร์นิเจอร์และของที่ติดตั้งบนผนัง) เผื่อใครจะลองจดไปใช้กันได้ค่ะ ห้องแรกเป็นห้องสตูดิโอ สำหรับนั่งเล่น อ่านหนังสือ นั่งทำงาน โดยความตั้งใจ อยากให้ห้องสว่างมากๆ เพราะงานส่วนใหญ่ของปุ้ยต้องพึ่งแสงธรรมชาติค่ะ ดังนั้นผนัง 2 ด้านจึงเป็นหน้าต่างบานสูง ดังนั้นห้องนี้ก็จะมีพื้นที่ให้ตกแต่งเหลือแค่ 2 ด้านเท่านั้นเอง ซึ่งห้องสตูดิโอนี้ มีขนาด หน้ากว้าง 3.7 เมตร ลึก 6 เมตร ปุ้ยแบ่งโซนด้วยการใช้บันได 3 ขั้น ช่วยให้ห้องดูมีมิติขึ้น เริ่มรีวิวจากชั้นบนหรือด้านหลังก่อนนะคะ รูปที่ 2 ตอนนี้ทาสี ติดแอร์ และปูพื้นแล้ว รูปที่ 3 หลังจากตกแต่งเสร็จ ในเรื่องของพื้น ปุ้ยเลือกพื้นกระเบื้องยางเพราะดูแลง่าย เลือกลายสีเทาอ่อน เพราะเป็นคนชอบสีโทนเทาๆ มากกว่าโทนสีน้ำตาล กระเบื้องยางสมัยนี้ดีมาก คือออกแบบมาเป็นระบบคลิ๊กล็อคไม่ต้องใช้กาว ติดตั้งเหมือนลามิเนตเลย แต่กันน้ำ และทนกว่าลามิเนต ส่วนผิวสัมผัสก็มีหลายแบบทั้งการเลียนแบบเทคเจอร์ของไม้จริง และเทคเจอร์แบบลามิเนตค่ะ ที่ห้องนี้ ปุ้ยลงทุนใช้ของดีหน่อย เป็นยี่ห้อ Alfa ราคาประมาณ 780 บาท/ตรม. (รวมค่าติดตั้งแล้ว และแถมบัวผนังด้วย) เวิร์คมาก ช่วยให้ห้องดูดีขึ้นมาเลย [เพจของยี่ห้อง Alfa http://www.facebook.com/alfaflooring] ** สำหรับคนที่สนใจกระเบื้องยาง ปกติกระเบื้องยางลายไม้จะตกเฉลี่ยอยู่ที่ ตรม. ละ 350 – 800 บาท ขึ้นกับคุณภาพและยี่ห้อค่ะ แต่พอติดแอร์ ช่างดันทำให้ปุ้ยเฟล เลย คือ ท่อแอร์สีคนละสีกับผนัง แล้วก็เห็นท่อแบบดูไม่สวยเลย สุดท้าย ปุ้ยไปเอาสีทาบ้าน ปีนบันไดขึ้นไปทาค่ะ มันดูโอเคขึ้น แล้วก็ตกแต่งอีกหน่อย ก็ช่วยพลาง เปลี่ยนจุดสนใจ ให้เราละสายตาจากจากท่อแอร์ไปได้ มาดูกันแบบละเอียดๆ เจาะทีละมุมกันค่ะ เริ่มจากที่เห็นไกลๆ ก่อน คือ ผ้าม่าน ซึ่งช่วยให้ห้องดูดีขึ้นมาก บอกเลยว่าคุ้มค่า กับบัดเจ็ดประมาณ 1,350 บาท โดยปุ้ยใช้ชุดราวสีดำ ให้สอดคล้องกับวงกบหน้าต่าง ส่วนผ้าม่านโครตคุ้ม คือ ดีและถูกมาก เป็นผ้าโปรงที่ยาวจรดพื้น พอติดลงไปแล้วช่วยให้ห้องสว่างขึ้น เพราะกันแสงไม่ให้แชร์ออกไปยังโถงทางอีกฝั่งของห้อง ซึ่งเป็นหน้าต่างบานกระจกใส และช่วยพลางตาจากโถงทางเดินด้วยค่ะตรงกลางห้องเป็นโต๊ะเล็กๆ เซ็ทแบบลอยตัว คือเคลื่อนย้ายได้ตามจังหวะการใช้งาน อันนี้ขอข้ามนะคะ RÄCKA curtain rod combination THB 356 ใช้ชุดราวม่าน RÄCKA 2 ชุด 356×2 = 712 บาท ส่วนตรงข้างบันได ตู้กระจกด้านขวา เป็นตู้ใส่เครื่องประดับ อันนี้ได้มาฟรี ขอเพื่อนมาจาก Her Anything เพราะช่วยเค้าทำ Online Marketing อยู่ค่ะ (นี่ไม่ใช่โฆษณาแฝงนะคะ อย่าเข้าใจผิดเพราะตู้รุ่นนี้ ไม่มีนำเข้ามาขายแล้วค่ะ) มุมนี้จริงๆ เราสามารถใช้กระจกเงาธรรมดาหรือ กรอบรูปมาตกแต่ง หรือจะหาโคมไฟตั้งพื้นมาวางก็ได้เหมือนกันค่ะ ส่วนผ้าม่านอีกฝั่งนึง เป็นม่านปรับแสงสีขาว เลือกแบบที่ถูกที่สุด ของบางกอกการม่าน ราคา 2 บาน ประมาณ 4,000 บาท และข้างบันไดด้านขวา ตกแต่งด้านการติดกรอบรูปเล็กๆ สีขาว เรียงกัน 2 แถว ช่วยให้ห้องดูมีรายละเอียดน่ารักขึ้น ต่อมาเรามาดูการตกแต่งผนัง โดยปุ้ยตกแต่งให้เต็มผนังเลย พูดถึงผนังฝั่งซ้ายก่อน ไอเดียการสร้างแรงบันดาลใจจากปกแม็กกาซีนที่เราชื่นชอบ ใช้ชั้นวางรูปภาพ RIBBA สีดำ ที่ IKEA เค้ามี 2 ไซส์ ขนาดยาว 115 ซม.และ 55 ซม. โดยออกแบบช่องไฟให้แต่ละชั้นห่างกันซัก 40-45 ซม. จะกำลังสวยค่ะ ไม่อึดอัดเกินไป จากนั้นก็หากรอบรูป (ซื้อตามงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นละ 50-250 บาท) หรือแม็กกาซีนปกสวยๆ มาวางประดับค่ะ ส่วนผนังว่างๆ ด้านหลังกรอบรูป ปุ้ยลองใช้กระจกเงามาติดดู ช่วยให้ห้องดูกว้างและดูหรูหรา มีมิติขึ้น เพราะจะมีเงาสะท้อนให้ดูมีสีเงาๆ เงาๆ เล่นกับไฟดีขึ้น ซื้อจาก IKEA เช่นกัน กระจกเงา LOTS ขนาด 30×30 ซม. จะมี 4 ชิ้นค่ะ เค้าจะให้เทปโฟมกาว มาให้ ติดตั้งไม่ยาก แต่ต้องแม่น เพราะถ้าติดแล้วขยับไม่ได้ ถ้าจะแกะก็ลำบากเลยค่ะ แล้วก็มีราวแขวน ซีรีย์ FINTORP มีขอแขวน กระป๋องไว้ใส่ของ จริงๆ คือ ตั้งใจจะไว้เสียบพวกเครื่องเขียนค่ะ RIBBA Picture ledge, black THB 199 งบที่ใช้ ชั้นวางรูปภาพ RIBBA ไซส์เล็ก 199 บาท ด้านล่างของผนังฝั่งซ้ายเป็นตู้ลิ้นชัก HELMER เรียงแถวกัน 6 ตู้ อันนี้อาจจะประหยัดงบไปใช้เป็นชั้นวางของโปร่งๆ ได้ค่ะ หรือใครจะใช้เป็นตู้โชว์ยาวๆ ก็จะดูเรียบร้อยดี แต่สำหรับปุ้ย ใช้จำแนกเก็บของต่างๆ ให้เป็นระเบียบ แบ่งตามประเภทและหมวดหมู่ค่ะ ลิ้นชักนี้ขนาดเล็กมากๆ ช่องนึง สูงแค่ 10 ซม. กว้างยาวประมาณใส่กระดาษ A4 แล้วเหลือนิดๆ ปุ้ยใช้เก็บของทุกอย่างที่ใช้ในห้องนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นของชิ้นเล็กๆ เอามาจัดใส่ตู้ทั้งหมด แล้วเขียนกำกับไว้ เวลาหยิบใช้ก็ง่ายเลย ปุ้ยชอบที่มันเป็นลิ้นชักเล็กๆ เตี้ยๆ ช่วยให้ของก็ไม่กองสุมกันจนหาไม่เจอ ตู้นี้รายละเอียดเยอะ เวลาประกอบจริงๆ ไม่ยาก ไม่ต้องใช้แรงเยอะ แต่ใช้เวลานาน ถ้าซื้อเยอะๆ แนะนำให้จ้างช่างจากอีเกียเลย ค่าประกอบ เฉลี่ย 100 บาท แต่ถ้าอยากประหยัด ก็ใช้เวลามากหน่อย เท่านั้นเองค่ะ HELMER drawer unit on castors THB 1,390 ต่อมาเราพูดถึงผนังฝั่งขวาบ้าง ผนังนี้ค่อนข้างจับฉ่าย คือ มีอะไรเหลือๆ ก็เอามาติดๆ ให้มันดูเต็มๆ เริ่มจากท่อแอร์ ใช้หลอดไฟหนีบๆ อันนี้เคยซื้อมาตั้งหลายปีแล้ว ก็เอามาใช้หน่อย จำได้ซื้อจากอีเกีย เนี่ยแหละ อันละ 199 บาท แต่ตอนนี้เค้าไม่มีขายแล้ว (หาไม่เจอ) ลงมาติดชั้นวางรูปภาพ RIBBA สีดำ แผ่นบอร์ดเหล็กไว้ติดโน็ตต่างๆ SPONTAN สีขาว (ซื้อมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เห็นขายแต่สีเงินค่ะ) และชั้นวางของ LACK สีดำ และโต๊ะวางแล็ปท็อป VITTSJÖ สีดำ เก้าอีกจาก Index (190 บาท) งบผนังฝั่งขวา ต่อมาแล้วย้ายมาผนังอีกฝั่งนึงที่อยู่ตรงข้ามกัน ผนังนี้เป็นผนังด้านหน้าห้องค่ะ ห้องฝั่งนี้ตั้งใจจะไว้เป็นมุมอ่านหนังสือ แล้วก็กะว่าจะซื้อทีวีมาติดผนัง แต่ยังไม่ได้จัดงบตรงนี้ เลยเอากระจกเงามาติดก่อน พอดีไปเดินงานสถาปัตฯ ‘2015 แล้วไปเจอมาถูกใจมาก เค้าลดราคาพอดี เหลือ 2,100 บาท ติดกระจกนี่ ทำให้ผนังฝั่งนี้ดูดีขึ้นเยอะเลย ส่วนตู้ตรงกลาง คือ ตู้รองเท้า STÄLL แต่ปุ้ยนำมาประยุกต์เป็นตู้ในของ เช่นพวกกระดาษวาดเขียน ถุงกระดาษ กระเป๋าผ้า หรืออะไรที่แบนๆ สูงๆ ชิ้นไม่ใหญ่มาก จริงๆ อยากได้ตู้แบบไสตล์เตาผิงของฝรั่ง แต่ว่างบมีแค่นี้ค่ะ เอาตู้นี้มาวางพิงผนังไว้ก็ได้ แนวคล้ายๆ กัน
ตู้รองเท้านี้ ซื้อมาตอนโปรโมชั่น 2,290 บาท ส่วนตู้หนังสือแขวนผนัง ด้านซ้าย ได้มากจาก Index หลายปีแล้ว ปุ้ยจำราคาได้ว่า 990 บาท บนผนังฝั่งซ้าย ใช้ที่แขวนหนังสือพิมพ์ KVISSLE ประยุกต์มาไว้วางแม็กกาซีนปกสวยๆ ค่ะ ข้างๆ กันเป็นที่วางซีดี ราคา 199 บาท ซื้อมาจาก IKEA แต่ว่าซื้อนานแล้ว ตอนนี้เค้าไม่มีขายแล้วค่ะ (สงสัยตอนนี้คงไม่มีใครใช้ CD/DVD แล้ว เค้าเลยเลิกผลิต) บนผนังฝั่งขวา จะเป็นชั้นโชว์แม็กกาซีนปกสวยๆ เป็นการตกแต่ง สร้างบรรยากาศในมุมอ่านหนังสือ และแรงบันดาลใจในการทำงาน โดยใช้ชั้นวางรูปภาพ RIBBA สีขาวไซส์ใหญ่ค่ะ ตำแหน่งการติดตั้ง ปุ้ยให้ช่องล่างสุด มีช่วงช่องไฟกว้างกว่าชั้นบน พอมองจะระดับสายตาขึ้นไป จะได้เห็นระยะที่พอดี อีกอย่างช่วยให้หยิบหนังสือง่ายขึ้น จากบน-ล่าง 35-40 ซม. ลงมาข้างล่างเป็นโต๊ะวางแล็ปท็อป VITTSJÖ สีขาวค่ะ ช่วยให้มุมนี้ดูเต็มขึ้น แต่ถ้าใครไม่ต้องใช้โต๊ะเยอะ ก็ไม่จำเป็น ปล่อยวางไว้ ก็สะอาดตาดีค่ะ KVISSLE wall newspaper rack THB 459 งบจากผนังด้านหน้านี้ นอกจากนี้แล้ว ก็มีโซฟาสีเหลืองที่ราคาถูกและเบา ทำให้เคลื่อนย้ายไปได้ทุกมุมของห้อง เปลี่ยนบรรยากาศในการนั่งอ่านหนังสือได้ โซฟานี้ เหมาะสำหรับคนน้ำหนักเบานะคะ เพราะว่าด้านล่างเป็นผ้าใบ ไม่มีบุฟองน้ำ เป็นแค่ผ้านวมหุ้มไว้ ก็ไม่ได้นั่งสบายมาก แต่ก็พอโอเค สะดวกกว่านั่งพื้นเป็นไหนๆ ค่ะ KNOPPARP two-seat sofa THB 1,990 นอกนั้นก็เป็นพวกของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ไว้ใส่ของ ไว้เพิ่มบรรยากาศในห้องค่ะ ทิ้งท้ายด้วยกรอบรูป เอาตุ๊กตาหมีห้อยโทรศัพทที่ไม่ได้ใช้แล้ว ลองเอามาติดดู น่ารักดีค่ะ รวมงบประมาณที่ใช้กับเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด —————เซ็ทผ้าม่านจาก Ikea 1,348 บาท รวมเฟอร์นิเจอร์จาก IKEA 23,999 บาท จาก INDEX (ม้านั่งและตู้หนังสือ) 1,189 บาท ผ้าม่านปรับแสงจากบางกอกการม่าน 4,000 บาท รวมๆ แล้วห้องนี้ใช้งบตกแต่งไป ทั้งสิ้น 29,188 บาท ห้องสตูดิโอนี้ จัดแบบเบาๆ ฟรุ้งฟริ้งๆ ค่ะ งบแบบพอไปไหว ทะยอยซื้อที่ละชิ้น 2 ชิ้น ห้องนี้รวบรวมมา 4-5 เดือนค่ะ ปุ้ยออกแบบอยู่ 3 วัน ไปซื้อของ 4 ครั้ง พอได้ของมาครบประมาณนึง ก็วัดตำแหน่ง มาร์คจุดที่จะเจาะไว้ ของขาดก็ไปซื้อเพิ่ม ของเกิน/วางไม่พอดี ก็เอาไปคืนได้ภายใน 100 วัน (มีช่วงนึงไปอีเกียทุกสัปดาห์เลย ทั้งที่บ้านก็ไกลมาก ถ้าเค้ามีบริการ Online Shopping ก็คงดี เพราะค่ารถไปกลับ นี่พอๆ กับค่าบริการส่งสินค้าขั้นต่ำของอีเกียเลย) ใช้เวลาเจาะ-ติดตั้ง ประมาณ วันนึงเต็มๆ ช่วยกันกันสามีและเพื่อนของปุ้ยที่บอกว่ายกตู้ฟรีมาให้ เลยใช้งานซะเลย เป็นงานที่สนุกและภูมิใจค่ะ จบห้องทำงานไว้เท่านี้ก่อน หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่อยากตกแต่งห้องหรือผนัง แต่ว่าไม่มีงบมากขนาดจะซื้อตู้ใหญ่ๆ หรือว่าบิวท์อินแพงๆ แบบนี้ก็พอช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องดูน่าอยู่และน่ารักขึ้นได้ค่ะ IKEA D.I.Y. ห้องเก็บของ+แต่งตัว 5.5 ตรม. ด้วยงบแค่ 27,500 มารีวิวกันต่อที่ห้องที่ 2 คือ ห้องเก็บของ รีวิวจัดหนักหน่อย ค่อยๆ อ่านกันไป คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์นะคะ ปุ้ยเลียนแบบไอเดียมาจากบ้านของฝรั่ง ที่เค้าจะมีที่เก็บของตั้งแต่ทางเข้าบ้าน (Entryway) เอามาผสมกับห้องสำหรับเก็บเครื่องครัว (Pantry)ไม่เคยอยู่บ้านฝรั่งนะคะ จริงๆ ไม่รู้ว่าเค้าแย่งห้องยังไง แต่เก็บๆ รูปเอาจากเว็บ Pinterest ค่ะ การดูรูปเยอะๆ ทำให้เรามีไอเดียค่ะ ห้องเก็บของ ของปุ้ยก็นำไอเดียหลายๆ อย่างมารวมๆ กัน ความสำคัญของห้องนี้ คือ เป็นห้องที่เดินเข้ามาห้องแรกเมื่อกลับถึงบ้าน (อยู่ใกล้ประตูเข้าบ้าน) ตั้งใจไว้เก็บของที่ซื้อมาจากข้างนอก พวกสต๊อกอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน และเครื่องแต่งตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่หยิบใช้สะดวก ห้องนี้มีขนาด 2.2 x 2.5 ตารางเมตร แต่ไม่เชิงเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป๊ะๆ เพราะว่า จะมีส่วนเว้าของเสาท่อน้ำ และเว้นช่องใส่ตู้เย็นจากห้องครัว รวมถึงมีท่อไฟที่ผู้รับเหมาะไม่ฝังเข้าผนังด้วย เลยไม่ง่ายอย่างที่คิด ห้องนี้ใช้เวลาออกแบบเป็นสัปดาห์เลยค่ะ เพราะอยากให้ออกมาดูไม่น่าเบื่อแต่ก็ใช้งานได้จริง Before- After ผนังห้องนี้มีผนังให้ตกแต่งทั้งหมด 4 ด้าน ปุ้ยจะขอเล่าทีละด้านแบบทวนเข็มนาฬิกา แบ่งเป็นทิศเหนือ ทิศตะวันตก ทิศใต้และทิศตะวันออก นะคะ ปุ้ยใช้ตู้รองเท้า STÄLL ตู้นี้ปุ้ยชอบมาก เพราะซื้อตอนลดราคา แล้วแบบมันก็สร้างจุดเซ็ตเตอร์ของห้องได้ดีค่ะ STÄLL shoe cabinet with 4 compartments THB 4,490 Promotion 2,290 ปุ้ยประยุกต์มาไว้เก็บของพวกกระดาษอเนกประสงค์ กระเป๋าผ้า อุปกรณ์ถ้วยชามกระดาษ และช่องสุดท้ายใส่สะพานไฟ และเนื่องจากผนังด้านนี้จะมีช่องแสงด้านบน จึงใช้พื้นที่ได้อีกไม่มาก เลือกตู้ TROFAST แนวนอนมาแขวนไว้ใต้ช่องแสง เหลือพื้นที่ผนังช่องกลางอีกหน่อย ตรงนี้เหมาะมาก เอาชั้นวางรูปภาพ RIBBA มาติดไว้วางของกระจุกกระจิกชิ้นเล็กๆ ที่ไม่สูงมาก ช่องความสูงห่างจากตู้บน 15 ซม. ถัดลงมา 7 ซม. ติดราวแขวน FINTORP ไซส์เล็กมีตะขอแขวนและกระป๋องที่เสียบช้อมส้อม 3 อัน เอามาประยุกต์ใส่ของได้หลายอย่างเลย ชั้นวางรูปภาพติดผนัง ประยุกต์มาวางพวกสกินแคร์ขนาดทดลองขวดเล็กๆ สะดวกใช้ เวลารีบๆ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นไปชั้นบนบ้าน พื้นที่บนตู้ยังวางของกระจุกกระจิกได้อีกเยอะแยะเลยค่ะ กล่องพลาสติกแบ่งช่องนี่ยี่ห้อ boxbox ปุ้ยซื้อที่แม็คโคร ขายเป็นแพ็คมี 3 ชิ้น 105 บาท เห็นที่เซ็นทรัลก็มี ขายชิ้นละ 45 บาทค่ะ กล่อง TROFAST เอาไว้ใส่ของจุกจิก เช่น หน้ากาก ถุงมือทำความสะอาด ถุงรีฟิลเครื่องดูดฝุ่น ผ้าเช็ดโต๊ะ ถุงขยะขนาดเล็กแบบในรูปที่เป็นม้วนๆ ใส่ให้ปลายโผล่มาหน่อย เวลาใช้ก็ดึงมาใช้ได้เลย ต่อมาเป็นตู้กระจกที่เราเห็นอยู่ทางซ้ายมือ ตู้นี้เดิมทีเป็นตู้เก็บของในห้องน้ำ แต่ว่าในห้องน้ำที่บ้าน ช่างไม่ยอมติดให้ เลยเก็บมาติดในห้องนี้ได้พอดี LILLÅNGEN high cabinet with mirror door THB 3,450 Width: 30 cm, Depth: 21 cm, Height: 179 cm ถ่ายรูปให้ดูเมื่อปิดและเปิดตู้ค่ะ ด้านในใส่พวกสต๊อกของกิน ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ พวกแชมพู ครีมอาบน้ำ โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน และอาหารเสริมกล่องใหญ่ๆ ตู้นี้คุ้มดี จุได้เยอะ มีกระจกให้ส่องเต็มตัวด้วยค่ะ งบจากผนังด้านทิศเหนือ ผนังทิศตะวันตกค่ะ ผนังส่วนนี้จะมีพื้นที่น้อย เพราะติดเสาที่ผังท่อน้ำและท่อน้ำทิ้งไว้ ผนังด้านทิศตะวันตกนี้ ง่ายๆ แต่วางของได้เยอะค่ะ ใช้ชั้นวางของติดผนัง LACK สีขาว 4 ชิ้นติดตั้งบนผนัง และชั้นล่าสุดวางไว้บนพื้นเฉยๆ ทิ้ง ช่องไฟแต่ละชั้นให้ห่างกันตามการใช้งาน โดย จากล่างขึ้นบนแบ่งเป็น 15 – 12 – 17 – 21 ซม. โดยชั้นล่างสุด ชั้นวาง 4-5 รองเท้าส้นเตี้ย หรือส้นสูงไม่เกิน 2.5 นิ้ว ชั้นที่ 3 วางรองเท้าส้นสูงไม่เกิน 4 นิ้ว ชั้นที่ 2 วางรองเท้าส้นสูงไม่เกิน 5 นิ้ว ส่วนชั้นบนสุด ไว้วางกระเป๋าค่ะ (เจ้าเหมียวที่บ้าน ชอบแอบมานอนมุมนี้ เพราะว่าเป็นมุมที่เงียบสงบที่สุดในบ้านชั้นล่าง ตอนที่กำลังเขียนรีวิวนี้ เจ้าเหมียวตัวนี้ก็คลอดลูกพอดี (คลอดที่มุมนี้เลยค่ะ) ตอนนี้ก็เลยต้องปันพื้นที่ส่วนหนึงเป็นห้องคลอด+อนุบาลเด็กน้อยค่ะ) ขึ้นไปอีก 36 ซม.
ติดชั้นวางรูปภาพ RIBBA สีขาวไซส์ใหญ่ ไว้วางพวกสกินแคร์ขวดสูงซึ่งส่วนใหญ่จะสูงไม่เกิน 20 ซม. LACK wall shelf THB 590 Length: 110 cm, Depth: 26 cm, Thickness: 5 cm ชั้นวางรูปภาพนี่คุ้มดีค่ะ ใช้วางของได้เยอะมากนะคะ สกินแคร์เป็น 10 ขวด สบายๆ เลย ผนังฝั่งที่บอกไว้ว่าติดท่อน้ำ พื้นที่ตรงนี้ใช้ได้ไม่เยอะ เพราะด้านขวาก็จะติดตู้กระจก ก็เลยใช้ที่แขวนผ้าเช็ดตัว มาติดไว้ เพื่อแขวนกระเป๋าสะพาย หรือเสื้อคลุมค่ะ อันนี้ซื้อมาเป็นรุ่น ENUDDEN ราคา 399 บาท (แต่ตอนนี้เข้าไปดูในเว็บไม่มีขายแล้ว เราสามารถใช้รุ่นอื่นๆ มาติดได้ค่ะ) สรุปแล้วผนังด้านทิศตะวันตกนี้ ใช้งบไป ต่อมาผนังฝั่งทิศใต้ ก็มีพื้นที่ไม่มาก เพราะมีประตูทางเข้าอยู่ด้านนี้และพื้นที่ด้านนี้มักไม่ค่อยเป็นจุดสนใจ จึงเซฟครอสหน่อยค่ะเริ่มจากใช้ตู้รองเท้า TRONES เป็นตู้พลาสติกสีขาว เซ็ทนึงมี 3 ชิ้นค่ะ ติดเรียงแถวกัน ไว้เก็บของพวกเอกสารคู่มือเครื่องใช้ไฟฟ้า ถุงกระดาษใส่ของ สต๊อกทิชชู่ม้วน-ทิชชู่กล่อง ถุงพลาสติกใหญ่ๆ ถุงผ้า อะไรที่แบนๆ ไม่ใหญ่มาก เก็บได้หมดค่ะ เป็นต้น ปุ้ยซื้อสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์และมาเขียนกำกับไว้กันลืมว่า ตู้ไหนเก็บอะไรไว้ TRONES shoe cabinet/storage THB 1,290 /3 piecesWidth: 51 cm, Depth: 18 cm, Height: 39 cm ลงมาเป็นชั้นวางของติดผนัง 2 ชั้น เพราะมีพื้นที่เหลือแค่ 80 ซม. เลยต้องซื้อรุ่น EKBY HEMNES แต่ถ้าพื้นที่พอ ใช้รุ่น LACK จะสวยกว่าค่ะ EKBY HEMNES shelf THB 590Width: 79 cm, Depth: 19 cm, Thickness: 1.8 cm, Max. load: 10 kg ชั้นนี้วางของที่ใช้บ่อยๆ แล้วก็ไว้วางตะกร้าขนมขบเคี้ยว และอุปกรณ์ชาร์ตแบ็ตค่ะ ลงมาด้านล่าง เว้นช่องไว้สอดบันไดเก็บไว้ได้พอดี BEKVÄM step stool THB 790 Width: 43 cm, Depth: 39 cm, Height: 50 cm รวมงบจากผนังฝั่งด้านทิศใต้ มาถึงผนังฝั่งสุดท้ายค่ะ ฝั่งด้านตะวันออกนี้มีพื้นที่ครึ่งนึงยุบลงไป เพราะว่าอีกด้านเป็นครัว ปุ้ยให้เค้าตีช่องใส่ตู้เย็นกินพื้นที่เข้ามาในห้องเก็บของค่ะ ซึ่งพื้นที่ด้านนี้จะติดกับบานประตูเลย จะแขวนชั้นวางผนังที่มีความลึกไม่ได้ ดังนั้นปุ้ยจึงใช้ ราวแขวนติดผนังมาประยุกต์ใช้แขวนของ ไม่ให้เสียพื้นที่ไปเปล่าๆ ค่ะ ช่วงซ้ายของผนังด้านทิศตะวันออกนี้ พอดีมีท่อสายไฟ ที่ผู้รับเหมาไม่ได้ผังผนังไว้ ต่อเข้าตู้ไฟที่ควบคุมไฟทั้งบ้านดังนั้นผนังส่วนนี้จึงเจาะตู้แขวน/ราวแขวนไม่ได้เลย จึงต้องใช้ตู้ที่ตั้งพื้นมาวางซ้อนกันค่ะ – ตู้ล็อคเกอร์ JOSEF 2 ตู้ด้านล่าง อีลูกช่างแขวนนี่ เห็นมุมนี้ ยิ้มเลยค่ะ ใช้ราวแขวนรุ่น FINTORP จะมี 2 ไซส์ คือ 57 และ 79 ซม. กะระยะห่างแต่ละชั้น ตามการใช้งานค่ะ ปุ้ยใช้ 3 ราว นอกจากนั้น เค้าจะมีตะขอแขวนขาย เป็นขอด้านนึงเป็นห่วงกลมๆ สอดเข้าไปกับราวเลย แบบนี้กันร่วง ดีกว่าตะขอรูปตัว S ค่ะ ข้อดีของรุ่น FINTORP ที่ปุ้ยชอบ นอกจากสวย แข็งแรงแล้ว ยังมีฟังชั่นคือ – ตัวราวแยกจากตัวยึดผนัง ทำให้เราถอดราวได้ – เพิ่ม/ลด จำนวนตะขอได้ตามต้องการ FINTORP rail THB 269 Length: 57 cm, Diameter: 1.6 cm ปุ้ยแขวนสารพัดจะแขวนเลยค่ะตั้งแต่หมวก กระเป๋า สร้อย ถุง ร่ม กรรไกรตัดต้นไม้ โคมไฟ สบายเลยอะ ปุ้ยเว้นระยะจากขอบประตูหน่อย เวลาเปิดประตู วงสวิง จะได้ไม่มากระทบกับของ (จริงๆ แล้ว ประตูมันจะเปิดไม่สุดเพราะว่าติดแถบกันฝุ่นไว้ตรงด้านล่างประตู ทำให้ประตูฝืดค่ะ) ไอเดียนี้ ถ้าใครมีพื้นที่ คือ ประตูไม่ติดกับผนังแบบนี้ ก็สามารถเจาะราวแขวนที่ประตูได้อีก ฟินเลย ต่อมาเป็นตู้ลิ้นชัก HELMER ที่วางซ้อนกัน 2 ตู้ ไว้ใส่อุปกรณ์จุกจิกเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ จำแนกเป็นหมวดหมู่แล้วเขียนกำกับไว้ HELMER drawer unit on castors THB 1,390Width: 28 cm, Depth: 43 cm, Height: 69 cm ยกตัวอย่างให้ดูตามรูปด้านล่าง ต่อมาเป็นตู้ยาค่ะ ÄTRAN Lockable cabinet รุ่นนี้ก็อีกละ ซื้อมาหลายเดือนแล้ว จนพอมาเขียนรีวิว อีเกียเค้าเลิกขายไปแล้ว ยังไงก็ใช้รุ่นอื่นแทนนะคะ จำราคาคร่าวๆ ได้ว่า น่าจะ 600 บาท ตู้ยา พยายามเลือกตู้เล็กๆ ความลึกไม่มาก เพื่อให้วางขวดยาหรืออาหารเสริมได้พอดี ไม่วางซ้อนกัน เพราะจะหยิบยาก หรือหาของไม่เจอค่ะ ตู้นี้เวิร์คดี ไม่น่าเลิกขายไปเลยค่ะ ด้านล่างจะเป็นตู้ล็อกเกอร์ JOSEF ตู้นี้เวลาประกอบเลือกได้ว่าจะเปิดบานตู้ไปทางซ้ายหรือขวา ดังนั้นปุ้ยจึงทำให้เปิดบานออกจากกันตรงกลาง ในส่วนชั้นวางของตัว L นี้ ชั้นบนจะเก็บเทียนและชั้นล่างจะเก็บกล่องธูปค่ะ สรุปงบในส่วนของผนังด้านทิศตะวันออก ที่นี้ลองมารวมงบประมาณที่ใช้ไปทั้งห้องดูค่ะ ตอนแรกนึกว่าที่ซื้อๆ ไปน่าจะ 3-40,000 ซะอีก สำหรับห้องนี้ไปซื้อของมา 3 รอบ เพราะรอเก็บเงิน แล้วก็มีซื้อขาดบางชิ้น ก็ไปซื้อเพิ่มการติดตั้ง ใช้เวลา 2 วัน เพราะว่าติดตั้งหลายจุด คุณสามีเหนื่อยค่ะ เลยต้องให้พักก่อน ห้องเก็บของนี่ เป็นอะไรที่ภูมิใจสุดๆ ดูจากบ้านฝรั่ง ฝันมานานแล้วว่าอยากได้ห้องแบบนี้ ตอนสร้างบ้านก็เลยกันพื้นที่ไว้ทำห้องเก็บของจริงๆ อยากให้ใหญ่กว่านี้ แต่ว่าสถาปนิกเค้าไม่เข้าใจ เค้าบอกเท่านี้ใหญ่จนไม่มีใครทำแล้วปกติแล้วห้องเก็บของเป็นห้องที่ใครๆ ก็ไม่อยากจะเดินเข้าไป เพราะมักจะรกและก็มีแต่ของสุมๆ จะหาไรทีก็หงุดหงิดแต่พอจัดให้สวย เป็นระเบียบ ก็ทำให้ปุ้ยขยันเข้าห้องนี้ (เป็นห้องที่เข้าบ่อยสุดในบ้าน) และพอมันเป็นระเบียบ หยิบจับ จัดเก็บอะไรก็ง่าย ก็จะเป็นการสร้างนิสัยการเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และช่วยให้หาของง่าย จะหยิบจะใช้อะไรก็ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ ที่ของเยอะๆ ลองมาจัดห้องเก็บของกันแบบนี้กันนะคะ จะช่วยให้เรามีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ |