ข้อดี ข้อเสีย ของธุรกิจ Startup

ไม่เกริ่นยาวมาก เอาเป็นว่าจากประสบการณ์ 6 ปีที่ทำ Startup มา มันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆเจียนตายตลอดนา จะมาเล่าให้ฟังละกันว่า การที่ตัดสินใจมาทำ Startup นั้นก็มีข้อดีเหมือนกันนะ

มีอิสระภาพทางเวลา

เพราะเราเป็นเจ้านายตัวเองอยู่เสมอ ชีวิตไม่ได้ตีกรอบเข้าหรือออกงานเหมือนกับการทำงานประจำ จะตื่นบ่ายโมง ตื่นเที่ยง นอนตีสามตีสี่ ไปกินเหล้าวันจันทร์ – ศุกร์ ไปเที่ยวในประเทศ ต่างประเทศ กลับบ้านต่างจังหวัดเมื่อไรก็ได้ นานเท่าไรก็ได้ ตราบเท่าที่งานในบริษัทยังคงดำเนินไป ทำได้หมดดดด (แม้ว่าช่วงแรกมันจะไม่ค่อยมีอิสระภาพทางการเงินก็เหอะ 555+)

กลับกัน การมีอิสระภาพทางเวลาหรือการไม่มีเจ้านายคอยควบคุมในช่วงแรกเนี่ยก็เป็นข้อเสียเหมือนกันนะ ทุกวันเราจะต้องตื่นขึ้น แล้วคอยตั้งคำถามกับตัวเองว่าวันนี้ต้องทำอะไรตลอด ติดกับชิว ขี้เกียจได้ง่ายเหมือนกัน

กล้าเพ้อ กล้าฝัน

Startup มีเสน่ห์ตรงที่คนที่กระโดดเข้ามาทำนั้นมักจะกล้าเพ้อ กล้าฝันอยู่นิดๆเสมอ เรากล้าพูด กล้าลงมือทำเพื่อให้ได้สิ่งที่งานอื่นไม่มีทางให้ได้ เป็นเกมชีวิต เกมการทำงานที่ไม่มี Limit ของสิ่งที่อยากได้ เพราะมันให้ได้หมดในวันที่ประสบความสำเร็จ บางคนทำ Startup เพราะอยากไปเที่ยวรอบโลก บางคนอยากได้ Super car บางคนอยากสร้างบ้านในฝัน อยากสร้างทีมฟุตบอล อยากสารพัดที่ชีวิตนึงแทบไม่มีใครนึกฝันว่าจะเป็นไปได้ในงานอื่นๆ

มีคนคอยบอกว่าเกมบางเกมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นชนะ แต่ไม่ใช่กับ Startup นะ แม้ว่าความจริงนั้นอาจเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่การที่ได้พูดถึงเป้าหมายของตัวเรากับเพื่อนๆในทีม แล้วลงมือทำตามความฝันที่อยากได้นั้น มันดี และโคตรมีความสุขเลย

ข้อดี ข้อเสีย ของธุรกิจ Startup

(บอกทุกคนมาตลอดว่าทำ Startup เพราะอยากได้คันนี้ ปีนี้ Privage มี Office ทำงานกันจริงจัง จากที่อยู่ในคอนโดกันมานาน แฟนเลยซื้อโมเดลให้ก่อน เป็นของขวัญวันเกิด 555+)

เลือกเพื่อนร่วมงานได้

ในงานประจำบริษัทใหญ่ๆนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถเลือกเพื่อนร่วมงาน บางคนทนทำอยู่อย่างนั้นมาเป็น 20 ปี กับเพื่อนร่วมงานแย่ๆ หวังความมั่นคงในอนาคต แต่สำหรับ Startup นั้นไม่ใช่เลย เราเลือกเพื่อนที่จะมาทำงานกับเราได้ด้วยเสมอ เพราะผลิตภัณฑ์ที่สุดยอดนั้นมาจากทีมงานที่ดีเยี่ยม ทั้งตัวคนและวัฒนธรรมองค์กร จึงต้องเลือกแต่คนที่ยอดเยี่ยมและเข้ากับเราได้มาร่วมงาน

ใครไม่ work เข้ากับพวกเราไม่ได้ ก็ต้องเอาออกไป (น่าเศร้า แต่จำเป็นต้องทำ)

ภูมิใจในตัวเองและทีมงานโคตรๆ

อันนี้บอกเลยว่าเมื่อไปประสบความสำเร็จไปถึงจุดหนึ่ง ความรู้สึกนี้มันจะวิ่งผ่านหัวสมองเราด้วยความฟินขั้นสูงสุด จริงๆไม่ต้องประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มากก็ได้ แค่เล็กๆ อย่างมี Office ของบริษัทไว้ทำงานด้วยกันครั้งแรก มีลูกค้าเจ้าแรก มีลูกค้า 10 เจ้าแรก โอ้ยยย มันโคตรภูมิใจ โคตรมีความสุขเวลาหลับตา ได้ยืนดูมันนิ่งๆ แล้วนึกย้อนภาพไปวันแรกที่เราเริ่มต้นกันมา เชี่ยยยย บอกเลยดีมากกก เป็นความสุขระหว่างทางที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

ได้เพื่อนแท้ในวัยทำงาน

ทำธุรกิจก็เหมือนการเดินทางแหละ มันต้องมีอุปสรรค มีเรื่องเครียด มีทุกอย่างที่จะคอยขัดขวางเราตลอด แต่สุดท้ายมันอยู่ที่แต่ละคนในทริปการเดินทางนั้นว่าจะเลือกอย่างไร อยู่ด้วยกัน เดินหน้า ต่อสู้ฟันฝ่ากันต่อไป

หรือพอละ ชิ่งดีกว่า ยิ่งนานวันเข้า เราจะเริ่มเห็นว่ามีคนบางคนยืนอยู่ข้างเราเสมอ ธุรกิจจะล้ม จะดี จะเลวร้ายยังไง มันก็ยังลุยงานไปกับเราเสมอแฮะ เคยได้ยินหลายคนบอกว่าเพื่อนแท้คงหาไม่ได้แล้วหลังจากเรียนจบ ม. ปลาย พอมาดูตอนนี้ดิ เออว่ะ กูมีเพื่อนแท้เพิ่มในวัยทำงานจริงๆ

มีแต่คนอยากลงทุน

เชื่อไหมว่าคนรวยบนโลกนี้ มีเยอะมากเลยนะเว้ยที่ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร ข้อดีของธุรกิจ Technology Startup คืออะไรรู้ไหม มันเลียนแบบได้ยากมากกก ยิ่งเราทำ ยิ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ มันยิ่งเก่งขึ้น ยิ่งไม่มีคู่แข่ง ยิ่งทิ้งห่าง ยิ่งมีกำไร ในขณะที่ต้นทุนด้านวิศวกรรมเท่าเดิม แล้วใครล่ะจะไม่อยากลงทุน ขนาดธุรกิจที่คู่แข่งเต็มตลาดเค้ายังพยายามเอาเงินไปลงกันเลย

สำหรับใครที่รู้สึกว่าหาเงินลงทุนยาก แสดงว่ายังพยายามไม่พอ ไม่ใช่พยายามหาเงินลงทุนนะ แต่เป็นการพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ พยายามหาลูกค้าต่างหาก ใครๆก็อยากจะลงทุนตอนขาขึ้น จริงมะ?

ไม่เหนื่อยสักนิด แต่มีโอกาสรวย

เอ้อ อันนี้เรื่องจริง ใครบอกทำ Tech Startup เหนื่อยนี่โกหก อย่าไปเชื่อ นั่งอยู่ในห้องแอร์ คอมพิวเตอร์ 1 ตัว กับ อุปกรณ์ Electronic ทั้งวัน จะไปไหนเมื่อไรก็ได้ไม่มีใครคุม เหนื่อยตรงไหน ไม่ได้ครึ่งของพี่ๆแรงงานที่ Site ก่อสร้างด้วยซ้ำ จะเหนื่อยกว่าก็คงด้านจิตใจ ตวามกังวล นอนไม่หลับ คิดหาเงิน หาวิธีให้ธุรกิจเติบโต (ทั้งที่ๆก็ไม่ค่อยได้ไอเดียอะไรมากมายบนเตียงก่อนนอน)

แต่ทำไปทำมา มีโอกาสรวยนะ ถึงไม่รวย วันนึงก็สามารถไปถึงจุดที่มีรายได้เทียบเท่าทำงานประจำได้ (ถ้าลุยกันนานพอ) หรือถ้าไม่ไหวจริงๆกลับไปทำงานประจำ หรือไปร่วมทีม Startup ทีมอื่น ก็ยังมีแต่คนอ้าแขนต้อนรับ เพราะส่วนใหญ่คนที่เคยทำ Startup มาก่อน จะค่อนข้างมีแนวโน้มไปทาง Full stack หรือสามารถทำอะไรได้ทีละหลายอย่าง มีความสามารถรอบด้าน บริษัทหลายบริษัทจึงอยากได้คนแบบนี้เข้าไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์เค้า

ปล.

หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจและมีประโยชน์ให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆที่มีศักยภาพในตัวเอง กล้าคิด กล้าฝัน ลองลงมือทำ Startup กันสักตั้ง เดี๋ยวบทความหน้าจะมาพูดถึงข้อเสียกันบ้าง 555+ บอกเลย ช่วงแรกไม่ธรรมดาจริงๆ