คำกริยาในภาษาอังกฤษ (Verbs) คือ คำที่ใช้แสดงการกระทำของประธาน ซึ่งคาดว่าเพื่อนๆก็คงจะรู้จักกันดี แต่ก็มักจะมีคำถามเกิดขึ้นเสมอ ว่า "ถ้าหากประธานนั้นเป็นเอกพจน์ / พหูพจน์ คำกริยาจะมีการต้อง เติม s es ด้วยหรือเปล่า? " หรือ " กริยาเติม s es ใช้อย่างไร ? " และ " ตำแหน่งของคำกริยา ในประโยค เค้ามักวางกันตรงตำแหน่งไหน?" วันนี้ เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ พบได้ใน tense เดียวเท่านั้นคือ present simple tense และกริยาจะเติม s es ก็ต่อเมื่อ ประธานของประโยคนั้นเป็น เอกพจน์ โดยหลักในการเติม s es ก็จะคล้ายๆกันกับคำนาม ได้แก่ 1. กริยาทั่วไป เติม s ได้เลย 2. กริยาลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x, z และ o ให้เติม es 3. กริยาลงท้ายด้วย y มีอยู่ 2 กรณี
**สังเกตุ ข้อแตกต่างระหว่าง คำนามกับกริยา คือ คำนาม จะเติม s es ก็ต่อเมื่อ คำนามนั้นเป็นพหูจน์ (มีมากกว่า 1 ) แต่สำหรับคำกริยา เราจะเติม s es ก็ต่อเมื่อ ประธานของประโยค เป็นเอกพจน์(เท่ากับหนึ่ง) เช่น he, she, it นะคะ หลักการเติม s และ es หลังคํากริยาในภาษาอังกฤษ เมื่อใช้กับประฐานเอกพจน์ จะต้องเติม s|es (ยกเว้น I,You) ยกตัวอย่าง Tha man runs. และถ้าต้องการกล่าวถึงการกระทำนั้นๆ จะอยู่ในพาทของ Present Continous Tense คำกริยาจะเดิม -ing ดังนั้นแล้วอาจจะต้องจำหลักการเติม s และ -ing ว่าต้องเติมอย่างไร ที่มา http://pornthiwateaw.wordpress.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1-s-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-es-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-v1-%E0%B8%81%E0%B8%A3/การเติม s es ที่คำกริยา ก็คล้ายกันกับการเติม s es ที่ท้ายคำนาม เพื่อทำคำนามให้เป็นนามพหูพจน์ทุกประการ ยกเว้นท้ายกริยาที่ลงท้ายด้วย o เท่านั้นที่แตกต่างนิดหนึ่ง เพราะกริยาที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม es อย่างเดียว ไม่เหมือนคำนามที่เติม s บ้าง es บ้าง ใน present simple tense คำกริยาจะมี 2 รูปคือเอกพจน์และพหูพจน์ ซึ่งรูปเอกพจน์นั้นจะเป็นรูปที่ต้องเติม s/es ท้ายคำกริยา อย่างเช่น eats, walks, goes อย่างไรก็ตาม การเติม s/es หลังคำกริยา ก็จะมีความต่างกันอยู่ โดยที่บางคำนั้นจะต้องเติม s ส่วนบางคำจะต้องเติม es และบางคำก็มีรูปเอกพจน์ที่ต่างจากพหูพจน์โดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่ยังไม่แม่นเรื่องการเติม s/es ท้ายคำกริยา ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงหลักการมาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย ทบทวนความรู้ ข้อควรระวัง หลักการเติม s และ es หลังคำกริยาการใช้คำกริยารูปเอกพจน์ เราจะต้องเติม s หรือ es หลังคำกริยา ซึ่งจะมีหลักการทั้งหมด 5 ข้อดังนี้ 1. คำกริยาส่วนใหญ่ให้เติม s ต่อท้ายได้เลย คำกริยาส่วนใหญ่ เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เติม s ต่อท้ายได้เลย ยกตัวอย่างเช่น เอกพจน์พหูพจน์ความหมายComesComeมาEatsEatกินLovesLoveรักRunsRunวิ่งWalksWalkเดิน 2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, ss, sh, x หรือ zz ให้เติม es คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, ss, sh, x หรือ zz เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เติม es ต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น เอกพจน์พหูพจน์ความหมายWatchesWatchดูKissesKissจูบWashesWashล้าง, ซักFixesFixซ่อม, ติดBuzzesBuzzร้องเสียงหึ่ง 3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม es คำกริยาที่ลงท้ายด้วย o เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เติม es ต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น เอกพจน์พหูพจน์ความหมายDoesDoทำGoesGoไป 4. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วค่อยเติม es คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y เมื่อใช้เป็นรูปเอกพจน์ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es ต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น เอกพจน์พหูพจน์ความหมายCriesCryร้องไห้FliesFlyบินHurriesHurryรีบเร่งStudiesStudyเรียนRepliesReplyตอบ แต่ถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s แทน es อย่างเช่น เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAnnoysAnnoyทำให้รำคาญBuysBuyซื้อEnjoysEnjoyเพลิดเพลิน, สนุกPaysPayจ่ายPlaysPlayเล่น 5. คำกริยาบางคำจะมีรูปเอกพจน์เฉพาะ คำกริยาบางคำก็มีรูปเอกพจน์เฉพาะตัว ยกตัวอย่างเช่น เอกพจน์พหูพจน์ความหมายIsAre จบแล้วนะครับกับการเติม s และ es หลังคำกริยา ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถใช้คำกริยารูปเอกพจน์ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ |