Show กลุ่มที่ 4พัฒนาการและการเรียนรู้ภาษาของเด็กปฐมวัยการเรียนรู้ภาษาของเด็กปฐมวัยจะแตกต่างไปจากวิธีการเรียนรู้ภาษาของผู้ใหญ่เนื่องจากระดับวุฒิภาวะทางสติปัญญาของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กยังไม่สามารถคิดสิ่งที่เป็นนามธรรมได้ ไม่สามารถใช้อวัยวะทุกส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนาทางภาษาได้อย่างเต็มที่ ความสามารถเหล่านี้ขึ้นอยู่กับระดับพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย และเนื่องจากภาษามีคุณสมบัติที่เป็นนามธรรม จึงต้องใช้สัญลักษณ์พิเศษแทนความหมาย ซึ่งเด็กเล็กจะเรียนรู้ภาษาได้จากการได้ยินได้ฟังการพูดของพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู หรือจากการดำรงชีวิตประจำวันเมื่ออยู่ที่บ้าน จากนั้นเมื่อมาอยู่ในสถานศึกษาเด็กจะเรียนรู้จากครูและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยการเลียนแบบเสียงที่ได้ยินจากผู้อื่นก่อนและจะสะสมคำแล้วสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นเอง ด้วยการนำคำที่สะสมไว้มาผสมผสานกันเพื่อเปล่งเสียงออกมา พัฒนาการต่อมาเมื่อเด็กโตขึ้น ก็จะเพิ่มคำเรื่อย ๆ และผูกเป็นประโยคตามขั้นตอนหรือพัฒนาการการเรียนรู้ภาษาของเด็ก อย่างไรก็ตามเพื่อให้เด็กเรียนรู้ภาษาเป็นไปตามพัฒนาการ พ่อแม่ ครูผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องจัดประสบการณ์ทางภาษาให้มีความหมายกับเด็กประกอบกับการแสวงหาแนวทางในการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาที่หลากหลายให้เหมาะสมกับความแตกต่างของเด็กเป็นรายบุคคล เพื่อเด็กจะได้เกิดการเรียนรู้ภาษาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ความหมายของภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ภาษามีความหมายต่างกันดังนี้ ในแง่ภาษาศาสตร์ ภาษา หมายถึง ภาษาที่ใช้พูดเพื่อสื่อความหมาย ดังนั้นภาษาในประเด็นนี้จึงรวมเอาวิธีการทุกอย่าง ที่ใช้ติดต่อสื่อความหมายหรือเพื่อแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ภาษาจึงหมายถึงการพูด การเขียน การทำท่าทางประกอบ การแสดงสีหน้า และการใช้ภาษาใบ้ เป็นต้น ด้านการศึกษา ภาษาเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ภาษาจึงหมายถึงการติดต่อระเบียบของการติดต่อ สัญลักษณ์ที่ใช้แสดงแทนความคิดและความเข้าใจในลักษณะของการติดต่อนั้น ๆ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2546 (2546 : 822) ให้ความหมายของภาษาว่า คือ ถ้อยคำที่ใช้พูดหรือเขียนเพื่อสื่อความหมายของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น ภาษาไทย ภาษาจีน หรือเพื่อสื่อความหมายเฉพาะวงการ เช่น ภาษาราชการ ภาษากฎหมาย ภาษาธรรม เสียง ตัวหนังสือ หรือกิริยาอาการที่สื่อความหมายได้ เช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาท่าทาง ภาษามือ ราศี ทองสวัสดิ์ (2546 : 178) ภาษาเป็นสื่อกลางในการตกลง บอกกล่าวทำความเข้าใจระหว่างบุคคล เป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ช่วยให้คนเราคิดและวินิจฉัยคุณภาพของสติปัญญา ภาษาเป็นสิ่งที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ และความเจริญ ของคนในชาติ ภาษานับว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เพราะภาษาเป็นทั้งมวลประสบการณ์ และเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์ ถ้าขาดการสื่อสสารสาระสำคัญนี้แล้วมนุษย์คงไม่สามารถรวมเป็นสังคมได้ ทั้งนี้เพราะมนุษย์มิอาจที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง แต่จะต้องไปมาหาสู่กัน ต้องรวมเป็นเหล่า ภาษาที่ใช้นั้น จะเป็นเครื่องมือสื่อสาระสำคัญและความเข้าใจ สามารถรู้เรื่องกันได้ สรุปได้ว่า ภาษาคือ สื่อกลางในการทำความเข้าใจระหว่างบุคคล สามารถรู้เรื่องกันได้ ด้วยท่าทาง สัญลักษณ์ การพูด การเขียน การแสดงสีหน้า ซึ่งรวมเอาวิธีการทุกอย่าง ที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน ในการติดต่อกัน ภาษาจึงเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของมนุษย์ให้มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ให้มีความเป็นอยู่เป็นสังคม เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ต้องติดต่อ พึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งจะต้องใช้ภาษาเป็นสื่อกลางในการทำความเข้าใจและรู้เรื่องกันได้ ความสำคัญของภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ภาษาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจซึ่งกันและกันในสังคม ดังนั้นทุกคนในสังคมจะต้องรู้จักพูดจาสื่อความหมายและใช้ภาษาของตนให้ถูกต้อง ในการเรียนรู้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยนั้น เด็กควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเสียงเป็นสำคัญ ควรเป็นการเตรียมความพร้อมในการสื่อสารให้กับเด็ก โดยเด็กจะเรียนรู้พื้นฐานของภาษาได้อย่างรวดเร็ว จากการจัดกิจกรรมอย่างไม่เป็นทางการ 2.1เด็กสามารถจะใช้ภาษาเพื่อการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นและเปิดโอกาสให้เกิดกระบวนการทางสังคมขึ้น 2.2เด็กสามารถใช้ภาษาเป็นคำพูดที่เกิดขึ้นจากภายในจากรูปแบบการคิดโดยระบบของการใช้สัญลักษณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางภาษาในระดับต่อไป 2.3ภาษาเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายในตัวเด็ก ดังนั้นเด็กจึงไม่ต้องอาศัยการจัดกระทำกับวัตถุจริง ๆ เพื่อแก้ปัญหา เด็กสามารถสร้างจินตนาการถึงแม้ว่าวัตถุนั้นจะอยู่นอกสายตาหรือเคยพบมาแล้ว เด็กสามารถทำการทดลองในสมอง และทำการได้เร็วกว่าการกระทำกับวัตถุนั้นจริง ๆ ดวงเดือน ศาสตรภัทร (2549 : 214 – 215) ภาษามีความสำคัญต่อเด็กปฐมวัย เพราะภาษาเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ เป็นพฤติกรรมชนิดหนึ่งช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสังคม เกิดความอบอุ่น เด็กแนวคิดตลอดจนความรู้สึกต่าง ๆ ที่อยู่รอบข้าง เด็กสามารถสร้างจินตนาการในสมองซึ่งก่อให้เกิดการทดลองขึ้น เด็กสามารถสร้างจินตนากรถึงวัตถุนั้นจะอยู่นอกสายตาหรืออยู่ในอดีต เด็กสามารถทำการทดลองให้สมองและทำได้เร็วกว่าการจัดกระทำกับวัตถุนั้นจริง ๆ สรุปได้ว่า ภาษามีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเป็นอย่างมาก เด็กจำเป็นจะต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อใช้ในการสื่อความหมาย การคิด จินตนาการ การแสดงออก และการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเด็กจะต้องมีความพร้อมทางภาษาในด้าน การฟัง อ่าน และเขียนไปพร้อม ๆ กัน อย่างมีความหมายเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการครบทุกด้าน เป็นไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม และสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 1. นักพฤติกรรมศาสตร์ (The Behaviorist View) “การเรียนรู้ภาษาของเด็กเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากผลการปรับสิ่งแวดล้อม” 2. สภาวะติดตัวโดยกำเนิด (The Nativist View)ชอมสกี้และแมคนีล เชื่อว่า “เด็กทุกคนเกิดมาโดยมีโครงสร้างทางภาษาศาสตร์อยู่ในตัวหรือติดตัวโดยกำเนิด” เล็นเบิร์ก กล่าวว่า “เด็กเกิดมาด้วยความสามารถทางภาษา มิใช่เป็นผ้าขาว ความสามารถทางการเรียนภาษาของเด็กถูกจัดโปรแกรมไว้ในตัว และมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่เด็กได้รับ” 3. นักสังคมศาสตร์ (The Socialist View) “วิธีการที่ผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ปฏิบัติต่อเด็กมีผลต่อพัฒนาการทางภาษาและพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก” 4. พัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์ (Piaget Theory) “พัฒนาการทางภาษาของเด็กเป็นไปพร้อมๆกับความสามารถด้านการให้เหตุผล การตัดสิน และด้านตรรกศาสตร์” 5. ทฤษฎีของนักจิตวิทยาภาษาศาสตร์ (PsycholinguisticsTheory) ชอมสกี้ (Chomskey)กล่าวว่า “การเรียนรู้ภาษาเป็นเรื่องซับซ้อนซึ่งจะต้องคำนึงถึงโครงสร้างภาษาในตัวเด็กด้วย” เล็นเบอร์ก (Lenneberg) เชื่อว่า “มนุษย์มีอวัยวะที่พร้อมสำหรับการเรียนรู้ภาษา” ปัทมา คุณเวทยว์ริยะ. (2549). ความสามารถทางภาษาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับกิจกรรมการเรียนรู้แบบจิตปัญญาโดยใช้สื่อไม่มีโครงสร้าง.
สาขาวิชาการศึกษา กิจกรรมสัมผัสอะไรช่วยบอกทีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาด้านการพูด ของเด็กปฐมวัย 2. เพื่อส่งเสริมทักษะการประสาทสัมผัสระหว่าง มือกับตาของเด็กปฐมวัย 3. เพื่อส่งเสริมจินตนาการของเด็กปฐมวัย สื่อวัสดุ/อุปกรณ์ 1. สําลี 2. ใยสังเคราะห์ 3. ลูกโป่ง 4. ถุงพลาสติกกันกระแทก 5. หลอด การวัดผลประเมินผล สังเกตและบันทึกพฤติกรรมการทํากิจกรรมของเด็กปฐมวัย โดยใช้แบบประเมินพัฒนาการ ขั้นดําเนินกิจกรรมสําหรับเด็กอายุ 4-5 ปี ขั้นนำ 1. ครูให้เด็กนั่งเป็นตัวยูและกล่าวทักทายกัน 2. ครูแนะนํากิจกรรม 3. ครูนําสื่อมาให้เด็กดูและพูดคุยเกี่ยวกับลักษณะของ สื่อที่นํามา ขั้นสอน 1. ครูให้เด็กคนแรกออกมาสัมผัสสื่อที่ครูนํามาโดยเริ่มจากซ้ายมือครู 2. เด็กใช้มือสัมผัสสื่อลักษณะต่าง ๆ ทีละชนิดโดยครูถามเด็ก “หนูรู้จักสิ่งนี้ไหม บอกได้ไหมว่าสิ่งนี้คือ อะไร มีลักษณะอย่างไร หนูรู้สึกอย่างไรเมื่อได้สัมผัสสิ่งนี้” 3. เมื่อเด็กสัมผัสจนครบทุกชนิด ครูถามเด็ก “หนูชอบสื่อที่ครูนํามาวันนี้ไหม ชอบเพราะเหตุใด” ขั้นสรุป 1. ครูและเด็กพูดคุยเกี่ยวกับสําลี ใยสังเคราะห์ ลูกโป่ง ถุงพลาสติกกันกระแทก และหลอด 2. ครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเก็บอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง ขั้นดําเนินกิจกรรมสําหรับเด็กอายุ 5-6 ปี ขั้นนํา 1. ครูให้เด็กนั่งเป็นตัวยูและกล่าวทักทายกัน 2. ครูแนะนํากิจกรรม 3. ครูนําสื่อมาให้เด็กดู พูดคุยเกี่ยวกับลักษณะของสื่อและถามประสบการณ์เดิมของเด็กเกี่ยวกับสื่อที่ครูนํามา ขั้นสอน 1. ครูให้เด็กคนแรกออกมาสัมผัสสื่อที่ครูนํามา โดยเริ่มจากซ้ายมือครู 2. เด็กใช้มือสัมผัสสื่อลักษณะต่าง ๆ ทีละชนิดโดยครูถามเด็ก “หนูรู้จักสิ่งนี้ไหม บอกได้ไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร มีลักษณะอย่างไร หนูรู้สึกอย่างไรเมื่อได้สัมผัสสิ่งนี้หนูบอกครูได้ไหมว่าสิ่งนี้หนูสามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร” 3. เมื่อเด็กสัมผัสจนครบทุกชนิด ครูถามเด็ก “หนูชอบสื่อที่ครูนํามาวันนี้ไหม ชอบเพราะเหตุใด” ขั้นสรุป 1. ครูและเด็กร่วมกันอภิปรายผลเกี่ยวกับสําลี ใยสังเคราะห์ ลูกโป่ง ถุงพลาสติกกันกระแทก และหลอด 2. ครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเก็บอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง กิจกรรมต่อเติมเส้นให้เป็นเรื่องสาระสําคัญ ภาษามีความสําคัญต่อการเรียนรู็ของเด็กปฐมวัยเป็นอย่างมาก เด็กจําเป็นจะต้องเรียนรู้ภาษาเพื่อใช้ในการสื่อความหมาย การคิด จินตนาการ การแสดงออกและการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเด็กจะต้องมีความพร้อมทางภาษาในด้าน การฟัง อ่าน และเขียนไปพร้อมๆกัน อย่างมีความหมายเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการครบทุกด้าน เป็นไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม และสามารถใช้เปฺ็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งต่างๆดังนั้น ผู้จัดทําจึงได้จัดกิจกรรมต่อเติมเส้นให้เป็นเรื่องเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย โดยบูรณาการพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัยกับทฤษฏีของทอร์แรนซ์ที่เขาได้ให้ความสําคัญกับกระบวนการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นพื้นฐานในการเขียนและเด็กได้ถ่ายทอดความรูู้สึกเมื่อเห็นภาพที่ตนวาดผ่านการพูด 2. เพื่อฝึกความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ การทํางานเป็นกลุ่ม ยอมรับความคิดเห็นและสนุกสนานใน การทํากิจกรรม วัสดุ/อุปกรณ์ 1. กระดาษชาร์ทที่มีเส้นลักษณะต่างๆจํานวน 7 เส้น 2. ดินสอ สีเทียน สีไม้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม อายุ 4-5 ปี ขั้นนํา 1. ครูเตรียมความพร้อมของเด็กโดยใช้กิจกรรมเพลงผึ้งน้อยหารัง เพื่อให้เด็กได้แบ่งกลุ่ม 2. เมื่อเด็กได้กลุ่มแล้วครูแจกอุปกรณ์สําหรับการทํากิจกรรมต่อเติมเส้นให้เป็นเรื่อง ขั้นสอน 1. ครูอธิบายกิจกรรมดังนี้ 1.1 ให้เด็กต่อเติมเส้นลักษณะต่างๆจํานวน 7 เส้น ที่ครูได้เขียนไว้บนกระดาษเป็นรูปต่างๆตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ 2. เด็กลงมือปฏิบัติกิจกรรม 3. เมื่อเด็กๆลงมือปฏิบัติกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณครูให้เด็กๆเล่าสิ่งที่เด็กๆวาดว่าทําไมถึงต่อเส้นนี้เป็นภาพนี้ทีละกลุ่ม ขั้นสรุป 1. เมื่อเด็กๆปฏิบัติกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว คุณครูสรุปกิจกรรมโดยใช้คําถามเพื่อให้เด็กได้แสดงออกทางการพูดของเด็กๆว่า “เด็กๆคะเส้นนี้เด็กๆวาดเป็นรูปอะไรคะ” “แล้วทําไมเด็กๆถึงวาดรูปนี้” และครูสรุปการทํากิจกรรมอีกครั้ง อายุ 5-6 ปี วัสดุ/อุปกรณ์ 1. กระดาษชาร์ทที่มีเส้นลักษณะต่างๆจํานวน 7 เส้น 2. ดินสอ สีเทียน สีไม้ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. ครูเตรียมความพร้อมของเด็กโดยใช้กิจกรรมเพลงผึ้งน้อยหารัง เพื่อให้เด็กได้แบ่งกลุ่ม 2. เมื่อเด็กได้กลุ่มแล้วครูแจกอุปกรณ์สําหรับการทํากิจกรรมต่อเติมเส้นให้เป็นเรื่อง ขั้นสอน 1. ครูอธิบายกิจกรรมดังนี้ 1.1 ให้เด็กต่อเติมเส้นลักษณะต่างๆจํานวน 7เส้น ที่ครูได้เขียนไว้บนกระดาษเป็นรูปต่างๆตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ขั้นสรุป 1. เมื่อเด็กๆปฏิบัติกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว คุณครูสรุปกิจกรรมโดยใช้คําถามเพื่อให้เด็กได้แสดงออกทางการพูดของเด็กๆว่า “เด็กๆคะเส้นนี้เด็กๆวาดเป็นรูปอะไรคะ” “แล้วทําไม เด็กๆถึงวาดรูปนี้” “เด็กๆช่วยกันเล่าให้เป็นเรื่องราวดูสิคะ” และครูสรุปการทํากิจกรรมอีกครั้ง การวัดและประเมินผล สังเกตและบันทึกกิจกรรมการทํากิจกรรมของเด็ก โดยใช้แบบประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา (ทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย) ประโยชน์จากการจัดกิจกรรม 1. เด็กได้ฝึกฝนทักษะของการเขียนโดยการต่อภาพ พร้อมกับระบายสีของภาพที่ได้ต่อเติม 2. เด็กได้ฝึกการอ่านภาพที่ตนเองสร้างขึ้นพร้อมกับเล่าเรื่องราวตามจินตนาการ 4. เด็กทุกคนได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสนุกสนานในการทํากิจกรรม หึ่ง หึ่ง หึ่ง ผึ้งน้อยบินหารัง หึ่ง หึ่ง หึ่ง ผึ้งน้อยบินหารัง ผึ้งน้อยจ๋า (จ๋า) ผึ้งน้อยจ๋า (จ๋า) ผึ้งน้อยจ๋า เจ้าบินหาอะไร ผึ้งตอบเร็วไว ฉันบินหารัง กิจกรรม ฟังให้ดีนะเด็กๆเด็กปฐมวัยเรียนรู้ภาษาจากสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวทั้งสิ่งแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนเด็กจะเรียนรู้การฟังและการพูดก่อนเพราะการฟังและการพูดเป็นของคู่กัน เป็นพื้นฐาน ทางภาษา กล่าวคือ เมื่อฟังแล้วก็ย่อมต้องพูดสนทนาโต้ตอบได้ การเรียนภาษาของเด็กปฐมวัยไม่เป็นต้องอาศัยการสอนอย่างเป็นทางการหรือตามหลักไวยกรณ์ แต่จะเป็นการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือเป็นการสอนแบบธรรมชาติ ทฤษฎีนี้ชอมสกี้ (Chomskey, 1960 ; อ้างถึงในสุภาวดี ศรีวรรธนะ, 2542 : 36) กล่าวว่า การเรียนรู้ภาษาเป็นเรื่องซับซ้อนซึ่งจะต้องคำนึงถึงโครงสร้างภาษาในตัวเด็กด้วยเพราะบางครั้งเด็กพูดคำใหม่โดยไม่ได้รับแรงเสริมมาก่อนเลยเขาอธิบายการเรียนรู้ภาษาของเด็กว่าเมื่อเด็กได้รับประโยคหรือกลุ่มคำต่าง ๆ เข้ามาเด็กจะสร้างไวยกรณ์ขึ้น โดยใช้เครื่องมือการเรียนรู้ภาษาที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งได้แก่ อวัยวะ เกี่ยวกับ การพูด การฟัง นอกจากนี้ เล็นเบอร์ก (Lenneberg)ยังเป็นผู้หนึ่งที่เสนอทฤษฎีแนวนี้โดยมีความเชื่อว่า มนุษย์มีอวัยวะที่พร้อมสำหรับการเรียนรู้ภาษา ถ้าสมองส่วนนี้ชำรุดหลังจากวัยรุ่นตอนต้น (อายุประมาณ12 ปี) จะทำให้การเรียนรู้ภาษาใหม่ได้ยากการฟังเป็นกระบวนการแรกของการรับรู้ และเป็นตัวจัดประกายให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยวุฒิภาวะ เวลา ความพากเพียรและแรงจูงใจ การพัฒนาการฟังจะเป็นขั้นตอนตามระดับอายุของผู้ฟัง วัตถุประสงค์ 1.เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย 2. เด็กสามารถฟังและตอบคำถามของครูได้ 3. เด็กสามารถร้อง และทำท่าทางประกอบ เสียงเพลงได้ สื่อวัสดุ/อุปกรณ์ 1.เสียงสัตย์ชนิดต่างๆ 2.รูปภาพสัตย์ชนิดต่างๆ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม ขั้นนำ ขั้นสอน 1. ครูอธิบายกิจกรรมดังนี้ คน 1.3. ครูเปิดเสียงสัตย์ให้เด็กฟัง 1 ตัว แล้วให้เด็กทายว่าคือสัตย์อะไร แล้วให้ครูเฉลยว่าเสียงที่ได้ยิน นั้นคือสัตย์อะไร แล้วให้เด็กกลับไปต่อแถวด้านหลัง 1.4. แล้วให้เด็กแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาคนใหม่ มาอีกสลับกันไปเรื่อยๆ ครูสังเกตพฤติกรรมของเด็กกลุ่มดังกล่าวว่าเด็กคนไหนสามารถปฏิบัติตามกติกาที่ครูกำหนดได้หรือไม่ และครูสรุปกิจกรรมและทบทวนกิจกรรมให้เด็กทราบอีกครั้งว่า วันนี้ครูน าเสียงสัตย์อะไรบ้างมาให้เด็กๆฟังกันเป็นการส่งเสริมด้านการพูดของเด็กในแต่ละคนให้มีความกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้นและส่งเสริมความมั่นใจของเด็กได้เป็นอย่างดี ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอํายุ 5-6 ปี ขั้นนำ ส่งเสริมทักษะด้านการพูดโดยการเปล่งเสียงร้องเพลงและท า ท่าทางประกอบเพลงด้วย 2. ครูแบ่งเด็กออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ขั้นสอน ทายกัน 1.2. ให้เด็กๆแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมากลุ่มละ 1 คน 1.3. ครูบอกปริศนาค าทายให้เด็กฟัง แล้วให้เด็ก ทายว่าคือสัตย์อะไร แล้วให้ครูเฉลยว่าปริศนานั้นคือสัตย์ อะไร แล้วให้เด็กกลับไปต่อแถวด้านหลัง 1.4. แล้วให้เด็กแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาคนใหม่มาอีก สลับกันไปเรื่อยๆ ขั้นสรุป ครูสังเกตพฤติกรรมของเด็กกลุ่มดังกล่าวว่าเด็กคนไหนสามารถปฏิบัติตามกติกาที่ครูกำหนดได้หรือไม่ และครูสรุปกิจกรรมและทบทวนกิจกรรมให้เด็กทราบอีกครั้งว่า วันนี้ครูน าเสียงสัตย์อะไรบ้างมาให้เด็กๆฟังกันเป็นการส่งเสริมด้านการพูดของเด็กในแต่ละคนให้มีความกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้นและส่งเสริมความมั่นใจของเด็กได้เป็น อย่างดี ประโยชน์จากการทำกิจกรรม 1 เด็กเกิดความสนุกสนาน 2 ส่งเสริมการใช้ภาษาของเด็ก 3 ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย 4 ส่งเสริมการทำงานร่วมกันกับผู้อื่น 5 เด็กสามารถปฏิบัติตามกฎที่ครูตั้งไว้ได้ กิจกรรมลูกเต๋าเล่าเรื่องวัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย 2. เพื่อเป็นพื้นฐานในการอ่านและเด็กได้ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านการเล่าเรื่องจากภาพ 3. เพื่อฝึกความคิดสร้างสรรค์จินตนาการ การทำงานเป็นกลุ่ม ยอมรับความคิดเห็นและสนุกสนานในการทำกิจกรรม สื่อวัสดุ/อุปกรณ์ การวัดผลประเมินผล สังเกตและบันทึกพฤติกรรมจากการทำกิจกรรมของเด็กปฐมวัย โดยใช้แบบประเมินพัฒนาการด้าน สติปัญญา (ทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย)ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 4-5 ปี ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 4-5 ปี ขั้นนำ 1. ครูเตรียมความพร้อมของเด็กโดยให้เด็กยืนเป็นวงกลมและใช้กิจกรรมเพลงปรบมือ เพื่อให้เด็กได้แบ่งกลุ่ม 2. เมื่อเด็กได้กลุ่มแล้วครูให้เด็กนั่งลงเป็นกลุ่มเพื่อจับฉลากลำดับที่ของกลุ่ม 1.3 ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันเล่าเรื่องจากภาพลูกเต่าให้ครูและเพื่อนๆฟัง 2. ให้เด็กลงมือปฏิบัติกิจกรรมทีละกลุ่ม 3. เมื่อเด็กๆแต่ละกลุ่มช่วยกันอ่านภาพจากลูกเต๋าพร้อมแต่งเรื่องตามจินตนาการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณครูให้เด็กๆช่วยกันเล่าเรื่องจากภาพลูกเต่าทีละกลุ่ม ขั้นสรุป เมื่อเด็กๆปฏิบัติกิจกรรมเรียบร้อยแล้วครูและเด็กร่วมกันสรุปการท ากิจกรรมและประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 5-6 ขั้นนำ ครูเตรียมความพร้อมของเด็กโดยให้เด็กยืนเป็นวงกลมและใช้กิจกรรมเพลงปรบมือ ขั้นสอน 1. ครูอธิบายกิจกรรมดังนี้ 1.1 ให้เด็กๆทอยลูกเต๋าคนละ 1 ลูก 1.2 จากนั้นให้เด็กๆอ่านภาพจากลูกเต๋าและเล่าเรื่องตามจินตนาการ ที่ละคน 2. ให้เด็กลงมือปฏิบัติกิจกรรม 3. เมื่อเด็กๆทุกคนอ่านภาพจากลูกเต๋าพร้อมแต่งเรื่องตามจินตนาการเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณครูให้เด็กๆเล่าเรื่องจากภาพลูกเต่าทีละคนตามลำดับ ขั้นสรุป เมื่อเด็กๆปฏิบัติกิจกรรมเรียบร้อยแล้วครูและเด็กร่วมกันสรุปการทำกิจกรรมและประโยชน์ที่ได้รับจาก การปฏิบัติกิจกรรม ประโยชน์จากการจัดกิจกรรม 1. เด็กได้ฝึกฝนทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย 2. เด็กได้ฝึกการอ่านภาพจากลูกเต๋าพร้อมกับเล่าเรื่องราวตามจินตนาการ 3. เด็กได้ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ฟังความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่ม และร่วมกันสร้างชิ้นงาน 4. เด็กทุกคนได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสนุกสนานในการทำกิจกรรม กิจกรรมเส้นหรรษา1. เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาด้านการเขียนของเด็กปฐมวัย 2. เพื่อส่งเสริมทักษะการประสาทสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาของเด็กปฐมวัย 3. เพื่อให้เด็กรู้จักเส้นพื้นฐาน 4. เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาด้านการพูดเล่าเรื่องราวจากผลงานตนเอง 5. เพื่อส่งเสริมจิตนาการความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย 2. กระดาษเจาะรูตามเส้นพื้นฐาน 4. ฝาขวดน้ำอัดลม 7. เศษผงดินสอ เศษผงสีไม้หรือสีเทียนที่เหลา ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 4-5 ปี 1. ครูเตรียมความพร้อมเด็ก โดยพูดคำสั่งและให้เด็กปฏิบัติตาม ให้ต่อแถวเป็นเส้นตรง วงกลม ครึ่งวงกลม 4. ครูนำบัตรภาพรูปเส้นมาให้เด็กดู และให้เด็กแสดงความรู้สึกเมื่อเห็นเส้น 1. ครูนำชุดอุปกรณ์เส้นพื้นฐานมาอธิบายให้เด็กฟังประกอบด้วย กระดาษเจาะรูตามเส้นพื้นฐานไม้ไอศกรีมติดแม่เหล็ก ฝาขวดน้ำอัดลม ครูสาธิตวิธีการเล่นให้เด็กดู 1. ครูและเด็กพูดคุยเกี่ยวกับเส้นพื้นฐาน โดยให้เด็กใช้นิ้วมือวาดกับอากาศ 2. ครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเก็บอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 5-6 ปี 1.ครูเตรียมความพร้อมเด็ก โดยพูดคำสั่งและให้เด็กปฏิบัติตาม ให้ต่อแถวแตะไหล่กันเป็นเส้นตรง วงกลม ครึ่งวงกลม เส้นซิกแซก เด็กปฏิบัติตามคำสั่ง 3.ครูนำบัตรภาพรูปเส้นมาให้เด็กดู และให้เด็กแสดงความรู้สึกเมื่อเห็นเส้น 1.ครูนำชุดอุปกรณ์เส้นพื้นฐานมาอธิบายให้เด็กฟังประกอบด้วย กระดาษเจาะรูตามเส้นพื้นฐานไม้ไอศกรีมติดแม่เหล็ก ฝาขวดน้ำอัดลม 2.ครูสาธิตวิธีการเล่นให้เด็กดู ให้เด็กออกมาทำกิจกรรม 3.ครูแจกกระดาษและสีเทียน ผงดินเสาหรือผงสีที่เหลาไว้ พร้อมไม้ไอศกรีมติดแม่เหล็ก ฝาดน้ำอัดลม 4.เด็กวาดรูปโดยใช้ผงดินสอหรือผงสีใสไว้ใต้ฝาน้ำอัดลม และใช้ไม้ไอศกรีมที่ติดแม่เหล็กวาดรูปตามจิตนาการ 1.ครูและเด็กพูดคุยเกี่ยวกับเส้นพื้นฐาน โดยให้นำเสนอผลงานที่เด็กวาด 2.ครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเก็บอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง สังเกตและบันทึกกิจกรรมการทำกิจกรรมของเด็กปฐมวัย โดยใช้แบบประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา (ทักษะทางภาษาของเด็กปฐมวัย) กิจกรรมจดหมายสื่อรัก 1. เพื่อส่งเสริมทักษะทางภาษาด้านการเขียนของเด็กปฐมวัย 2. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมของเด็กปฐมวัย 3. เพื่อส่งเสริมจิตนาการของเด็กปฐมวัย ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 4-5 ปี 1. ครูและเด็กกล่าวคำทักทาย โดยใช้เพลง “ชูนิ้ว” 3. ครูแสดงวิธีการส่งจดหมาย พร้อมกับตัวอย่างจดหมายให้เด็กดู 1. ครูแจกอุปกรณ์ในการเขียนจดหมาย 2. ครูแสดงตัวอย่างการเขียนจดหมาย พร้อมกับกำหนดบุคคลที่จะให้เด็กส่งจดหมายให้ (กำหนดเป็นคนในครอบครัว) 3. ครูเขียนตัวย่างประโยคง่ายๆให้กับเด็กดูเป็นตัวอย่าง เช่น พ่อ แม่ เพื่อน เป็นต้น 4. ครูให้เด็กลงมือปฏิบัติกิจกรรม 1. ครูให้เด็กนำจดหมายมาสอดลงที่กล่องไปรษณีย์ 2. ครูส่งจดหมายให้กับบุคคลที่เด็กได้เขียนถึง ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 5-6 ปี 1. ครูและเด็กร่วมกันกล่าวค าทักทายโดยใช้เพลง“ชูนิ้ว” 3. ครูพูดคุยเกี่ยวกับการส่งจดหมาย โดยใช้คำถามปลายเปิดให้เด็กแต่ละคนได้แสดงความคิดเห็นของตัวเอง 1. ครูแจกอุปกรณ์ในการเขียนจดหมาย 2. ครูอธิบายลักษณะการเขียนจดหมายให้กับเด็กพร้อมกับการกำหนดบุคคลที่จะให้เด็กส่งจดหมายให้เช่น พ่อ แม่ คุณครู เพื่อน เป็นต้น (ให้เด็กแต่ละคนเลือกเอง) 3. ครูให้เด็กลงมือทำกิจกรรม 1.ครูยกตัวอย่างเด็ก1คน และให้เด็กบอกว่าเขียนให้ใคร ตกแต่งแบบไหน ให้เด็กได้อธิบายผลงานตนเองและให้เด็กนำจดหมายใส่ก่องเป็นตัวเอย่าง 2. ครูให้เด็กนำจดหมายมาสอดลงที่กล่องไปรษณีย์ 3. ครูส่งจดหมายให้กับบุคคลที่เด็กได้เขียนถึง กิจกรรมภาพสร้างคำศัพท์1. เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย 2. เพื่อส่งเสริมความกล้าแสดงออกของเด็กปฐมวัย 3. เพื่อส่งเสริมจินตนาการของเด็กปฐมวัย 1. กระดาษสี(เหลือง,เขียว,แดง,ส้ม) กระดาษสี(เหลือง,ฟ้า,เขียว,แดง,) 5-6 ปี 2. กระดาษ a4 ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ 4-5 ปี 1. ครูและเด็กพูดคุยเกี่ยวกับสี เหลือง,เขียว,แดง,ส้ม 2. ครูให้เด็กยกตัวอย่างผัก ผลไม้ ที่มีสีเหมือนหรือคล้ายกับ สีเหลือง,เขียว,แดง,ส้ม 1. ครูแบ่งเด็กออกเป็น 5 คู่ คู่ละ 2 คน โดยแต่ละคู่ครูเตรียมดินสอ สีเทียน สีไม้ไว้ให้ 2. ครูแจกกระดาษ a 4 ที่มีสีเหลือง,เขียว,แดง,ส้มกำกับอยู่บนกระดาษ โดยครูจะมีภาพผลไม้เป็นเส้นประขาว-ดำ ให้เด็กสีล่ะ 3 ภาพ แต่ล่ะภาพครูจะมีคำศัพท์ภาษาไทย –อังกฤษให้ใต้ภาพ 3. ครูให้เด็กวาดตามร้อยประภาพผัก ผลไม้ที่มีสีเหมือนหรือคล้ายกับสีเหลือง,เขียว,แดง,ส้ม ที่ครูกำหนดให้พร้อมระบายสี 1. เมื่อเด็กปฏิบัติกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ครูและเด็กร่วมกันสรุปกิจกรรม เกี่ยวกับสีและสิ่งต่าง ๆรอบตัว และครูอ่านคำศัพท์ใต้ภาพ ภาษาไทยภาษาอังกฤษให้เด็กฟัง แล้วให้เด็กอ่านตามจากนั้นให้เด็กออกมาอธิบายว่าระบายสีภาพอะไรบ้าง 2. ครูและเด็กร่วมกันสรุปประโยชน์ที่ได้รับ 3. ครูสอบถามเด็กเกี่ยวกับความรู้สึกจากการทำกิจกรรม ขั้นดำเนินกิจกรรมสำหรับเด็กอายุ5-6 ปี 1. ครูและเด็กพูดคุยเกี่ยวกับสี เหลือง,ฟ้า,เขียว,แดง 2. เด็กยกตัวอย่างสิ่งที่มีสีเหมือนหรือคล้ายกับ สีเหลือง,ฟ้า,เขียว,แดง 1. ครูแบ่งเด็กออกเป็น 5 คู่ คู่ล่ะ2 คน โดยแต่ละคู่ครูเตรียมดินสอ สีเทียน สีไม้ไว้ให้ 2. ครูแจกกระดาษ a4 ที่มีสีเหลือง,ฟ้า,เขียว,แดงกำกับอยู่บนกระดาษ 3. ครูให้เด็กคิดสิ่งที่มีสีเหมือนหรือคล้ายกับสีเหลือง ,ฟ้า,เขียว,แดง ที่ครูก าหนดให้และวาดภาพลงบนกระดาษ a4 4. เมื่อเด็กปฏิบัติกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว ครูและเด็กร่วมกันสรุปกิจกรรม เกี่ยวกับสีและสิ่งต่าง ๆรอบตัว จากนั้นให้เด็กออกมาอธิบายว่าวาดภาพอะไรบ้าง 5. ครูและเด็กร่วมกันสรุปประโยชน์ที่ได้รับ 6. ครูสอบถามเด็กเกี่ยวกับความรู้สึกจากการทำกิจกรรม |