เขียนโดย biology เมื่อ July 29, 2014. หัวข้อ บทความ, บทความปี 2553
อาจารย์ภัทรา พลับเจริญสุข**
ในอดีตคนทั่วไปจะไม่รู้จักคำว่าดีเอ็นเอ (DNA) นักวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่เข้าใจในเรื่องดีเอ็นเอ แต่ปัจจุบัน DNA กลับมีความสำคัญและมีบทบาทอย่างแพร่หลายแทบทุกวงการ ตั้งแต่วงการวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร การพิสูจน์หลักฐานหรือตรวจเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล และการจำแนกสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตามที่พบเห็นได้ในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือการรายงานข่าว เช่น การสืบสวนกรณีอื้อฉาวทางเพศระหว่างประธานาธิบดีบิลล์ คลินตันกับนางสาวโมนิกา ลูวินสกี ยืนยันการเป็นลูกสาวของนักร้องหมอลำมนต์สิทธิ์ คำสร้อย หรือพิสูจน์ร่างผู้เสียชีวิตจากการเกิดวินาศกรรมตึกเวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ รวมทั้งคดีอาชญากรรมที่ใช้ DNA เป็นหลักฐานในการพิสูจน์หาตัวผู้กระทำผิด เป็นต้น จากที่กล่าวมาหลายคนคงสงสัยว่าเราจะนำ DNA มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร DNA เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งที่มีชีวิต ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อและแม่ DNA สามารถพบได้ในนิวเคลียสของเซลล์ต่าง ๆ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์ผิวหนัง เยื่อบุข้างแก้ม กระดูก หรือปลายรากเส้นผม เป็นต้น DNA จะเป็นตัวกำหนดข้อมูลในการสร้างสารชีวโมเลกุล ดังนั้นสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นชั้นสูงหรือชั้นต่ำจึงมีชุด DNA ซึ่งมีรหัสเฉพาะตัวเป็นแม่แบบในการสร้างสารชีวโมเลกุล ซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่สายพันธุ์ จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่มีชุด DNA ที่เหมือนกันทั้งหมด ยกเว้นฝาแฝดที่เกิดมาจากไข่ใบเดียวกันเท่านั้น จากความจำเพาะที่มีอยู่ในชุด DNA แต่ละหน่วยนี้เอง เรียกว่าลายพิมพ์ดีเอ็นเอ (DNA fingerprint) โดย DNA ทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตนั้นประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกประกอบด้วยเบส 3 ตัวเรียงต่อกันเป็นโคดอน (codon) เรียกส่วนนี้ว่า coding DNA ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างโปรตีนที่มีความสำคัญต่อกลไกต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งจะมีอยู่เพียงร้อยละ 5 ของชุด DNAทั้งหมด และส่วนที่สองที่มีประมาณร้อยละ 95 โดยยังไม่ทราบหน้าที่แน่นอนเรียกว่า noncoding DNA ซึ่ง noncoding DNA มีส่วนหนึ่งที่เป็นเบสซ้ำต่อเนื่อง (tandem repeat) อยู่หลายตำแหน่ง เบสซ้ำต่อเนื่องนี้เองที่นำมาทำเป็นลายพิมพ์ดีเอ็นซึ่งเป็นเครื่องหมายพันธุกรรม ทำให้สามารถรู้ลักษณะของจำนวนการซ้ำของท่อน DNA แต่ละชุดในแต่ละตำแหน่งบนสาย DNA ของสิ่งมีชีวิตและบุคคลได้ ดังนั้นจึงสามารถใช้ความแตกต่างกันของขนาดและจำนวนการซ้ำของท่อน DNA แต่ละชุดนี้ บ่งบอกถึงข้อมูลพันธุกรรมเฉพาะของแต่ละบุคคลได้ การศึกษาลายพิมพ์ DNA มี 2 เทคนิคหลักคือ RFLP (Restriction Fragment Length Polymorphism) เป็นการวิเคราะห์ความแตกต่างของเบสซ้ำโดยใช้ความสามารถของเอนไซม์ตัดจำเพาะ (restriction enzyme) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ตัดสาย DNA อย่างเฉพาะเจาะจง และเทคนิค PCR (Polymerase Chain Reaction) โดยใช้การเพิ่มปริมาณ DNA ในส่วนของเบสซ้ำ ซึ่งอาศัยหลักการการจำลองตัวเองของสายดีเอ็นเอ (DNA replication) ทำให้ได้ DNA สายใหม่เกิดขึ้นเป็นล้านเท่า ไม่ว่าจะใช้เทคนิคใดจะได้แถบลายพิมพ์ดีเอ็นเอซึ่งต้องมีการแปลผล โดยอ่านผลจากลักษณะตำแหน่งของ DNA ดังตัวอย่างในภาพที่1 เมื่อนำลายพิมพ์ดีเอ็นเอของลูกมาเทียบกับพ่อและแม่ จะพบว่าลายพิมพ์ดีเอ็นเอของลูกต้องประกอบด้วยแถบ DNA ที่มาจากพ่อและแม่เท่านั้น หากพบว่ามีแถบ DNA ของลูกที่แตกต่างแม้เพียงแถบเดียว ก็สามารถสรุปได้ว่าไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ดังตัวอย่างลายพิมพ์ดีเอ็นเอภาพที่ 2 สรุปได้ว่า D1 และ S1 เป็นลูกของพ่อแม่คู่นี้ หรือกรณีการหาตัวผู้ต้องสงสัยดังภาพที่ 3 พบว่าคราบอสุจิ ที่พบในที่เกิดเหตุ มีแถบ DNA ตรงกับผู้ต้องสงสัยคนแรก จึงสามารถสรุปว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดได้ จะเห็นได้ว่าลายพิมพ์ดีเอ็นเอเป็นกุญแจที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยไขความเป็นจริงของสิ่งมีชีวิตและมนุษย์อย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งได้มีการนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนต่อไป เอกสารอ้างอิง 1. การใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ พ่อ-แม่ ลูก. //www.thaicattle.org/knowlege/embryo06.php (Retrieved 2/03/10) 2. เทคนิค PCR กับการพิสูจน์บุคคล. //www.school.net.th/library/pcr1.htm(Retrieved 2/03/10) 3. มาลินี อัศวดิษฐเลิศ . ดีเอ็นเอ ลายพิมพ์ดีเอ็นเอ และสึนามิ. //www.biotec.or.th/biotechnology-th/newsdetail.asp?id=4092 (Retrieved 2/03/10) 4. DNA fingerprinting เทคโนโลยีพิสูจน์เหยื่อคลื่นมรณะ. //www.stdent.chula.ac.th/~50370413/Tell.htm (Retrieved 4/03/10) 5. A Brief Tour of DNA Fingerprinting. //www.scq.ubc.ca/a-brief-to…rinting/(Retrieved 2/03/10) 6. //www.randomhouse.com/knopf…es7.html (Retrieved 15/03/10) ** สังกัดภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์4,053 total views, 2 views today
ปัจจุบันนี้ มีการใช้ลายพิมพ์ DNA ของคน ในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ แม่ ลูก รวมถึงการรับมรดก และพิสูจน์หลักฐานทาง อาชญากรรม และยังใช้ลายพิมพ์ DNA ในการบอกเอกลักษณ์ของพืช และสัตว์เศรษฐกิจ และยังใช้ในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางเผ่าพันธุ์ และวิวัฒนาการของสัตว์และพืชด้วย
ลายพิมพ์ DNA คือลำดับเบสที่เป็นเอกลักษณ์ในสิ่งมีชีวิตแต่ละตัวตนหรือบุคคล วิธีตรวจหาลายพิมพ์ DNA มีหลายประเภทเช่น RFLP (RestrictionFragment Length Polymorphism), RAPD (RapidAmplifiedPolymorphic DNA), minisatellite DNA และ microsatellite DNAเป็นต้น วิธีตรวจลายพิมพ์DNA แบบ RFLP สามารถใช้ระบุความแตกต่างหรือความเหมือนของ DNA จากคนละแหล่งได้ โดยใช้เอนไซม์ตัดจำเพาะ ตัดดีเอนเอจากทั้ง 2 แหล่ง (หรือหลายแหล่ง) แล้วนำมาทำเจลอิเลคโตรโฟรีซิส ต่อด้วยเซาท์เธิร์นบลอทไฮบริไดเซชันจากนั้นตรวจผล โดยเปรียบ เทียบรูปแบบของแถบDNA ที่เกิดขึ้นว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร วิธีการนี้สามารถใช้ตรวจหาผู้ต้องสงสัยที่กระทำผิดได้ โดยเก็บตัวอย่าง DNA จาก สถานที่เกิดเหตุมาตรวจเปรียบเทียบกับ DNA ของผู้ต้องสงสัยโดยการเจาะเลือด
การตรวจลายพิมพ์ DNA จากด้วยวิธีการทำ RFLP ของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ สามารถบ่งบอกเอกลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดได้ จากรูปแบบของแถบที่ปรากฏ
ที่มา - //lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course
/ww526/inboonna/inboonna-web1/contents/topic6.htm
รหัสพันธุกรรม “ดีเอ็นเอ” ได้พลิกแนวทางการสืบสวนอาชญากรรม วิธีนี้ช่วยให้ชี้ตัวบุคคลได้ถูกต้องแม่นยำที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะโอกาส ที่ดีเอ็นเอของคน 2 คนจะบังเอิญตรงกันนั้นไม่มีเลย ความรู้เรื่องดีเอ็นเอสามารถนำมาใช้พิสูจน์ได้ตั้งแต่ว่าใครเป็นบิดาของเด็ก ไปจนถึงใช้ควบคุม การผสมพันธุ์สัตว์หายาก
ศาสตราจารย์ อเล็ก เจฟฟรีย์ ชาวอังกฤษ ผู้เชี่ยวชาญวิชาพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ค้นพบวิธีพิสูจน์บุคคลด้วยหลักฐานของดีเอ็นเอ ในระหว่างศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้
ดีเอ็นเอ เป็นสารเคมีที่อยู่ในนิวเคลียสของเซลล์มีชีวิตทุกเซลล์ ดีเอ็นเอจะเป็นตัวบ่งชี้รูปพรรณของบุคคล เช่น สีผมและสีนัยน์ตา โครงสร้างของ ดีเอ็นเอในแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ยกเว้นกรณีที่เป็นแฝดเหมือน
ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์พบว่า ในโมเลกุลของดีเอ็นเอจะมีลำดับข้อมูลพันธุกรรมปรากฏซ้ำ ๆ กันตลอดโครงสร้างของดีเอ็นเอ ซึ่งดูคล้ายบัน ไดเวียนไม่รู้จบ
จำนวนครั้งที่ซ้ำกัน ตำแหน่งที่แน่ชัด และความยาวของลำดับข้อมูลพันธุกรรมในเส้นดีเอ็นเอของแต่ละบุคคล มีรูปแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือน ของผู้ใด
ตัวอย่างดีเอ็นเอ ปกติได้มาจากเลือด น้ำอสุจิ หรือเส้นผมในปริมาณเพียงเล็กน้อย กรรมวิธีถ่ายทอดลำดับข้อมูลพันธุกรรมในดีเอ็นเอให้ออกมา เป็นบันทึกที่ผ่านผลได้นั้น ในขั้นสุดท้ายจะแสดงเป็นภาพในฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งจะเห็นเป็นแท่ง ๆ เรียงกัน คล้ายกับรหัสแท่ง (บาร์โค้ด) บนกล่องสินค้า
ดีเอ็นเอ เป็นหลักฐานที่ใช้พิสูจน์ได้ทั้งความบริสุทธิ์และความผิด ตัวอย่างเช่น กรณีโจรผู้ร้ายทุบกระจกหน้าต่างบุกเข้าบ้าน อาจทิ้งรอยเลือด ติดกระจก ตำรวจสามารถนำตัวอย่างเลือดนั้นมาสร้างลายพิมพ์ดีเอ็นเอ เมื่อได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้วจึงนำตัวอย่างเลือดของผู้นั้นมาเปรียบเทียบดู หากดีเอ็นเอตรงกับตัวอย่างที่มีอยู่ ก็พิสูจน์ได้ว่าผู้นั้นคือคนร้าย แต่หากไม่ตรงกัน ก็แสดงว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ในกรณีที่ตำรวจมีลายพิมพ์ดีเอ็นเอของคนร้าย แต่ยังหาตัวผู้ต้องสงสัยไม่ได้ ตำรวจอาจทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอจากตัวอย่างเลือดของกลุ่มคนที่อยู่ในข่าย น่าสงสัยทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เมื่อปี ค.ศ. 1987 ตำรวจที่เมืองเลสเตอร์เวอร์ได้ทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอจากตัวอย่างเลือดของผู้ชาย 5,500 คนซึ่งอยู่ใน ตำบลที่เกิดคดีข่มขืนและฆ่าเด็กตาย 2 คน
ฆาตกรถูกจับได้ในเวลาต่อมา เนื่องจากมีผู้ได้ยินชายคนหนึ่งพูดว่า เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งขอให้เขาไปเจาะเลือดแทน ชายอีกผู้หนึ่งซึ่งถูกกล่าว หาว่าเป็นฆาตกรได้รับการปล่อยตัว เพราะลายพิมพ์ดีเอ็นเอของเขาไม่ตรงกับตัวอย่างที่ได้จากสถานที่เกิดเหตุ
ที่มา - //www.rmutphysics.com/charud/specialnews/3/DNA/DNA1.htm
ดีเอ็นเอชี้ตัวคนร้าย ลายพิมพ์ดีเอ็นเอ (เส้นกลาง) จากรอยเลือดที่พบในสถานที่เกิดเหตุ เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยอีก 7 คน พบว่าเส้นที่ใกล้สุดทางซ้ายมือมีลักษณะตรงกันทุกอย่าง ส่วนเส้นอื่นมีบางอย่างคล้ายกันเท่านั้น ดังนั้นจึงระบุตัวผู้กระทำผิดได้อย่างแน่ชัด ส่วนอีก 6 คนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์
ขั้นตอนการทำ ลายพิมพ์ ดี เอ็น เอ
- เก็บตัวอย่างส่งตรวจ เช่น เส้นผม หรือเล็บ เศษผ้าที่เปื้อนเลือด คราบอสุจิ ซึ่งต้องเป็นตัวอย่างที่มีคุณภาพ
- สกัด DNA จากเซลล์ของตัวอย่างที่เก็บมา
- ตรวจลายพิมพ์ DNA สามารถทำได้ 2 แบบคือ ตรวจมือโดยการใช้สารกัมมันตภาพรังสีและการใช้เครื่องมือตรวจอัตโนมัติ
- การแปลผลลายพิมพ์ DNA
ที่มา - //www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/286/3/science/bio2/index2.htm
ที่มา - //www.rmutphysics.com/charud/specialnews/3/DNA/DNA1.htm
ที่มา - //lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/ww526/inboonna/inboonna-web1/contents/topic6.htm
ที่มา - //www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=66171
//www.neutron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=1101&Itemid=14&limit=1&limitstart=15