ความต้องการซื้อ ภาษาอังกฤษ

ถามความต้องการของลูกค้า

ประโยคภาษาอังกฤษระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย เช่น การถามความต้องการของลูกค้า การบอกความต้องการสินค้าที่สนใจ กรณีขอดูสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ การลองสินค้าพวกเสื้อผ้า เป็นต้น

Is there anything/something I can do for you?
(อีส แธร์ เอนนีธิง/ซัมธิง ไอ แคน ดู ฟอร์ ยู)
มีอะไรที่ฉันพอจะทำให้คุณได้บ้าง

Yes, please. / No, thanks.
(เยส พลีซ / โน แธงคส)
มีครับ / ไม่มีครับ ขอบคุณ

What would you like, sir?
(วอท วูด ยู ไลคฺ เซอะ)
คุณต้องการซื้ออะไรค่ะ

What are you looking for?
(วอท อาร์ ยู ลุคคิง ฟอร์)
คุณกำลังมองหาอะไรอยู่ครับ

Which one do you need?
(วิช วัน ดู ยู นีด)
คุณต้องการอันไหนครับ

Would you take it?
(วูด ยู เทค อิท)
คุณจะซื้อไหมคะ

May I take your order?
(เมย์ ไอ เทค ยัวร์ ออเดอะ)
คุณจะสั่งสินค้าเลยไหมครับ

I would like…
(ไอ วูด ไลต…)
ผมอยากได้….ครับ

I would like to buy…
(ไอ วูด ไลต ทู บาย…)
ฉันอยากจะซื้อ… ค่ะ

I am looking for…
(ไอ แอม ลุคคิง ฟอร์…)
ผมกำลังมองหา…อยู่ครับ

I need some…
(ไอ นีด ซัม…)
ฉันต้องการ…ค่ะ

I will take it/this.
(ไอ วิล เทค อิท/ธิส)
ฉันอาอันนี้

I’m interested in buying…
(ไอม อิน’เทอริสทฺทิด อิน ไบอิง…)
ผมสนใจจะซื้อ …ครับ

Can I see…on the shelf?
(แคน ไอ ซี…ออน เธอะ เชลฟฺ)
ผมขอดู…บนชั้นหน่อยครับ

Let me have…please.
(เลท มี แฮฟว…พลีซ)
ขอ…ให้ฉันหน่อยค่ะ

Where can I find the…please?
(แวร์ แคน ไอ ไฟดฺ เธอะ…พลีซ)
ฉันจะหา…ได้จากที่ไหน

Could you tell me where the…is?
(คูด ยู เทล มี แวร์ เธอะ…อีส)
บอกหน่อยได้ไหมว่า…อยู่ตรงไหน

Do you have?
(ดู ยู แฮฟว)
คุณมี …ไหม

Do you sell…?
(ดู ยู เซล…)
คุณมี…ขายไหม

Do you have any…?
(ดู ยู แฮฟว เอน’นี…)
คุณพอจะมี….บ้างไหม

Sorry, we don’t sell them.
(ซอ’รี วี โดนท เซล เธม)
เสียใจครับ เราไม่ได้ขายของพวกนั้น

Sorry, we don’t have any left.
(ซอรี วี โดนท แฮฟว เอน’นี เลฟทฺ)
เสียใจค่ะ เราไม่มีสินค้าเหลือเลย

What kind do you want?
(วอท ไคดฺ ดู ยู วอนท)
คุณต้องการประเภทไหน

What style do you prefer?
(วอท สไทลฺ ดู ยู พรีเฟอะ)
คุณชอบรูปทรงแบบไหน

What is your size?
(วอท อิส ยัวร์ ไซซ)
เบอร์อะไรครับ

What size do you wear?
(วอท ไซซ ดู ยู แวร์)
คุณใส่เบอร์อะไร

What color do you prefer?
(วอท คัลเลอะ ดู ยู พรีเฟอะ)
คุณชอบสีอะไร

What kind of… would you like?
(วอท ไคนด ออฟ… วูด ยู ไลค)
คุณชอบ…แบบไหนค่ะ

What kind of… would you care for?
(วอท ไคนด ออฟ… วูด ยู แคร์ ฟอร์)
คุณสนใจ…แบบไหนค่ะ

What would you like to have?
(วอท วูด ยู ไลคฺ ทู แฮฟว)
คุณต้องการจะซื้ออะไรครับ

What brand do you have in mind?
(วอท แบรนดฺ ดู ยู แฮฟว อิน ไมน์ดฺ)
คุณอยากได้ยี่ห้ออะไร

Demand และ Supply หรือ อุปสงค์และอุปทาน คือ เรื่องของระดับความต้องการซื้อสินค้าของผู้ซื้อ และเรื่องของระดับความต้องการขายสินค้าหรือปริมาณของสินค้าที่ต้องการขายของผู้ขาย โดย Demand คือความต้องการซื้อ และ Supply คือความต้องการขาย

สำหรับความสัมพันธ์ของ Demand และ Supply ถ้าอธิบายแบบคร่าว ๆ จะสัมพันธ์กันใน 2 ประเด็นหลักคือ

  1. สัมพันธ์ระหว่างกัน เช่น เมื่อมีความต้องการซื้อ (Demand) ที่สูง คนก็จะรู้สึกว่าต้องขาย (มองเห็นโอกาส) ทำให้ Supply ของสินค้าเพิ่มขึ้น
  2. สัมพันธ์กับระดับราคาสินค้า (Price) เช่น เมื่อสินค้าชนิดหนึ่งราคาปรับเพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อหรือ Demand ของสินค้าจะลดลง

Demand คืออะไร? (อุปสงค์)

Demand คือ อุปสงค์ หรือ ความต้องการซื้อสินค้าของผู้ซื้อ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา จากความต้องการซื้อสินค้าที่แตกต่างกันของผู้ซื้อในแต่ละช่วงเวลา

นอกจากนี้ ระดับความต้องการซื้อสินค้า (Demand) ยังส่งผลต่อระดับราคาของสินค้า (Price) ดังนี้

  • ราคาสินค้าต่ำ Demand สูง
  • ราคาสินค้าสูง Demand ต่ำ

หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือ ยิ่งสินค้าราคาสูงขึ้น คนยิ่งไม่อยากซื้อสินค้า (หรือไม่สามารถซื้อได้)

ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่าง ความต้องการซื้อ (Demand) กับระดับราคา (Price) จะเรียกว่า Law of Demand หรือ กฎของอุปสงค์ โดย Law of Demand สามารถเขียนเป็นกราฟได้ตามภาพด้านล่าง

กราฟ Law of Demand หรือ กฎของอุปสงค์

จากกราฟจะเห็นว่า ยิ่งราคา (Price) เพิ่มสูงขึ้น ระดับปริมาณความต้องการสินค้า (Quantity) จะลดลง

นอกจากนี้ กราฟนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า ยิ่งปริมาณสินค้า (Quantity) มีน้อยหรือหามาขายได้ยาก ระดับราคาของสินค้า (Price) ก็จะเพิ่มขึ้น อย่างเช่น แร่หายากและของหายากต่าง ๆ

Supply คืออะไร? (อุปทาน)

Supply คือ อุปทาน หรือ ความต้องการขายสินค้า (ของผู้ขาย) ซึ่งระดับความต้องการขายหรือ Supply ก็จะผันแปรตามระดับราคาของสินค้า

โดยระดับของความต้องการขายที่สัมพันธ์กับระดับราคาสินค้าจะเรียกว่า Law of Supply หรือ กฎของอุปทาน ดังนี้

  • ราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการขายก็จะเพิ่มขึ้น
  • ราคาสินค้าลดลง ความต้องการขายก็จะลดลง

แปลเป็นภาษาพูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งสินค้าราคาแพงหรือกำไรดี คนก็ยิ่งอยากเข้ามาขายสินค้าประเภทนั้นมากขึ้น โดย Law of Supply สามารถเขียนเป็นกราฟได้ตามภาพด้านล่าง

กราฟ Law of Supply หรือ กฎของอุปทาน

จากกราฟจะเห็นว่า ยิ่งราคาสินค้า (Price) เพิ่มสูงขึ้น ระดับปริมาณความต้องการขายสินค้า (Quantity) จะเพิ่มขึ้นตาม และถ้าหากสินค้ามีราคาที่ลดลง (Price) ระดับปริมาณความต้องการขายสินค้า (Quantity) ก็จะลดลงเช่นกัน

ทั้งหมดก็คือพื้นฐานของ Demand และ Supply หรือ อุปสงค์และอุปทาน สำหรับใครที่อ่านบทความนี้ แล้วเกิดสนใจว่า อุปสงค์ อุปทาน เกิดจากอะไร มีที่มาจากไหน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่:

  • พื้นฐานและที่มาของ Demand
  • พื้นฐานและที่มาของ Supply

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก