ไคแอน แดรนส์ (Kaiann Drance) รองประธานฝ่ายการตลาด iPhone ของ Apple กล่าวในงานเปิดตัว iPhone 14 ว่า "ด้วย eSIM คุณสามารถโอนแผนบริการเซลลูลาร์ที่มีอยู่หรือรับแผนเซลลูลาร์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว"
นอกจากนี้ แดรนส์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า eSIM สามารถทำให้อุปกรณ์ "ปลอดภัยยิ่งขึ้น" โดยระบุว่า "คนไม่สามารถถอดซิมการ์ดจริงออกได้หาก iPhone ของคุณสูญหายหรือถูกขโมย"
ทางคณะกรรมการการสื่อสารของรัฐบาลกลาง (Federal Communications Commission: FCC) ยังระบุด้วยว่า eSIM มี "ประโยชน์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญ" เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้กระทำความผิดบางคนขโมยซิมการ์ดจริงและเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์เครื่องอื่นเพื่อเข้าถึงข้อมูลของใครบางคนและรีเซ็ตบัญชีของพวกเขาตามที่ FCC กล่าว eSIM อาจลดความเสี่ยงนี้ได้เนื่องจาก "ไม่สามารถขโมยได้โดยไม่ขโมยโทรศัพท์"
ตามทฤษฎีแล้ว การยกเลิกช่องใส่ SIM อาจมีประโยชน์อีกประการหนึ่ง: ทำให้มีที่ว่างมากขึ้นสำหรับแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือฟีเจอร์อื่น ๆ ในโทรศัพท์ และนั่นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ Apple ที่พยายามทำให้อุปกรณ์บางลงอยู่เสมอ
แม้ว่าการถอดช่องเสียบ SIM อาจไม่เทียบเท่ากับการตัดสินใจของ Apple ที่ทิ้งช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. แต่ก็ทำให้เกิดเสียงบ่นบางอย่างบนโซเชียลมีเดีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เดินทางต่างประเทศบ่อยครั้งใช้เพื่อเปลี่ยน SIM จริงในสถานที่ต่าง ๆ และอาจเดินทางไปยังสถานที่ที่ผู้ให้บริการยังไม่รองรับการใช้ eSIMS ตัวอย่างเช่น ในจีนแผ่นดินใหญ่
สื่อแนะ, iPhone 14 ควรมีรุ่น eSIM แบบไม่มีช่องใส่ SIM Card เพราะเทรน eSIM กำลังได้รับความนิยม
Wall Street Journal (WSJ) รายงานข้อมูลว่า เทคโนโลยี eSIM กำลังเป็นที่นิยมมากในยุโรปและเอเชีย เพราะลูกค้าสามารถสลับแผน เลือกแผนบริการได้สะดวกกว่า
ซึ่ง 3 ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐรายใหญ่นั้นก็เริ่มให้บริการ eSIM ให้กับลูกค้าเป็นหลักแล้ว, WSJ เผยว่า Apple ควรเลิกใส่ช่องใส่ซิมมาตั้งแต่ iPhone 13 เพราะสมาร์ตโฟนฝั่ง Android เริ่มปรับตัว ขายสมาร์ตโฟนแบบไม่มีช่องใส่ซิม

Emma Mohr-McClune นักวิเคราห์จาก GlobalData เผยว่า ระบบ eSIM ใน iPhone แบบไม่มีช่องใส่ซิม ควรจะเกิดขึ้นได้แล้ว และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หาก Apple ขาย iPhone 14 แบบไม่มีช่องใส่ซิมโดยให้ใช้ eSIM
เป็นหลัก แน่นอนว่าหาก Apple ทำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แบรนด์สมาร์ตโฟนต่าง ๆ ก็จะปรับตัวใช้ eSIM เป็นหลักด้วย

Apple ใส่เทคโนโลยี eSIM มาตั้งแต่ iPhone XS ใช้ร่วมกับ SIM Card และ eSIM ก็มีมาจนถึง iPhone 13 ซึ่งในตอนนี้ iPhone สามารถใช้ eSIM ได้ 2 ซิมแล้ว นั่นหมายความว่าไม่จำเป็นที่ต้องใช้ SIM Card ก็ได้
ถ้า Apple ตัดช่องใส่ซิมออกไปจาก iPhone ก็จะเป็นการเปิดทางเพื่อก้าวไปสู่ยุค iPhone ไร้พอร์ตที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเป็นเป้าหมายของ Apple ที่จะทำให้ iPhone ไม่มีช่องเชื่อมต่อ ไม่มีพอร์ตใด ๆ เลย
และอาจเป็นหนึ่งแนวทางที่ Apple จะเลี่ยงการใช้ USB-C ใน iPhone ที่ ECC กำลังจะบังคับใช้ในปี 2023
อย่างไรก็ตาม ระบบการให้บริการ eSIM ยังไม่มีความครอบคลุมและยังมีข้อจำกัดในบางประเทศอยู่
คาดว่าหาก Apple จะทำให้ iPhone 14 ใช้ eSIM เป็นซิมหลักจริงก็อาจจะเริ่มต้นในบางประเทศ ส่วนประเทศที่ไม่พร้อมก็ยังจะต้องใช้โมเดลที่มีช่องใส่ซิมอยู่เหมือนเดิม
ที่มา : 9to5mac