Articles
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
นายกรัฐมนตรีคนที่ 12
ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2450
ถึงแก่อสัญกรรม วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2545
การศึกษา
โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก
โรงเรียนปทุมคงคา
พ.ศ.
2471: โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จนสำเร็จเนติบัญฑิตไทย
พ.ศ. 2475: ศึกษาวิชากฎหมายต่อที่สำนัก Middle Temple ประเทศอังกฤษ
จนสำเร็จเนติบัณฑิตอังกฤษ
พ.ศ. 2498: วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
พ.ศ. 2530: ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา ศิลปศาสตร์
ประวัติการทำงานปัจจุบัน
พ.ศ. 2478: ผู้พิพากษาศาลจังหวัดอยุธยา
พ.ศ. 2478:
ผู้พิพากษาผู้ช่วยศาลฎีกา
พ.ศ. 2491: ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
พ.ศ. 2494: ข้าหลวงยุติธรรมภาค 4 (จังหวัดเชียงใหม่)
พ.ศ. 2496: ปลัดกระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2501: ผู้พิพากษาศาลฎีกา
พ.ศ. 2505: อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
พ.ศ. 2506: ประธานศาลฎีกา
พ.ศ. 2511 - 2516 และ 26 มีนาคม 2518 - 4 ธันวาคม 2518 องคมนตรี
พ.ศ. 2511: คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2514:
อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
5 ธันวาคม 2518 - 3 กันยายน 2541: ประธานองคมนตรี
ผลงานที่สำคัญ
จัดให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่างรัฐธรรมนูญจนเสร็จสิ้น
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายนพ.ศ. 2450 ที่จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวน 3 คนของบิดาชื่อ มหาอำมาตย์ตรี พระยาธรรมสารเวทย์วิเศษภักดี ศรีสัตยวัตตา พิริยพาหะ (ทองดี ธรรมศักดิ์) มารดาชื่อ คุณหญิงชื้น ธรรมสารเวทย์ฯ สมรสกับ ท่านผู้หญิงพงา ธรรมศักดิ์ (เพ็ญชาติ) มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ นายชาติศักดิ์ ธรรมศักดิ์ และนายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์
การศึกษา
- เข้าศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนทวีธาภิเศก เมื่อ พ.ศ. 2456 จากนั้นจึงย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เมื่อ พ.ศ. 2457 และสำเร็จชั้น 6 อังกฤษ (มัธยมบริบูรณ์) พ.ศ. 2468
- เข้าศึกษาที่โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรมเป็นเวลา 3 ปี และสำเร็จเป็นเนติบัณฑิต เมื่อ พ.ศ. 2471
- สอบแข่งขันได้คะแนนสูงสุด ได้รับทุนเล่าเรียน "รพีบุญนิธิ" พ.ศ. 2472 ไปศึกษาวิชากฎหมายต่อในประเทศอังกฤษ ที่สำนักมิดเดิ้ลเทมเปิ้ล (The Middle Temple) เป็นเวลา 3 ปี และสอบไล่ได้ตามหลักสูตรเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ (Barrister-at-Law) เมื่อ พ.ศ. 2475
123-456-7890
พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชิกตัวอย่าง และชาดก
p16ujubn0c17of1rhrdrnf151ais3
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.L. 2545 สิริรวมอายุได้ 94 ปี
คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง
1.เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ แม้จะเป็นลูกพระยา แต่เมื่อสิ้นบิดา ชีวิตก็ลำบากมีแม่คนเดียวิที่จะมาเกื้อหนุน มีพี่ชายคนโตฃึ่งเป็นข้าราชการกรมรถไฟ ฃึ่งจะหวังเป็นที่พึ่งพาให้ได้ แต่พี่ชายก็มาเสียชีวิตขณะท่านเรียนอยู่ต่างแดนโชคดีที่ครอบครัวคหบดีฃึ่ง เป็นศิษย์ของบิดาท่านให้ความอนุเคราะห์
สนับสนุนให้เรียนและเข้าทำงาน ต่อมาท่านได้ทุน “รพับุญนิธิ” ไปศักษาวิชากฎหมายยังประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นทุนที่เอาดอกผลจากนูลนิธิมาใช้ ท่านจึงได้เงินใช้จ่ายประจำเดือนน้อยกว่านักเรียนทุนคนอื่นๆ ความจำกัดด้านทุนจึงกลายเป็นแรงขับที่สำคัญทำให้ท่านได้ใฝ่เรียนมากขึ้น เมื่อไม่ได้เที่ยวสนุกสนานกับคนอื่น เพราะเงินไม่มีก็เข้าห้องสมุดอ่านตำราด้วยความวิริยอุตสาหะจนสามรถสอบเป็น เนติบัณฑิตอังกฤษได้ในเวลาเพียง 2 ปี 3 เดือน ของหลักสูตร 3 ปีเต็ม ความใฝ่รู้ใฝ่เรียนของท่านได้ติดตัวมาตลอด จนในภายหลังได้สนใจศึกษาพระพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดคนหนึ่ง
2. เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที ในช่วงที่ตกยากเพราะสิ้นบิดานั้นพระยาอรรถกฤตินิรุตติ์ ( ชม เพ็ญชาติ) ซึ่งเป็นศิษย์ของบิดาที่ได้ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนให้เรียนและให้ทำงาน ท่านถือว่าชีวิตของท่านนอกจากแม่แล้วยังมีท่าสนผู้นี้เป็นผู้มีความอุปการ คุณจึงมีความรู้ศึกเป็นหนี้บุญคุณอย่างมาก เมื่อมีโอกาสสนองคุณท่านก็ยินดีทำเต็มความสามารถ อาจารย์สัญญาได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ท่าน เจ้าคุณอรรถกฤตินิรุตติ์เป็นผู้เดียวที่หมั่นมาเยี่ยมเยียนถามทุกข์สุข และให้กำลังใจแกแม่และข้าพเจ้า และในที่สุดท่านก็เป็นผู้ชักนำและรับรองให้ข้าพเจ้าได้เข้าเรียนวิชากฎหมาย เมื่ออายุ 18 ปี และได้อบรมสั่งสอนให้กำลังใจตลอดมาจนข้าพเจ้าไต่เต้าเป็นตัวเป็นตนมาจนถึง วันนี้
3. เป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริต อาจารย์ สัญญาเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุจริตเนื่องจากท่านได้รับการหล่อหลอมโดยสาย เลือดจากบิดาผู้เป็นนักกฎหมายที่ซื่อสัตย์ ยุติธรรมตลอดถึงแบบอย่างที่ดีจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีบุญคุณ เช่น พระยาอรรถกฤตินิรุตติ์ผู้มีพระคุณทำให้ท่านเป็นผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรมยิ่งชีวิต รับราชการเกี่ยวกับกฎหมายเป็นผู้พิพากษา ตุลาการ ที่ยึดมั่นในคุณธรรมจนปรากฏแก่สายตาของสังคม ดังที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า “ ความดีนั้นไม่ใช่สิ่งที่หายากเลย ไม่ต้องไปมองหาที่ไหน หาที่ตัวเราเอง ความดีทั้งหลายอยู่ที่ตัวเรานั่นแหละ”
4. เป็นผู้ใฝ่ธรรม ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุครบ 20 ปี ได้สัมผัสกับความร่มเย็นแห่งพระธรรมลาสิขามาแล้วก็ใส่ใจศึกษาธรรมตลอดเวลา และได้ศึกษาธรรมจากท่านพุทธทาสภิกขุแห่งวัดสวนโมกขพลาราม นับเป็นผู้รู้ธรรมะลึกซึ้งและปฏิบัติตามได้คนหนึ่ง ท่านได้ดำรงตำแหน่งนายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย และประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกยาวนานถึง 15 ปี และได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติชั้นที่ 1 ( WFB GRAND MERIT MEDALA ) ในฐานะบุคคลผู้มีคุณูปการแก่องค์การพระพุทธศาสนา
5. เป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อาจารย์สัญญาเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มิใช่จงรักภักดีแต่เพียงในใจเหมือนพสกนิการอื่นๆ แต่มีโอกาสได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด ได้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีและประธานองคมนตรีโดยลำดับเป็นเวลานานถึง 30 ปี ได้ใช้ความรู้ความสามารถสนองพระเดชพระคุณใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างถวายชีวิต ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ดังประจักษ์พยานหลักฐานจากจดหมายของดร. เชาน์ ณ ศีลวันต์ ถึงอาจารย์สัญญาว่า “กระผมได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระ ตำหนักจิตรลดา มีเรื่องหนึ่งที่สั่งให้กระผมเชิญพระราชกระแสรับสั่งมายังท่านประธานว่า ที่อาจารย์สัญญาทำงาน (รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ) มาโดยตลอด ยังไม่เคยทำอะไรผิดพลาดบกพร่องแม้แต่ครั้งเดียว”