แนะนำเคส iPhone 13 ซึ่งจะช่วยปกป้อง iPhone ให้ปลอดภัย ทั้งยังรองรับการชาร์จแบบ MagSafe ด้วย เนื่องจาก iPhone 13 แต่ละรุ่นนั้นราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ การมีเคสเอาไว้จะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเครื่องได้ เพราะการเกิดเหตุไม่คาดฝันจนทำให้มือถือแสนแพงพังเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเจอ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาแนะนำเคส iPhone ให้กับเพื่อนๆ กัน
- แบบกันกระแทก
- UAG Plasma
- UAG MONARCH
- RINGKE FUSION X
- CASE-MATE TOUGH PLUS CLEAR WITH MAGSAFE
- แบบบาง
- เคสซิลิโคน APPLE
- เคสหนัง APPLE
- RINGKE AIR
- แบบใส
- เคสใส APPLE
- RINGKE FUSION CLEAR
- SPIGEN ULTRA HYBRID
เคส iPhone 13 แบบกันกระแทก
1. UAG Plasma
สำหรับเคสกันกระแทกแบรนด์แรกที่ต้องนึกถึงเลยก็คือ UAG ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกันกระแทก โดยเคสตัวนี้ผ่านการทดสอบ Droptest ตามมาตรฐาน MIL STD 810G-516.6 ที่มีความสูง 1.2 เมตร ถึง 26 ครั้ง นอกจากนี้ยังใช้การดีไซน์แบบ Honeycomb ที่ด้านในตัวเคส ซึ่งจะช่วยกระจายแรงกระแทกเมื่อเครื่องตกหล่นได้ดี นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความหนาของตัวเคสด้านหน้าเพื่อไม่ให้หน้าจอสัมผัสพื้น รวมถึงมีขอบรอบเลนส์กล้องเพื่อไม่ให้กล้องเกิดรอยด้วย
2. UAG Monarch
เคส UAG อีกตัวที่เป็นเคสกันกระแทกเหมือนกันแต่ถึกกว่าคือ UAG Monarch โดยเคสตัวนี้ผ่านการทดสอบ Droptest มากกว่ามาตรฐาน MIL STD 810G-516.6 ที่มีความสูง 1.2 เมตร ถึง 2 เท่า (52 ครั้ง) โดยตัวเคสเน้นการใช้วัสดุที่แข็งแรงทำให้มีถึง 5 Layer ทั้งแผ่นหลังที่แข็งทนทาน ขอบยางด้านข้างที่มีความหนา มีการเน้นมุมให้หนาเป็นพิเศษ และภายในมีการดีไซน์เป็นเเบบ Honey Comb ที่ช่วยกระจายเเรงกระเเทกด้วยในตัว
3. RINGKE Fusion X
RINGKE Fusion X เคสกันกระแทกจาก RINGKE ที่โดดเด่นด้วยด้านหลังที่มาพร้อมความใสระดับ HD เห็นตัวเครื่องได้อย่างสวยงาม และยังมีการใช้เทคโนโลยีแบบ Shock Absorption ช่วยซึมซับแรงกระแทกได้อย่างดี นอกจากนี้ยังผ่านการทดสอบ Droptest ตามมาตรฐาน MIL STD 810G-516.6 ที่มีความสูง 1.2 เมตร ถึง 26 ครั้งอีกด้วย อีกทั้งตัวเคสยังมีความบางทำให้ RINGKE Fusion X เป็นเคสกันกระแทกที่น่าสนใจตัวหนึ่งเลย
4. CASE-MATE TOUGH PLUS CLEAR WITH MAGSAFE
CASE-MATE TOUGH PLUS CLEAR WITH MAGSAFE เคสกันกระแทกจาก CASE-MATE ที่รองรับการชาร์จด้วย MagSafe อีกทั้งยังผ่านการทดสอบ Droptest เกินระดับมาตรฐาน MIL STD 810G-516.6 ด้วยความสูงถึง 4.5 เมตร ทำให้ช่วยปกป้องมือถือได้ นอกจากนี้ด้วยการที่ตัวเคสมีความใสทั้งชิ้นทำให้สามารถโชว์ทั้งสีเครื่องและความเงางามของขอบเครื่องให้เห็นได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ยังมีการเคลือบ Micropel Antimicrobial Protection ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย
เคส iPhone 13 แบบบาง
1. เคสซิลิโคน APPLE
เรามากันที่เคสแบบบางกันบ้าง โดยเราจะขอเริ่มด้วยเคสซิลิโคนจาก Apple ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ iPhone 13 ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วยการที่เป็นเคสที่ Apple ขายเองก็ต้องสามาถรรองรับการชาร์จด้วย MagSafe ได้อย่างแน่นอน และด้วยการที่เป็นเคสซิลิโคนทำให้มีความบางในระดับหนึ่งแต่ก็ยังช่วยกันกระแทกได้บ้าง ตัวพื้นผิวซิลิโคนด้านนอกให้สัมผัสที่เรียบลื่นนุ่มนวล และให้ความรู้สึกดีเยี่ยม ส่วนภายในนั้นบุด้วยไมโครไฟเบอร์อันอ่อนนุ่มเพื่อการปกป้องที่มากยิ่งขึ้น
2. เคสหนัง APPLE
นอกจากเคสซิลิโคนแล้ว Apple ยังมีเคสหนังขายด้วย โดยตัวเคสผลิตจากหนังที่ผ่านกรรมวิธีการฟอกสุดพิเศษ พื้นผิวด้านนอกจึงให้สัมผัสเนียนนุ่ม และจะขึ้นลายที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจกานี้ตัวเคสยังมีแม่เหล็กที่จะช่วยให้ตัวเคสสามารถยึดติดกับตัวเครนื่องได้อย่างแนบแน่น แถมยังช่วยให้การชาร์จด้วย MagSafe มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
3. RINGKE AIR
RINKE AIR เคสกันกระแทกแบบบางที่มีให้เลือกทั้งแบบใสและแบบทึบ ผ่านการทดสอบ Droptest ตามมาตรฐาน MIL STD 810G-516.6 ที่มีความสูง 1.2 เมตร ถึง 26 ครั้ง ทำให้มั่นใจได้ว่าตัวเคสจะช่วยป้องกันตัวเครื่องได้ และด้วยการออกแบบที่บางเป็นพิเศษทำให้เวลาถือแล้วไม่รู้สึกว่าเครื่องหนาแต่อย่างใด รวมถึงขอบเคสมีส่วนโค้งเว้ารับกับขอบมุมตัวเครื่องได้อย่างสวยงามืทำให้การจับถือทำได้สบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ขอบเคสและขอบเลนส์กล้องมีการยกสูงขึ้นเพื่อป้องกันการวางคว่ำหรือตกหล่น ส่วนด้านหลังมีการทำ MicroDot เพื่อป้องกันการเกิดลายน้ำและลายรุ้งจากการดูดของตัวเคสกับผิวของตัวเครื่องอีกด้วย
เคส iPhone 13 แบบใส
1. เคสใส APPLE
มากันที่เคสแบบใสเพื่อโชว์ตัวเครื่องกันบ้าง โดยจะขอเริ่มจากเคสจาก Apple ที่ออกแบบมาโดยเน้นความเบาบาง จับถนัดมือ และสามารถโชว์สีสันตัวเครื่องของ iPhone ได้อย่างเต็มที่ ส่วนวัสดุนั้นผลิตจากโพลีคาร์บอเนตแบบโปร่งใสและวัสดุที่ยืดหยุ่น ตัวเคสจึงกระชับรับพอดีกับปุ่มเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายๆ นอกจากนี้บนผิววัสดุยังมีการเคลือบกันรอยขีดข่วนทั้งด้านนอกและด้านใน แถมยังสร้างมาเพื่อไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้โดยง่ายเมื่อผ่านการใช้งานเป็นระยะเวลานานอีกด้วย เป็ฯเคสสำหรับคนที่อยากโชว์สีสันตัวเครื่องแต่ขี้เกียจไปหาเคสจากข้างนอกเลย
2. RINGKE FUSION CLEAR
มากันที่เคสใสกันกระแทกจากทาง RINGKE อย่าง RINGKE FUSION CLEAR กันบ้าง โดยเคสตัวนี้จะมีจุดเด่นที่ตัวเคสมีความบางจึงทำให้ตัวเครื่องดูไม่ใหญ่ขึ้นเมื่อสวมใส่เคส จับถือตัวเครื่องได้แบบพอดีมือ รวมถึงขอบเคสมีส่วนโค้งเว้ารับกับขอบมุมตัวเครื่องได้อย่างสวยงาม แต่มั่นใจเรื่องการกันกระแทกได้เนื่องจากตัวเคสผ่านการทดสอบ Droptest ตามมาตรฐาน MIL STD 810G-516.6 ที่มีความสูง 1.2 เมตร ถึง 26 ครั้ง ส่วนของขอบเคสและขอบเลนส์กล้องมีการยกสูงขึ้นเพื่อป้องกันการวางคว่ำหรือตกหล่น และด้านหลังมีการทำ MicroDot เพื่อป้องกันการเกิดลายน้ำและลายรุ้งจากการดูดของตัวเคสกับผิวของตัวเครื่องอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Long-Lasting Transparency ทำให้ใช้งานเคสได้อย่างยาวนานไม่เกิดอาการเคสเหลืองง่ายเหมือนเคสใสทั่วไปที่มีขายตามท้องตลาด ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวๆ จนกว่าจะเปลี่ยนเครื่องเลย
3. SPIGEN ULTRA HYBRID
ปิดท้ายเคสแบบบางด้วย Spigen ULTRA HYBRID เคสกันกระแทกแบบบางจากทาง Spigen ที่มีจุดน่าสนใจคือใช้วัสดุแบบ TPU และพลาสติก Polycarbonate ผสมกัน อีกทั้งมีความใสเเบบ Crystal Clear ทำให้สามารถโชว์ความสวยงามและสีของตัวเครื่องได้ อีกทั้งยังมาพร้อม Air Cushion Technology ของแบรนด์ Spigen ที่มุมเคสด้านในช่วยซับแรงกระแทกได้มากขึ้น นอกจากนี้ตัวขอบเคสมีการออกแบบให้ยกสูงกว่าหน้าจอและเลนส์กล้อง ทำให้สามารถป้องกันการสัมผัสเวลาวางคว่ำและหงาย แถมทางทางแบรนด์ Spigen ยังเคลมเอาไว้ว่าตัวเคสจะเกิดการ “เหลือง” ได้ช้ากว่าแบรนด์ทั่วไปอีกด้วย
สำหรับเคส iPhone 13 ทั้ง 10 อันที่เอามาแนะนำนั้นเป็นส่วนหนึ่งในบรรดาเคส iPhone 13 ที่มามากมาย ซึ่งที่เราเลือกมานั้นจะเน้นเรื่องกันกระแทกและรองรับการชาร์จด้วย MagSafe เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และเป็นตัวช่วยให้กับเพื่อนๆ ที่ซื้อ iPhone 13 แล้วต้องการเคสดีๆ สักตัวมาใช้ปกป้องเครื่อง