เช็กแบบฟอร์ม ใบรับรองแพทย์ใบขับขี่ พร้อมลิงก์ดาวน์โหลด หลังปรับหลักเกณฑ์ การทำใบขับขี่ และ ต่อใบขับขี่ ทุกประเภท ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ ทั้งใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนที่กำลังจะ ทำใบขับขี่ หรือ ต่อใบขับขี่ 2565 อาจยังไม่รู้เมื่อกรมการขนส่งทางบกได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ในส่วนของการใช้เอกสารใบรับรองแพทย์ จากที่เดิมทีจะใช้เฉพาะกับผู้ที่ยื่นคำร้องขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่และผู้ที่ต่อใบอนุญาตขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี เท่านั้น
โดยทางกรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศกฎกระทรวง เรื่อง การขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2563 ใหม่ ลงในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2563
ตามหมายเหตุแนบท้ายประกาศระบุถึงเหตุผลการแก้ไขหลักเกณฑ์ครั้งนี้ว่า เพื่อให้เกิดความเหมาะสมหลังจากที่เงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ ได้ใช้มาตั้งแต่ปี 2548
ทั้งนี้ ใจความสำคัญก็คือหลังจากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ การดำเนินการเกี่ยวกับใบขับขี่ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการทำใบขับขี่ชั่วคราว หรือ ต่อใบขับขี่ จะต้องใช้ใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารประกอบด้วย
ทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ ทุกประเภท ต้องใช้ใบรับรองแพทย์
ตามหลักเกณฑ์เดิม เอกสารใบรับรองแพทย์จะต้องใช้ในกรณีขอใบขับขี่ชั่วคราว (ทำใบขับขี่ใหม่) และการต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี แต่หลักเกณฑ์ใหม่ได้กำหนดให้การต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี จะต้องใช้ใบรับรองแพทย์เป็นเอกสารประกอบด้วย ทั้งการต่อใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ และใบขับขี่ทุกประเภท ตามข้อความในประกาศข้อ 4 ซึ่งระบุว่า
ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ให้ยื่นคำขอตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมด้วยใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ใบอนุญาตขับรถยนต์ ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ที่ได้รับมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ แล้วแต่กรณี และเอกสารหรือหลักฐานดังต่อไปนี้
1. ในกรณีที่ผู้ขอเป็นผู้มีสัญชาติไทย
ก. บัตรประจำตัวประชาชน
ข. ใบรับรองแพทย์ตามข้อ 3 (1) (ข)
ค. หลักฐานการอบรมตามข้อ 3 (1) (ค)
2. ในกรณีที่ผู้ขอเป็นคนต่างด้าว
ก. ใบรับรองแพทย์ตามข้อ 3 (1) (ข)
ข. หลักฐานการอบรมตามข้อ 3 (1) (ค)
ค. เอกสารหรือหลักฐานตามข้อ 3 (2) (ก) และ (ข)
ตัวอย่างแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์ใบขับขี่
แบบฟอร์มใบรับรองแพทย์สำหรับการทำใบขับขี่ หรือ ต่อใบขับขี่ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก หรือ คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด
ใบรับรองแพทย์ใบขับขี่ ขอที่ไหน
สำหรับใบรับรองแพทย์ที่จะใช้ประกอบในการทำใบขับขี่หรือต่อใบขับขี่นั้น ต้องเป็นใบรับรองแพทย์ตามแบบที่แพทยสภารับรอง (หรือตามแบบฟอร์มของกรมการขนส่งทางบก) มีอายุไม่เกิน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ไปขอใบรับรองแพทย์จนถึงวันที่มาสมัคร สามารถขอได้ที่โรงพยาบาล คลินิก หรือสถานพยาบาล ทุกแห่ง โดยแจ้งว่าขอใบรับรองแพทย์สำหรับประกอบการขอรับใบขับขี่
ต่อใบขับขี่รถสาธารณะ ขอใบรับรองแพทย์ต้องตรวจเพิ่ม
ตามประกาศกฎกระทรวงฉบับนี้ยังมีการระบุเพิ่มเติมถึงรายละเอียดใบรับรองแพทย์ในกรณีของการต่อใบขับขี่รถสาธารณะ ทั้งใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ ใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ และใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ตามความในข้อ 5 ว่า
ผู้ใดประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ให้ยื่นคำขอตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมด้วยใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ที่ได้รับมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล แล้วแต่กรณี และเอกสารหรือหลักฐานดังต่อไปนี้
2. ใบรับรองแพทย์ซึ่งแสดงว่า
ก. ไม่มีโรคประจำตัว หรือไม่มีสภาวะของโรคที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถตามที่แพทยสภากำหนด
ข. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ค. ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษ
ง. ไม่เป็นผู้เป็นโรคติดต่อ ดังต่อไปนี้
1. โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการ
2. วัณโรคในระยะแพร่กระจายเชื้อ
ใบรับรองแพทย์ตามข้อ 2 มีอายุใช้ได้ตามที่แพทย์ผู้รับรองกำหนด เว้นแต่ในกรณีที่ใบรับรองแพทย์ไม่ได้กำหนดอายุไว้ ให้ใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือน นับแต่วันที่ออกใบรับรองแพทย์
เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลให้ยุ่งยาก สามารถขอได้จากคลินิกใกล้ฉันได้เลย ซึ่งใครที่อยู่ใกล้กับอินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม ทางคลินิกของเราก็มีบริการออกใบรับรองแพทย์ 5 โรค สำหรับสมัครเรียน สมัครงาน และใบรับรองแพทย์สำหรับทำใบขับขี่ (ต่ออายุใบขับขี่) ด้วย
ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2561 การทำใบขับขี่จะต้องใช้ใบรับรองแพทย์จากแพทยสภาเท่านั้น ซึ่งจะมีทั้งแบบฟอร์มที่เปลี่ยนไป รวมถึงโรคต้องห้ามสำหรับการทำใบขับขี่ ฉะนั้นคนที่ใช้รถยนต์ควรตรวจสอบรายละเอียดดังนี้
ทำใบขับขี่ ต้องตรวจสุขภาพอะไรบ้าง?
การตรวจสุขภาพเพื่อขอใบรับรองแพทย์ไปทำใบขับขี่ ปัจจุบันมีความละเอียดมากขึ้น ข้อจำกัดมากขึ้น แต่กระบวนการตรวจนั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด โดยมีสิ่งที่ตรวจหลักๆ 4 ข้อ ดังนี้
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ (Physical Examination) เป็นการตรวจพื้นฐานโดยแพทย์อายุรกรรม ส่วนมากเป็นการสอบถามซักประวัติทั่วไป อาการปัจจุบันที่เป็น เพื่อนำมาวินิจฉัยให้ได้ว่าเป็นโรคอะไรหรือไม่ หากมีความจำเป็นต้องการข้อมูลวินิจฉัยเพิ่ม เราก็มักจะคุ้นเคยกับการที่หมออายุรกรรมจะส่งตัวไปตรวจเลือด หรือเอกซเรย์เพื่อยืนยัน
- เอกซเรย์ปอดและหัวใจ (Chest X-ray) เนื่องจากระบบหลอดเลือดและหัวใจมีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน เช่น หากเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันขณะขับรถ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนได้
- ตรวจสายตาเบื้องต้น (Visual Acuity) พูดง่ายๆ ก็คือการวัดสายตานั่นเอง เนื่องจากระยะการมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญต่อการขับรถ รวมถึงอาจมีการทดสอบตาบอดสีด้วย เพื่อให้มองเห็นสัญลักษณ์ต่างๆ บนท้องถนนอย่างชัดเจน
- ตรวจหาสารเสพติด (Amphetamine) ส่วนมากเป็นการตรวจจากสารปัสสาวะ เนื่องจากผู้ที่ใช้ยาเสพติดจะปรากฎผลในปัสสาวะภายใน 1-3 วันหลังใช้ยาเสพติด
หมายเหตุสำคัญ แบบใบรับรองแพทย์สำหรับทำใบขับขี่มีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งแตกต่างกับแบบฟอร์มตรวจสุขภาพทั่วไป
ดังนั้นหากต้องการนำไปทำใบขับขี่ ต้องกำชับกับบุคลากรทางการแพทย์ให้ชัดเจนว่าต้องการใบรับรองแพทย์สำหรับใบขับขี่ ดูตัวอย่างใบรับรองแพทย์ได้ที่นี่
อ่านเพิ่มเติม: ตรวจหัวใจคืออะไร ตรวจอย่างไรบ้าง?
อ่านเพิ่มเติม: ตรวจสารพิษ สารเสพติด
โรคอะไรบ้างที่ไม่สามารถทำใบขับขี่ได้
เนื่องจากปัญหาสุขภาพบางรายการมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ จึงมีการกำหนดโรคที่ไม่สามารถทำใบขับขี่ได้ ดังนี้
- โรคเท้าช้าง เป็นโรคที่ทำให้อวัยวะบวมโต หยาบกระด้าง คนที่เป็นมานานแล้วจะมีอวัยวะส่วนนั้นโตถาวร
- วัณโรค อาจทำให้มีอาการผิดปกติเรื้อรัง เช่น ไอเรื้อรัง มีไข้เรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อการขับขี่ได้
- โรคเรื้อน เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท หากรอยโรคปรากฎชัดเจนจนเห็นได้ง่าย อาจมีอาการชาตามผิวหนัง
- โรคพิษสุราเรื้อรัง เนื่องจากอาจมีอาการผิดปกติ กระวนกระวาย หรือมีแนวโน้มจะดื่มสุราขณะขับรถ
- ผู้ใช้ยาเสพติด เพราะอาจมีผลจต่อสติในการขับขี่รถ
- โรคลมชัก ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมอาการชักได้ หรือเป็นบ่อย อาจไม่ปลอดภัยต่อการขับขี่
- โรคเบาหวาน รวมเฉพาะคนที่ต้องฉีดอินซูลินตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- โรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาจทำให้ความดันเลือดสูงเกินไปขณะขับขี่รถยนต์
- ผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดสมอง
- โรคหัวใจ เนื่องจากเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ส่งผลเสียโดยรวมต่อคนบนท้องถนน
ดังนั้น ก่อนที่จะทำเรื่องใบอนุญาตขับขี่ ควรตรวจสอบสุขภาพของตัวเองและเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของทุกคนนะ
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เทียบราคาจากโรงพยาบาลต่างๆ ได้ผ่านเว็บไซต์ HDmall.co.th ศูนย์รวมบริการด้านสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หรือแอดไลน์ @hdcoth สอบถามแอดมินได้ ฟรี! ก่อนตัดสินใจซื้อ