สารพันปัญหา.. กระดูกและข้อในผู้สูงอายุ
" โรคส่วนใหญ่ที่พบในผู้สูงอายุนั้น อาจเกิดตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวจากการ ไม่ดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เมื่ออายุมากขึ้น จะแสดงอาการชัดเจนหรือรุนแรง โดยเฉพาะ โรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อเป็น ปัญหาใหญ่ของผู้สูงอายุ ไม่ว่าใคร ก็ต้องพบกับปัญหานี้ ขึ้นอยู่ว่า จะช้าหรือเร็ว "
1. กระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน ผู้สูงอายุจะมีปัญหาในเรื่องของกระดูกพรุนหรือบาง เวลาที่ล้มหรือกระแทกอะไรก็ตาม จะทำให้แตกหักง่าย
2. อาการปวดจากความเสื่อม ส่วนมากผู้สูงอายุจะมีอาการปวดเข่า ปวดหลัง ปวดข้อ ฯลฯ โดยความเสื่อมอาจเกิดได้อายุที่มากขึ้น หรือจากการใช้งานข้อในการทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไปตั้งแต่วัยหนุ่มสาวหรือจากทั้ง 2 สาเหตุ อาทิ การเดินขึ้น-ลงบันได การยกของหนักผิดวิธี เป็นต้นซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้ข้อเสื่อมได้เร็วกว่าคนทั่วไป
อาการที่กล่าวถึงข้างต้นนอกจากอาการปวดแล้วยังมีผล กระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่อยู่ในภาวะกระดูกพรุนเมื่อกระดูกแตกหรือหัก จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากคนใกล้ชิด
ทั้งกระดูกพรุนและข้อเสื่อมเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องเจอ แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ หากรู้จักและทำความเข้าใจก็จะช่วยให้โอกาสในการเกิดโรค หรือผลลัพธ์จากการเป็นโรคน้อยลง
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่ผู้สูงอายุหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการเสียสมดุลของฮอร์โมน ทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายผิดปกติ การดูดซึมแคลเซียมเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้หญิงที่หมดประจำเดือนจะมีภาวะกระดูกพรุนตามธรรมชาติ เนื่องจากฮอร์โมนลดน้อยลง ส่วนปัญหาเรื่องกระดูกพรุนในผู้ชายจะไม่ค่อยพบ ผู้สูงอายุที่มีปัญหากระดูกพรุนหรือกระดูกบางจะกระดูกเปราะและหักได้ง่าย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ พบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปและผู้ชายอายุ 55 ปีขึ้นไป
จะรู้ได้อย่างไร..ว่าเป็นโรคกระดูกพรุนภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุมักไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆยกเว้นเมื่อมีอาการหักของกระดูก จะมีอาการเจ็บปวดบริเวณที่มีกระดูกหัก แต่ผู้สูงอายุสามารถสังเกตุปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนหรือไม่โดยพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้
•อายุมาก- •เพศหญิง
- •ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
- •ภาวะหมดประจำเดือน
- • สูบบุหรี่
- •ได้รับแคลเซียมและวิตามินดีน้อย
- •ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- •ออกกำลังกายไม่เพียงพอ
หากทราบว่าตัวเองมีปัจจัยเสี่ยงตามที่กล่าวมา ควรรับการตรวจหาค่าความหนาแน่นของมวลกระดูก เพื่อที่จะได้รู้ว่าปัจจุบันความหนาแน่นของกระดูกเป็นอย่างไร หากพบว่าอยู่ในภาวะกระดูกพรุนจะได้เริ่มรับการรักษาและดูแลแต่เนิ่นๆ
ป้องกัน...ดีที่สุด" การรักษาโรคกระดูกพรุนสามารถป้องกัน โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา และป้องกันการหกล้มหากทราบว่าตัวเองกระดูกพรุนหรือบาง ควรรับประทานยาเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกภายใต้การดูแลตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้กระดูกหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นหรือควรเสริมด้วยแคลเซียมชนิดเม็ดเพื่อบำรุงกระดูก "- - ดูจากอาการของคนไข้ที่พบได้ เช่น ปวดเข่าปวดหลัง ตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- - เอ็กซเรย์ เพื่อดูว่ามีความเสื่อมเกิดขึ้นบริเวณข้อหรือไม่
- - การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI ที่สามารถแสดงภาพกายวิภาคของกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง และลักษณะของกระดูกข้อเข่า เมื่อสงสัยว่ามีการฉีกขาดของหมอนรองเข่าหรือกระดูกอ่อนภายในข้อร่วมด้วย ซึ่งการตรวจด้วย MRI จะเห็นภาพชัดเจน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแผนรักษา
โรคข้อเสื่อมในผู้สูงอายุ
เป็นปัญหาที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น ยิ่งคนเรามีอายุยืนมากขึ้นเท่าไรจำนวนของคนที่เป็นโรคข้อเสื่อมก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น เมื่อมีอายุมากขึ้นจนเข้าวัยทอง หนีไม่พ้นโรคข้อเสื่อม ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าและเกิดขึ้นเมื่อใด โดยมากมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดเข่า และปวดหลัง ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดการเสื่อมมากที่สุดเนื่องจากข้อที่ต้องรับน้ำหนัก ของร่างกายโดยตรง เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก กระดูกอ่อนในข้อเหล่านี้เป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุด สมบูรณ์ที่สุด เมื่อคนเราอายุประมาณ 30 ปีหลังจากนั้นจะเริ่มเสื่อมลง แต่ยังไม่เป็นข้อเสื่อม เพราะร่างกายของเรามีกลไกที่คอยซ่อมแซมเอาไว้ ทำให้สามารถใช้งานข้อได้ตามปกติโดยยังไม่มีอาการอะไร
แต่เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ขบวนการซ่อมแซมนี้ก็เริ่มเสื่อมตามวัย ผู้สูงอายุจะเริ่มมีอาการของโรคข้อเสื่อม แต่จะแสดงอาการเมื่อใดขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของข้อต่อกระดูกและสภาพร่างกายของแต่ละคน ถ้ามีน้ำหนักตัวมาก น้ำหนักที่กดกระแทกลงมาที่ข้อก็จะมาก ข้อก็จะเกิดความเสื่อมเร็ว ถ้ามีการใช้งานข้อมากๆเช่น มีการเดินมาก ยืนมาก หรือเดินขึ้นลงบันไดมากๆนั่งยองๆ มาก ข้อก็จะเสื่อมเร็ว
ขอบคุณข้อมูล :วารสาร Healthy Living