ไอ โฟนรุ่นไหน เล่นเกม ดี สุด 2022

iPhone เป็น Smartphone ยอดนิยมและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพราะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่น ดีไซน์ ความไวเครื่อง และความเทพของกล้อง เป็นต้น ทำให้ตอบโจทย์กับคนที่ต้องการสิ่งเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งทางบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ได้ทำการผลิตโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างต่อเนื่อง 

อีกทั้งมีมากมายผลิตภัณฑ์เช่น iPad, Macbook และสินค้าอย่าง iPhone ก็มีมากมายหลายรุ่น ทำให้คุณอาจคิดว่าไม่รู้ซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ที่ให้ความคุ้มค่า เพื่อใช้งานได้ในระยะยาวด้วย ดังนั้นเราชอบรีวิวขอแนะนำ 5 อันดับ iPhone รุ่นไหนดี ปี2022 ที่ทำให้คุณเลือกซื้อ iPhone ได้รุ่นที่เหมาะสม ใช้งานได้นานคุ้มค่าแก่การซื้อแน่นอน.

  • Apple iPhone 13 Pro Max
  • Apple iPhone 11
  • Apple iPhone 13
  • Apple iPhone 12
  • Apple iPhone SE (3rd Generation)

อันดับ 1

Apple iPhone 13 Pro Max

  • จอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.7 นิ้วและฟังก์ชั่นแบบพิเศษอย่าง Super Retina XDR รองรับ HDR10 แสดงผลสีสันด้วย OLED 24-bit ให้ภาพสวยงาม
  • Refresh Rate 120Hz ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวมีความลื่นไหล เช่นดูหนัง เล่นเกม ได้สนุกและเข้าถึงอรรถรสได้มากยิ่งขึ้น
  • ชิปประมวลผลแบบ A15 Bionic ความเร็ว CPU 3.1GHz ทำให้สมาร์ทโฟนทำงานได้รวดเร็ว เต็มประสิทธิภาพ
  • มีความจุแบตเตอรี่ 4,352 mAh รองรับ Fast Charge 25W และชาร์จไร้สาย พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G
  • มีคุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่นละออง กันน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร
  • ระบบกล้องมีความคมชัดทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

อันดับ 2

Apple iPhone 13

  • ดีไซน์หรูหรา เพิ่มขอบหนารอบตัวเครื่อง และตัดโค้งมนตามมุมเครื่องได้สวยงาม
  • จอแสดงผล Super Retina XDR รองรับ HDR10 ให้สีสันที่สวยงาม ภาพคมชัด
  • มี Refresh Rate 120Hz ทำให้ภาพเคลื่อนไหวมีความ Smooth
  • ความเร็ว CPU 3.1GHz และ Ram 6GB อยู่ในเกณฑ์สเปคแรง
  • รองรับระบบ Fast Charge และสามารถใช้งานชาร์จไร้สาย

อันดับ 3

Apple iPhone 11

  • จอแสดงผล Liquid Retina 24-bit ให้เฉดสีสดใส มีขนาด 6.1 นิ้ว ให้เฉดสีสดใส คมชัดสมจริงทุกรายละเอียด
  • ชิปประมวลผล A13 Bionic ความเร็ว CPU 2.65GHz ใช้งานได้อย่างลื่นไหล
  • มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกหลายรุ่นตั้งแต่ 64-512GB
  • เป็นรุ่นสุดท้ายของ iPhone ที่มีความบาง น้ำหนักเบา
  • มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง

แนะนำ 5 อันดับ iPhone รุ่นไหนดี ปี 2022 ให้ใช้งานคุ้มค่ามากที่สุด

เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติ 5 อันดับ iPhone ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องและใช้งานได้ในระยะยาว เหมาะกับผู้ที่กำลังพิจารณาเลือกซื้อสมาร์ทโฟนอย่างไอโฟน แต่ไม่รู้เลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ซึ่งเราพาคุณไปดูคุณสมบัติทั้ง 5 อันดับว่าน่าเลือกซื้ออย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. Apple iPhone 13 Pro Max

เริ่มต้น iPhone รุ่นไหนดีอันดับแรกกับ Apple iPhone 13 Pro Max เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 15 กันยายน 2021 ซึ่งมีดีไซน์สวยงาม เพิ่มขอบหนารอบตัวเครื่อง และตัดโค้งมนตามมุมเครื่องได้สวยงาม หรูหรา โดยมีจอแสดงผล Super Retina XDR รองรับ HDR10 จอมีขนาด 6.7 นิ้ว และแสดงผลสีสัน ภาพสวยงามด้วย OLED 24-bit พร้อม Refresh Rate 120Hz ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวมีความลื่นไหล เช่น ดูหนัง เล่นเกม ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น

ส่วนระบบชิปประมวลผลแบบ A15 Bionic ความเร็ว CPU 3.2GHz มีหน่วยความจำ RAM 8GB เป็นสเปคแรง ประมวลผลได้รวดเร็วและมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของตัวเครื่องเริ่มต้นที่ 128/256/512GB มีความจุแบตเตอรี่ 4,352 mAh รองรับ Fast Charge 25W และชาร์จไร้สาย รวมไปถึงมีคุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่นละออง โดยกันน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G

ระบบกล้องหลังมี 3 ตัวด้วยกันประกอบไปด้วย กล้องหลักมีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล, กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล และ Ultra-Wide 12 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสงขนาด f/1.5 มีฟังก์ชั่นค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้สวยงามด้วย Nightmode และระบบ Phase Detection Auto Focus รวมทั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหว เหมาะสำหรับถ่ายภาพยนต์ได้เป็นอย่างดี ส่วนกล้องหน้ามีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.2 มั่นใจทุกการ Selfie ให้ภาพคมชัด สมจริงทุกรายละเอียด 

จุดเด่น

  • จอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.7 นิ้วและฟังก์ชั่นแบบพิเศษอย่าง Super Retina XDR รองรับ HDR10 แสดงผลสีสันด้วย OLED 24-bit ให้ภาพสวยงาม
  • Refresh Rate 120Hz ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวมีความลื่นไหล เช่นดูหนัง เล่นเกม ได้สนุกและเข้าถึงอรรถรสได้มากยิ่งขึ้น
  • ชิปประมวลผลแบบ A15 Bionic ความเร็ว CPU 3.1GHz ทำให้สมาร์ทโฟนทำงานได้รวดเร็ว เต็มประสิทธิภาพ
  • มีความจุแบตเตอรี่ 4,352 mAh รองรับ Fast Charge 25W และชาร์จไร้สาย พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G
  • มีคุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่นละออง กันน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร
  • ระบบกล้องมีความคมชัดทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

จุดควรพิจารณา

  • ระบบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลค่อนข้างน้อย หากผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้งานเยอะ ต้องซื้อบริการเสริมอย่าง iCloud ในการใช้งานเพิ่มเติม
  • ระบบกันน้ำได้ 6 เมตร อาจไม่เป็นไปตามที่ระบุ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนได้เช่น กันน้ำได้เพียง 1-2 เมตร เป็นต้น 
  • Port USB ยังคงเป็น Lightning ควรเป็น USB-Type C เพื่อชาร์จและส่ง-รับข้อมูลได้รวดเร็ว
  • ระบบไฟล์จากการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอ ยังคงจำกัดให้ใช้งานกับอุปกรณ์ Apple

2. Apple iPhone 11

Apple iPhone 11 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2019 มีดีไซน์เรียบ บางเบา ซึ่งถือเป็นรุ่นสุดท้ายของ iPhone ที่มีความบาง น้ำหนักเบา โดยมีขนาด 6.1 นิ้ว จอแสดงผล Liquid Retina 24-bit ให้เฉดสีสดใส คมชัดสมจริงทุกรายละเอียด และมี Refresh Rate 60Hz

ส่วนชิปประมวลผล A13 Bionic ความเร็ว CPU 2.65GHz มีหน่วยความจำ RAM 4GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นที่ 64/128/256/512GB ความจุแบตเตอรี่ขนาด 3,110 mAh รองรับระบบ Fast Charge 18W และสามารถใช้งานชาร์จไร้สายได้ มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง

ระบบกล้องหลังมี 2 ตัว โดยกล้องหลักเลนส์ Ultra-Wide มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล กล้อง Wide มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.4 ฟังก์ชั่นลบจุดตาแดง และกล้องหน้ามีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถใช้งานโหมด Portrait ในกล้องหน้าได้อีกด้วย

จุดเด่น

  • จอแสดงผล Liquid Retina 24-bit ให้เฉดสีสดใส มีขนาด 6.1 นิ้ว ให้เฉดสีสดใส คมชัดสมจริงทุกรายละเอียด
  • ชิปประมวลผล A13 Bionic ความเร็ว CPU 2.65GHz ใช้งานได้อย่างลื่นไหล
  • มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกหลายรุ่นตั้งแต่ 64-512GB
  • เป็นรุ่นสุดท้ายของ iPhone ที่มีความบาง น้ำหนักเบา
  • มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง

จุดควรพิจารณา

  • ความจุแบตเตอรี่ค่อนข้างน้อย ทำให้ดูหนังหรือเล่นเกมได้ไม่นาน ซึ่งในปัจจุบันควรมีความจุแบตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 4,000 mAh
  • โหมดกล้อง Ultra-Wide สีไม่โดดเด่นเท่าที่ควร อาจต้องใช้โปรแกรมตกแต่งรูปเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความสดของสี
  • Refresh Rate ยังคงเป็น 60Hz ทำให้ภาพไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร
  • ไม่มีรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ 5G

3. Apple iPhone 13

Apple iPhone 13 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2021 มีดีไซน์หรูหรา เพิ่มขอบหนารอบตัวเครื่อง และตัดโค้งมนตามมุมเครื่องได้สวยงาม โดยมีจอแสดงผล Super Retina XDR รองรับ HDR10 จอมีขนาด 6.1 นิ้ว ให้สีสันที่สวยงาม ภาพคมชัด มี Refresh Rate 120Hz ทำให้ภาพเคลื่อนไหวมีความ Smooth

ส่วนระบบชิปประมวลผลแบบ A15 Bionic ความเร็ว CPU 3.2GHz มีหน่วยความจำ RAM 6GB และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของตัวเครื่องเริ่มต้นที่ 128/256/512GB ความจุแบตเตอรี่ขนาด 3,095 mAh รองรับระบบ Fast Charge 25W และสามารถใช้งานชาร์จไร้สายได้ มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง

ระบบกล้องหลังมี 2 ตัว โดยกล้องหลักเลนส์ Ultra-Wide มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล กล้อง Wide มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/1.6 มีฟังก์ชั่นค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ และกล้องหน้ามีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถใช้งานโหมด Portrait และ Nightmode ได้อีกด้วย

จุดเด่น

  • ดีไซน์หรูหรา เพิ่มขอบหนารอบตัวเครื่อง และตัดโค้งมนตามมุมเครื่องได้สวยงาม
  • จอแสดงผล Super Retina XDR รองรับ HDR10 ให้สีสันที่สวยงาม ภาพคมชัด
  • มี Refresh Rate 120Hz ทำให้ภาพเคลื่อนไหวมีความ Smooth
  • ความเร็ว CPU 3.1GHz และ Ram 6GB อยู่ในเกณฑ์สเปคแรง
  • รองรับระบบ Fast Charge และสามารถใช้งานชาร์จไร้สาย

จุดควรพิจารณา

  • ความจุแบตเตอรี่ถือว่าค่อนข้างน้อย เพราะในปัจจุบันมีมาตรฐานความจุแบตเตอรี่ไม่ควรต่ำกว่า 4,000 mAh
  • โหมดกล้อง Ultra-Wide สีไม่โดดเด่นเท่าที่ควร อาจต้องใช้โปรแกรมตกแต่งรูปเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความสดของสี
  • Port ชาร์จแบตเตอรี่ยังคงเป็น Lightning จริงๆควรเป็น USB-Type C

4. Apple iPhone 12

iPhone รุ่นไหนดีอันดับรองสุดท้ายกับ Apple iPhone 12 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2020 มีดีไซน์ทรงเหลี่ยม ตัดโค้งมนที่มุมได้สวยงาม มีจอแสดงผลแบบ Super Retina XDR รองรับ HDR10 จอมีขนาด 6.1 นิ้ว ให้สีสันที่สวยงาม ภาพคมชัด และมี Refresh Rate 60Hz

ส่วนระบบชิปประมวลผลแบบ A14 Bionic ความเร็ว CPU 3.1GHz มีหน่วยความจำ RAM 4GB และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นที่ 64/128/256GB ความจุแบตเตอรี่ขนาด 2,815 mAh รองรับระบบ Fast Charge 18W และสามารถใช้งานชาร์จไร้สายได้ มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง รวมไปถึงรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ 5G

ระบบกล้องหลังมี 2 ตัว โดยกล้องหลักเป็นเลนส์ Ultra-Wide มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล กล้อง Wide มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.4 มีฟังก์ชั่นค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ และกล้องหน้ามีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.2 สามารถใช้งานโหมด Portrait และ Nightmode ได้อีกด้วย

จุดเด่น

  • มีจอแสดงผลแบบ Super Retina XDR รองรับ HDR10 ให้สีสันที่สวยงาม ภาพคมชัด
  • ความเร็ว CPU 3.1GHz ประมวลการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
  • รองรับระบบ Fast Charge และสามารถใช้งานชาร์จไร้สายได้
  • กล้องหน้าและกล้องหลังมีความคมชัด ถ่ายภาพสนุก
  • มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง
  • รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ 5G

จุดควรพิจารณา

  • ความจุแบตเตอรี่น้อยกว่ารุ่น iPhone 11 และต่ำกว่ามาตรฐาน 4,000 mAh
  • Port แบตเตอรี่ยังคงเป็น Lightning ควรเปลี่ยนเป็น USB-Type C
  • หน้าจอเป็น Refresh Rate 60Hz เป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัย

5. Apple iPhone SE (3rd Generation)

เดินทางมาถึง iPhone รุ่นไหนดีอันดับสุดท้ายกับ Apple iPhone SE (3rd Generation) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2022 ยังคงดีไซน์รูปแบบเอกลักษณ์ของ Apple โดยหน้าจอแสดงผลรูปแบบไม่เต็มจอ มีขนาด 4.7 นิ้ว ซึ่งหน้าจอแสดงผลแบบ Retina Display มีสีสันชัดเจน สวยงาม และมี Refresh Rate 60Hz

ส่วนระบบชิปประมวลผลแบบ A15 Bionic ความเร็ว CPU 3.2GHz มีหน่วยความจำ RAM 4GB และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเริ่มต้นที่ 64/128/256GB ความจุแบตเตอรี่ขนาด 2,018 mAh รองรับระบบ Fast Charge 18W และสามารถใช้งานชาร์จไร้สายได้ มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง รวมไปถึงรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ 5G

ระบบกล้องหลังมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยเป็นเลนส์ Wide ความคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีฟังก์ชั่นกันสั่น Auto Focus และค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ มีรูรับแสงขนาด f/1.8 ส่วนกล้องหน้ามีความคมชัด 7 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงขนาด f/2.2 มีโหมดถ่ายภาพพร้อม Bokeh สมจริงทุกรายละเอียด

จุดเด่น

  • ความเร็ว CPU 3.2GHz ถือเป็นสมาร์ทโฟนขนาดเล็กที่ความเร็ว CPU เยอะ ทำให้ได้เต็มประสิทธิภาพ
  • หน้าจอแสดงผลแบบ Retina Display มีสีสันชัดเจน สวยงาม มีขนาด 4.7 นิ้ว
  • รองรับระบบ Fast Charge 18W และสามารถใช้งานชาร์จไร้สายได้
  • มีคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำและฝุ่นละออง
  • รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ 5G

จุดควรพิจารณา

  • ความจุแบตเตอรี่ขนาด 2,018 mAh ค่อนข้างน้อย ควรมีไม่ต่ำกว่า 4,000 mAh ถึงเหมาะสมในการใช้งานในระยะยาว
  • การแสดงผลบนจอภาพไม่เต็มจอ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัย เพราะในปัจจุบันการแสดงผลเน้นเต็มจอโทรศัพท์
  • Port แบตเตอรี่ยังคงเป็น Lightning ควรเปลี่ยนเป็น USB-Type C
  • RAM 4GB ค่อนข้างน้อย ควรมี 6 GB ขึ้นไป

ทำไมสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone ถึงได้รับความนิยมมาตลอด?

iPhone คือสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ไม่ว่ายุคไหนก็ได้รับความสนใจอยู่เสมอ และยังขายดีเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว ซึ่งรักษาส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนด้วยฐานผู้ใช้งานที่เหนียวแน่น โดยเราจะพาคุณไปดูเหตุผลหรือปัจจัยที่ว่าทำไมสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ Apple ถึงได้รับความนิยมมาตลอด

1. ดีไซน์เครื่องสมาร์ทโฟนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ไม่ว่า iPhone จะออกมากี่รุ่น ก็ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีรูปทรงเหลี่ยม ขอบหนา ตัดโค้งให้มน เป็นต้น ซึ่งจะมีรูปแบบใหม่มักจะเป็นสี กล้อง ขนาด รวมไปถึง Spec เครื่องภายใน ทำให้เห็นถึงความแตกต่างในการใช้งานอย่างชัดเจน อีกทั้งการจัดวางระเบียบปุ่มต่างๆอย่าง ลด-เพิ่มเสียง ล็อกหน้าจอ กล้องหน้า และกล้องหลัง ดูเป็นระเบียบสวยงาม ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นสมาร์ทโฟน iPhone นั่นเอง

2. เทคโนโลยีเกี่ยวกับชิปประมวลผลล้ำสมัย

เนื่องจาก Apple ต้องมีการพัฒนาชิปประมวลผลให้ล้ำสมัย เพื่อแซงคู่แข่งและครองตลาดให้ได้อยู่เสมอ จึงทำให้สมาร์ทโฟนหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆของ Apple มีความแรง ทำงานได้รวดเร็ว ยิ่ง iPhone เป็นเพียงสมาร์ทโฟนแต่มีความเร็ว CPU ค่อนข้างเร็ว เกือบเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ค ทำให้ประมวลผลต่างๆได้ทันท่วงที หมดปัญหาเรื่องโทรศัพท์ค้างอย่างแน่นอน

3. จอแสดงผลมีความทันสมัยอยู่เสมอ

สืบเนื่องมาจากระบบภายในของ iPhone มีประสิทธิภาพมากอย่างความเร็ว CPU จึงต้องทำให้จอแสดงผลมีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับความแรงเครื่อง โดยจอแสดงผลของ iPhone หลักๆจะเป็น Retina และได้พัฒนาไปถึง Super Retina ที่ให้ภาพสว่าง คมชัด และถนอมสายตาได้อีกเช่นกัน ส่งผลให้จอแสดงผลของ iPhone มีความสวยงาม เด่นชัดกว่าแบรนด์อื่นๆนั่นเอง

4. มีระยะเวลาในการใช้งานได้นาน

ด้วยระบบซอร์ฟแวร์ของ iPhone มีความล้ำสมัย ทั้งให้ความแรง ประมวลผลเร็วแล้วนั้น พวก Application ต่างๆมักสนับสนุนระบบของ iPhone แม้กระทั่งรุ่นเก่าๆก็ยังสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางแบรนด์ Apple คอยอัปเดตให้รุ่นเก่าอยู่สม่ำเสมอ ใช้งานได้นานถึง 6 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งาน iPhone ว่าดูแลรักษาดีหรือไม่ หรือไม่ทำพังเสียก่อน เป็นต้น

5. หาก iPhone ออกรุ่นใหม่ รุ่นเก่ายังคงขายได้ราคาดีเช่นเดิม

ด้วยทุกข้อที่กล่าวมาเป็นเหตุผลที่ว่าทำให้ iPhone ได้รับความนิยมสูง ทั้งมีสเปคสูง ชิปประมวลผลเร็วและแรง ทั้งใช้งานได้ยาว เพราะมีการอัปเดตซอร์ฟแวร์ให้รุ่นเก่าและรุ่นใหม่อยู่เสมอ ซึ่ง Application ต่างๆก็รองรับและสนับสนุนอีกด้วย อีกทั้งราคาขายเครื่องเก่ายังคงมีราคา ไม่ตกรุ่นอย่างแน่นอน

วิธีเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ปี 2022 ให้คุ้มค่าและเหมาะสมกับการใช้งาน

1. เลือกจากจอแสดงผล

การเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ จอแสดงผลว่ารุ่นที่ต้องการซื้อ มีเทคโนโลยีหรือคุณสมบัติอะไรบ้าง ถ้าให้เราแนะนำถ้าคุณเลือกซื้อรุ่นที่เป็น Super Retina ให้ความคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะภาพคมชัด สีสมจริงทุกรายละเอียด รวมไปถึงถนอมสายตาได้ดีอีกด้วย

2. เลือกจาก Refresh Rate

ในยุคปัจจุบันควรเลือกซื้อ iPhone ที่มี Refresh Rate 120Hz เพราะถือเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและล้ำสมัย จึงต้องเลือกซื้อ Refresh Rate 120Hz เพราะการเคลื่อนไหวบนจอภาพมีความลื่นไหล และมีความ Smooth อย่างมาก ภาพไม่ขาดและไม่กระตุกอย่างแน่นอน

3. ความจุของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

เนื่องจาก iPhone มีความจุของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้เลือกซื้อโดยเริ่มต้นตั้งแต่ 64GB ไปถึง 512GB ซึ่งเราขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อแบบ 256GB ขึ้นไป เพื่อรองรับการใช้งานต่างๆเช่น โปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ รูปภาพ เพลง และเอกสารต่างๆ หากพื้นที่ไม่พอใช้งาน อาจซื้อบริการเสริมอย่าง iCloud ใช้งานพื้นที่เสริมได้อีกด้วย

4. ชิปประมวลผล

แน่นอนว่าชิปประมวลผลของแบรนด์ Apple นั้นแรงและรวดเร็วขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทำให้ iPhone ก็มีชิปประมวลผลที่มีสเปคแรงเช่นกัน โดยเราขอแนะนำควรเป็นชิปประมวล A14 Bionic ขึ้นไป เพราะมีความเร็ว CPU เกิน 3.0 GHz ทำให้ประมวลผลได้รวดเร็ว เครื่องไม่ค้าง ใช้งานได้หลากหลายทั้ง เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง และใช้แอพพลิเคชั่นพร้อมๆกันได้หลายหน้าต่างอีกด้วย

5. เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G

ในปัจจุบันการเชื่อมต่อ 5G เป็นสิ่งสำคัญ เพราะทำให้เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็ว และมีความเสถียรสูง ซึ่งคุณต้องคำนึงถึง iPhone ที่รองรับ 5G เพื่อรองรับการใช้งานได้ในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่นั่นเอง

บทสรุปเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ปี 2022 คุ้มค่าแก่การใช้งานในระยะยาว

สำหรับบทสรุปเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ปี 2022 เราขอแนะนำ Apple iPhone 13 Pro Max เพราะมีคุณสมบัติตรงโจทย์ คือคุ้มค่าแก่การใช้งานในระยะยาว ซึ่งมีสเปคแรงระดับเรือธง โดยมีจอแสดงผล Super Retina XDR รองรับ HDR10 จอมีขนาด 6.7 นิ้ว และแสดงผลสีสัน ภาพสวยงามด้วย OLED 24-bit พร้อม Refresh Rate 120Hz ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวบนจอภาพมีความลื่นไหล ไม่สะดุด

ส่วนระบบชิปประมวลผลแบบ A15 Bionic ความเร็ว CPU 3.2GHz มีหน่วยความจำ RAM 8GB และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของตัวเครื่องเริ่มต้นที่ 128/256/512GB มีความจุแบตเตอรี่ 4,352 mAh รองรับ Fast Charge 25W และรองรับชาร์จไร้สายได้อีกเช่นกัน ตัวกล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์มีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสงขนาด f/1.5 มีฟังก์ชั่นค้นหาใบหน้าอัตโนมัติ ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้สวยงามด้วย Nightmode และระบบ Phase Detection Auto Focus

รวมทั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหว เหมาะสำหรับถ่ายภาพยนต์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกล้องหน้าความคมชัด 12 ล้านพิกเซล ทำให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่ทำการ Selfie ให้ภาพสวย คมชัด สมจริงทุกรายละเอียด ถือว่าเป็น iPhone รุ่นที่คุ้มค่าที่สุด ซื้อใช้งานได้ในระยะยาว ไม่ตกรุ่นอย่างแน่นอน

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก