โลกเรานี้มีศาสนาอยู่ด้วยกันหลายศาสนา ที่เสื่อมความนิยมและสูญหายไปแล้วก็มีอยู่มากมายเช่นกัน แต่ที่ยังได้รับการนับถือและศรัทธาอยู่ในโลกปัจจุบัน โดยหลักๆ แล้วมีอยู่ประมาณ 8 ศาสนาด้วยกัน คือ คริสต์ มีประชากรผู้นับถืออยู่ประมาณสองพันกว่าล้านคน อิสลาม มีประชากรผู้นับถือประมาณมากกว่าหนึ่งพันหกร้อยล้านคน ฮินดู ประมาณมากกว่าหนึ่งพันล้านคน พุทธ ประมาณเกือบห้าร้อยล้านคน ซิกข์ ประมาณยี่สิบสามล้านคน ยูดายหรือยิว ประมาณสิบสี่ล้านคน บาไฮ ประมาณหกถึงเจ็ดล้านคน และ เชน มีประชากรผู้นับถือประมาณสี่ล้านคน
ภาพโดย //nrm.fandom.com/wiki/List_of_religions
แต่สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือ จำนวนประชากรผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ อนาคตโลกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากน้อยเพียงใดจากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ในสหรัฐอเมริกา พบว่า ในปี 2593 หรืออีก 30 ปีข้างหน้า โลกจะมีประชากรประมาณ 9.3 พันล้านคน (หากสถิติการเพิ่มของประชากรของโลกยังอยู่ในอัตราปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับสถิติของปี 2553) พบว่า โลกจะมีจำนวนชาวมุสลิมใกล้เคียงกับชาวคริสต์ คือ 2.8 : 2.9 พันล้านคน (30 : 31%) ซึ่งในปี 2553 ศาสนาคริสต์มีผู้นับถือมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง (31%) หรือ 2.2 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของประชากรโลกที่มีอยู่ 6.9 พันล้านคน ส่วนศาสนาอิสลามมีผู้นับถือเป็นอันดับสอง คือ 1.6 พันล้านคน หรือ 23%
พวกที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ เลย ซึ่งอยู่เป็นอันดับสามรองจากศาสนาคริสต์และอิสลาม แม้อัตราส่วนโดยรวมจะลดลงจาก 16% เป็น 13% แต่ในสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.1 พันล้านคนเป็น 1.2 พันล้านคน
สำหรับจำนวนของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธจะคงที่เท่ากับเมื่อปี 2553 เนื่องจากประเทศที่มีชาวพุทธส่วนใหญ่จะอยู่ในสังคมคนสูงวัย (aging population) และอัตราเกิดต่ำ. (low fertility rates) เช่น จีน ไทยและญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ในขณะเดียวกันผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู (Hindu) กับชาวยิว (Jewish) กลับมีจำนวนมากขึ้นกว่าปัจจุบัน
ในอินเดียผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูยังคงเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ในขณะเดียวกันประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามในอินเดียจะมีจำนวนมากที่สุดในโลกแซงอินโดนีเซียในปัจจุบัน ในภาพรวม ทั้งโลกผู้นับถือศาสนาฮินดูจะเพิ่มขึ้น 34% จากจำนวนเกินหนึ่งพันล้านคนนิดหน่อยไปเป็นเกือบ 1.4 พันล้านคน
ในสหรัฐอเมริกาชาวคริสต์จะมีจำนวนลดลงจากเดิมที่มีจำนวนสามในสี่ของประชากรในปี 2553 ไปเป็นสองในสามในปี 2593 และจำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลามจะแซงจำนวนผู้นับถือศาสนายูดาย (Judaism)
ในศตวรรษที่ 21 นี้ จำนวนคนที่ไม่นับถือศาสนาทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของศูนย์วิจัยพิว แสดงให้เห็นว่าจำนวนคนที่ไม่มีศาสนา (16%) มีมากกว่าจำนวนของคนที่นับถือศาสนาฮินดู (15%) ศาสนาพุทธ (7%) ศาสนาซิกข์ และศาสนายิว
จากการสำรวจโดยบริษัทวิน-แกลลัป อินเตอร์เนชันนอล (WIN-Gallup International) ประเทศที่มีสัดส่วนประชาชนที่ไม่นับถือศาสนาสูงที่สุดในโลก ได้แก่ จีน (47%) ญี่ปุ่น (31%) สาธารณรัฐเช็ก ฝรั่งเศส (29%) และเกาหลีใต้
ส่วนประเทศที่คนเคร่งศาสนามากที่สุด ได้แก่ กานา ไนจีเรีย อาร์เมเนีย ฟิจิ และมาซิโดเนีย กานามีผู้เคร่งศาสนาถึง 96% นับถือศาสนาแต่ไม่เคร่ง 2% และไม่นับถือศาสนาเลย 0% เมื่อมาดูว่าคนที่ไม่นับถือศาสนาเป็นใคร ปรากฏว่า คนไม่นับถือศาสนาใดเป็นผู้ชาย 69% และเป็นผู้หญิง 29% ส่วนอีก 2% ที่เหลือนั้นไม่ต้องการระบุ ผลการศึกษายังพบความสัมพันธ์ระหว่างรายได้กับการไม่มีศาสนาด้วย คนรายได้สูงนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่นับถือศาสนามากกว่าคนรายได้ต่ำ และคนที่การศึกษายิ่งสูงก็ยิ่งมีแนวโน้มมากที่จะไม่นับถือศาสนา ในจำนวนประชากรอเมริกัน มีประมาณ 49% ที่จบปริญญาตรี โดยมีคนอเมริกันที่ไม่นับถือศาสนานั้นมีกว่า 72% ที่จบปริญญาตรี
แม้ว่าคนไม่มีศาสนาจะยังเป็นประชากรส่วนน้อยในโลก แต่ก็กำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา ผลสำรวจพบว่า มีประชากรผู้ไม่นับถือศาสนาเพิ่มขึ้นทั่วโลก 9% โดยในบางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และเวียดนาม ประชากรผู้ที่เคยนับถือศาสนากว่า 20% เปลี่ยนใจเป็นไม่นับถือศาสนา อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริง คงต้องยอมรับว่า ในขณะที่วิทยาศาสตร์เป็นกระแสหลักของสังคมยุคดิจิตัล แม้กระนั้นก็ตาม ศาสนาก็ยังคงมีบทบาทและความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ที่เกิดอยู่ในโลกใบนี้เหมือนเดิม
แต่ก่อนที่เราจะมาดูเนื้อหาสาระของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนนี้ เราจะมาย้อนดูกันรวมตัวกันของประเทศในอาเซียนว่ามีการรวมตัวกันได้อย่างไร จนมาเป็นอาเซียนในปัจจุบัน
โดยอาเซียนหรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN : The Association of South East Asian Nations) ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 โดยประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ต่อมาในปีพ.ศ.2527 บรูไน ดารุสซาลาม ได้เข้ามาเป็นสมาชิก ตามด้วยเวียดนามเข้ามาเป็นสมาชิกเมื่อ พ.ศ. 2538 ขณะที่พม่าและลาวเข้ามาเป็นสมาชิกใน พ.ศ.2540 และประเทศสุดท้ายคือกัมพูชา เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เมื่อ พ.ศ. 2542 ปัจจุบันอาเซียนมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ
1.บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)
ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า "เนการาบรูไนดารุสซาลาม" มีเมือง "บันดาร์เสรีเบกาวัน" เป็นเมืองหลวง ถือเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีประชากร 381,371 คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรเกือบ 70% นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ
2.ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)
เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย มีประชากร 14 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรกว่า 80% อาศัยอยู่ในชนบท 95% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเวียดนามได้
3.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)
เมืองหลวงคือ จาการ์ตา ถือเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 1,919,440 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากถึง 240 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) โดย 61% อาศัยอยู่บนเกาะชวา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษา Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการ
4.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR)
เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก โดยประเทศลาวมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย คือ 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่า 90% เป็นภูเขาและที่ราบสูง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดทะเล ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยมีประชากร 6.4 ล้านคน ใช้ภาษาลาวเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีคนที่พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)
เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร แบ่งเป็นมาเลเซียตะวันตกบคาบสมุทรมลายู และมาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ทั้งประเทศมีพื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 26.24 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ใช้ภาษา Bahasa Melayu เป็นภาษาราชการ
6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)
เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา ประกอบด้วยเกาะขนาดต่าง ๆ รวม 7,107 เกาะ โดยมีพื้นที่ดิน 298.170 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 92 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการใช้ภาษาในประเทศมากถึง 170 ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาตากาลอก เป็นภาษาราชการ
7.สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore)
เมืองหลวงคือ กรุงสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางเรือของอาเซียน จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในย่านนี้ แม้จะมีพื้นที่ราว 699 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากร 4.48 ล้านคน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ แต่มีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ ปัจจุบันใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)
8.ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)
เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 513,115.02 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 77 จังหวัด มีประชากร 65.4 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ
9.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam)
เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย มีพื้นที่ 331,689 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจถึงเมื่อปี พ.ศ.2553 มีประชากรประมาณ 88 ล้านคน ประมาณ 25% อาศัยอยู่ในเขตเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
10.สหภาพพม่า (Union of Myanmar)
มีเมืองหลวงคือ เนปิดอว ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันออก โดยทั้งประเทศมีพื้นที่ประมาณ 678,500 ตารางกิโลเมตร ประชากร 48 ล้านคน กว่า 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท หรือหินยาน และใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ
ตลอดระยะเวลา 44 ปีที่ผ่านมา อาเซียนได้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งมีการวางกรอบความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข็มแข็ง รวมถึงความมั่นคงของประเทศสมาชิกทั้งด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และในปี พ.ศ. 2558 อาเซียนได้วางแนวทางก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ภายใต้คำขวัญคือ "หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม" (One Vision, One Identity, One Community) โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประชาคม คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน(ASEAN Political Security Community : APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC)
โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสา ดังต่อไปนี้
กลุ่มสินค้าและบริการนำร่องที่สำคัญ ที่จะเกิดการรวมกลุ่มกัน คือ สินค้าเกษตร / สินค้าประมง / ผลิตภัณฑ์ไม้ / ผลิตภัณฑ์ยาง / สิ่งทอ / ยานยนต์ /อิเล็กทรอนิกส์ / เทคโนโลยีสารสนเทศ (e-ASEAN) / การบริการด้านสุขภาพ, ท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน) กำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่เริ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยผ่อนปรนให้กับประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียตนาม สำหรับประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ทำ Roadmap ทางด้านท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน)