Q : เรียนจบไปทำมาหากินอะไรได้ ?
A : นี่มันคณะสายวิชาการ ไม่ใช่สายวิชาชีพอย่าง สังคมสงเคราะห์ หรือจิตวิทยา ซึ่งจะมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนกว่า แต่คณะนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกปวดใจเมื่อต้องนั่งคิดว่าชั้นจะจบไปทำงานอะไรฟะเนี่ย แต่อย่าได้ตระหนกไป เพราะในทางกลับกัน คุณสามารถสมัครงานได้หลากหลายมาก (ไปแย่งงานสาขาอื่นได้หลากหลายมาก) ในอดีตที่ผ่านๆ มาก็มีทั้งทำงานฝ่ายบุคคล การตลาด ซีอีโอ เปิดโรงเบียร์ บก.หนังสือพิมพ์ นักพากย์บอล หรือถ้าสวยพอคุณอาจเป็นภรรยาของเคน ธีรเดชได้ (โอเคอันนี้ไม่นับ)
เมื่อจบหลักสูตร(ไม่ว่าจะอย่างถูลู่ถูกังอย่างไรก็ตาม) คุณจะมีสกิลในการทำวิจัย สามารถออกแบบ วางแผนวิจัย และลงพื้นที่ หาวิธีหาคำตอบมาให้ได้ ซึ่งถ้าไม่ทำวิจัยในมหาวิทยาลัย ก็อาจจะไปทำกับบริษัทเอกชน ความเข้าใจด้านโครงสร้างและความสัมพันธ์ทางสังคมจะช่วยให้คุณไปทำบ้าอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเครือข่ายคนจำนวนมากๆ เช่นบริหารองค์กร (ซึ่งคุณอาจจะเลือก “บริหาร” เป็นวิชาโทในขณะเรียน) ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับวัฒนธรรมและการรู้จักยอมรับความแตกต่างจะช่วยให้คุณมีทัศคติที่กว้างขวางต่อผู้คน ซึ่งจะช่วยให้คุณทนกับสภาพแวดล้อมทางสังคมในที่ทำงานได้สารพัดสารเพ
งานสายตรงของคณะนี้คือนักวิชาการ คุณอาจจะเกิดติดใจอยากเป็นอาจารย์ หรือเป็นนักวิจัย หรือทำงานกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (แถวตลิ่งชัน) ก็ได้ถ้าไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องร่ำรวยอะไร เพราะคุณจะไม่รวยแน่ๆ ๕๕๕
Q : สังคมวิทยาฯ/สังคมสงเคราะห์ ต่างกันยังไง ?
A : อันนี้น้องก็ชอบถามครับ ก็จะขอย้ำอีกทีว่าสังคมวิทยาฯ เป็นคณะสายวิชาการ เรียนทฤษฎี เรียนการวิจัยเพื่อทดสอบทฤษฎีและสร้างความรู้ใหม่ ส่วนสังเคราะห์เป็นคณะสายวิชาชีพ เรียนเรื่องการจัดสวัสดิการสังคมให้แก่ผู้ยากไร้อย่างเป็นรูปธรรม เรียนการช่วยเหลือเหยื่อ ซึ่งสามารถจบไปประกอบอาชีพเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย (ซึ่งก็ต้องมาลงเรียนวิชาของสังคมวิทยาฯ ด้วยบางตัว) ดังนั้นถึงสองคณะนี้จะเป็นญาติกันแต่มีเป้าหมายกันไปคนละทาง
Q : นอกจากธรรมศาสตร์แล้วมีที่ไหนอีกบ้าง ?
A : คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามีที่ธรรมศาสตร์ที่เดียว ส่วนที่จุฬา เชียงใหม่ เกษตร มศว. มอ. ขอนแก่น จะเป็นภาควิชา ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วคุณภาพนักศึกษาก็พอๆ กันครับ แต่ถ้าเกิดสนใจจะศึกษาในแนววิชาการจริงจัง ธรรมศาสตร์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะสาขาย่อยมีหลากหลายกว่าที่อื่นมาก รวมถึงนักวิชาการระดับดารารุ่นใหม่ๆ ก็มารวมกันที่นี่อย่างคับคั่ง
Q : เรียนยากไหม ?
A : ยากครับ แต่ก็คงไม่เกินกำลัง (และความจริงคือทุกคณะก็มีส่วนที่ยากทั้งนั้น) คุณจะต้องเผชิญกับแนวคิดป่วงๆ ของนักคิดชาวยุโรปจำนวนมากใน text ซึ่งไม่มีแปลไทย ดังนั้นหากภาษาอังกฤษของคุณไม่ได้ประเสริฐเยี่ยงเจ้าของภาษา นี่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณเหนื่อยได้ นอกจากนี้คุณอาจจะต้องเจอวิชาแปลกๆ เช่นมานุษยวิทยากายภาพ (Physical Anthropology) ว่าด้วยวิวัฒนาการของมนุษย์ล้วนๆ หากเลือกเอกมานุษยวิทยา ซึ่งถ้าคุณไม่ชอบชีวะวิชานี้ก็เป็นดั่งยาขม และสุดท้ายคือการทำวิจัยที่จะต้องใช้ความละเอียดอดทนเป็นอันมากในการเขียนงานให้อาจารย์ที่ปรึกษายอมให้ผ่านได้
Q : มีเรียนคณิตศาสตร์ป่ะ ?
A : มีครับ คือวิชาสถิติประยุกต์เพื่อการวิจัย ซึ่งคนที่เกลียดชังคณิตศาสตร์หนักหนาอาจจะเบือนหน้าหนี แต่มันมีแค่วิชาเดียวครับ เว้นแต่ถ้าเลือกเอกสังคมวิทยาก็จะต้องเรียนประชากรศาสตร์ (demography) ซึ่งจะต้องใช้สถิติอีกครับ แต่อย่าห่วงว่าจะต้องใช้มากขึ้นในปีสูงๆ เพราะเราไม่เน้นการคำนวณครับ แค่เรียนให้เข้าใจหน้าที่ของเครื่องมือทางสถิติต่างๆ จากนั้นก็ใช้ SPSS โปรแกรมคำนวณทางสถิติในการทำวิจัยเชิงปริมาณครับ
Q : สังคมในคณะ ? ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
A : คณะนี้เป็นคณะขนาดปานกลางครับ รุ่นหนึ่งจะมีราว 200 คน สังคมควบคุมด้วยระบบคล้ายเครือญาติ คือความศักดิ์สิทธิ์ของรุ่นพี่อยู่ในระดับเดียวกับพี่สาวพี่ชายตามปกติ คือควรจะเคารพตามจารีตของสังคมไทย แต่ความตึงเครียดระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องจะมีน้อย เพราะไม่มีการว้ากเช้าว้ากเย็นเพื่อจัดระเบียบสังคม ดังนั้นคุณจะมีอิสระมากในคณะนี้ ถึงขั้นไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลยก็ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะถือว่านั่นเป็นสิทธิ์ของคุณ สรุปคือมันจะเป็นองค์กรหลวมๆ ที่ประสิทธิภาพต่ำแต่ความอบอุ่นจะเหมือนครอบครัวครับ ช่วยให้อยู่สบาย สนิทกับรุ่นพี่ได้ทุกรุ่น แนะนำภาควิชา
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นและเริ่มเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนมาพร้อม ๆ กับการสถาปนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2507 สังคมวิทยา (Sociology) และ มานุษยวิทยา (Anthropology) เป็นวิชาความรู้ที่พัฒนาขึ้นมาจากบริบทประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกสมัยใหม่ ซึ่งย้อนกลับไปกว่า 50 ปีที่แล้ว จึงถือว่าเป็นสาขาวิชาใหม่สำหรับสังคมไทย
นานกว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มุ่งเปิดหลักสูตรการเรียนการสอน งานวิจัย และงานบริการวิชาการ ที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ ทั้งตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาของมหาวิทยาลัยและของประเทศ และสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก การเรียนการสอนจึงมีเป้าหมายเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรม ความรู้ ความสามารถ รู้จักคิด กล้าวิพากษ์อย่างสร้างสรรค์ สามารถรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และประยุกต์ใช้ทักษะความรู้ในการประกอบอาชีพ และในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนได้อย่างสันติ มีความสุข และสำนักรับผิดชอบต่อสังคม