สวัสดิการสังคม
- เมื่อสมาชิกถึงแก่กรรม ทายาทยื่นเรื่องขอรับเงิน ภายใน 90 วัน
- ได้รับค่าคารวะศพ และค่าพวงหรีด ไม่เกิน 1,000 บาท
ตารางการจ่ายเงินสวัสดิการ
อายุการเป็นสมาชิก
เงินสวัสดิการที่ได้รับ (บาท)
น้อยกว่า 2 ปี
10,000
2 ปี ขึ้นไป ถึง 6 ปี
20,000
6 ปี ขึ้นไป ถึง 10 ปี
30,000
10 ปี ขึ้นไป ถึง 15 ปี
40,000
15 ปี ขึ้นไป ถึง 20 ปี
50,000
20 ปี ขึ้นไป ถึง 25 ปี
60,000
25 ปี ขึ้นไป ถึง 30 ปี
70,000
30 ปี ขึ้นไป ถึง 35 ปี
80,000
35 ปี ขึ้นไป ถึง 40 ปี
90,000
40 ปี ขึ้นไป
110,000
- คู่สมรสได้เศษหนึ่งส่วนสองของเกณฑ์ที่กำหนด แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
- สมาชิกสมทบมีสิทธิ์ได้รับค่าคาระศพ และค่าพวงหรีดไม่เกิน 1,000 บาท
สวัสดิการสมาชิกที่ไม่มีบุตร
- ต้องมีอายุการเป็นสมาชิกตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป
- ได้รับเงินสวัสดิการครั้งเดียว 2,000 บาท ตลอดชีพ ตามเงื่อนไขดังนี้
1.สมาชิกที่เป็นโสด ไม่มีบุตร หรือบุตรบุญธรรม
2.สมาชิกที่หย่า หรือ หม้าย ไม่มีบุตร หรือบุตรบุญธรรม
3.สมาชิกที่สมรสแล้ว ไม่มีบุตร หรือบุตรบุญธรรม
สวัสดิการกองทุนชีวิตหมู่
เมื่อสมาชิกถึงแก่กรรม ทายาทยื่นเรื่องขอรับเงินภายใน 90 วันนับแต่วันที่สมาชิกถึงแก่กรรม
อายุการเป็นสมาชิก
เงินสวัสดิการที่ได้รับ
เอกสารยื่นขอรับเงิน
ไม่ถึง 2 ปี (นับตั้งแต่ชำระค่าหุ้นครั้งแรก)
10,000
1. หนังสือขอรับเงินช่วยเหลือตามแบบ
ที่สหกรณ์กำหนด
2. มรณบัตรของสมาชิกพร้อมสำเนา
3. ทะเบียนสมรส (กรณีมีคู่สมรส) พร้อมทั้งสำเนา
4. ทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งสำเนา
5. ใบแจ้งความ (กรณีประสบอุบัติเหตุ)
6. ใบรับรองแพทย์ (กรณีประสบอุบัติเหตุ)
6 ปี ขึ้นไป ถึง 6 ปี
20,000
6 ปี ขึ้นไป ถึง 10 ปี
30,000
10 ปี แต่ไม่ถึง 15 ปี
40,000
15ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี
60,000
20 ปี แต่ไม่ถึง 25 ปี
80,000
25 ปี แต่ไม่ถึง 30 ปี
100,000
30 ปี แต่ไม่ถึง 35 ปี
120,000
35 ปี แต่ไม่ถึง 40 ปี
140,000
40 ปี ขึ้นไป
160,000
กรณีสมาชิกสมัครใหม่จะได้รับสิทธิ์ก็ต่อเมื่อสหกรณ์ได้รับเงินค่าหุ้นเรียบร้อยแล้ว
กรณีสมาชิกที่ถึงแก่กรรมโดยประสบอุบัติเหตุ มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนชีวิตหมู่เพิ่มอีก 50,000.-บาท
กรณีสมาชิกของสหกรณ์ที่ประสบอุบัติเหตุจนพิการ มิสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุน
ชีวิตหมู่ ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
เงินสวัสดิการที่ได้รับ (บาท)
(1) ทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร
50,000
(2) สูญเสียสายตา 2 ข้าง หรือมือ 2 ข้าง หรือ เท้า 2 ข้าง
30,000
(3) สูญเสียตา หรือมือ หรือเท้า อย่างใดอย่างหนึ่งรวมกันตั้งแต่สองอย่างขึ้นไป
30,000
(4) สูญเสียสายตา 1 ข้าง หรือมือ 1 ข้าง หรือเท้า 1 ข้าง
15,000
(5) สูญเสียอวัยวะอย่างใดอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากข้อ(1) ถึงข้อ(4) แล้ว ให้ได้รับเงินช่วยเหลือตามดุลยพินิจของคณะกรรมการ
สรุปได้ว่า ข้าราชการและผู้รับบำนาญ นอกจากจะรับเงินเดือน ค่าตอบแทน หรือเงินบำนาญแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นอีกหลายอย่าง ผู้รับบำนาญยังสามารถใช้สิทธิ์ในการขอรับเงินบำเหน็จดำรงชีพด้วย หากเสียชีวิตลงไปผู้ถูกระบุสิทธิ์หรือทายาทก็จะได้รับเงินบำเหน็จตกทอด และเงินช่วยพิเศษ 3 เดือน ตามสิทธิ์ของเขาด้วย ดังนั้นการเรียนรู้ การใช้สิทธิ์ การเตรียมการ และการบอกกล่าวกับทายาท หรือผู้เกี่ยวข้องจึงเป็นเรื่องที่ข้าราชการและผู้รับบำนาญจะละเลยเสียมิได้ี1. ข้าราชการได้รับอันตรายจนพิการ เสียแขน หรือขา หูหนวกทั้ง 2 ข้าง ตาบอด หรือได้รับการป่วยเจ็บซึ่งแพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจแล้ว และแสดงถึงทุพพลภาพไม่สามารถจะรับราชการต่อไปได้ ทั้งนี้ เพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุการะทำการตามหน้าที่ ให้ได้รับบำนาญปกติและบำนาญพิเศษ เว้นแต่เหตุนั้นเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือจากความผิดของตนเอง
2. ข้าราชการ ซึ่งออกจากราชการโดยได้รับบำเหน็จบำนาญปกติไปแล้ว ถ้าภายในกำำหนด 3 ปี นับแต่วันออกจากราชการ โดยปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าเกิดป่วยเจ็บถึงทุพพลภาพอันเป็นผลมาจากการปฏฺบัติหน้าที่ราชการระหว่างที่ผู้นั้นรับราชการอยู่ ให้ได้รับบำนาญปกติและบำนาญพิเศษ
3. ข้าราชการได้รับอันตราหรือป่วยเจ็บจนพิการถึงสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไปเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุการะทำการตามหน้าที่ แต่ยังสามารถรับราชการต่อไปได้ ให้ไ้ด้รับเงินทำขวัญเป็นก้อนในอัตราที่กำหนด
(ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทำขวัญข้าราชการและลูกจ้าง พ.ศ. 2516)
การนำระยะเวลาราชการทหารมานับรวมสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญ
----1. ผู้เคยเป็นข้าราชการทหาร (ประจำการ) มาก่อนและขอลาออกจากราชการ โดยมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัด ต่อมาบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน สามารถนำระยะเวลาการเป็นทหารมานับรวมเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญได้ (ทั้งเกิดสิทธิและคำนวณเงิน)
----2. ข้าราชการพลเรืือน ที่ได้รับการตรวจเลือกให้เข้ารับราชการทหาร (กองประจำการ : ทหารเกณฑ์) ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร สามารถนำระยะเวลาการระหว่างเข้ารับราชการทหารมานับรวมเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญได้ (รวมทั้งขอนับเวลาเพื่อคำนวณเงินประเดิม ทั้งนี้ก่อน 27 มี.ค.2540)
ตัวอย่างหนังสือการขอเวลาราชการทหาร และแบบขอแก้ไขข้อมูลสมาชิก กบข. 005/2/2550