คาร์ซีทกับบูสเตอร์ซีทต่างกันยังไง

ฮั่นแน่! อายุเท่าไหร่ถึงเปลี่ยนมาใช้ Booster Seat กันนะ 👩‍👧‍👧

เอ๋! บูธเตอร์ซีทคืออะไรกันน้า จริงๆแล้วบูธเตอร์ซีททำหน้าที่เหมือนคาร์ซีทเลยค่ะ คือเป็นเก้าอี้นิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็กแต่บูธเตอร์ซีทใช้สำหรับเด็กที่โตแล้ว บูธเตอร์ซีทจะต่างกับคาร์ซีทตรงที่ไม่มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุดในที่นั่งเด็กเหมือนคาร์ซีท แต่จะใช้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์พาดไปบนตัวเด็กเพื่อเริ่มฝึกให้น้องหัดใช้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์เพื่อความปลอดภัยแทนค่ะถึงแม้ว่าเด็กวัยนี้จะสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยในรถเหมือนผู้ใหญ่ได้แล้ว แต่เนื่องจากว่าตัวยังเล็กอยู่ จึงต้องนั่งบูธเตอร์เพื่อเสริมให้ก้นสูงขึ้น

 ในทางกลับกันถ้าเราให้เด็กวัยประมาณสามขวบนั่งในรถโดยไม่ใช้บูธเตอร์สายเข็มขัดนิรภัยเส้นล่างจะไม่พาดบนหน้าตักได้พอดีเหมือนผู้ใหญ่ แต่จะพาดไปบนช่องท้องเพราะเด็กตัวเล็กอยู่ ส่วนสายเส้นบนที่พาดบ่าอาจจะไปพาดที่คอซึ่งไม่ปลอดภัยแน่นอน และจะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเจ้าบูธเตอร์ซีททำหน้าที่เหมือนคาร์ซีท  การเปลี่ยนมาใช้บูธเตอร์ซีทส่วนใหญ่จะแนะนำให้ดูตามเกณฑ์อายุประมาณ 3 ปีขึ้นไป จนถึง 11 ปี  หรือน้ำหนัก 15-36 kg. และ ความสูง 100-145 cm. แต่เราขอแนะนำว่าให้ดูตามเกณฑ์น้ำหนักและความสูงเป็นหลักจะดีกว่าการดูตามอายุเพราะน้ำหนักจะมีผลเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กจะต้องมีน้ำหนักมากพอที่จะไปพุ่งไปหน้ารถตามแรงกระชาก และความสูงที่มากพอจะช่วยให้ระดับของเข็มขัดนิรภัยรถพาดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม  โดยจะมี 5 จุดสังเกตว่าลูกโตพอที่จะเลิกใช้บูธเตอร์ซีทได้แล้วดังนี้ 

1.ลูกนั่งหลังพิงพนักได้แล้ว

2.ลูกงอเข่าได้พ้นขอบเบาะแล้ว

3.สายเข็มขัดที่พาดทะแยงหน้าอก พาดอยู่กลางบ่าพอดี ไม่พาดใกล้คอ หรือพาดใกล้แขน

4.สายเข็มขัดด้านล่างพาดบริเวณต้นขาและสะโพกได้พอดี

5.ลูกสามารถนั่งในท่านี้ได้สบายตลอดการเดินทาง

รู้อย่างนี้แล้วลองสังเกตุลูกน้อยดูนะจ๊ะว่าอายุถึงเกณฑ์ที่จะต้องเปลี่ยนมาใช้ Booster Seat กันรึยังน้า 👩‍👧‍👧💜

"คาร์ซีท"กับ 6 ข้อต้องรู้ก่อนซื้อ พร้อมข้อควรสังเกตก่อนซื้อ เพื่อความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของเด็กๆ

หลังกฏหมายบังคับใช้ "คาร์ซีท" ให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปีต้องนั่ง โดยพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2565 สาระสำคัญคือ เกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กในมาตรา 123 คือ เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือผู้โดยสารที่สูงไม่เกิน 135 ซม.ต้องนั่งคาร์ซีท บูสเตอร์ซีท หรือคาดเข็มขัดนิรภัย

หากไม่ปฏิบัติ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และมีผลในอีก 120 วันข้างหน้า หรือวันที่ 5 กันยายน 2565

มีชาวเน็ตคอมเมนต์ ดราม่าจำนวนมาเกี่ยวกับ กม.บังคับใช้ "คาร์ซีท" หลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็น กฎหมายผิด  ผิดที่คนด่า หรือ บังคับใช้ผิดเวลาเพราะมาในช่วงที่เศรษฐกิจย้ำแย่

คาร์ซีท (Car seat) เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง และสร้างความปลอดภัยให้ลูกน้อยในช่วงที่เดินทางในรถยนต์ที่สำคัญมากๆ และหมอหน่อยอยากให้แม่ๆ ทุกคนเข้าใจความสำคัญของคาร์ซีท และเทคนิคการเลือกคาร์ซีท เพื่อที่แม่ๆ พ่อๆ จะสามารถใช้คาร์ซีทได้ถูกต้อง และสามารถเลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับตัวเองได้ค่ะ


ทำไมคาร์ซีทถึงสำคัญ?


คาร์ซีท เป็นที่นั่งเพื่อความปลอดภัยของเด็ก เป็นทางที่ดีที่สุดในการปกป้องลูกจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ซึ่งอุบัติเหตุจราจร เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของเด็ก ในต่างประเทศกำหนดกฏหมายเรื่องคาร์ซีท ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม คาร์ซีทช่วยป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม พ่อๆ แม่ๆ ควรมีการศึกษาการใช้คาร์ซีทให้ถูกต้องและเหมาะในแต่ละช่วงอายุของลูกค่ะ


คาร์ซีท มีกี่แบบ อะไรบ้าง?


คาร์ซีทแบ่งหลักๆ ออกเป็น 3 แบบคือ 1. Infant car seats 2. Convertible car seats 3. Booster seats


Infant car seats


เป็นคาร์ซีท ที่ถูกออกแบบมาสำหรับทารก มักใช้ได้จนถึงน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม หรือสูงประมาณ 85 เซ็นติเมตร หรืออายุประมาณ 1 ปี โดยคาร์ซีทจะต้องวางหันไปทางด้านหลัง หรือ rear facing เท่านั้น Infant car seat มักจะมีฐานรองที่ยึดติดกับเบาะรถยนต์ ซึ่งบางรุ่นจะสามารถถอดออก และหิ้วคาร์ซีทออกมาจากฐานได้



Convertible car seats


Convertible car seats สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่การวางหันหลัง rear-facing หรือแบบหันหน้าออก forward-facing โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กเล็ก ไปจนถึงประมาณ 9 ขวบเลยทีเดียว โดยขนาดของคาร์ซีทแบบนี้จะค่อนข้างใหญ่ มักยึดติดกับฐาน และไม่สามารถยกถือได้แบบ Infant car seat



Booster seat


Booster seat เพิ่มความสูงให้เด็กเวลานั่งบนที่นั่ง เพื่อให้สาย safety belt พาดผ่านสะโพกไม่ใช่ท้อง และพาดผ่านหัวไหล่ ไม่ใช้คอเด็ก โดยสามารถเริ่มใช้ตั้งแต่น้ำหนัก 18-36 กิโลกรัม หรือความสูงประมาณ 100-150 เซ็นติเมตร หรือ อายุ 4-12 ปี โดยอาจมาพร้อมเบาะหลังหรือมาแค่ที่นั่งก็ได้



การวางคาร์ซีทมี 2 แบบคือ

  • rear-facing คือการหันไปทางด้านหลัง ควรจัดวางท่านี้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 2 ขวบ เพื่อป้องกันกระดูกสันหลัง และป้องกันการบาดเจ็บของเด็ก

  • forward-facing คือการนั่งหันออกจากด้านหน้าแบบผู้ใหญ่ จะทำหลังเด็กมีอายุมากกว่า 2 ขวบหรือไม่สามารถนั่งหันไปทางด้านหลังได้แล้วจริงๆ


เลือกคาร์ซีทที่ปลอดภัยควรเลือกแบบไหนดี?


หลักความปลอดภัยในการเลือกคาร์ซีทคือ


  1. จุดยึดตัว 5 ตำแหน่ง คือสามารถยึดไหล่ 2 ข้าง สะโพก 2 ข้าง และจุดรวมอยู่ที่ระหว่างขา การมีจุดยึด 5 ตำแหน่งจะทำให้ป้องกันการบาดเจ็บต่อเด็กได้ดีกว่าแบบ 3 ตำแหน่ง นอกจากนี้ การใส่ตัวยึดควรทำได้ง่าย สะดวก และสามารถปรับตามความเหมาะสมของขนาดเด็กได้

  2. เลือกคาร์ซีทที่สามารถใช้งานแบบ rear-facing ได้นาน เนื่องจาก เด็กควรนั่งหันไปทางด้านหลังจนอายุประมาณ 2 ขวบ จึงควรเลือกคาร์ซีท ที่สามารถปรับระดับได้ และยังสามารถหันไปทางด้านหลังได้อยู่

  3. มีการปกป้องทางด้านข้าง ควรเลือกคาร์ซีท ที่สามารถป้องกันการกระแทกจากทางด้านข้างได้ดี เนื่องจากอุบัติเหตุประมาณ 1 ใน 4 มาจากการกระแทกทางด้านข้าง จึงควรเลือกคาร์ซีท ที่สามารถปกป้องการกระแทกจากทางด้านข้างได้เป็นอย่างดี

  4. เลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับขนาดของเด็ก โดยสามารถสังเกตได้ว่า หลังจากเด็กนั่งคาร์ซีทแล้ว ยังได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสมหรือไม่

  5. เลือกคาร์ซีทที่ติดตั้งได้อย่างแข็งแรง ติดตั้งคาร์ซีทสามารถทำได้ทั้งแบบยึดติดกับ Seat belt หรือ ติดกับ ISOfix ที่มีในรถ ซึ่งควรเลือกคาร์ซีท ที่เหมาะกับรถของเรา และมีขั้นตอนการติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก และมีความแข็งแรง

  6. เลือกคาร์ซีทที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย

  7. เลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับขนาดของรถ เพื่อการยึดติดกับตัวรถที่เหมาะสม

เทคนิคอื่นๆ ในการเลือกคาร์ซีท


1.เลือกคาร์ซีทที่ใช้งานง่าย

  • ควรเลือกคาร์ซีท ที่สามารถติดตั้งได้ง่ายและเหมาะสมกับรถของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจติดตั้งด้วยการใช้ Seat belt หรือ ใช้ ISOfix ก็ได้

  • เลือกคาร์ซีท ที่สามารถเคลื่อนย้ายลูกน้อยได้สะดวก บางรุ่นสามารถหมุนคาร์ซีทได้ บางรุ่นสามารถยกออกได้ ซึ่งทำให้เกิดความสะดวกให้การย้ายลูกน้อยออกจากคาร์ซีท

  • เลือกคาร์ซีท ที่สามารถถอดทำความสะอาดได้สะดวก มีขั้นตอนการถอดที่ไม่ยุ่งยาก

2. เลือกคารืซีท ที่ราคาเหมาะสม คุ้มค่ากับการใช้งาน


สามารถใช้คาร์ซีทมือสองได้หรือไม่?


ตามหลักการณ์แล้วไม่แนะนำให้ใช้คาร์ซีทมือสอง เนื่องจากคาร์ซีทนั้นอาจมีจุดชำรุดอยู่โดยที่คุณอาจไม่รู้ ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริง แต่หากต้องใช้คาร์ซีทมือสอง ควรต้องรู้ประวัติของคาร์ซีทนั้นให้ชัดเจน โดยควรเลือกจาก

  • ดูวัดหมดอายุของคาร์ซีท ต้องยังไม่หมดอายุ

  • ไม่มีประวัติอุบัติเหตุมาก่อน

  • ไม่มีร่องรอยความเสียหายของคาร์ซีท

  • มีคู่มือการใช้งานมาให้อย่างครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม ควรเลือกซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งจะดีที่สุดค่ะ


จากประสบการณ์การเป็นหมอเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ซึ่งเจอเหตุการณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุมาครั้งไม่ถ้วน ต้องขอบอกว่า คาร์ซีท คืออุปกรณ์ช่วยป้องกันการบาดเจ็บให้กับลูกน้อยได้ดีที่สุดค่ะ อยากให้พ่อๆ แม่ๆ เล็งเห็นความสำคัญของการใช้คาร์ซีทกันเยอะๆ นะคะ

Booster seat กับ car seat ต่างกันยังไง

บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) หรือ เบาะนั่งเสริม คล้ายๆ กับคาร์ซีทเลย แต่ไม่มีเข็มขัดนิรภัยในตัวแบบ 5 จุด บูสเตอร์ซีทใช้กับเด็กที่โตเกินใช้แบบเข็มขัด 5 จุด แต่ยังไม่สามารถใช้เข็มขัดของรถยนต์ได้พอดี จึงต้อง Boost ก้นเด็กให้สูงพอที่จะใช้เข็มขัดรถได้พอดี (สายเข็มขัดต้องพาดไหล่ ไม่ใช่พาดคอ) ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อความปลอดภัย ...

Booster Car Seat คืออะไร

บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) หรือ เบาะนั่งเสริมความปลอดภัยภายในรถยนต์ นับเป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กโตรูปแบบหนึ่งที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถรองรับกับสรีระร่างกายของเด็ก ช่วงอายุตั้งแต่ 3.5 - 12 ปี ได้โดยเฉพาะ (แบ่งออกเป็นบูสเตอร์ซีท EU i-size ส่วนสูงตั้งแต่ 100 เซนติเมตรหรือน้ำหนัก 15 - 36 กิโลกรัม และบูสเตอร์ซีท ...

คาร์ซีทมีถึงกี่ขวบ

คาร์ซีท (Car Seat) หรือเบาะนิรภัยสำหรับเด็กเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่สำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อยวัยแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 12 ปี และมีการเดินทางพร้อมเด็กในรถยนต์ มีหน้าที่สำคัญในการช่วยปกป้อง และลดระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง แต่สิ่งหนึ่ง ...

คาร์ซีทยี่ห้อไหนดีที่สุด

1. Aprica Air Groove Plus. ... .
2. AILEBEBE NEW PAPATTO. ... .
3. Camera Safia 2. ... .
4. Joie Every Stage. ... .
5. Combi Joytrip EG. ... .
6. Glowy Star GLOWY-W Rotera 360 Carseat. ... .
7. Maxi-Cosi CabrioFix..

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก