สวัสดิการ หมายถึง บริการหรือกิจกรรมใดๆ ที่หน่วยงานราชการหรือองค์กรธุรกิจเอกชนจัดให้มีขึ้นเพื่อให้ข้าราชการ พนักงาน หรือผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรนั้นๆ ได้รับความสะดวกสบายในการทำงาน มีความมั่นคงในอาชีพ มีหลักประกันที่แน่นอนในการดำเนินชีวิต หรือได้รับประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจากเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ปฏิบัติงานมีขวัญและกำลังใจที่ดี เพื่อจะได้ใช้กำลังกาย กำลังใจ และสติปัญญาความสามารถของตนในการปฏิบิตังานอย่างเต็มที่ ไม่ต้องวิตกังวล ปัญหายุ่งยากทั้งในทางส่วนตัวและครอบครัว ทำให้มีความพอใจในงาน มีความรักงานและตั้งใจที่จะทำงานนั้นให้นานที่สุด สำหรับสวัสดิการที่สมบูรณ์แบบนั้นย่อม หมายถึงสวัสดิการที่ให้แก่ลูกจ้าง ทั้งในขณะที่ทำงาน (On – the – Job), นอกเวลาทำงานแต่ยังอยู่ในที่ทำงาน (Off – the – job within the workplace), นอกสถานที่ทำงาน (Outside the workplace) นอกจากนั้นจะต้องไม่ให้เฉพาะลูกจ้างเท่านั้น แต่จะต้องรวมถึงครอบครัวและชุมชนด้วย
//ftiweb.off.fti.or.th/intranet/file/banner/welfare.pdf
สวัสดิการนอกเหนือกฎหมายที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานนำเสนอเป็นทางเลือกสำหรับสถานประกอบกิจการจัดเพิ่มเติม แบ่งออกได้เป็นหมวดใหญ่ๆ ดังนี้
1. สวัสดิการที่มุ่งพัฒนาลูกจ้าง เช่น
– การส่งเสริมการศึกษาทั้งในและนอกเวลาทำงาน
– การจัดตั้งโรงเรียนในโรงงาน
– จัดระบบฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับการทำงานทั้งในและนอกสถานที่ทำงาน
– การจัดให้มีห้องสมุด หรือมุมอ่านหนังสือ ฯลฯ เป็นต้น
2. สวัสดิการที่ช่วยเหลือในเรื่องค่าครองชีพ
– การจัดตั้งร้านค้าสวัสดิการหรือสหกรณ์ร้านค้า
– การให้เงินช่วยเหลือต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานอุปสมบท งานศพ
– การจัดชุดทำงาน
– การจัดหอพัก
– การจัดให้มีรถรับ-ส่ง
– เงินโบนัส ค่าครองชีพ เบี้ยขยัน ค่าเข้ากะ
3. สวัสดิการที่ช่วยเหลือการออมของลูกจ้าง เช่น
– สหกรณ์ออมทรัพย์
– กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4. สวัสดิการที่พัฒนาสถาบันครอบครัวของลูกจ้าง เช่น
– การจัดสถานเลี้ยงดูบุตรของลูกจ้าง
– การช่วยค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว
– การช่วยเหลือค่าเล่าเรียนบุตรของลูกจ้าง
– การประกันชีวิตให้กับลูกจ้าง
5. สวัสดิการที่ส่งเสริมความมั่นคงในอนาคต เช่น
– เงินบำเหน็จ
– เงินรางวัลทำงานนาน
– ให้ลูกจ้างซื้อหุ้นของบริษัท
– กองทุนฌาปนกิจ
– เงินกู้เพื่อสวัสดิการที่พักอาศัย
6. สวัสดิการนันทนาการ เช่น
– การจัดทัศนศึกษา
– การแข่งขันกีฬา
– การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์พนักงาน
7. สวัสดิการด้านสุขภาพอนามัย
– การให้ความรู้เรื่องสุขภาพอนามัย
– การตรวจสุขภาพประจำปี
– การจัดสวัสดิการด้านสุขภาพแบบครบวงจร
10 สวัสดิการของบริษัทที่พนักงานต้องการที่สุด
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญซึ่งเป็นเหมือนฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จก็คือพนักงาน และแน่นอนว่าไม่ว่าบริษัทไหนๆ ต่างก็อยากรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ในองค์กรให้นานที่สุดด้วยกันทั้งนั้น การสร้างแรงจูงใจด้วยสวัสดิการพนักงานที่เข้าถึงได้ ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้พวกเขารัก และตัดสินใจอยู่กับบริษัทพร้อมทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มประสิทธิภาพ
10 สวัสดิการพนักงาน ที่บริษัทควรให้ความสำคัญมากที่สุด!
1. โบนัส และการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี
แน่นอนว่าสิ่งที่พนักงานบริษัทต้องการเป็นอันดับ 1 คือเงินเดือน แต่คงดีกว่าถ้าในสวัสดิการยังรวมถึ การมีโบนัส และการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีจะเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานอยู่ด้วยซึ่งนอกจากจะเป็นสวัสดิการพนักงานที่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้พวกเขาอยากอยู่ต่อในบริษัทหรือองค์กรแล้ว ยังเป็นเหมือนรางวัลพิเศษให้พวกเขารู้สึกได้รับผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่พยายามมาตลอดทั้งปี และมีกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองในปีถัดๆ ไปอีกด้วย
2. งานเลี้ยงสังสรรค์ และท่องเที่ยวรายปี
นอกจากผลตอบแทนทางด้านการเงิน การมอบรางวัลในรูปแบบของการสังสรรค์ หรือท่องเที่ยวยังเป็นแรงจูงใจชั้นดีที่หลายๆ บริษัทไม่ควรมองข้าม เพราะการทำงานย่อมเต็มไปด้วยความตึงเครียดอยู่เป็นประจำ การมีสวัสดิการที่ช่วยให้พนักงานได้ผ่อนคลาย จะทำให้บริษัทน่าอยู่ขึ้น เช่น การกินเลี้ยงสังสรรค์ในแต่ละเดือน หรือทริปท่องเที่ยวรายปี นอกจากนี้ ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในบริษัทได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นผลบวกต่อบรรยากาศการทำงานโดยรวมในอนาคตต่อไป
3. วันลาตามกฎหมาย
การกำหนดวันหยุด และวันลาอื่นๆ ตามกฏหมายขั้นพื้นฐาน คือสิ่งที่บริษัทต้องใส่ใจและมอบสิทธิเหล่านี้สำหรับพนักงานในเบื้องต้น โดยการให้สิทธิวันลาหยุดตามกฏหมายกำหนด เพื่อรักษาสิทธิส่วนบุคคลตามที่ควรจะเป็น เช่น วันลาไม่น้อยกว่าปีละ 6 วัน (สำหรับพนักงานที่ทำงานมาเกิน 1 ปี) วันลากิจตามข้อกำหนดในการทำงาน วันลาป่วยไม่เกิน 30 วัน สิทธิการลาคลอด 30 วัน และวันลาบวช 60 วัน (ขึ้นอยู่กับการตกลงของแต่ละบริษัท)
4. วันลาพิเศษอื่นๆ
เมื่อนึกถึงคำถามว่าแต่ละบริษัทจะมีสวัสดิการอะไรบ้าง หลายคนอาจนึกถึงวันหยุด วันลาป่วย และวันลากิจตามที่กฎหมายได้ระบุเอาไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีสวัสดิการวันหยุดพิเศษเพิ่มเข้าไป เพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาส่วนตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการและสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน จะเป็นสิ่งที่มัดใจพนักงานได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นวันลาพิเศษอื่นๆ เช่น การลาพักผ่อนเพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือลา Work from Home ในเช้าวันจันทร์ที่รถติด ก็เป็นการดีไม่น้อยเลยทีเดียว
5. ค่าล่วงเวลา (OT)
การทำงานล่วงเวลา อาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พนักงานหลายคนเป็นกังวล โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีโอกาสทำงานล่วงเวลาจนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแม้จะเป็นหน้าที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบ แต่หากบริษัทนั้นๆ มีค่าตอบแทนหรือค่าเดินทางเป็นกำลังใจให้ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นจะไม่กินแรงพวกเขาฟรีๆ การเพิ่มสวัสดิการโดยการให้ค่าล่วงเวลา หรือ OT คือแรงจูงใจสำคัญที่บริษัทควรสนับสนุน
6. เงินออมพิเศษ หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
สวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานมีอะไรอีกบ้าง อาจต้องพูดถึงเรื่องของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินออมพิเศษ เนื่องจากพนักงานบริษัทหรือมนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อยมักมีปัญหาในเรื่องการเก็บเงิน แม้จะรู้ดีว่าควรมีเงินสำรองเผื่อไว้ในอนาคต แต่การออมเงินเก็บเงินยังเป็นสิ่งที่พนักงานหลายคนมองข้าม การมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทเป็นคนจัดตั้งไว้ จะทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจ และรู้สึกได้ว่าการทำงานที่นี่จะส่งผลดีต่ออนาคตของพวกเขามากกว่า เพราะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เปรียบเสมือนการออมเงินสำหรับอนาคต เพื่อนำไปใช้ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการนำไปใช้ลงทุนเพื่อต่อยอดสำหรับแต่ละคนได้ด้วย
7. เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Hour)
ปัจจุบันหลายๆ องค์กรเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพของชิ้นงานมากกว่าเวลาเข้า - ออกงานกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งนอกจากจะเป็นรูปแบบการทำงานสไตล์คนยุคใหม่ ยังเป็นสวัสดิการการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น ไม่ต้องเข้างานเช้า พักกลางวันได้มากกว่า 1 ชั่วโมง หรือสามารถกลับบ้านก่อนเวลาได้หากทำงานเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว
สไตล์การทำงานแบบอิสระสามารถช่วยลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างวัน เพิ่มเติมช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของชิ้นงานให้ออกมาดียิ่งขึ้น การสร้างบรรยากาศและออกแบบเวลาทำงานให้ยืดหยุ่น จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการพนักงานที่ใช้มัดใจพนักงานบริษัทยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
8. สวัสดิการครอบครัวของพนักงาน
นอกจากสวัสดิการพนักงานที่เป็นประโยชน์ต่อพนักงานโดยตรงแล้ว การมอบน้ำใจและความช่วยเหลือไปถึงครอบครัวพนักงาน ยังเป็นสิ่งที่บริษัทไม่ควรมองข้ามมากที่สุด เพราะสวัสดิการดังกล่าวยังเป็นสิ่งที่ช่วยบอกถึงความมั่นคงของบริษัท และการดูแลใส่ใจระหว่างบริษัทที่มีต่อพนักงาน เช่น การช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล การทำขวัญทำคลอด ไปจนถึงการช่วยเหลือในกรณีการเสียชีวิตของพนักงาน หรือบุคคลในครอบครัวพนักงาน เป็นต้น
9. สวัสดิการประกันสังคม
อีกหนึ่งสวัสดิการที่ช่วยสนับสนุนความมั่นคงในชีวิตได้เป็นอย่างดี คือการมีสิทธิประกันสังคม ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของทุกบริษัท โดยเป็นสิทธิที่ช่วยเบิกจ่ายการรักษา และการทำทันตกรรม ทั้งยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์อื่นๆ ด้วยได้ เช่น กรณีว่างงาน กรณีคลอดบุตร กรณีชราภาพ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายไปในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้พนักงานในบริษัทร่วมด้วยได้
10.ประกันสุขภาพ
แม้ว่าพนักงานบริษัทจะมีสวัสดิการพนักงานจากระบบประกันสังคมอยู่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างอาจทำให้ความคุ้มครองต่างๆ ยังครอบคลุมไม่มากพอ โดยเฉพาะเรื่องของความเจ็บป่วย และอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะช่วยให้พนักงานเห็นว่าคุณเอาใจใส่ดูแลพวกเขาดีแค่ไหน และรู้สึกปลอดภัย อยากอยู่กับบริษัทของคุณไปอีกนาน
ประกันสุขภาพกลุ่มจาก Cigna
หากคุณคือเจ้าของบริษัทที่กำลังมองหาสวัสดิการ เพื่อสุขภาพให้กับพนักงานของคุณ Cigna มีประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรของคุณ ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในประกันสุขภาพที่ยาวนานในหลายประเทศ Cigna พร้อมที่จะให้บริการแก่บริษัท และพนักงานของคุณด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับโลก พร้อมมอบความคุ้มครองค่าใช้จ่ายดังตัวอย่างต่อไปนี้
ค่ารักษาพยาบาล และค่ายา
ค่าห้อง ค่าอาหาร
ค่ารถพยาบาล
ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่าผ่าตัด
ค่าแพทย์
นอกจากนี้ยังมีแผนความคุ้มครองเพิ่มเติมที่คุณสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ตามความต้องการของบริษัท หรือองค์กร
หากคุณสนใจแผนประกันกลุ่มของ Cigna เพื่อความคุ้มครองที่ดียิ่งขึ้นสำหรับพนักงานในบริษัท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
หรือติดต่อฝ่ายขายองค์กรได้ที่