เทคโนโลยี Augmented Reality คืออะไร

70,651

สวัสดีครับคุณผู้อ่าน วันนี้มาพบกันในช่วงกลางพฤศจิกายน เมืองไทยเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้วใช่มั้ยครับ หวังว่าคงช่วยดับร้อนได้มากขึ้นนะครับ โอเครอบนี้มาในหัวข้อที่คาดว่าเทคโนโลยีนี้น่าจะมีการใช้งานเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในอนาคตครับ หลาย ๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วนั้นก็คือ AR และ VR นั่นเอง แล้วมันคือเทคโนโลยีอะไรล่ะ เดี๋ยวผมจะแจกแจงให้เข้าใจกันมากขึ้นนะครับ

AR

ย่อมาจาก Augmented Reality เป็นเทคโนโลยีที่นำวัตถุ 3 มิติ มาจำลองเข้าสู่โลกจริงของเรา

โดยมีหลักการทำงานคือใช้ Sensor ในการตรวจจับภาพ, เสียง, การสัมผัส หรือ การรับกลิ่น แล้วจะสร้างภาพ 3 มิติขึ้นมาตามเงื่อนไขที่ได้รับ ด้วยการประมวลจาก Software โดยผู้ใช้งานจะต้องมองผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แสดงภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น แว่นตา, จอภาพ, จอ Smartphone หรือ คอนแทคเลนส์ ที่เป็น Hardware

ชนิดของ AR สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้

  1. Marker-Based – จะใช้วิธีติดตั้งในใบปลิว หรือ วัตถุต่าง ๆ โดยผู้ใช้งานสามารถดูภาพ 3 มิติได้จากการนำกล้องของ Smartphone ไปส่องที่วัตถุนั้น เช่น กระดาษเปล่าที่เมื่อส่องด้วยกล้อง Smartphone จะเจอข้อมูลแสดงขึ้นมา
  2. Markerless – ผู้ใช้งานสามารถหยิบจับวัตถุมาวางในโลกจริงได้ ผ่าน Application เช่น นำเฟอร์นิเจอร์เสมือนมาวางไว้ที่ห้อง ก่อนจะไปซื้อมาใช้จริง
  3. Location-Based – หากนำกล้อง Smartphone ส่องไปยัง Location-Based AR จะแสดงผลข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ อ้างอิงจาก GPS เช่น แสดงป้ายบอกทาง และ ชื่อถนน

ตัวอย่างการเอาเทคโนโลยี AR ไปใช้

  1. การดูภาพ 3 มิติ จากการเปิดกล้องใน Smart phone ใช้เป็นสื่อการสอนในโรงเรียนได้
  2. แสดงเนื้อหาประกอบในสถานที่จริงนั้น ๆ เช่น เป็นป้ายบอกทาง (ของ Google) หรือ ใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์
  3. ใช้กับการเล่นเกมส์ ที่เกี่ยวกับ Location เช่น Pokemon GO
  4. ใช้ประโยชน์ในด้านการทหาร เรื่องการซ้อมรบ
  5. ใช้ในงานแสดงศิลปะ โดยให้ความละเอียดที่อ้างอิงจากชิ้นงานจริง
  6. ใช้ในสื่อโฆษณา ในการแสดงสินค้าต่าง ๆ 


Source

VR

ย่อมาจาก Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่จำลองสถานที่ขึ้นมาเป็นโลกเสมือนโดยส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับการมองเห็น โดยผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมที่จำลองขึ้นมาได้ผ่านอุปกรณ์ เช่น แป้นพิมพ์, เม้าส์ หรือ ว่าอุปกรณ์ที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น ถุงมือ, รองเท้า เป็นต้น

VR จะไม่มีชนิดแบ่งแยกชัดเจน เนื่องจากจำเป็นต้องใช้แว่นตา, Smartphone หรือ อุปกรณ์สวมใส่เพื่อใช้ในการเข้าไปสู่โลกเสมือน แต่จะมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ช่วยให้สมจริงยิ่งขึ้น เช่น เครื่องจำลองการขยับของรถไฟเหาะจำลอง, เครื่องสร้างการสั่นสะเทือน

ตัวอย่างการเอาเทคโนโลยี VR ไปใช้

  1. ใช้ในการเล่นเกมส์ เช่น เกมส์แนว FPS (จำพวกยิงปืน) จะปืนจำลองให้ถือไปในระหว่างเล่น และ ตัวจำลองการเดินและวิ่งที่ผูกติดตัวเราไว้ คล้าย ๆ กับ Treadmill
  2. ใช้ในการจำลองการฝึกขับเครื่องบินของกัปตัน
  3. ใช้ในการจำลองการฝึกหัดทางทหาร เช่น การกระโดดร่ม โดยจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมเป็นชุดกระโดดร่มจริง และ อุุปกรณ์ที่รั้งตัวให้สูงจากพื้น
  4. ใช้ในการสวมเพื่อจำลองห้องที่มีการตกแต่งแล้ว (บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายมีการใช้เทคโนโลยีนี้ในการโครงการใหม่เพื่อช่วยให้อ้างอิงจากสถานที่จริงได้ง่ายขึ้น)

Source

สรุปข้อแตกต่างสั้น ๆ ระหว่าง AR และ VR

AR – เป็นการนำวัตถุเสมือนมาใช้กับโลกแห่งความเป็นจริง

VR – เป็นการจำลองโลกเสมือนแยกออกจากโลกแห่งความเป็นจริง

ความจริงแล้วเทคโนโลยีของทั้ง AR และ VR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ผู้เขียนยกเพียงตัวอย่างที่ส่วนใหญ่จะใช้งานเป็นหลักมาครับ

หมายเหตุ : Blog นี้เป็นเพียงมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ

— Cloud HM

บอสเป็น Development Engineer ของ Cloud HM ไม่ได้เขียน Code แต่เขียน Blog มีความสนใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นพิเศษ

Realistic Training

Reality Technology คืออะไร ? ความแตกต่างของ AR VR MR และ XR

25 พฤศจิกายน 2564

          ปัจจุบันนี้อยู่ในโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี และเทคโนโลยีมีบทบาทในสังคมมากขึ้น นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางด้านต่างๆ อาทิ การเรียนการสอน, การวางแผน, การจัดงานอีเว้นท์, การแพทย์ หรือมีส่วนร่วมสำคัญในอุตสากรรมต่างๆ ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง 

        วันนี้เราจะพามารู้จักกับคำว่า “Reality Technology คืออะไร?” และมีการแบ่งอย่างไรบ้าง? รวมไปถึงความแตกต่างของ AR VR MR และ XR คืออะไร?

Reality Technology คืออะไร? 

        Reality Technology คือ “เทคโนโลยีเสมือนจริง” ที่นำเอามาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ตามประโยชน์การใช้งานที่แตกต่างกัน นำมาปรับใช้ในกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กิจกรรมทางการศึกษา, อุตสาหกรรม, ทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งงานบันเทิงต่างๆ เทคโนโลยีเสมือนจริง ที่เราทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี คือ  Augmented Reality (AR), Virtual Reality (VR), Mixed Reality (MR) เป็นต้น

      หลังจากเราได้ทราบถึงความหมายแล้ว เรามาดูถึงประเภทของต่างๆ ของ Reality Technology (เทคโนโลยีเสมือนจริง) ว่าแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

        Augmented Reality (AR) เป็นเทคโนโลยีที่ผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริง (Real) เข้ากับโลกเสมือนจริง (Virtual) เข้าด้วยกัน ถ่ายทอดผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง มือถือ  คอมพิวเตอร์  โดยใช้งานร่วมกับ Software ถ่ายทอดออกมาเป็นโลกเสมือนจริงในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อให้เราสามารถสัมผัสโลกเสมือนจริงได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ให้มีความตื่นเต้น ดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างงาน Augmented Reality (AR)

(AR Training จาก IKEA ใช้เป็นคู่มือการประกอบสินค้าอย่างมีมิติ) 

          Virtual Reality (VR) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างจากโลกเสมือนจริง โดยที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับโลกเสมือนจริงนี้ ผ่านการจำลองสถานการณ์ โดยสวมใส่อุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ เม้าส์ หรือมือถือ ซึ่ง Virtual Reality (VR) นี้ช่วยเป็นการเปลี่ยนการรับรู้แบบเดิมๆ เปลี่ยนเรื่องที่เข้าใจยากให้ง่ายขึ้นผ่านเหตุการณ์เสมือนจริง  โดยปัจจุบันนิยมนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจที่หลากหลาย เช่น ทางการแพทย์ เพื่อศึกษา และลงมือปฎิบัติได้เสมือนจริง เพื่อเตรียมตัวในการรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ทางอุตสาหกรรม เสริมสร้างความชำนาญ ลดโอกาสการสูญเสีย โดยการให้พนักงงานฝึกฝนจากการจำลองสถาณการณ์เสมือนจริง เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์จริงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น

       

( ตัวอย่างงาน VR ลดค่าใช้จ่าย ในการฝึกอบรมพนักงาน ลดต้นทุนวัตถุดิบและค่าเสียหายจากการทดลองปฏิบัติงาน )

         Mixed Reality (MR) เป็นเทคโนโลยีที่สร้างบางสิ่งขึ้นมาเชื่อมโยงไปกับโลกจริง โดยการนำเอา เทคโนโลยีAugmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ผสานเข้าด้วยกัน เหมือนเป็นการนำเอาโลกเสมือนจริง และโลกแห่งความเป็นจริงมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น โดยที่ผู้ใช้ต้องสวมใสอุปกรณ์ holographic computing devices ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษเฉพาะ โดยจะแสดงออกมาเป็นภาพ Hologram ที่เสมือนจริง ให้ผู้ใช้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้โดยอิสระ จุดเด่น คือ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสถานการณ์นั้นๆ ได้อย่างสมจริงยิ่งขึ้น สามารถหยิบจับ ปรับเปลี่ยนได้ดังใจ 

ตัวอย่างงาน MR ของ โครงการแสนสิริ มักนำเอามาใช้กับงาน Interior Design ที่ผู้ใช้สามารถเข้ามาในโลกเสมือนจริงเพื่อปรับแต่งห้อง โดยเลือกเฟอร์นิเจอร์ โยกย้ายไปมุมต่างๆ ที่ต้องการ

         Extended Reality หรือ XR เป็นเทคโนโลยีเสมือนจริงผสมไปยังโลกจริง หลายมิติเข้าด้วยกัน โดยนำเอาเทคโนโลยีAugmented Reality (AR), Virtual Reality (VR) และMixed Reality (MR) ผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดโดยทำให้เกิดโลกเสมือนจริงที่มีอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง  ปัจจุบันนี้ Extended Reality หรือ XR อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาเพื่อการใช้ประโยชน์ในธุรกิจด้านต่างๆ ในอนาคต

        ต้องยอมรับว่าโลกของเราได้พัฒนาเทคโนโลยีมาถึงขั้นที่เราไม่คาดฝัน และน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งไม่แน่ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้อาจทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันไปเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้เราคงต้องติดตามดูการอัพเดทกันต่อไป เพื่อความเท่าทัน และนำมาปรับใช้ประโยชน์กับธุรกิจของเราในอนาคตจะได้ไม่ตกเทรนด์นั่นเอง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก