ความรักและความห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ท่าน สะท้อนผ่านการทรงงานอย่างหนักเพื่อให้ราษฎร มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นในทุกด้าน ทุกๆ เดือน ทุกๆ ปี พระองค์ท่านทรงสร้างโครงการตามพระราชดำริขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้อยู่กันอย่างผาสุกตลอดไป
1. โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์
จากคลองลัดโพธิ์ในเขตอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ที่แรกเริ่มเดิมทีขุดขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางลัดระหว่างลำน้ำเจ้าพระยาที่คดโค้ง เมื่อขาดการใช้งานมาเป็นเวลานานจึงมีสภาพตื้นเขิน และเมื่อถึงฤดูที่ น้ำเหนือไหลหลากหรือมีปริมาณฝนตกชุก การระบายน้ำจึงเป็นไปได้ช้า และเกิดสภาพน้ำาท่วมขังพื้นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) มีแนวพระราชดำริปรับปรุงคลองลัดโพธิ์โดยจัดทำเป็นโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเร่งระบายน้ำเหนือออกสู่ทะเล ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากคลองที่ขุดขยายเป็นการย่นระยะทางและเวลาการไหลของน้ำในบริเวณพื้นที่กระเพาะหมู ที่แต่เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาต้องไหลอ้อมถึง 18 กิโลเมตร ก็สามารถไหลลงทะเลได้รวดเร็วขึ้น ด้วยระยะทางเพียง 600 เมตร ทั้งยังสามารถบริหารจัดการนด้วยการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำให้เหมาะสมและสอดคล้องกับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง และน้ำทะเลหนุนสูง นอกจากนี้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ยังมีศักยภาพในด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ ซึ่งกรมชลประทานได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษาและวิจัยประดิษฐ์กังหันไฟฟ้าพลังน้ำไหลต้นแบบขึ้นมาสองแบบ คือ แบบหมุนตามแนวแกนและแบบหมุนขวางการไหล ทั้งยังคำนึงถึงสภาพทางสังคมและชุมชน นับเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้หลักธรรมชาติเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ประโยชน์ของการลัดน้ำของคลองลัดโพธิ์ได้สร้างความสุขให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโครงการประตูระบายน้ำาคลองลัดโพธิ์ม. 9 ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
โทร : 0 2464 2058
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 16.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการประตูระบายน้ำาคลองลัดโพธิ์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N13° 39.877’
E100° 32.325’
LAT 13.666776 LONG 100.537085
จากถนนสุขสวัสดิ์ ไปยังถนนนครเขื่อนขันธ์ วิ่งเข้าถึงตลาดพระประแดง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรหึงษ์ ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงสวนสุขภาพลัดโพธิ์และโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์
2. โครงการพัฒนาดอยตุง
“ฉันจะปลูกป่าดอยตุง” พระราชดำรัสของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ที่ในเวลาต่อมาได้ก่อตั้งเป็นโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยพระองค์ทรงได้รับ แรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยทรงสังเกตเห็นว่าชาวไทยภูเขาส่วนใหญ่ยากจนและขาดโอกาสในการดำเนินชีวิต พระองค์จึงมีพระราชปณิธานริเริ่มทำเป็นโครงการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมป์ เพื่อขยายผลการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้มีความรู้ มีอาชีพ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ พร้อมกับพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เคยเสื่อมโทรมบนดอยตุงให้กลับมีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยการปลูกป่าและส่งเสริมให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีจิตสำนึกและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน นับเป็นอีกหนึ่งโครงการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ใช่แค่การปลูกพืชทดแทน แต่เป็นการพัฒนาที่มีความหลากหลายในการดำรงชีวิตที่ทำได้จริง โดยเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้ชุมชนดอยตุงสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพโครงการพัฒนาดอยตุงศูนย์ท่องเที่ยวและบริการ สำนักงานประสานงาน โครงการพัฒนาดอยตุง อาคารอเนกประสงค์ พระตำหนักดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 57000
โทร : 0 5376 7015-7
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
เว็บไซต์ : www.doitung.com , www.doitung.org
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง เชียงราย - โครงการพัฒนาดอยตุง
พิกัดภูมิศาสตร์ : N20° 17.351’ E99° 48.661’
LAT 20.297622 LONG 99.810610
จากอำเภอเมืองเชียงรายไปตามทางหลวงหมายเลข 110 (เชียงราย-แม่สาย) ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ถึงหลักกิโลเมตรที่ 870-871 มีป้ายบอกทางแยกซ้ายพระตำหนักดอยตุง ระยะทางอีก 17 กิโลเมตร
3. โครงการชั่งหัวมัน
โครงการชั่งหัวมัน
1 ม.5 บ้านหนองคอไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 76130
โทร : 0 3247 2701-2 , 0 3265 3868
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการชั่งหัวมัน
พิกัดภูมิศาสตร์ : N12° 44.699’ E99° 42.330’
LAT
12.747213 LONG 99.703830
จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี ผ่านตัวเมืองเพชรบุรีไปประมาณ 20 กิโลเมตร ขับผ่านสี่แยกไฟแดงท่ายางมาประมาณ 4 กิโลเมตร พบทางแยกขวามือ ให้เลี้ยวขวาไปอีก 15 กิโลเมตร แล้วตรงไปสะพานสามแยกไปทางเขาลูกช้าง จากจุดนี้มีป้ายบอกไปโครงการชั่งหัวมัน ให้ขับตามป้ายไปราว 20 กิโลเมตร ถึงจุดหมายปลายทางที่โครงการชั่งหัวมัน
4. ศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน
จากสภาพพื้นที่เดิมในบริเวณนี้ที่เนื้อดินเป็นทราย ขาดความอุดมสมบูรณ์ มีการชะล้างพังทลายของดินสูง ดินรองรับน้ำได้น้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) มีแนวพระราชดำริกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่แห่งนี้จัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นแหล่งรวบรวม ศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตรให้เป็นศูนย์ด้านเกษตรกรรมที่สมบูรณ์แบบด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่ ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า การพัฒนาที่ดิน การวางแผนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ ถือเป็นต้นแบบแนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่นได้อย่างยั่งยืนศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน7 ม.2 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 24120
โทร : 0 3855 4982-3
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
เว็บไซต์ : www.khaohinsorn.com
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - ศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน
พิกัดภูมิศาสตร์ : N13° 45.210’ E101° 30.131’
LAT 13.753684 LONG 101.500191
จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ไปทางมีนบุรี มุ่งสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร จากตัวเมืองฉะเชิงเทราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ไปทางอำเภอพนมสารคาม บริเวณกิโลเมตรที่ 51 - 52
5. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) มีพระราชดำริแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เมื่อ พ.ศ. 2524 ความว่า “…ให้พิจารณาพื้นที่เหมาะสม จัดทำโครงการพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายฝั่งทะเลจันทบุรี…” ต่อมาจังหวัดจันทบุรีได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสม กำหนดบริเวณตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ ให้เป็นพื้นที่จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนขึ้น เพื่อดำเนินการศึกษา สาธิต และพัฒนาที่ดินชายฝั่งทะเลอ่าวคุ้งกระเบนและพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการวางแผนพัฒนาจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เหมาะสมและยั่งยืนอย่างมีระบบ ตั้งแต่การศึกษาทดลอง วิจัย ทดสอบ สาธิต ขยายผล และการบริหารจัดการ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสู่ประชาชนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เป็นศูนย์กลางในการอบรมเผยแพร่ผลการศึกษา การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง พัฒนาด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิต ตลอดจนพัฒนากิจกรรมอื่นๆ แบบบูรณาการควบคู่ไปด้วย พร้อมทั้งอนุรักษ์ฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศ ส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับศักยภาพเชิงวัฒนธรรมและวิถีชุมชน เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน เป็นการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาที่นอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ ทำให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในปี 2543 และรางวัลดีเด่นในปี 2545 ประเภทองค์กรส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 22120
โทร : 0 3943 3216-8
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
พิกัดภูมิศาสตร์ : N12° 34.217’ E101° 54.000’
LAT 12.571604 LONG 101.895685
จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี จนถึงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 301-302 ให้เลี้ยวขวาที่เเยกหนองสีงา จากนั้นวิ่งตรงเข้ามาตามเส้นทางหลักเรื่อยๆ อีกประมาณ 27 กิโลเมตร ซึ่งจะผ่านทั้งวัดวังหิน วัดรำพัน วัดท่าศาลา และเมื่อถึงทางแยกที่ตัดกับทางจะไปหาดคุ้งวิมาน
ก็ให้เลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าตรงไปสักระยะจะมีป้ายบอกจุดหมายคือศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอยู่เป็นระยะ
6. สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
เป็นที่ทราบกันดีว่าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีความอุดมสมบูรณ์ของขุนเขาและป่าไม้ ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ สถานีวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวงอีกแห่งหนึ่งที่ดำเนินงานวิจัยด้านไม้คัดดอก ไม้ประดับ พืชผัก ผลไม้ และงานประมงบนพื้นที่สูง รวมทั้งถ่ายทอดผลงานวิจัยที่จะนำไปสู่การส่งเสริมอาชีพเพื่อให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่าปกาเกอะญอและเผ่าม้งมีรายได้ พร้อมกับการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานด้านสังคมและการอนุรักษ์ป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร โดยมุ่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชนบนพื้นที่สูง รักษาสภาพแวดล้อม และเป็นแหล่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืน202 ม.7 หมู่บ้านขุนกลาง ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160
โทร : 0 5328 6771-2 ต่อ 14-15, 08 0769 1944
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์
การเดินทาง เชียงใหม่ -
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N18° 32.637’ E98° 31.065’
LAT 18.542621LONG 98.517207
จากอำเภอเชียงใหม่ใช้เส้นทางสายเชียงใหม่-ฮอด ตามทางหลวงหมายเลข 108 ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 57 ซึ่งอยู่ก่อนถึงตัวอำเภอจอมทอง ประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 (สายจอมทอง-อินทนนท์) ไปตามเส้นทางสายนี้จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 31 มีทางแยกขวามือบ้านขุนกลาง เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ รวมระยะทางจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ถึงสถานีฯ ราว 91 กิโลเมตร
7. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์
เป็นอีกหนึ่งโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ที่ทำการวิจัย ทดสอบ ค้นหาสายพันธุ์ของพืชที่สามารถต้านทานโรค เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และฤดูกาล ให้ผลิตผลที่ดีมีคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดแนะนำ ส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่าปกาเกอะญอหรือเผ่ากะเหรี่ยงให้มีรายได้เลี้ยงชีพแบบพออยู่พอกิน ด้วยการปลูกพืชผัก ผลไม้ เลี้ยงสัตว์ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านสังคม การศึกษา สาธารณสุข ความเข้มแข็งของชุมชน และฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมประเพณีของชนเผ่าให้คงอยู่ตลอดไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ม.7 ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ 58130
โทร : 0 5331 8325 , 08 4365 5405
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง เชียงใหม่ -
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N19° 04.165’ E98° 17.500’
LAT 18.935673 LONG 98.373324
จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เข้าสู่อำเภอแม่ริม มุ่งไปยังทางหลวงหมายเลข 1096 ผ่านอำเภอสะเมิงไปบ้านบ่อแก้ว เข้าสู่บ้านวัดจันทร์ รวมระยะทางราว 154 กิโลเมตร
8. โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
จากที่ดินกว่าร้อยไร่ในเขตอำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่ นายสมจิตต์ และนางมณี อิ่มเอย น้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เป็นศูนย์กลางการใช้ประโยชน์จากกระบือในด้านเกษตรกรรมระดับพื้นบ้าน และเป็นสถานที่สำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนาและทำงานด้านการเกษตรกรรมร่วมกับชาวนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางโรงเรียนได้เชื่อมโยงกับธนาคารโคกระบือ เมื่อมีนักเรียนเข้ามาฝึกกับปราชญ์ท้องถิ่นภายในโรงเรียน ก็จะมีการเบิกกระบือออกมาจากธนาคาร เพื่อให้กระบือตัวนั้นมาเรียนรู้ ร่วมไปกับนักเรียน อีกทั้งยังให้ความรู้ในเรื่องของวิถีชีวิตชุมชน วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่น ความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่าย และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันพร้อมกับดูแลสภาพแวดล้อมและรักษาธรรมชาติให้สามารถอยู่ร่วมกัน ได้อย่างยั่งยืนโรงเรียนกาสรกสิวิทย์999 ต.ศาลาลำดวน อ.เมืองฯ จ.สระแก้ว 27000
โทร : 0 3724 4657
เว็บไซต์ : www.kasorn.com
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ -
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N13° 51.340’ E102° 01.160’
LAT 13.859060 LONG 102.018866
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงรังสิต แล้วใช้สะพานวงแหวน แยกขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แล้วแยกขวาใช้เส้นทางหมายเลข 33 ผ่านอำเภอกบินทร์บุรี อยู่ก่อนถึงจังหวัดสระแก้วประมาณ5 กิโลเมตร
9. โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
ลุ่มน้ำปากพนังในอดีตเคยอุดมสมบูรณ์ เปรียบเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เมื่อกาลเวลา ผ่านไป กลับประสบปัญหาหลายประการ ด้วยสาเหตุจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สภาพดินมีปัญหา นิเวศแหล่งน้ำขาดสมดุล เกิดปัญหาอุทกภัย น้ำเค็มรุกเข้าไปในแม่น้ำปากพนัง ทำให้ชาวบ้านใช้น้ำในการอุปโภค บริโภคไม่ได้ ปัญหาของดินเปรี้ยวรวมทั้งน้ำเน่าเสียจากพื้นที่ทำนากุ้ง ไหลลงสู่ลำน้ำต่างๆ จนไม่สามารถนำน้ำไปใช้ในการเพาะปลูกได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์เพื่อให้กลับคืนสู่พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ราษฎรในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่และยั่งยืน มีการน้ำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำมาใช้ มีการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นเป็นการสร้างรายได้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรได้มีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทรัพยากรที่ดินอย่างจริงจังและ ต่อเนื่อง ส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตข้าวและการเกษตรในพื้นที่โครงการฯ ให้เป็นแหล่งผลิต พันธุ์พืชที่เคยเป็นมาในอดีตให้กลับคืนมาสู่ประชาชนลุ่มน้ำปากพนังเพื่อความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนต่อไปโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำาปากพนัง
ม.5 ต.หูล่อง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช 80140
โทร : 0 7541 6127-8
เปิดทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา
09.00-16.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำาปากพนัง
พิกัดภูมิศาสตร์ : N8° 19.036’ E100° 12.222’
LAT 8.313882 LONG 100.190779
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี - ปากท่อ) เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงชุมพร แล้วเปลี่นมาใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์ จนถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช จากตัวเมืองนครศรีธรรมราช
ไปตามเส้นทางนครศรีธรรมราช-ปากพนังประมาณ 26 กิโลเมตร ถึงสามแยกใกล้ทางไปสะพานปลาให้เลี้ยวขวาไปทางสะพานปากพนัง ก่อนขึ้นสะพาน ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตรภึงสี่แยกเลี้ยวขวาไปตามถนนปากพนัง-เชียรใหญ่ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำาปากพนัง
บ้านหนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 15140
โทร : 0 3649 4243
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N14° 51.931’ E101° 03.841’
LAT 14.861348 LONG 101.063221
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านจังหวัดสระบุรีไปประมาณ 33 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3017 อีกราว 17 กิโลเมตร ถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์