เชื่อว่า หลายคนมีความคิดที่จะ ส่งออกสินค้าของตัวเองให้ดังไกลไปทั่วโลก นอกจากสิ่งที่ได้รับจะเป็นเรื่องของรายได้ที่งดงามแล้วยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติได้อีกด้วย จึงมีหลายคนเริ่มมองหา การส่งออกสินค้า ในการทำตลาดโลกกันบ้างแล้ว
วันนี้ผมจะมาแนะนำสินค้า 7 ประเภท ที่ส่งออกแล้วรวยหรือกำลังเป็นที่นิยมนั่นเอง ส่วนจะเป็นสินค้าอะไรบ้างนั้นมาติดตามไปพร้อมกันเลยครับ
7 สินค้าส่งออกต่างประเทศยอดฮิตทำเงิน
1.อาหารไทย
อาหารไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านวัตถุดิบและรสชาติที่หลากหลายเป็นที่ถูกใจนักชิมชาวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง โดยอาหารไทยที่ส่งออกมีทั้งสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป ที่สามารถนำไปประกอบอาหารหรือปรุงรับประทานได้ง่ายและสะดวก
จึงถือได้ว่าสินค้าอาหารไทยเป็นสินค้าส่งออกยอดนิยมทำเงินอันดับต้น ๆ โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 ที่ผ่านมามีมูลค่าการส่งออก 220,190 ล้านบาทเลยล่ะครับ
2.ผักผลไม้แช่เย็นและแช่แข็ง
ผักผลไม้ของไทยมีมากมายหลายชนิดเป็นที่ติดใจไปทั่วโลก ด้วยรสชาติ ความอร่อย ที่ไม่เหมือนใคร แถมมีการคัดเกรดคัดคุณภาพก่อนการส่งออกทุกครั้ง ด้วยกระบวนการผลิตทำให้ได้ผักผลไม้แช่เย็นและแช่แข็งยังเปี่ยมด้วยคุณค่าอย่างดีเยี่ยม จึงทำให้ผลไม้แช่เย็นและแช่แข็งติดอันดับในประเภทสินค้าส่งออกยอดนิยมโดยในปี 2558 ที่ผ่านมาโดยมียอดการส่งออกถึง 1,647.27 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียวครับ
3.เครื่องประดับ
เครื่องประดับของไทยนับว่าเป็นสินค้าส่งออกที่ตลาดโลกมีความต้องการเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยเป็นต้นกำเนิดของอัญมณีหลายชนิด เช่น พลอย ทับทิม ไข่มุก และเครื่องเงิน นอกจากนี้ด้วยฝีมือการออกแบบจากช่างผู้ชำนาญจึงทำให้เครื่องประดับของไทยโดดเด่นด้านรูปแบบและความสวยงาม
จึงไม่แปลกใจเลยครับว่าสินค้าประเภทนี้จะได้รับความนิยมและมีการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก โดยระหว่างเดือนมกราคม-เดือนสิงหาคม 2558 มีมูลค่าการส่งออก เป็นเงิน 239,319.52 ล้านบาทเลยครับ
4.รองเท้าหนัง เครื่องหนังและเครื่องใช้สำหรับเดินทาง
สินค้าที่ได้รับความนิยมถัดมาเป็น รองเท้าหนัง เครื่องหนังและเครื่องใช้สำหรับเดินทางครับ เนื่องจากประเทศไทยมีวัตถุดิบและกำลังผลิตที่เพียงพอ อีกทั้งมีมาตรฐานและมีความเป็นสากลมากขึ้น รวมไปถึงมีฝีมือและทักษะสูง จึงทำให้รองเท้าหนัง เครื่องหนังและเครื่องใช้สำหรับเดินทางจากประเทศไทยได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากและนับวันจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยมีมูลค่าการส่งออกในรอบเดือนมกราคม-สิงหาคม 2558 เป็นจำนวน 1,216 ล้านเหรียญสหรัฐเลยล่ะครับ
5.ผ้าไหมไทย
ผ้าไหมไทยนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยแท้ที่ทรงคุณค่าจริง ๆ ครับ ด้วยวัตถุดิบและลวดลายจากเนื้อผ้าที่เน้นความประณีตสวยงามจากกระบวนการผลิตแล้ว ผ้าไหมไทยยังช่วยให้ผู้สวมใส่สบายและสามารถนำผ้าไหมไทยไปประยุกต์ใช้ในทุกโอกาสอีกด้วย
นอกจากนี้ผ้าไหมไทยยังสามารถเก็บรักษาไว้ได้อย่างยาวนาน ไม่ตกยุคตกเทรนด์ ผ้าไหมไทยจึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในต่างแดน โดยมีมูลค่าการส่งออกต่อปีสูงกว่า 5,000 ล้านบาทเลยทีเดียวครับ
6.มะพร้าว
ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่ามะพร้าวซึ่งนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นมะพร้าวน้ำหอมไทยจะมียอดการสั่งซื้อเป็นตัวเลขชวนตะลึงไม่น้อยในแต่ละปีเลยครับ ต้องถือว่าผู้ส่งออกมีไอเดียเพิ่มมูลค่าให้กับมะพร้าวและเล็งเห็นประโยชน์ของมะพร้าวที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้มะพร้าวจัดเป็นสินค้าส่งออกที่กำลังเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลกเลยครับ โดยมีมูลค่าการส่งออกนับพันล้านบาทต่อปีเลยครับ
7.ปลาสวยงาม
หลายท่านคงได้ยินธุรกิจเกี่ยวกับปลาสวยงามกันมาบ้างแล้ว ซึ่งนอกจากคนไทยเราจะนิยมเลี้ยงปลาสวยงามแล้ว ยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกอีกด้วย จึงมีการผลักดันโดยกระทรวงเกษตรฯ ให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าปลาสวยงามที่มีคุณภาพระดับโลก
โดยประเทศไทยมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในนานาประเทศว่าเป็นแหล่งผลิตปลาสวยงามในอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียวครับ โดยมีมูลค่าการส่งออกปลาสวยงามเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี
เห็นรายชื่อสินค้าส่งออกยอดนิยมแบบนี้แล้วชวนให้ตื่นเต้นอยากจะทำธุรกิจส่งออกกันบ้างแล้วใช่ไหมครับ เพราะดู ๆ แล้วก็เป็นสินค้าที่เรา ๆ ท่าน ๆ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพียงแต่ให้มีใจปรารถนา มีความรู้ ในเรื่องของการส่งออกโอกาสงาม ๆ สร้างรายได้และชื่อเสียงคงไม่ไกลเกินจริงแน่นอนครับ
บริการอบรม ให้คำปรึกษาการทำธุรกิจออนไลน์ ฝึกอบรมภายในบริษัท แบบตัวต่อตัว การทำ Content Marketing,การโฆษณา Facebook,การโฆษณา Tiktok,การตลาด Line OA และการทำสินค้าให้คนหาเจอบน Google
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสารความรู้การทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ Add Line id :@taokaemai
Outward Foreign Direct Investment หรือ การออกไปลงทุนในต่างประเทศ คือ การที่นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ ทั้งการเปิดสาขาและออกไปซื้อกิจการในต่างประเทศ การออกไปลงทุนในต่างประเทศจะเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สำคัญที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจภายในประเทศให้สามารถเติบโตได้อีกช่องทางหนึ่ง
TerraBKK Research ได้รวบรวมข้อมูลการลงทุนในต่างประเทศของไทยว่าเงินทุนส่วนใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอะไรบ้างโดยการลงทุนของไทยในต่างประเทศสามารถแบ่งได้ออกเป็นหลายอุตสาหกรรมด้วยกัน จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) แบ่งกลุ่มธุรกิจได้ ดังนี้
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
จากกราฟเราจะเห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วเงินลงทุนต่างประเทศจะลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการมากกว่าภาคการเกษตร โดยสามารถจำแนกได้เป็น อุตสาหกรรมเหมืองแร่มีสัดส่วนถึง 23.7% รองลงมาเป็นภาคการผลิต 23.2% และกิจกรรมเกี่ยวกับการเงินและการประกันภัย 12.9% ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ มีสัดส่วนเพียงแค่ 1.8% ถ้าเรามองเจาะลึกลงไปเฉพาะในภาคการผลิต (ภาพด้านล่าง)สัดส่วนเงินลงทุนจะอยู่ในส่วนของการผลิตอาหารถึง 35% และการผลิตเคมีภัณฑ์15% ของภาคการผลิต ตามลำดับ
(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
คงมีหลายคนสงสัยว่าบริษัทเหล่านี้เหตุใดถึงต้องออกไปลงทุนในต่างประเทศ ต่างประเทศมีอะไรดีและออกไปลงทุนเพื่ออะไร TerraBKK Research ได้รวบรวมเหตุผลไว้ ดังนี้
- ขยายขนาดตลาด (Market Seeking)การออกไปลงทุนในต่างประเทศจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถออกไปทำตลาดยังต่างประเทศได้และนักลงทุนสามารถใช้ต่างประเทศเป็นฐานผลิตเพื่อแสวงหาตลาดใหม่ที่มีแนวโน้มของการเติบโตสูงอยู่ได้ การออกไปยังต่างประเทศจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สำคัญสำหรับตลาดในประเทศที่ค่อนข้างอิ่มตัว เพราะทำให้ตลาดไม่ได้กระจุกอยู่ภายในประเทศเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ได้กระจายออกไปยังต่างประเทศด้วยซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ามาก
- แสวงหาประสิทธิภาพ (Efficiency Seeking) คือ การที่ผู้ประกอบการออกไปลงทุนในต่างประเทศที่มีศักยภาพ มีความสามารถ และมีความถนัดในการผลิตสินค้าประเภทนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลิตให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันอยู่เสมอ (Comparative Advantage)
- แสวงหาวัตถุดิบและแรงงานที่ถูก จากทรัพยาธรรมชาติภายในประเทศไทยที่ค่อนข้างจำกัด บางครั้งการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตอาจจะไม่คุ้มค่าในระยะยาวทำให้การออกไปลงทุนในต่างประเทศเป็นทางออกที่ดีกว่า อีกทั้งการออกไปต่างประเทศก็เพื่อต้องสร้างฐานการผลิตในประเทศที่มีต้นทุนแรงงานราคาถูก เป็นการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันให้แก่ตัวเองด้วย
- กระจายความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพจากที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบันความไม่แน่นอนทั้งเรื่อง ภัยธรรมชาติ การเมือง และเศรษฐกิจของแต่ละประเทศค่อนข้างอ่อนไหวมาก ทำให้การกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยต่างก็ออกไปลงทุนสร้างฐานการผลิตยังต่างประเทศเช่นกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งตัวตัวบริษัทเองและเป็นผลดีในทางอ้อมให้แก่ประเทศในการช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงถ้าหากประเทศเกิดวิกฤติขึ้น
- แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การเข้าไปลงทุนในต่างประเทศบริษัทไทยสามารถเรียนรู้งาน เทคนิค กระบวนการผลิต การบริหารงานจากต่างประเทศซึ่งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สิ่งที่จะได้กลับมาคือ ประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากภายในประเทศทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำความรู้ที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้พัฒนา ปรับปรุงการบริหารงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาเผยแพร่ให้กับประเทศได้อีกด้วย - เทอร์ร่า บีเคเค
บทความโดย : TerraBKK ข่าวอสังหาฯ
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก