อาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักที่สำคัญในกระบวนการสร้างบัณฑิต ให้มีลักษณะพึงประสงค์ตามที่หลักสูตร ภาควิชา คณะวิชา และมหาวิทยาลัยกำหนด ดังนั้น
อาจารย์จึงต้องศึกษาปรัชญาและเป้าหมายของหลักสูตรที่สอน ไม่ใช่ สอนตามที่เรียนมา กล่าวคือ หน้าที่และความรับผิดชอบ งานสอน งานวิจัย เพิ่มเติม : คลิก!! คุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้น
ขึ้นอยู่กับกำหนดของมหาวิทยาลัยนั้นๆ ซึ่งอาจกำหนดคร่าวๆได้ ดังนี้ ตัวอย่างเช่น ด้วยคณะสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีอัตราพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ ตำแหน่งเลขที่ E210016 วุฒิปริญญาเอกอัตราเงินเดือน 37,000 บาท วุฒิปริญญาโทอัตราเงินเดือน 24,000 บาท สังกัดภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จำนวน 1 อัตรา นั้น คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อสอบคัดเลือก บรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในตำแหน่งดังกล่าว จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้.- ก. คุณสมบัติของผู้สมัครอาจารย์มหาวิทยาลัย
- ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 6 แห่งข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่าด้วยการ บริหารงานบุคคล พ.ศ. 2553
- เป็นผู้มีคุณวุฒิปริญญาเอกหรือปริญญาโท ทางด้านสังคมวิทยา หรือสังคมศาสตร์ สังคมสงเคราะห์ นโยบายสังคม พัฒนาสังคม และระดับปริญญาตรีต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาสาขา สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา หรือสังคมศาสตร์
- ต้องมีคะแนนความสามารถภาษาอังกฤษ TOEFL (Score) หรือ IELTS (Level) หรือ CMU-eTEGS (Score) ตามเกณฑ์ประกาศมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่องหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ มาตรฐานความสามารถภาษาอังกฤษของอาจารย์ประจำบรรจุใหม่ พ.ศ.2560 ประกาศ ณ วันที่ 21 มีนาคม 2560 (แนบท้าย)
- ต้องไม่เป็นผู้ที่ลาออกจากราชการตามโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต: เกษียณก่อนกำหนด
สรุป ทั้งนี้ คุณสมบัติของการสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นก็ขึ้นอยู่กับประกาศของแต่ละมหาวิทยาลัยว่า ประสงค์จะรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเป็น พนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการและสายสนับสนุน กำหนดให้มีคุณสมบัติอย่างไร เนื่องจากการรับสมัครของมหาวิทยาลัยในแต่ละที่นั้น มีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการกำหนดรายละเอียดของบุคคลที่สมัคร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และภาระหน้าที่ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
อ้างอิงจาก : ที่นี่
สวัสดิการ
ในส่วนสวัสดิการของอาจารย์มหาวิทยาลัย จะขึ้นอยู่กับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พนักงานมหาวิทยาลัย ตามแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นๆ เช่น เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล สวัสดิการก็จะเป็นไปตามพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.2550 ว่าด้วยข้อบังคับฯ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ ของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ.2550 หรือเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็เป็นไปตามสิทธิและสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กองทุนสวัสดิการ พนักงานมหาวิทยาลัย เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
สิทธิและสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ค่ารักษาพยาบาล
ผู้ได้รับสิทธิ:
- ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และบุคลากรในครอบครัวของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ให้ไปใช้สิทธิ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553
- พนักงานมหาวิทยาลัยประจำ และพนักงานมหาวิทยาลัยชั่วคราว รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของ พนักงานมหาวิทยาลัยประจำและพนักงานมหาวิทยาลัยชั่วคราว ให้ใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยสิทธิและสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ.2551
ค่าเล่าเรียนบุตร
ผู้ได้รับสิทธิ:
- ข้าราชการและลูกจ้างประจำซึ่งได้รับเงินเดือนตามหมวดเงินเดือน ให้ไปใช้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523(ดูรายละเอียดสาระสำคัญของ พรฎ.เงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาของบุตร)
- พนักงานมหาวิทยาลัยประจำ และพนักงานมหาวิทยาลัยชั่วคราว รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของ พนักงานมหาวิทยาลัยประจำและพนักงานมหาวิทยาลัยชั่วคราว ให้ใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยสิทธิและสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ.2551 (ดูรายละเอียดที่กองทุนทุน สวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัย)
ค่าเช่าบ้าน
ผู้ได้รับสิทธิ:
- ข้าราชการ ให้ไปใช้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 (ดูสรุปสาระสำคัญพระ ราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547)
2. พนักงานมหาวิทยาลัยประจำสาย A สาย B และสาย C ให้ใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยสิทธิและสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ.2551
อ้างอิงจาก : คลิก!!
อัตราเงินเดือน
ตารางบัญชีเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แนบท้ายพระราชบัญญัติเงินเดือนเงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558
ขอบคุณภาพจาก ที่นี่
เรื่องนี้แต่เดิมความเชื่อของสังคมไทย ครูบาอาจารย์เป็นอาชีพที่มีรายได้น้อย ทว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว อาชีพบุคลากรทางการศึกษา “สายสอน” มีรายได้มากกว่าที่คิด เฉพาะกรณีของอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา มีเงินได้เดือนๆหนึ่งน่าอิจฉา
ตามตารางบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปี 2558 เงินเดือนครูผู้ช่วยเมื่อแรกเข้ารับราชการอยู่ที่ 15,050
และถ้าทำผลงานและรับราชการไปเรื่อยๆ สมมุติว่าเกษียณที่ตำแหน่ง ครู คศ.5 เพดานเงินเดือนจะอยู่ที่ 76,800 บาทในส่วนของอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาแม้ว่าแต่ละสถาบันจะไม่เท่ากัน ทว่า โดยเฉลี่ยแล้วอาจารย์วุฒิปริญญาโทจะเริ่มสตาร์ทที่ประมาณ 18,000 บาท ส่วนอาจารย์วุฒิปริญญาเอกจะสตาร์ทที่ประมาณ 27,000 หากมีตำแหน่งทางวิชาการก็จะมีค่าตำแหน่งทางวิชาการเช่นกัน
สรุปในชั้นนี้ก็คือ อาจารย์จบใหม่จะได้เฉพาะเงินเดือนตอนสตาร์ท ส่วนถ้าอายุงานครบ 2 ปีจะมีสิทธิ์ทำตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์
เมื่อได้รับอนุมัติก็จะได้ค่าตำแหน่งทางวิชาการบวกเข้าไปในเงินเดือน
รายได้อีกส่วนหนึ่งของอาจารย์มหาวิทยาลัยคือค่าตอบแทนในการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ หรือที่เรียกกันว่าเงินค่าคุมวิทยานิพนธ์ ถ้าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทจะได้ประมาณ 5,000-10,000 ต่อวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา 1 คน ถ้าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกจะได้ประมาณ 10,000-20,000 ต่อวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา 1 คน ถ้าเป็นนักศึกษาปริญญาตรีที่บางมหาวิทยาลัยให้ทำวิทยานิพนธ์ อาจารย์ก็จะมีรายได้ในส่วนนี้เข้ากระเป๋าอีก
โดยในระหว่างการทำวิทยานิพนธ์ก็จะมีขั้นตอนการตรวจสอบเครื่องมือวิจัย โดยอาจารย์มหาวิทยาลัยจะได้รับเชิญให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ไม่ทุกคนที่จะได้รับรายได้ก้อนนี้ และในระหว่างการสอบวิทยานิพนธ์ก็จะมีค่าประธานสอบ ค่ากรรมการสอบ ค่าเบี้ยประชุมพิจารณาวิทยานิพนธ์ โดยหลังจากทำวิทยานิพนธ์เสร็จ นักศึกษาต้องเขียนบทความวิจัย ในส่วนนี้ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีวารสารวิชาการก็จะได้รับเชิญให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความวิจัย ได้ค่าอ่านบทความวิจัยอีกดอกหนึ่งยังไม่นับอาจารย์มหาวิทยาลัยสายใต้ดิน ที่เปิดบริษัทรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ โดยสามารถเรียกเงินจากลูกค้าซึ่งอาจเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอื่นหรือมหาวิทยาลัยที่ตนเองสอนอยู่เท่าไหร่ก็ได้ เพราะนักศึกษาต้องการเรียนจบ
รายได้ต่อมาของอาจารย์มหาวิทยาลัยคือทุนวิจัย ถ้าเป็นงานวิจัยร่มใหญ่ที่ต้องมีทีมงานมาร่วมทำวิจัยจะเป็นเงินก้อนใหญ่ ซึ่งจะได้จากมหาวิทยาลัยหรือจากหน่วยงานภายนอก แต่หากทำวิจัยคนเดียวเงินทุนวิจัยก็จะน้อยกว่าวิจัยร่วม
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายหนังสือหรือตำราทางวิชาการที่อาจารย์เขียนเอง บางครั้งใช้ระบบถ่ายเอกสารแต่ขายในราคาเดียวกับหนังสือจากโรงพิมพ์ซึ่งนักศึกษาไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเพราะเป็นตำราหลักหรือหนังสือหลักที่บังคับให้ทุกคนต้องใช้ในการเรียนการสอน ยิ่งถ้าเป็นหนังสือจากโรงพิมพ์ซึ่งมีส่วนลดเปอร์เซ็นต์เมื่ออาจารย์สั่งซื้อในปริมาณมากๆ ทว่า นำมาขายให้กับนักศึกษาในราคาปกเมื่อคูณจำนวนนักศึกษาในแต่ละเทอม เงินก้อนนี้มีมูลค่ามากอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
รายได้อีกก้อนหนึ่งหากอาจารย์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการบริหาร เช่น หัวหน้าสาขาวิชาหรือภาควิชา ประธานหลักสูตร ผู้อำนวยการหลักสูตร ผู้ช่วยคณบดี รองคณบดี ผู้อำนวยการฝ่ายใน “สายสนับสนุน” คณบดี ผู้ช่วยอธิการบดี รองอธิการบดี หรืออธิการบดี ทั้งหมดจะมีเงินค่าตำแหน่งทางการบริหารบวกเข้าไปในเงินเดือน ลดหลั่นกันไปตามระดับของการบริหาร
รายได้ต่อมาของอาจารย์มหาวิทยาลัยคือการเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรภาคธุรกิจ ซึ่งอาจารย์บางคนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือยิ่งมีตำแหน่งทางวิชาการ และมีวุฒิปริญญาเอก ก็ยิ่งได้รับความเชื่อถือจากบริษัทห้างร้านต่างๆ ให้เข้าไปเป็นที่ปรึกษา ในหลายๆ ด้าน เช่น ด้านวิจัย หรือด้านการบริหารองค์กร เป็นต้น รายได้ในทางนี้คือปัญหาที่อาจารย์
อ้างอิงจาก : ที่นี่
ตามอ่านสิ่งที่น่าสนใจต่อได้อีก
อาชีพ “อาจารย์มหาวิทยาลัย” ยังน่าสนใจอยู่ไหม
การเป็นอาจารย์ยุคใหม่กับความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ ที่หลบซ่อนอยู่
จากเด็กเกรด 1.45 สู่อาจารย์มหาวิทยาลัยในวัย 24 ปี แนะนำ
อยากรู้เรื่องชีวิตอาจารย์มหาวิทยาลัย