เงิน สนับสนุน จาก รัฐบาล 2,000

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

ผู้ปกครองนักเรียนทั้ง โรงเรียนของรัฐและเอกชน สามารถ"ตรวจสอบสิทธิ์" รับ"เงินเยียวยา" นักเรียนรายละ 2,000 บาท เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แล้ว ตรวจสอบสิทธิ์ //student.edudev.in.th/

ความคืบหน้าหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนด้านค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษา จำนวน 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึง ม.6

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

  • ด่วน ขั้นตอนจ่ายเงิน"เยียวยานักเรียน 2,000 บาท"และช่วงวันโอนเงินเช็กที่นี่
  • "ลดค่าเล่าเรียน" 2,000 บาท รอสำนักงบฯจัดสรร "รมว.ศธ."คาดได้31ส.ค.นี้
  • "ครม."เคาะลดภาระค่าเรียน"นักเรียน-นักศึกษา" วงเงิน 32,000 ล้านบาท

ระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในกรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้แก่ผู้ปกครอง ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการเปิดตรวจสอบสิทธิตามโครงการดังกล่าวแล้ว

สำหรับ ขั้นตอนการตรวจสอบ ผ่านทางเว็บไซต์ //student.edudev.in.th/ >> คลิกตรวจสอบ

เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้วให้กรอกข้อมูล ดังนี้

- กรอกเลขประจำตัวนักเรียน

- กรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

- จากนั้นกดปุ่มค้นหาเพื่อตรวจสอบข้อมูล

ข้อมูลการมีตัวตน ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2564 จากระบบนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center: DMC) ศูนย์พัฒนาระบบข้อมูลทางการศึกษา สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ.

ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สามารถตรวจสอบได้โดยใช้รหัส G-Code ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด สามารถขอทราบรหัส G-Code ได้ที่โรงเรียนที่นักเรียนศึกษาอยู่ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้แล้ว บน ‘Application สช. On Mobile’ สามารถดาวน์โหลด ‘Application สช. On mobile’ ในระบบแอนดรอยด์ และระบบ iOS ดังนี้

- ระบบแอนดรอยด์ >> คลิกดาวน์โหลด

- ระบบ iOS  >> คลิกดาวน์โหลด

ทั้งนี้ วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือนี้ จะจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง ในรูปแบบของเงินสด หรือนำเข้าบัญชีธนาคาร ประมาณ 11 ล้านคน วงเงินราว 21,600 ล้านบาท

คำแนะนำสำหรับการตรวจสอบข้อมูล
1. ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่สถานศึกษารายงานและยืนยันรายชื่อนักเรียนที่มีตัวตนอยู่จริง ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ในระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center: DMC)

2. หากนักเรียนมีการย้ายสถานศึกษาหลังวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ให้ใช้ เลขประจำตัวประชาชน และ รหัสประจำตัวนักเรียน ของสถานศึกษาเดิม (สังกัด สพฐ. เท่านั้น) ในการตรวจสอบสิทธิ์

3. กรณีนักเรียนที่ตรวจสอบสิทธิ์และพบว่ามีสิทธิ์ และได้ย้ายสถานศึกษาแล้ว ท่านจะได้สิทธิ์ไปที่สถานศึกษาใหม่โดยสถานศึกษาจะรวบรวมและบริหารจัดการให้อีกครั้ง

ตัวอย่างการตรวจสอบสิทธิ

4. กรณีที่นักเรียนอายุน้อยกว่า 3 ปี และมากกว่า 20 ปี หลังวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 จะยังไม่ได้แสดงชื่อในรอบนี้ให้รอติดตามแนวทางจาก สพฐ. ต่อไป

5. กรณีพบชื่อ - นามสกุลไม่ถูกต้อง (ขาดเกิน ผิด) ให้แจ้งให้สถานศึกษาที่กำลังศึกษาทราบและเตรียมแก้ไขในการรายงานข้อมูล DMC ต่อไป และท่านก็จะยังได้รับสิทธิ์เมื่อสามารถแสดงตัวตนต่อสถานศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ได้

ทั้งนี้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และนักเรียนสามารถตรวจสอบสิทธิ รับเงินเยียวยา 2,000 บาท ผ่านลิ้งนี้ได้ทันที >> คลิกตรวจสอบ

16 ส.ค. 2564 เวลา 7:14 น. 16.7k

เปิด 3 มาตรการ “เยียวยานักเรียน” ล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการ แจกเงินเยียวยา 2,000 บาท แจกอินเตอร์เน็ตฟรี และลดการบ้าน เน้นหลักฐานการเรียนมากกว่าสอบ

จากกรณีที่ วันนี้ (16 ส.ค.64) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดตัวแพ็กเกจมาตรการ “เยียวยานักเรียน” ในงานแถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลเยียวยานักเรียนพบว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุว่า ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้เรียนในทุกระดับชั้น ให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า โดยคำนึงถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ปกครองนักเรียน

รวมถึงครูที่เป็นด่านหน้าในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน จึงได้ออกมาตรการลดภาระทางการศึกษา เพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ทั่วประเทศ รวม 3 มาตรการ ได้แก่

  มาตรการที่ 1 : การจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” ทุกคนทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท

ผู้ปกครองจะรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั้งภาครัฐและเอกชน 

รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. อาทิ

  • โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
  • โรงเรียนทุกสังกัดที่เปิดสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา

ซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้ 

มาตรการที่ 2 : อินเทอร์เน็ตฟรี หรือ เน็ตฟรี สำหรับการเรียนออนไลน์

ข้อมูลศธ.ระบุว่า ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นนักเรียนในระดับ ดังนี้

  • ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา สังกัด สพฐ.
  • นักเรียนนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา
  • และนักเรียนสังกัด กศน.

ที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จำนวน 3.6 ล้านคน รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 ตุลาคม 2564 (2 เดือน) โดยสนับสนุนใน 2 รูปแบบ คือ 

แบบที่ 1 

  • ช่วย Top-up แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือให้เบอร์ที่นักเรียนใช้เรียนออนไลน์ ทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน
  • สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนการสอนได้แบบไม่จำกัด อาทิ Microsoft Teams, Google Meet, ZOOM, Cisco Meeting, WebEx และ Line Chat
  • พร้อมอินเทอร์เน็ตอีก 2GB สำหรับการใช้งานอื่น ๆ 

แบบที่ 2 

  • ช่วยจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน
  • โดยหักจากบิลค่าบริการ เดือนละ 79 บาท (ยังไม่รวม VAT) เป็นเวลา 2 เดือน

ทั้งนี้ นักเรียนสามารถเลือกรับสิทธิได้อย่างใดอย่างหนึ่ง และรับได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ 

มาตรการที่ 3 : การลดภาระงานครูและนักเรียน 

โดยให้ครูลดการรายงานและโครงการต่าง ๆ ให้คงไว้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้ชะลอไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น 

รวมถึงลดการประเมินต่าง ๆ ทั้งที่เป็นงานของหน่วยงานภายในและภายนอก ให้เหลือ 3 โครงการ หรือ 1% จากเดิมที่มี 72 โครงการ หรือ 32% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนของครูให้มากขึ้น 

ขณะที่การลดภาระนักเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ต้องเรียนอย่างเต็มที่ ให้ครูและผู้ปกครองร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ โดยดำเนินการดังนี้

  • ให้การบ้านเท่าที่จำเป็น เน้นหลักฐานการเรียนรู้มากกว่าการสอบ เช่น ภาระงาน การบ้าน พฤติกรรมของนักเรียน เป็นต้น 
  • การนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่จะนับเวลาเมื่อนักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การเรียนออนไลน์ การทำการบ้าน หรือการออกกำลัง ซึ่งการนับเมื่อเกิดการเรียนรู้จะช่วยลดความตึงเครียด ให้ครูและนักเรียนได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องเรียนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว

 


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงเปิดมาตรการเยียวยานักเรียนว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 นั้น ได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจ สังคม ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการลดกิจกรรมทางสังคม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงักไป ทำให้เกิดรูปแบบการดำรงชีวิตวิถีใหม่ที่เรียกว่า New Normal ที่เชื่อมโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

ซึ่งรวมถึงกิจกรรมด้านการศึกษาเช่นกัน ปัจจุบันนั้นการศึกษาในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นการเรียนการสอนทางไกล ให้นักเรียนเรียนที่บ้าน ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะผู้ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาและไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สำหรับโรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนบุคลากรทางการศึกษา ทั้งมาตรการทางการเงิน อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน และอินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับการศึกษา

ทั้งนี้ ก็เพื่อจะลดผลกระทบต่อการศึกษาของเยาวชนให้ได้มากที่สุด เพื่อจะให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศได้รับการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ผู้เรียนจะต้องไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้ โดยรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน

พร้อมกับทั้งได้มีการปรับรูปแบบการเรียนรู้ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแต่เฉพาะเรื่องของความรู้ แต่ต้องสามารถจะนำองค์ความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้นไปประยุกต์กับการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพให้ได้ในภายภาคหน้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
 

ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพัฒนารูปแบบการศึกษาให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน

ให้นักเรียนได้รับอุปกรณ์การศึกษา ระบบอินเทอร์เน็ตที่จำเป็นต่อการศึกษาที่บ้าน เพื่อให้เด็กไทยได้รับการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ได้รับความรู้อย่างครบถ้วน และมีศักยภาพสูง สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล พร้อมทั้งให้มีการปลูกฝังวินัย จริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม ประวัติศาสตร์ และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อจะเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศต่อไป
 

ขอให้ใช้โอกาสนี้ในการทำให้ครู เด็ก ผู้ปกครอง ได้มีโอกาสเรียนรู้ไปด้วยกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันในลักษณะ Active Learning โดยขอให้มีการสร้างแรงจูงใจ กระตุ้นให้เด็กสนใจ เอาใจใส่ในการเรียน ถึงแม้จะอยู่ที่บ้านก็ตาม ซึ่งผู้ปกครองหลายท่านก็มีภาระ หลายท่านก็อาจจะดูแลได้

แต่สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเด็ก อยู่ที่ครู อยู่ที่วิธีการสอน จะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลครูให้มีการเตรียมความพร้อมรับการศึกษาในรูปแบบใหม่ต่อไปในอนาคต ที่นับวันจะมีการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้นในโลกยุคหลังสถานการณ์โควิดยุติลงแล้ว ที่เรียกว่า New Normal

โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้นำแนวทางที่นายกฯ เคยมอบนโยบายไปแล้วหลายครั้งนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ พร้อมกับให้มีการประเมินผลทั้งครูและเด็ก ให้มีการเปลี่ยนแปลง ปรับรูปแบบ ปรับหลักสูตร เอกสารตำราต่าง ๆ ให้มีความทันสมัยและสามารถที่จะสร้างแรงกระตุ้นให้เด็กรู้สึกว่าการศึกษานี้ศึกษาไปเพื่ออะไร เพื่อให้มีงานทำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของครูให้คนอื่นยอมรับ

และที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อเรียนทางวิชาการแล้วต้องเรียนรู้ในการปฏิบัติไปด้วยพร้อม ๆ กัน มิฉะนั้นก็ไม่รู้คุณค่าว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร

ขอบคุณและชื่นชมทุกคน ที่มีส่วนร่วมในการผลักดันพัฒนารูปแบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพสูง สอดคล้องกับการดำเนินวิถีชีวิตใหม่ในสถานการณ์โควิด-19 ในเวลานี้ และช่วยกันสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือลดภาระทางการศึกษาแก่ผู้ปกครอง นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อจะอำนวยและขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงแม้ในสถานการณ์วิกฤต

ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกในอนาคต จึงต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่บัดนี้ ต้องเตรียมให้เด็กมีความพร้อม ให้เป็นเด็กที่เข้มแข็ง เป็นคนดีในสังคม มีจิตสาธารณะ เผื่อแผ่ แบ่งปัน เคารพในสถาบันหลักของชาติ โดยสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างเยาวชน คนรุ่นใหม่ของเราให้มีอนาคต แล้วประเทศชาติก็จะมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

  "ขอให้ทุกคนปลอดภัย สำเร็จในการทำงาน มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง และอวยพรให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จ บรรลุผลตามเจตจำนงที่วางไว้ทุกประการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งเด็ก เยาวชนของไทย และผู้ปกครองที่วาดหวังว่าลูกหลานจะเจริญเติบโตได้ในอนาคต มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นจะต้องร่วมมือไปพร้อม ๆ กันเพื่อให้ทุกคนได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ให้รุ่งเรืองต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก