นอกจากเราจะใช้เสียงในการสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันและกับสัตว์อื่น ๆ ยังมีการประยุกต์เอาเสียงไปใช้ในลักษณะต่างๆมากมาย เช่น วิศวกรใช้คลื่นเหนือเสียงในการตรวจสอบรอยร้าวหรือรอยตำหนิในโลหะ
แก้วหรือ เซรามิก โดยการส่งคลื่นเสียงที่มีความถี่ในช่วง 500 กิโลเฮิรตซ์ ถึง 15เมกะเฮิรตซ์ ผ่านเข้าไปในชิ้นงาน ที่ต้องการตรวจสอบ แล้ววิเคราะห์ลักษณะของคลื่นสะท้อน หรือวิเคราะห์ลักษณะคลื่นที่รบกวนในคลื่นที่ผ่านออกไป วิธีนี้นอกจากจะใช้ตรวจสอบชิ้นงานประเภทโลหะหล่อ หรือเซรามิกแล้ว ยังถูกนำไปใช้ตรวจสอบยางรถยนต์ที่ผลิตใหม่ด้วย เครื่องมือวัดความหนาของแผ่นโลหะ หรือวัสดุที่มีความแข็งอื่นๆ สามารถทำได้โดย ใช้คลื่นเหนือเสียง แม้คลื่นจะไม่สามารถทะลุถึงอีกด้านหนึ่ง
ของผิวหน้าแผ่นโลหะนั้นได้ก็ตาม เช่น การตรวจสอบความหนาของหม้อต้มน้ำความดันสูงสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเป็นต้น การใช้เสียงย่านความถี่อุลตราโซนิค(เกิน 20,000 Hz) ในการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ โดยอาศัยหลักการส่งคลื่นเข้าไปกระทบกับอวัยวะภายใน แล้อาศัยคุณสมบัติการสะท้อนของเสียงออกมา แล้วไปแปลงสัณญาณด้วยความพิวเตอร์เป็นภาพให้เห็นได้ เช่น การตรวจหาเนื้องอกในร่างกาย , ตรวจลักษณะความสมบูรณ์และเพศของทารกในครรภ์การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง(Echocardiography) ส่งคลื่นเสียง ลงไปใต้น้ำเพื่อการตรวจหาฝูงปลา และสิ่งแปลกปลอมกีดขวางภายใต้ทะเลลึกและการวัดความลึกของท้องทะเลโดยใช้หลักการของการสะท้อนเสียง
ซึ่งเรียกกันว่า “ระบบโซนาร์”การประยุกต์ความรู้เรื่องเสียง
คลื่นเหนือเสียงพลังงานสูงยังถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในการทำความสะอาดผิวของเครื่องใช้ขนาดเล็ก เช่น ชิ้นส่วนในนาฬิกาข้อมือและแว่นตา เป็นต้น เพื่อให้อนุภาคสกปรกที่จับเกาะผิวสั่นด้วยพลังงานของคลื่นเหนือเสียง เพราะความถี่ธรรมชาติของอนุภาคสกปรกตรงกันกับความถี่ธรรมชาติคลื่นเหนือเสียง คลื่นจึงทำให้อนุภาคสกปรกเหล่านั้นหลุดจากผิวโลหะไปลอยปะปนไปในของเหลวที่โลหะแช่อยู่
เป็นการตรวจหัวใจโดยใช้เครื่องมือที่มี ประสิทธิภาพสูง
ทำงานโดยอาศัยหลัก การส่งคลื่นเสียงความถี่สูงซึ่งส่งออก มาจาก ผลึกแร่ชนิดพิเศษ และเมื่อรับสัญญานคลื่นเสียงที่ส่งออกไป นำมาแปรสัณญาน เป็นภาพขึ้น จะทำให้สามารถเห็นการทำงาน ของหัวใจ ขณะกำลังบีบตัว และคลายตัว และโดยการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้ เราสามารถเห็น การไหลเวียนของเลือดผ่านช่องหัวใจ ห้องต่างๆเป็นภาพสี และเห็นการทำงาน ปิด-เปิด ของลิ้นหัวใจทั้งสี่ลิ้นได้
หลักการทำงาน
คลื่นเสียงความถี่สูงจะถูกส่งผ่านออกจากหัวตรวจที่เราเรียกว่า transducer ส่งไปที่หัวใจ ทำให้เกิดคลื่นเสียงสะท้อนกลับ เรียกว่า echo และระยะเวลา ที่ใช้ในการเดินทางของคลื่นเสียงสะท้อนกลับ จะแปรเปลี่ยนตามระยะทางที่ใช้ซึ่งก็คือ ระยะห่างของโครงสร้าง ต่างๆใน หัวใจ นั่นเอง แล้วคอมพิวเตอร์ในเครื่องจะทำการประมวลผลแปลสัญญาณออกมาเป็นภาพ
ความถี่ที่ใช้ในการทำส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงประมาณ 2-10 MHz แต่ที่ใช้บ่อยที่สุดคือประมาณ 2.5-5MHz ซึ่งจะเห็นว่าเป็นย่านความถี่สูงกว่าความถี่เสียงที่คนเราได้ยินคือ 2-18KHz
การใช้ความถี่ต่างกัน จะมีผลต่อความละเอียดของภาพและความสามารถในการส่งผ่านทะลุเข้าไปในเนื้อเยื่อ กล่าวคือ คลื่นความถี่ที่สูงกว่าจะให้ความละเอียดของภาพได้มากกว่า แต่ความสามารถในการทะลุเข้าเนื้อเยื่อจะได้น้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใช้คลื่นความถี่ 5MHz จะสามารถเห็นรายละเอียดของภาพได้ถึง 2 มิลลิเมตร ขณะที่คลื่นความถี่ 3MHz จะเห็นรายละเอียด ของภาพ ได้ในระดับ 3มิลลิเมตร แต่ขณะเดียวกันถ้าผู้ป่วยที่มีลักษณะอ้วนหรือตัวใหญ่ คลื่นที่มีความถี่สูงซึ่งทะลุเข้าเนี้อเยื่อได้น้อยกว่าคลื่นความถี่ต่ำกว่าก็อาจจะไม่สามารถมองเห็นภาพบางส่วนที่อยู่ลึกๆได้
4. ด้านสถาปัตยกรรม
ดังที่กล่าวมาแล้วในเรื่องการสะท้อนของเสียงว่า เสียงสะท้อนจากผนัง พื้น เพดาน ทำให้เกิดเสียงก้อง ดังเช่นการร้องเพลงในห้องน้ำที่มีผนังและพื้นมีกระเบื้องปู จะมีเสียงก้องจึงเหมาะกับการร้องเพลง เพราะทำให้ผู้ร้องเกิดความรู้สึกว่าการร้องเพลงในห้องน้ำเพราะกว่าการร้องใน ห้องธรรมดา ดังนั้น ห้องสำหรับฟังเพลงหรือร้องเพลงต้องมีการให้เสียงก้องเกิดขึ้นมากกว่าห้อง ทั่วไป แต่ก็ต้องมีค่าพอเหมาะสมไม่มากเกินไปจนฟังเพลงไม่รู้เรื่อง หรือเกิดความรำคาญ การออกแบบอาคาร ห้องประชุม ทั้งสถาปนิกและวิศวกรก็ต้องคำนวณล่วงหน้าว่าให้มีเสียงก้องมากหรือน้อยเพียง ใด โดยการใช้วัสดุเก็บเสียง เช่น พรม ม่าน แผ่นกระดาษเก็บเสียง ฯลฯ เพื่อช่วยทำให้เวลาที่เกิดเสียงก้องพอเหมาะก่อนที่เสียงก้องจะจางหายไป
ปัจจุบันสถาปนิกมีปัญหาน้อยลง เพราะสามารถออกแบบให้ห้องมีเสียงก้องน้อยที่สุด เพื่อใช้ในการประชุม และเมื่อใดที่ต้องใช้ห้องเดิมในการแสดงดนตรีก็สามารถใช้เครื่องขยายเสียงที่ มีวงจรสำหรับสร้างเสียงก้องขึ้นมา ทำให้เสียงเพลง และเสียงดนตรีมีความไพเราะอย่างที่ควรจะเป็นคือมีเวลาก้องเสียงพอสมควร
5. ด้านธรณีวิทยา
ในการสำรวจแหล่งแร่ด้วยการวิเคราะห์ชั้นหินต่างๆ นักธรณีวิทยาใช้วิธีการส่งคลื่นเสียงที่มีพลังงานสูงซึ่งได้จากการระเบิดของ ลูกระเบิดขนาดเล็กที่บริเวณผิวโลก คลื่นเสียงที่เกิดจากการระเบิดนี้จะทะลุผ่านชั้นต่างๆ
ของเปลือกโลกลงไป เพราะเปลือกโลกประกอบด้วยชั้นหินที่มีลักษณะและความหนาแน่นแตกต่างกัน ทำให้คลื่นสะท้อนที่แต่ละชั้นของเปลือกโลกมีลักษณะแตกต่างกัน คลื่นเสียงสะท้อนนี้เมื่อกลับถึงผิวโลกจะเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้าเข้าสู่ อุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ต่อไป และผลที่ได้จะถูกนำมาเป็นข้อมูลหนึ่งของลักษณะชั้นหินต่างๆ ใต้ผิวโลก
——————————————————————————————————-
Bibliography:sukkhun, natthiyaphon (no date) การประยุกต์ความรู้เรื่องเสียง. Available at: //doraemonjupjup.blogspot.com/2014/09/blog-post_84.html (Accessed: 4 November 2016).In-line Citation:(sukkhun, no date)
Posted by Michel Rosmolen on
August 2, 2016 in เสียงและการนำไปใช้ประโยชน์,
เสียงและความรู้ทั่วไป,
เสียงและสุขภาพการ Reset ตัวเองก่อนนอน
เคยไหม? ที่ตื่นเช้ามาแล้วมีอาการง่วงนอน, อ่อนเพลีย, ไม่สดชื่น, ไม่อยากตื่น ถึงแม้จะหลับเต็มอิ่มแล้วก็ตาม ต้นเหตุอาจจะเป็นเพราะ เมื่อตอนก่อนนอนมีเรื่องต้องให้คิดมากมายสมองจึงยังปรับตัวไม่ทัน, ก่อนนอนมีเสียงดังหนวกหูซึ่งเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถนอนได้ และนอนได้อย่างไม่เต็มอิ่ม, เกิดความเครียดในตอนที่กำลังนอนเพราะมีเสียงดังจากพัดลม(ซึ่งเราอาจไม่รู้ตัว) และนี่ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครบางคนเลย ซึ่งบางคนก็อาจจะเคยชินไปแล้วว่าเรื่องแค่นี้เป็นเรื่องปกติแต่ที่จริงแล้วมันไม่เคยเป็นเรื่องปกติเลย หรือคนที่นอนไม่หลับเวลาตอนกลางคืน อาจจะเป็นเพราะสมองถูกกระตุ้นให้ต้องคิดทั้งวัน จึงยังปรับตัวไม่ทัน แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำเรื่องของการ Reset ตัวเองก่อนนอน วิธีนี้ช่วยให้เพื่อนๆสามารถนอนหลับภายใน2นาทีได้ ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลายหลังจากที่ต้องเครียดมาทั้งวัน, ช่วยให้นอนหลับเร็วขึ้น ทำให้ร่างกายหลีกหนีจากเสียงรบกวนต่างๆ
วิธีการนั้นไม่ยากเลย มีแค่เพียง3ขั้นตอนเท่านั้น
- หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ แล้วปล่อยออกมาทางปากแรงๆ ทำแบบนี้ 10 ครั้ง
- เมื่อทำตามข้อที่ 1 แล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลั้นหายใจเป็นเวลา 10 วินาที
- จากนั้น กลับมาทำข้อที่หนึ่งต่อ
วิธีนี้ช่วยให้:
- ทำให้ระบบประสาทผ่อนคลาย หลังจากได้รับความเครียดทั้งวัน
- ช่วยให้หัวใจเต้นเบาลง
- ถือเป็นการทำสมาธิอีวิธีหนึ่ง ซึ่งทำให้จิตใจของเราสงบขึ้น
- ทำให้นอนหลับได้เร็วขึ้น
- ตัดตัวเองออกจากเสียงรบกวนต่างๆ ที่ก่อกวนระหว่างที่เรากำลังจะนอน
- ตัดตัวเองออกจากเสียงรบกวนต่างๆ ที่ก่อกวนระหว่างที่เรากำลังนอน
- เพิ่มอ๊อกซิเจนให้สมองและปอด
- ช่วยให้การตื่นนอนเป็นเรื่องที่ไม่แย่เกินไปในวันถัดไป
วิธีนี้ถือว่าเป็นง่ายสุดๆ เทียบกับการที่เราต้องใช้เวลา2 นาทีเพื่อให้ร่างกายปรับตัว เพื่อแลกกับข้อดีที่เราจะได้รับ ผมขอแนะนำว่า วิธีนี้สามารถทำซ้ำกันหลายๆรอบได้ ยิ่งมากก็ยิ่งดี บางคนอาจหลับไประหว่างที่กำลังทำเลยก็ได้