ในกรณีที่เกิดปัญหาในลักษณะนี้ เมื่อมีการใช้แอปโทรศัพท์ โทรออก หรือ มีสายเข้ามา หน้าจอจะดับทันที ไม่รู้ว่าใครโทรมา และ ไม่รู้ว่า โทร ไปหาใคร เพราะหน้าจอดับเสียก่อน ไม่สามารถทำอะไรได้ กรณีอย่างนี้ มักจะเกิดปัญหาจากเซ็นเซอร์หน้าจอ อาจลองแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการ ทำความสะอาด หรือล้างข้อมูลแอป โทรศัพท์
ก่อนอื่นเราไปทำความเข้าใจกับ หลักการทำงานของหน้าจอมือถือแอนดรอยด์ เมื่อมีการโทรออก หรือ รับสาย
1. เมื่อมีการโทรออก
ไปหาผู้รับ
2. ถ้าผู้รับรับสาย แต่ไม่ยกโทรศัพท์มาแนบใบหน้า หน้าจอจะไม่ดับ
3. แต่หากใช้สิ่งของ หรือ ฝ่ามือปิดส่วนบนของโทรศัพท์ หน้าจอก็จะดับ เพราะเซ็นเซอร์ตรวจพบว่า มีบางอย่างปิดบังหน้าจอ จึงดับ ซึ่งในการใช้ งานจริง เราจะยกมือถือไปแนบใบหน้า เพื่อคุยโทรศัพท์ หน้าจอจะดับ เพื่อป้องกันใบหน้าไปโดนไอคอน ปุ่มต่างๆ บนหน้าจอ นั่นเอง
4. แต่ในกรณีที่มีการรับสาย หรือ แค่โทรออก หรือมีสายเข้า หน้าจอก็จะดับทันที โดยยังไม่ได้ยกเครื่องไปแนบหน้า แสดงว่า เซ็นเซอร์ด้านบนของ มือถือ มีอะไรไปปิดบัง ปิดทับ ไว้ตลอดเวลา เช่น ฝุ่น เศษผ้า หรือกาวกรณีนำเครื่องไปซ่อม เปลี่ยนหน้าจอ เป็นต้น
5. วิธีแก้ปัญหา ก็เริ่มจากง่ายๆ ด้วย ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน แปรงทำความสะอาด ด้านบนโทรศัพท์ เช่น ช่อง ลำโพง ซึ่งอาจจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับ การแตะ
อยู่ในบริเวณนี้ หากเป็นเครื่องที่ไม่เคยซ่อม หรือเปลี่ยนหน้าจอมาก่อน ก็จะกลับไปใช้งานได้ตามปกติ
ล้างข้อมูลของแอป โทรศัพท์
หากทำความสะอาดแล้วก็ยังเหมือนเดิม ก็ต้องใช้วิธีล้างข้อมูลของแอปโทรศัพท์ เพราะอาจจะมีการตั้งค่าบางอย่างทำให้หน้าจอดับ ให้รีเซ็ตไป ใช้ค่าเริ่มต้นของแอป โทรศัพท์ ซึ่งมือถือแอนดรอยด์แต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน
ตัวอย่างมือถือ Oppo
1. แตะ การตั้งค่า
2. แตะ การจัดการแอพ
3. เลื่อนไปหาแอป โทรศัพท์ แล้วแตะเพื่อเปิด
4. ในส่วน ข้อมูล และ แคช ให้แตะ ล้างข้อมูล และ ล้างแคช ตามลำดับ
ตัวอย่างมือถือ Huawei
1. แตะ การตั้งค่า
2. แตะ แอป
3. แตะ แอป
4. ไอคอน 3 จุด
5. แตะ แสดงกระบวนการระบบ.
6. แตะเลือก แอป การจัดการการโทร
7. แตะที่เก็บข้อมูล เพื่อไปล้างข้อมูลและล้างแคช
ปัญหาคล้ายกันในมือถือ Huawei
สำหรับมือถือ Huawei ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะมีอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากสาเหตุเดียวกัน ก็คือมีบางสิ่งไปปิดทับตัวเซ็นเซอร์ป้องกันการแตะ โดยจะแสดงข้อความ ห้ามปิดบังด้านบนของหน้าจอ ก็ใช้วิธีทำความสะอาดบริเวณส่วนหัว ช่องต่างๆ ของโทรศัพท์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้จอดับ เวลา โทรออก หรือ มีสายเข้า จอดับทันทีเมื่อมีสายเข้า
ตัวอย่างมือถือ ASUS
1. แตะ การตั้งค่า
2. แตะ แอปและการแจ้งเตือน
3. แตะ ข้อมูลแอป
4. แตะไอคอน 3 จุด มุมบนขวา
5. แตะเลือก แสดงระบบ
6. เลื่อนไปหาแอป โทรศัพท์ แล้วแตะเลือก
7. แตะ ที่เก็บข้อมูลและหน่วยความจำ
8. แตะ ล้างข้อมูล และ ล้างแคช
พาเครื่องไปพบช่าง
หากใช้วิธีต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วไม่ได้ผล ก็ต้องพาเครื่องไปหาช่าง เพราะอาจจะมีบางอย่างเข้าไปปิดทับเซ็นเซอร์ หรือ เซ็นเซอร์ตรวจจับการ แตะ เสีย หรือเครื่องเคยแกะหน้าจอ แล้วกลับไปมีปัญหาอีกครั้ง
Details Category: มือถือ Androidคุณตั้งค่าการล็อกหน้าจอเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android ได้ แต่ละครั้งที่คุณเปิดอุปกรณ์หรือปลุกหน้าจอ ระบบจะขอให้ปลดล็อกอุปกรณ์ ซึ่งโดยปกติจะใช้ PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน โดยในอุปกรณ์บางรุ่น คุณจะปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือได้ สำคัญ
ตั้งค่าหรือเปลี่ยนการล็อกหน้าจอ
สำคัญ: ใช้ PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน เพื่อให้ข้อมูลที่สำรองอัตโนมัติและข้อมูลที่สำรองด้วยตนเองได้รับการเข้ารหัสด้วยการล็อกหน้าจอดูวิธีสำรองและคืนค่าข้อมูลในโทรศัพท์
- เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์
- แตะความปลอดภัย
- หากไม่พบ “ความปลอดภัย” โปรดไปที่เว็บไซต์การสนับสนุนของผู้ผลิตโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือ
- หากต้องการเลือกประเภทของการล็อกหน้าจอ ให้แตะล็อกหน้าจอ
- หากตั้งค่าการล็อกไว้แล้ว คุณจะต้องป้อน PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่านก่อนจะเลือกการล็อกประเภทอื่นได้
- แตะตัวเลือกการล็อกหน้าจอที่ต้องการใช้ ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ
ตัวเลือกการล็อกหน้าจอ
ไม่ล็อก
- ไม่มี: โทรศัพท์จะปลดล็อกอยู่ตลอด ตัวเลือกนี้ปกป้องอุปกรณ์ไม่ได้ แต่จะช่วยให้คุณไปยังหน้าจอหลักได้อย่างรวดเร็ว
- เลื่อน: เลื่อนนิ้วผ่านบนหน้าจอ ตัวเลือกนี้ปกป้องอุปกรณ์ไม่ได้ แต่จะช่วยให้คุณไปยังหน้าจอหลักได้อย่างรวดเร็ว
การล็อกมาตรฐาน
- รูปแบบ: ใช้นิ้ววาดรูปแบบง่ายๆ
- PIN: ป้อนตัวเลขอย่างน้อย 4 ตัว PIN ที่มีความยาวมากกว่า 4 ตัวมีแนวโน้มที่จะปลอดภัยมากกว่า
- รหัสผ่าน: ป้อนตัวอักษรหรือตัวเลขอย่างน้อย 4 ตัว รหัสผ่านที่รัดกุมคือตัวเลือกในการล็อกหน้าจอที่ปลอดภัยที่สุด
ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร