• อาการเลือดออกผิดปกติและปวดหลังจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่สามารถพบได้ในร้อยละ 6-10 ของผู้หญิง เมื่อเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะทำให้มีบุตรยากและเกิดอาการปวดกระดูกเชิงกรานได้ง่าย
อายุเฉลี่ยที่ตรวจพบอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ 27 ปี แต่ก็เริ่มพบมากขึ้นในช่วงอายุ 10-20 ปี เช่นกัน เรายังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของการเกิดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
แต่ตามปกติแล้วเยื่อบุโพรงมดลูกจะถูกขับออกจากร่างกายด้วยประจำเดือน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกจะไปติดอยู่ตามอวัยวะในท้อง
ที่อยู่บริเวณรอบๆ มดลูก (รังไข่ ลำไส้ตรง กระเพาะปัสสาวะ) ทำให้เกิดเป็นอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ โดยอาการหลักๆ ของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
คือ มีเลือดออกผิดปกติและปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ปวดท้องน้อย ปวดเอว รู้สึกเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ รู้สึกเจ็บเวลาอุจจาระ คลื่นไส้ อาเจียน
ซึ่งยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้
แต่มีสมมุติฐานหลายอย่าง เช่น เป็นผลมาจากกรรมพันธุ์ การมีหรือไม่มีประสบการณ์คลอดบุตร โครงสร้างมดลูกผิดปกติ หรือมีสาเหตุมาจากระบบภูมิต้านทานของตนเอง
การมีเลือดออกผิดปกติและอาการปวดเอว เป็นสัญญาณเตือนของเนื้องอก
กรณีที่มีเลือดออกผิดปกติและมีอาการปวดเอวด้วยอาจเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุมาจากเนื้องอก ดังตัวอย่างต่อไปนี้
• เนื้องอกในมดลูก (เนื้องอกชนิดดี)
เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดดีชนิดหนึ่งซึ่งเกิดในมดลูก ส่วนใหญ่การรักษาจะไม่ผ่าตัดในทันที แต่เป็นการดูอาการ เนื้องอกในมดลูกพบได้มากในผู้หญิงที่อายุ 30-50 ปี
กล่าวกันว่าผู้หญิงที่เจริญเติบโตทางเพศเต็มที่แล้ว 4-5 คน จะมี 1 คน ที่ไม่แสดงอาการเมื่อมีเนื้องอกในระยะแรก แต่เมื่อเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้นอาการปวดประจำเดือนก็จะหนักขึ้น
และมีปริมาณประจำเดือนเพิ่มมากขึ้นหรือมีรอบเดือนยาวนานขึ้น หากส่งผลกระทบไปถึงอวัยวะโดยรอบก็จะทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย รู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะและอุจจาระปวดเอว เป็นต้น
และอาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากและการแท้งบุตรได้ด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง
• มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก (เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย)
ในกรณีที่เนื้องอกเป็นเนื้อร้าย (มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก) การตรวจพบให้เร็วและการรักษาโดยเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณปากทางเข้ามดลูก
สาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อ HPV (Human papilloma virus) จากการมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงแรกจะไม่ค่อยมีอาการ แต่จะใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาไปเป็นมะเร็ง
เมื่ออาการลุกลามขึ้นจะมีปริมาณตกขาว หรือระดูขาวเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มีรอบเดือนนานขึ้น มีเลือดออกผิดปกติและมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์
• มะเร็งมดลูก
คือ การที่เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกกลายเป็นมะเร็ง มีลักษณะพิเศษ คือ จะมีเลือดออกผิดปกติตั้งแต่ในระยะแรก ตกขาวหรือระดูขาวมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที มะเร็งมดลูกมักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ดี ระยะหลังมีผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 30 ปีป่วยเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งมดลูก แต่หากสามารถตรวจพบได้ในระยะแรกก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถรักษาได้ ดังนั้น แม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม หากมีอายุเกิน 20 ปี
แนะนำให้เข้ารับการตรวจที่แผนกสูตินารี ปีละ1 ครั้ง
โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะมีเลือดออกทางช่องคลอดทุกเดือน หรือที่เรียกว่าประจำเดือน แต่ในกรณีมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดมาในช่วงที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน เลือดออกกะปริบกะปรอย หรือมามากกว่าปกติในช่วงที่มีประจำเดือน อย่านิ่งนอนใจ นั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายหรือเสี่ยงโรคร้ายตามมาได้ เช่น เนื้องอกในมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น โดยสาเหตุของภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดมีได้หลายอย่าง ซึ่งจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
เลือดออกผิดปกติเป็นได้อย่างไร?
เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นภาวะที่ร่างกายของผู้หญิงอาจจะมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดกะปริบกะปรอย เลือดออกมาในช่วงไม่มีประจำเดือน หรือเลือดออกมาต่อเนื่องมากกว่าปกติในช่วงที่มีประจำเดือน เลือดออกทั้งที่ยังไม่ถึงวัยมีประจำเดือน หรืออยู่ในวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว รวมทั้งเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะที่เกิดขึ้นเหล่านี้อาจแสดงถึงปัญหาสุขภาพ ถือว่าร่างกายมีความผิดปกติ และอาจเป็นสัญญาณอันตรายหรือเสี่ยงโรคร้ายที่ตามมาได้
โดยสามารถแบ่งผู้ป่วยเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยังไม่ควรจะมีประจำเดือน เช่น เด็ก หรือวัยรุ่นผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือน กับ กลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ในสองกลุ่มนี้ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอด ถือว่ามีความผิดปกติ และกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่มีเลือดประจำเดือนที่มีปริมาณมากกว่าปกติ ทั้งในแง่ของปริมาณ และระยะเวลาที่มีประจำเดือน รวมไปถึงการมีเลือดออกมานอกรอบประจำเดือน
สาเหตุของภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
การมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ความผิดปกติของฮอร์โมน เกิดขึ้นได้จากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนไม่สมดุลกัน
- ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ภาวะรกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด การแท้งบุตร เป็นต้น
- การติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบและมีเลือดออกได้ สาเหตุของการติดเชื้อ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การสวนล้างช่องคลอด การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น
- ความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในกล้ามเนื้อมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ การติดเชื้ออักเสบของปากมดลูก เป็นต้น
- เนื้องอกในมดลูก เป็นเนื้องอกที่เติบโตขึ้นอย่างผิดปกติในมดลูก แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่กลายเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง อาจมีอาการปวดประจำเดือนร่วมด้วย หรือปวดหน่วง ๆ บริเวณท้องน้อย หรือปวดหลังบริเวณส่วนล่างเรื้อรัง
- มะเร็ง โดยผู้ป่วยมะเร็งที่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ เป็นต้น
เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดอย่างไร ควรมาพบแพทย์
หากมีภาวะเลือดออกจากช่องคลอดที่ไม่เข้ากับลักษณะของประจำเดือน เราควรจดบันทึกลักษณะของเลือดที่ออก ปริมาณ ระยะเวลา รวมถึงอาการอื่นที่มีร่วมด้วย โดยผู้หญิงที่มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติและมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาทันที เช่น
- ผู้หญิงที่ไม่มีประจำเดือน หรือวัยหมดประจำเดือนแต่มีเลือดออกทางช่องคลอด
- ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ มีประจำเดือนปกติ แต่มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือนด้วย หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ และมีเลือดออกจากช่องคลอดเป็นลิ่มเลือดปริมาณมาก
- มีประจำเดือนในปริมาณที่มากขึ้น หรือมีระยะเวลาของประจำเดือนนานขึ้นกว่าปกติ สังเกตได้จากการที่ใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 4 แผ่นชุ่มๆ ต่อวัน หรือมีประจำเดือนในแต่ละรอบมากกว่า 7 วัน
- ปวดบริเวณท้องหรืออุ้งเชิงกรานอย่างรุนแรงเฉียบพลัน โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือน
- มีไข้ รู้สึกวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลียจากภาวะโลหิตจาง
การตรวจวินิจฉัยภาวะเลือดออกผิดปกติ
ผู้ที่มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยสาเหตุ โดยทั่วไปแพทย์จะซักถามประวัติผู้ป่วย ลักษณะของการมีเลือดออกทางช่องคลอด รวมทั้งอาการหรือประวัติเจ็บป่วยอื่นๆ และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- เจาะเลือดตรวจฮอร์โมนที่อาจส่งผลต่อการมีเลือดออกผิดปกติ เช่น ไทรอยด์ ตรวจดูค่าการแข็งตัวของเลือดในกลุ่มที่มีประวัติโรคเลือดออกผิดปกติในครอบครัว
- การตรวจภายในหาความผิดปกติบริเวณช่องคลอด ปากมดลูก หรือ การตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูความผิดปกติภายในโพรงมดลูก ตัวมดลูก รังไข่ มีการประเมินดูความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก
- การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกด้วยเครื่องมือขนาดเล็ก (Office Hysteroscopy) เป็นวิธีการตรวจโดยใช้กล้องเล็กๆ สอดเข้าทางปากมดลูก ซึ่งสามารถเห็นความผิดปกติภายในโพรงมดลูก ผ่านหน้าจอแสดงผล ในกรณีที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติ ตรวจร่างกายตามปกติ การอัลตราซาวด์ และการเอกซเรย์ เช่น มีเลือดระดูผิดปกติ มีติ่งเนื้อหรือเนื้องอกเล็กๆ ในโพรงมดลูก พังผืด ความผิดปกติของรูปร่างของมดลูก มีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดระดู และวินิจฉัยภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น
อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดรักษาอย่างไร?
การรักษาอาการเลือดออกทางช่องคลอดจะขึ้นอยู่กับแต่ละสาเหตุ ได้แก่
- การรักษาทั่วไป ได้แก่ การพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ยาบำรุงเลือดในกรณีที่มีภาวะโลหิตจาง หรือการให้เลือดทดแทนถ้าซีดมาก
- การรักษาด้วยยาฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด ในภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลสำหรับวัยทองที่หมดประจำเดือน โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาถึงชนิดและขนาดของยาที่เหมาะสม
- การรักษาด้วยการผ่าตัด ในกรณีที่วินิจฉัยแล้วว่าเป็นเนื้องอกในมดลูกจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเอาเนื้องอกนั้นออก รวมทั้งในรายที่เป็นมะเร็ง ก็จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ร่วมกับการให้เคมีบำบัดและฉายแสงร่วมด้วย
หากมีภาวะเลือดออกทางช่องคลอดที่ไม่เข้ากับลักษณะประจำเดือน มีเลือดออกมากหรือกะปริดกะปรอย รวมทั้งมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษา เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น