ความก้าวหน้า ทางการ งาน ภาษาอังกฤษ

เมื่อพูดถึงความก้าวหน้าหรือความสำเร็จในชีวิต ทุกคนก็จะนึกถึงเรื่องของหน้าที่การงานเป็นอันดับแรก และเมื่อนึกถึงความสำเร็จในหน้าที่การงาน หลายๆคนก็มักจะแอบนึกในใจว่า….

“ถ้าฉันมีทักษะ_______ดีๆล่ะก็ ป่านนี้คงจะมีทางเลือกในหน้าที่การงานเยอะแยะ ไม่ต้องมานั่งจมแหมะหรือย่ำอยู่กับที่แบบนี้หรอก!“

จากการสำรวจความคิดเห็นด้วยแบบสอบถามในช่วงที่ผ่านมา สำหรับคนไทยส่วนใหญ่แล้ว คำในช่องว่างที่เว้นไว้บนประโยคข้างต้นก็คือ ‘ภาษาอังกฤษ’ นั่นเอง

ใช่แล้วครับ…บางคนถึงขนาดที่ยอมรับออกมาตรงๆเลยว่า “อิจฉาคนที่เก่งภาษาอังกฤษ“

นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะปัจจุบันนี้ทุกองค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศ รวมถึงบรรดาบริษัทสัญชาติไทยเองก็ตาม ได้นำภาษาอังกฤษมาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติที่จะรับพนักงานเข้าทำงาน เพราะต้องการผลงานที่เป็นสากล หรือเมื่อมีการติดต่อร่วมมือกับองค์กรในประเทศอื่นๆ รวมถึงการที่เจ้าของธุรกิจเล็งเห็นว่า นโยบายการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษในองค์กร จะทำให้ง่ายต่อการขยายตัวทุกภาคส่วนของธุรกิจไปสู่ความเป็นสากล และยังสามารถนำความรู้ความสามารถจากสื่อต่างประเทศ หรือนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาปรับใช้ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

เราจึงมักจะเห็นประกาศตามเว็บไซท์สมัครงานต่างๆ ลงประกาศเป็นภาษาอังกฤษมากกว่า 80% ของประกาศทั้งหมด ซึ่งมักจะมีประโยคที่ว่า ‘English language proficiency is preferable.’ หรือคำว่า ‘TOEIC Score 750+’ รวมอยู่ในประกาศรับสมัครงานต่างๆด้วย

ดังนั้น การมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับที่สูงกว่าคนไทยโดยเฉลี่ยทั่วไป จะช่วยให้มีโอกาสถูกจ้างงานมากกว่า และแน่นอนว่า ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับเงินเดือนหรืออัตราค่าจ้างที่สูงกว่าคนทั่วไปในตำแหน่งเดียวกัน ส่งผลให้มีความก้าวหน้าในอาชีพการงานอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด

จากการศึกษาวิจัยยังพบด้วยว่า แม้แต่บุคคลผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว การมีทักษะภาษาอังกฤษ จะช่วยให้อัตราการขยายตัวของภาคธุรกิจ ผลประกอบการ และผลกำไรสูงขึ้นกว่าระดับเฉลี่ยเช่นกัน

ทั้งนี้ จึงมีผู้คนมากมายที่ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ในการให้โอกาสตัวเองได้ลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ผ่านทางสถาบันและหลักสูตรที่น่าเชื่อถือ (ซึ่งผุดขึ้นอย่างมากมายเช่นกัน) เพื่อพัฒนาจุดเด่น ข้อได้เปรียบ และความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ อันเป็นที่ต้องการอย่างมากในบริบทของการจ้างงาน โดยเฉพาะด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้

1) การสื่อสาร
การสื่อสารระหว่างประเทศมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานและล้นหลามไปทั่วโลก ประชากรมากกว่าสองพันล้านคน ต้างก็ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และประชากรในส่วนที่เหลือ ก็มักจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง

ด้วยเหตุนี้ ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ จึงทำให้แต่ละคนมีความได้เปรียบในหน้าที่การงานอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษเสริมเข้าไปด้วย ก็ยิ่งทำให้ทั้งคุณสมบัติและบุคลิกภาพของผู้สมัครงานเป็นที่ถูกตาต้องใจ ในโลกแห่งหน้าที่การงานและบรรดา ‘แมวมอง’ ทั้งหลาย ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าความต้องการผู้สมัครที่มีคุณลักษณะดังกล่าว จะมีแต่เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

2) ข้อมูลและการค้นคว้า
นอกจากภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่โดดเด่นในหลายๆแง่มุมแล้ว ในแง่ของหนังสือ สิ่งพิมพ์ และสื่อต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ กีฬา ดนตรี ฯลฯ ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษ

มีสถิติที่น่าสนใจ ระบุว่า:

  • มากกว่า 75% ของจดหมายและอีเมล์ในโลกนี้ ถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ
  • มากกว่า 2/3 ของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ
  • กว่า 80% ของข้อมูลที่จัดเก็บทางอิเล็กทรอนิกส์ในโลกนี้ ก็อยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษ
  • เกือบ 50% ของการสื่อสารทั้งหมดในโลกอินเทอร์เน็ต มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง

เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเหล่านี้และการครอบงำของภาษาอังกฤษ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะเริ่มเรียนพื้นฐานภาษาอังกฤษและเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ เพื่อพัฒนาหน้าที่การงานของพวกเขา

3) การพัฒนาตนเอง
ความสามารถในการอ่านและพูดภาษาอังกฤษเชิงเทคนิคนั้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีใจรักในการพัฒนาตนเอง เพราะคอร์สอบรมและบทความพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ โดยรวมแล้ว มันจึงเป็นภาษาที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตส่วนตัว ซึ่งส่งผลทางตรงต่อชีวิตในหน้าที่การงานของคุณโดยปริยาย

นอกจากนี้ ความสามารถในการพูดและอ่านภาษาอังกฤษ ยังจะช่วยให้คุณยืดอกได้อย่างภาคภูมิใจและไม่หวั่นไหว เวลาที่จำเป็นต้องพูดหรือรับฟังการนำเสนอแนวคิดใดๆก็ตาม ร่วมกับผู้คนจำนวนมาก ทั้งในกิจกรรมระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ

ข้อดีทั้ง 3 ประการที่กล่าวมา ครอบคลุมเกือบทุกอย่างในชีวิตของคุณ เลยก็ว่าได้ ทักษะภาษาอังกฤษจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของคุณและส่งเสริมคุณสมบัติด้านบวกที่มีอยู่เดิม ให้ยิ่งเปล่งรัศมีออกมามากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงทำให้ชีวิตของคุณค้นพบความก้าวหน้าในด้านใดด้านหนึ่งอยู่เสมอ ในทุกๆช่วงขณะเวลาที่ผ่านพ้น

ขอเพียงคุณเริ่มเปิดใจในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่วืนาทีนี้….ย่อมไม่มีคำว่าสายเกินไป

          เมื่อเริ่มเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน คนทำงานคงเคยได้ยินคำว่า Career Path กันมาบ้าง บางคนก็สนใจ บางคนไม่ใส่ใจ บางคนอยากรู้ แต่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร วันนี้ jobsDB จะพาคุณไปรู้จักศัพท์คำนี้กันค่ะ

          Career Path หมายถึง เส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ อธิบายง่าย ๆ คือ เราเริ่มต้นทำงานใน ตำแหน่งใด จากตำแหน่งนี้เราจะเติบโตไปเป็นอะไรได้บ้าง สูงสุดแล้วเราอยากเป็นอะไร อยากไปถึงไหน ซึ่งเมื่อมีเป้าหมายแล้ว เราควรมีการวางแผนเส้นทางเดินว่าเราจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างไรด้วย

          เมื่อเราเป็นนักศึกษาจบใหม่ เราอาจยังไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ก็ออกไปลองผิดลองถูกดูหลาย ๆ อย่าง จนเมื่อเรารู้จักตัวเองแล้ว รู้ว่าเราชอบอะไร ถนัดอะไร และอยากเป็นอะไรแล้ว เมื่อนั้นก็ควรลงมือวางแผนเส้นทางอาชีพของเราได้ ไม่ควรปล่อยให้ล่าช้า ทำงานไปวัน ๆ ไม่เคยคิดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเราจะเป็นอะไร มองไม่เห็นตัวเองในอนาคต โอกาสก้าวหน้าจึงมีน้อย เมื่อเทียบกับคนที่มีเป้าหมาย คนประเภทนี้จะมีแรงจูงใจในการทำงาน มีความมุ่งมั่นที่จะไปถึงเป้าหมาย ทำให้เขามีโอกาสก้าวหน้าและประสบความสำเร็จมากกว่า

          โดยทั่วไปแล้ว เรามักต้องการมีงานที่มั่นคง มีโอกาสก้าวหน้า มีเกียรติเป็นที่ยอมรับในสังคม เงินเดือนดีเหมาะสมกับงาน สวัสดิการดี บรรยากาศในการทำงานดี สถานที่ทำงานดี ผู้บังคับบัญชาดี แต่เรามักไม่ค่อยวางแผนความก้าวหน้าในอาชีพของเรา หากคุณเป็นคนทำงานที่อยากประสบความสำเร็จมาเริ่มวางแผน Career Path ของตนเองกันดีกว่า

          การออกแบบเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

          1. ระดับตำแหน่งงาน (Career Level) ตำแหน่งงานที่สูงขึ้นจะบอกถึงความก้าวหน้าจากการทำงานอาชีพนั้น ๆ เช่น จากระดับเจ้าหน้าที่ เป็นหัวหน้างาน เป็นระดับอาวุโส เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ เป็นรองผู้จัดการ เป็นผู้จัดการ เป็นผู้บริหารระดับสูง ในสายงานของคุณต้องผ่านตำแหน่งอะไรบ้าง จึงจะไปถึงตำแหน่งที่คุณใฝ่ฝัน

          2. เป้าหมายของงาน (Target Job) ต้องมองว่าตำแหน่งที่คุณต้องการจะขึ้นไปนั้นต้องการคนที่มีคุณสมบัติอย่างไร มีผลงานในระดับใด ต้องใช้ทักษะอะไร ต้องมีประสบการณ์อะไรมาบ้าง หรืออาจวัดจากคุณภาพของงาน ปริมาณงานที่ทำ และอายุงานเป็นเกณฑ์กำหนด คุณควรศึกษาและหาทางพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นให้ถูกทาง

          3. ขอบเขตของหน้าที่ (Functional Area) การจะเลื่อนตำแหน่งได้นั้น คุณต้องสามารถรับผิดชอบงานที่มากขึ้นได้ด้วย ทั้งในเชิงปริมาณและขอบเขตงานที่กว้างขึ้น ทั้งนี้ควรศึกษาถึงขอบเขตของงานและหน้าที่ที่คุณจะต้องทำในตำแหน่งนั้น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าด้วย

          เมื่อเรารู้แล้วว่า เราจะเติบโตไปได้อย่างไร เรายังต้องคำนึงถึงความสมดุลอีกหลาย ๆ ด้าน ทั้งระยะเวลา ตำแหน่งงาน และผลตอบแทนประกอบกัน ถ้าใช้เวลาในตำแหน่งนั้นมากเกินไป และบริษัทที่คุณทำยังไม่เปิดรับในตำแหน่งที่คุณต้องการ หรือผลตอบแทนต่ำเกินไป ไม่สมกับการรอคอยและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่คนทำงานมักมองหาโอกาสเติบโตในที่ใหม่ องค์กรใหม่ที่ความต้องการขององค์กรกับความสามารถของพนักงานสมดุลกันพอดี มาถึงตรงนี้ คงต้องเริ่มพิจารณาแล้วว่างานที่คุณทำอยู่มีโอกาสก้าวหน้าในองค์กรนั้น ๆ มากเพียงใด

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

คว้างานที่ใช่ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เงินเดือนกับความก้าวหน้าเลือกอะไรดี

นิสัยการทำงาน 5 อย่างที่ทำให้ได้เลื่อนตำแหน่ง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก