- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2550ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
- 2 สิงหาคม 2550 ค. 2 กันยายน 2550
- 4 สิงหาคม 2550 ง. 2 ตุลาคม 2550
ตอบ ก. 2 สิงหาคม 2550
- ในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ ให้ขอทำความตกลงกับใคร
- กระทรวงแรงงาน ค. กรมบัญชีกลาง
- กระทรวงการคลัง ง. สำนักงบประมาณ
ตอบ ข. กระทรวงการคลัง
ข้อ ๖ ในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบนี้ได้ ให้ขอทำความตกลง
กับกระทรวงการคลัง
- เงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ คือข้อใด
- ง.พ.ต. ค. พ.ข.ต.
- ข.พ.ต. ง. พ.ต.
ตอบ ค. พ.ข.ต.
“พ.ข.ต.” หมายความว่า เงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ
- ใครเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- ปลัดกระทรวงการคลัง
- อธิบดีกรมบัญชีกลาง
- ผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง
ตอบ ข. ปลัดกระทรวงการคลัง
ข้อ ๗ ให้ปลัดกระทรวงการคลังรักษาการตามระเบียบนี้
- ผู้เดินทางไปราชการในราชอาณาจักรสมารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ในข้อใด
- เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้เบิกตามบัญชีหมายเลข 2
- ค่าเช่าที่พัก ให้เบิกตามบัญชีหมายเลข 3
- ค่าขนย้ายสิ่งของส่วนตัวในการเดินทางไปราชการประจำ ให้เบิกตามบัญชีหมายเลข 4
- ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
- การเดินทางโดยรถไฟด้วยรถด่วนหรือรถด่วนพิเศษ ชั้นที่ ๑ นั่งนอนปรับอากาศ ให้เบิกได้เฉพาะใคร
- ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ๖ ขึ้นไป หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า
- ข้าราชการตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น ๑ ขึ้นไป
- ข้าราชการอัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น ๒ ขึ้นไป
- ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
การเดินทางโดยรถไฟ ให้เบิกค่าพาหนะเดินทางได้เท่าที่จ่ายจริง สำหรับการเดินทางโดยรถด่วนหรือรถด่วนพิเศษ ชั้นที่ ๑ นั่งนอนปรับอากาศ (บนอ.ป.) ให้เบิกได้เฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ๖ ขึ้นไป หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น ๑ ขึ้นไป หรือข้าราชการอัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น ๒ ขึ้นไป หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพันโท นาวาโทนาวาอากาศโทขึ้นไป หรือข้าราชการตำรวจซึ่งมียศพันตำรวจโทขึ้นไป
- การใช้พาหนะส่วนตัวเดินทางไปราชการ ให้เบิกเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะในลักษณะใด
- รายวัน ค. เหมาจ่าย
- รายเดือน ง. รายสัปดาห์
ตอบ ค. เหมาจ่าย
ข้อ ๑๑ การใช้พาหนะส่วนตัวเดินทางไปราชการ ให้เบิกเงินชดเชยเป็นค่าพาหนะในลักษณะเหมาจ่ายให้แก่ผู้เดินทางไปราชการ ซึ่งเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองแล้วแต่กรณีในอัตราต่อ ๑ คัน ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้คำนวณระยะทางเพื่อเบิกเงินชดเชยตามเส้นทางของกรมทางหลวงในทางสั้นและตรง ซึ่งสามารถเดินทางได้โดยสะดวกและปลอดภัย
ในกรณีที่ไม่มีเส้นทางของกรมทางหลวง ให้ใช้ระยะทางตามเส้นทางของหน่วยงานอื่นที่ตัดผ่านเช่น เส้นทางของเทศบาล เป็นต้น และในกรณีที่ไม่มีเส้นทางกรมทางหลวงและของหน่วยงานอื่นให้ผู้เดินทางเป็นผู้รับรองระยะทางในการเดินทาง
- บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งใดสามารถเบิกเงินค่ารับรองได้เท่าที่จ่ายจริงในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว
- ประธานองคมนตรี หรือองคมนตรี
- นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี
- ประธาน หรือรองประธานของสภาซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติ
- ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ ๑๔ ให้ผู้เดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวเบิกค่ารับรองในการเดินทางไปราชการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้เดินทางซึ่งดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ ให้เบิกเงินค่ารับรองได้เท่าที่จ่ายจริง
(ก) ประธานองคมนตรี หรือองคมนตรี
(ข) นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี
(ค) ประธาน หรือรองประธานของสภาซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติ
(ง) ประธาน ศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา หรือประธานศาลอุทธรณ์
- การเดินทางไปราชการที่จะเบิกค่ารับรองในกรณีเดินทางไปราชการเป็นคณะหรือเดินทางไปราชการคนเดียว ต้องเป็นการเดินทางกรณีใด
- เป็นผู้เดินทางไปเจรจาธุรกิจ เจรจากู้เงินหรือขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
- เป็นผู้เดินทางไปเผยแพร่ศิลปะหรือวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ
- เป็นผู้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศในฐานะผู้แทนรัฐบาล ผู้แทนรัฐสภาหรือผู้แทนส่วนราชการ แต่ไม่รวมถึงการประชุมหรือการสัมมนาทางวิชาการ
- ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
การเดินทางไปราชการที่จะเบิกค่ารับรองในกรณีเดินทางไปราชการเป็นคณะหรือเดินทางไปราชการคนเดียว ต้องเป็นการเดินทางกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) เป็นผู้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศในฐานะผู้แทนรัฐบาล ผู้แทนรัฐสภาหรือผู้แทนส่วนราชการ แต่ไม่รวมถึงการประชุมหรือการสัมมนาทางวิชาการ
(ข) เป็นผู้เดินทางไปเจรจาธุรกิจ เจรจากู้เงินหรือขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
(ค) เป็นผู้เดินทางไปปรึกษาหารือหรือเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลไทยกับหน่วยงานต่างประเทศ
(ง) เป็นผู้เดินทางไปเยือนต่างประเทศในฐานะทูตสันถวไมตรีหรือในฐานะแขกของรัฐบาลต่างประเทศ
(จ) เป็นผู้เดินทางไปร่วมในงานรัฐพิธีตามคำเชิญของรัฐบาลต่างประเทศ
(ฉ) เป็นผู้เดินทางไปจัดงานแสดงสินค้าไทย หรือส่งเสริมสินค้าไทยในต่างประเทศหรือส่งเสริมการลงทุนของต่างประเทศในประเทศไทย หรือส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ
(ช) เป็นผู้เดินทางไปเผยแพร่ศิลปะหรือวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ
- ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการย้ายถิ่นที่อยู่กรณีที่คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับภายหลังจากได้ไปอยู่ในต่างประเทศ
- กรณีไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละ 20 และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละ 5 ของอัตรา พ.ข.ต.
- กรณีไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละ 30 และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละ 5 ของอัตรา พ.ข.ต.
- กรณีไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละ 60 และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละ 10 ของอัตรา พ.ข.ต.
- กรณีไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละ 90 และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละ 15 ของอัตรา พ.ข.ต.
ตอบ ก. กรณีไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละ 20 และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละ 5 ของอัตรา
พ.ข.ต.
ข้อ ๒๑ ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่มีตำแหน่งหน้าที่ประจำในต่างประเทศ เบิกค่าใช้จ่ายในการย้ายถิ่นที่อยู่ สำหรับคู่สมรสหรือบุตรที่เดินทางกลับประเทศไทยก่อนผู้เดินทางในลักษณะเหมาจ่ายตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างซึ่งได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงเจ้าสังกัดให้คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับประเทศไทยก่อนผู้เดินทาง สำหรับส่วนราชการใดที่ไม่มีปลัดกระทรวงให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจเช่นเดียวกับปลัดกระทรวงเป็นผู้อนุมัติ
(๒) ในกรณีที่คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับภายหลังจากได้ไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละสามสิบ และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละห้าของอัตรา พ.ข.ต. ในขณะที่ได้รับอนุมัติให้คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับก่อน
(๓) ในกรณีที่คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับภายหลังจากได้ไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่าสองปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละหกสิบ และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละสิบของอัตรา พ.ข.ต. ในขณะที่ได้รับอนุมัติให้คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับก่อน
(๔) ในกรณีที่คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับภายหลังจากได้ไปอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลาเกินกว่าสามปีขึ้นไป ให้เบิกสำหรับคู่สมรสในอัตราร้อยละเก้าสิบ และสำหรับบุตรต่อคนในอัตราร้อยละสิบห้าของอัตรา พ.ข.ต. ในขณะที่ได้รับอนุมัติให้คู่สมรสหรือบุตรเดินทางกลับก่อน
(๕) การนับเวลาที่ได้ไปอยู่ต่างประเทศตาม (๒) – (๔) ให้ถือจำนวนเดือนที่ได้รับ พ.ข.ต.เพิ่มสำหรับคู่สมรสและบุตรเป็นเกณฑ์คำนวณ ดังต่อไปนี้
(ก) ในเดือนหนึ่งถ้ามีสิทธิได้รับ พ.ข.ต. เกินกว่าสิบห้าวันให้นับเป็นหนึ่งเดือน
(ข) ให้นับเวลาที่ได้รับ พ.ข.ต. สิบสองเดือนเป็นหนึ่งปี
- แบบรายงานการเดินทางเพื่อขอเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และเอกสารประกอบที่ใช้ในการเบิกจ่ายเงิน ให้เป็นไปตามที่ใครกำหนด
- กรมงบประมาณ ค. กรมธนารักษ์
- กรมสรรพากร ง. กรมบัญชีกลาง
ตอบ ง. กรมบัญชีกลาง
ข้อ ๒๒ แบบรายงานการเดินทางเพื่อขอเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และเอกสารประกอบที่ใช้ในการเบิกจ่ายเงิน ให้เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด
- ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับระยะเวลาอนุมัติการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ก่อนเริ่มปฏิบัติราชการ
- ประเทศในทวีปเอเชีย ไม่เกิน 12 ชั่วโมง
- ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ประเทศในทวีปยุโรปหรือประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ไม่เกิน 24ชั่วโมง
- ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
- ประเทศในทวีปแอฟริกา ไม่เกิน 48 ชั่วโมง
ตอบ ค. ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
- ข้อใด ไม่ใช่ การเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร ประเภท ก.
- การเดินทางไปราชการนอกจังหวัดพื้นที่ที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติ
- การเดินทางไปราชการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติ
- การเดินทางไปราชการจากอำเภอหนึ่งไปปฏิบัติราชการในอำเภอเมืองในจังหวัดเดียวกัน
- ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ข. การเดินทางไปราชการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติ
ประเภท ก. ได้แก่
(๑) การเดินทางไปราชการนอกจังหวัดพื้นที่ที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติ
(๒) การเดินทางไปราชการจากอำเภอหนึ่งไปปฏิบัติราชการในอำเภอเมืองในจังหวัดเดียวกัน
ประเภท ข. ได้แก่
(๑) การเดินทางไปราชการในท้องที่อื่นนอกจากที่กำหนดในประเภท ก.
(๒) การเดินทางไปราชการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติ
- การเดินทางไปราชการในราชอาณาจักรสำหรับประเภท ก. ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ๑ ถึงระดับ ๒ หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า จะได้รับอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางกี่บาทต่อวัน
- 180 บาท/วัน ค. 210 บาท/วัน
- 108 บาท/วัน ง. 240 บาท/วัน
ตอบ ก. 180 บาท/วัน
ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ๑ ถึงระดับ ๒ หรือตำแหน่งที่เทียบเท่าหรือพลทหารถึงจ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอกหรือพลตำรวจถึงจ่าสิบตำรวจ จะได้รับเบี้ยเลี้ยง ประเภท ก. 180 บาท/วัน ประเภท ข. 108 บาท/วัน
- การเดินทางไปราชการในราชอาณาจักรสำหรับประเภท ก.ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ๓ ถึงระดับ ๘ หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า จะได้รับอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางกี่บาทต่อวัน
- 200 บาท/วัน ค. 210 บาท/วัน
- 126 บาท/วัน ง. 240 บาท/วัน
ตอบ ค. 210 บาท/วัน
ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ ๓ ถึงระดับ ๘ หรือตำแหน่งที่เทียบเท่าหรือข้าราชการตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น ๒ ลงมา หรือผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือดะโต๊ะยุติธรรม หรือข้าราชการอัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น ๓ ลงมา หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศ จ่าสิบเอกพันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก อัตราเงินเดือนจ่าสิบเอกพิเศษพันจ่าเอกพิเศษ พันจ่าอากาศพิเศษถึงพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกหรือข้าราชการตำรวจ ซึ่งมียศนายดาบตำรวจถึงพันตำรวจเอก จะได้รับเบี้ยเลี้ยง ประเภท ก. 210 บาท/วัน ประเภท ข. 126 บาท/วัน