วิธีแก้ปัญหา Keyboard พิมพ์ช้า Keyboard หน่วง หรือตอบสนองช้า
(How to Fix Keyboard Typing Lag or Input Lag on Windows 10 ?)
เวลาคุณใช้งานคีย์บอร์ดแล้วรู้สึกว่าการตอบสนองของปุ่มกดมันหน่วง ๆ มีดีเลย์ ไม่ตอบสนองต่อการกดปุ่มอย่างทันท่วงทีนี่ เป็นปัญหาที่สร้างความรู้สึกหงุดหงิดให้แก่ผู้ใช้ได้มากพอสมควรเลยนะครับ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่น้อยไปกว่าเมาส์เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็นนักพิมพ์, นักพัฒนาเว็บไซต์, โปรแกรมเมอร์ หรืออาชีพอะไรก็ตาม ที่ต้องใช้งานคีย์บอร์ดเป็นประจำ ปัญหาคีย์บอร์ดดีเลย์นี้สามารถทำให้งานคุณประสบล่าช้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
บทความเกี่ยวกับ Keyboard อื่นๆ
ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาคีย์บอร์ดดีเลย์มาแนะนำกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มทำตามวิธีแก้ไขในบทความนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากการคอมพิวเตอร์ทำงานช้าเองนะ เช่น ปัญหา CPU ทำงาน 100%, ปัญหา Disk Usage 100% หรือคอมพิวเตอร์ ความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เกิดจากคีย์บอร์ดที่คุณใช้มันเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะคีย์บอร์ดที่ใช้กลไกในการสัมผัสแผงวงจรแบบปุ่มยาง (Rubber Dome) ที่หากจุกยางเสื่อมก็มีผลทำให้การตอบสนองของคีย์บอร์ดมีปัญหาได้เช่นกัน
แต่ถ้าตรวจสอบแล้ว พบว่าปัญหาไม่ได้มาจากสาเหตุข้างต้น ก็เชิญอ่านต่อได้เลยครับ เนื้อหาต่อไปนี้อาจจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณก็เป็นได้
1. ปิดคุณสมบัติแป้นกรอง (Filter Keys)
คุณสมบัติแป้นกรอง (Filter Keys) เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการ Windows มีความสามารถในการป้องกันการกดปุ่มบนคีย์บอร์ดถี่เกินไป แต่มันก็เป็นเหตุผลที่อาจทำให้คีย์บอร์ดของคุณเกิดอาการหน่วง ตอบสนองช้า รู้สึกดีเลย์ได้เช่นกัน ดังนั้น การปิดคุณสมบัติ Filter Keys จึงอาจช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณได้
วิธีปิดคุณสมบัติ Filter Keys
- กด "ปุ่ม Windows + i" เพื่อเปิดหน้าต่าง Settings ขึ้นมา
- "คลิก" ที่ "เมนู Ease of Access"
- ในพาเนลด้านซ้ายให้เลื่อนลงมาด้านล่างจะเห็น "เมนู Keyboard" ให้คลิกเข้าไป
- ในพาเนลด้านขวา ใต้ "เมนู Use Filter Keys" ให้เปลี่ยนเป็น Off
2. อัปเดต หรือติดตั้งไดร์เวอร์คีย์บอร์ดใหม่อีกครั้ง
ไดร์เวอร์มีหน้าที่สำคัญเป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์ กับซอฟต์แวร์ มันคอยสื่อสารให้คอมพิวเตอร์รู้ว่าได้รับคำสั่งอะไรมาจากคีย์บอร์ด ถ้าไดร์เวอร์เก่ากินไป หรือมีปัญหา การสื่อสารย่อมมีปัญหาตามมา และทำให้เกิดปัญหาคีย์บอร์ดหน่วงได้เช่นกัน การอัปเดต หรือติดตั้งไดร์เวอร์คีย์บอร์ดใหม่อีกครั้งจึงอาจช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณได้
วิธีอัปเดต หรือติดตั้งไดร์เวอร์คีย์บอร์ดใหม่อีกครั้ง
- "คลิกขวา" ที่ "เมนู Start" แล้วเลือก "เมนู Device Manager"
- "คลิก" ที่ "เมนู Keyboard" เพื่อขยายเมนูที่ซ่อนอยู่ออกมา
- "คลิกขวา" ที่รายชื่อคีย์บอร์ด แล้วเลือก "เมนู Update driver"
หากอาการยังไม่หายไปให้ดำเนินการต่อ ดังนี้
- ทำตามขั้นตอนในข้อ 1. และ ข้อ 2. เหมือนเดิม
- "คลิกขวา" ที่รายชื่อคีย์บอร์ด แล้วเลือก "เมนู Uninstall device"
- จากนั้นให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ใหม่ เมื่อคอมพิวเตอร์เปิดขึ้นมาอีกครั้ง มันจะทำการตรวจสอบ และติดตั้งไดร์เวอร์ใหม่ให้โดยอัตโนมัติ
3. ตั้งค่าการทำงานของคีย์บอร์ด
บางทีแปัญหาคีย์บอร์ดหน่วงก็เกิดจากการตั้งค่าในระบบที่ไม่เหมาะสมได้เช่นกัน ลองปรับค่าของคีย์บอร์ดให้เหมาะสมกับพฤติกรรมที่คุณใช้งานคีย์บอร์ด ก็อาจช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณได้เหมือนกัน
วิธีตั้งค่าการทำงานของคีย์บอร์ด
- กด "ปุ่ม Windows+r" เพื่อเปิดหน้าต่าง Run
- พิมพ์ลงไปในช่องค้นหาว่า "control keyboard" แล้วกด "ปุ่ม Enter"
- ปรับค่าตรง "เมนู Repeat delay" ลองทดสอบพิมพ์ในช่องด้านล่าง ว่าอาการหน่วงหายไปหรือยัง
- เมื่อตั้งค่าได้เป็นที่พึงพอใจแล้ว ให้คลิก "ปุ่ม Apply"
หากเรามีปัญหาเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้งานคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม ให้เราลองใช้เครื่องมือแก้ไขปัญหาอัตโนมัติ Keyboard Troubleshooter ที่มีให้มาในตัวระบบปฏิบัติการ Windows ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาให้เราดู มันจะช่วยตรวจสอบ, หาสาเหตุ และแก้ไขปัญหาให้อัตโนมัติ
วิธีใช้ Keyboard Troubleshooter
- กด "ปุ่ม Windows+i" เพื่อเปิดหน้าต่าง Settings ขึ้นมา
- "คลิก" ที่ "เมนู Update & Security"
- ในพาเนลด้านซ้าย ให้ "คลิก" ที่ "เมนู Troubleshoot"
- ในพาเนลด้านขวา คลิกที่ "เมน Additional troubleshooters"
- เลื่อนหา "เมนู Keyboard" แล้ว "คลิก" ที่ "ปุ่ม Run the trobleshooter"
ไฟล์ระบบเกิดความเสียหาย ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คีย์บอร์ดหน่วงได้เช่นกัน ซึ่งการซ่อมแซมไฟล์ระบบเราสามารถใช้เครื่องมือ DISM ผ่านการพิมพ์คำสั่ง (Command Line) ที่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการ Windows ได้
อันที่จริง คำสั่งนี้สามารถใช้แก้ไขได้เกือบทุกปัญหาที่มีสาเหตุมาจากไฟล์ระบบเกิดความเสียหายเลยล่ะ
วิธีใช้เครื่องมือ DISM Command-line
- "คลิกขวา" ที่ "เมนู Start" แล้วเลือก "เมนู Windows PowerShell (Admin)"
- พิมพ์คำสั่งต่อไปลงไป
DISM /Online /Cleanup-Image /ScanHealth แล้วกด "ปุ่ม Enter"
DISM /Online /Cleanup-Image /CheckHealth แล้วกด "ปุ่ม Enter"
DISM /Online /Cleanup-Image /RestoreHealth แล้วกด "ปุ่ม Enter" - รอจนมันดำเนินการจนเสร็จ แล้วตรวจสอบดูว่าอาการคีย์บอร์ดดีเลย์หายแล้วหรือยัง
6. สำหรับผู้ใช้งานคีย์บอร์ดไร้สาย (Wireless Keyboard)
สำหรับวิธีแก้ปัญหา ที่เราเสนอไปใน 5 ข้อ ในด้านบน สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาให้กับคีย์บอร์ดทั่วไป แต่ในหัวข้อนี้ จะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับคีย์บอร์ดแบบไร้สาย
เปลี่ยนแบตเตอรี่
การที่ตัวคีย์บอร์ดแบตเตอรี่อ่อน หรือถ่านใกล้หมด ก็ส่งผลต่อการรับส่งสัญญาณได้นะ ลองชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือเปลี่ยนถ่านก้อนใหม่ แล้วทดสอบการใช้งานดูอีกครั้ง
ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
เริ่มจากการถอดตัวรับสัญญาณ USB Dongle แล้วเสียบใหม่อีกครั้ง หรือเปลี่ยนช่องที่ใช้เสียบดู บางทีช่อง USB ดังกล่าว อาจจะมีปัญหาในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า รวมถึงลองขยับตำแหน่งให้ระยะทางระหว่างคีย์บอร์ดกับ USB Dongle เข้ามาอยู่ใกล้กันมากยิ่งขึ้น
ลดสิ่งที่ส่งสัญญาณรบกวน
ในกรณีที่มีอุปกรณ์ที่ปล่อยสัญญาณไร้สายอยู่ใกล้กับคีย์บอร์ดเป็นจำนวนมาก อาจทำให้คลื่นสัญญาณเกิดการชนกัน และสร้างปัญหาในการรับส่งสัญญาณ ส่งผลให้คีย์บอร์ดเกิดการดีเลย์ได้เช่นกัน ลองย้ายตำแหน่งการวางพวกสมาร์ทโฟน, เราเตอร์, ไมโครเวฟ ฯลฯ ให้ไกลออกจากคีย์บอร์ดมากขึ้น
7. ซื้อคีย์บอร์ดใหม่
ถ้าไม่มีการไหนที่ได้ผลเลย สาเหตุอาจจะมาจากฮาร์ดแวร์ภายในตัวคีย์บอร์ดเกิดความเสียหายแล้วล่ะ ถ้าเป็นงั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกเสียจาก หาซื้อคีย์บอร์ดอันใหม่มาเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มั่นใจ ลองหาคีย์บอร์ดตัวอื่นมาเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่พบปัญหาดูก่อน เพื่อเช็คว่าเป็นปัญหาที่คีย์บอร์ดจริง ๆ หรือเป็นที่คอมพิวเตอร์กันแน่ จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อของใหม่นะครับ
ที่มา : www.makeuseof.com
เขียนโดย | แอดมินสายเปื่อย ชอบลองอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ รักแมว และเสียงเพลงเป็นพิเศษ |