หางาน แม่บ้าน ไป เช้า เย็น กลับ แถว ทองหล่อ

We have detected that you could be doing automatic requests from a virus infected computer or from an abusive shared IP address. To protect our partners we blocked these queries, we will restore them as soon as possible.

If you want to visit the ad please fill the form below to make sure you are not an automated bot or a virus infected user.

To visit the ad type the words in the image of the right

สร้างยอดขาย แนะนำให้ผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกฟิตเนส ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแก่สมาชิกอย่างถูกต้อง ดูแลและแนะนำการออกกำลังกายเบื้องต้นแก่สมาชิกอย่างเหมาะสม ออกกำลังกายร่วมกับสมาชิกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี buddy workout ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และรักษารูปร่างให้สมส่วน

กรุงเทพมหานคร , เขตประเวศ

บริษัท ออร์คิดจ๊อบ ดอท คอม จำกัด

เงินเดือน(บาท) : 16,000-22,000

พนักงานบัญชีรับเฉพาะเพศหญิงเท่านั้นติดต่อกฤติญา 0982827715

จัดทำเอกสารทางด้านบัญชี ลูกหนี้ เจ้าหนี้ ออกเอกสารใบเเจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบส่งสินค้า จัดทำใบวางบิล จัดทำใบเสร็จรับเงิน ติดต่อประสานงานในการวางบิล รับเช็ค ตรวจสอบความถูกต้องเอกสารการเงิน บันทึกบัญชีลูกหนี้ กระทบยอดลูกหนี้คงค้าง ติดตามยอดค้างชำระกับทางฝ่ายขาย บันทึกบัญชีซื้อเข้า ลงบันทึกเอกสารบัญชี งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย

กรุงเทพมหานคร , เขตบางรัก

Fitness First (Thailand) Limited

เงินเดือน(บาท) : ตามตกลง

เจ้าหน้าที่บัญชีลูกหนี้ (Accountant – AR)

ดูแลติดตามการนำส่งเงินของสาขา ให้เป็นไปตามกำหนดเวลาและถูกต้องตรงตามนโยบายของบริษัท จัดทำรายการกระทบยอดธนาคาร และบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้อง คอยตรวจเช็คบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกรายการได้ดำเนินการจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย รวบรวมข้อมูลแก่หัวหน้างาน เพื่อนำส่งรายงานภาษีขาย ปิดรายการบัญชีลูกหนี้ประจำเดือน ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินสดย่อยพร้อมบันทึกบัญชีประจำเดือน จัดทำใบกำกับภาษีออกแทนกรณีมีการร้องขอจากลูกค้า จัดทำรายงานภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งรวบรวมส่งทีมบัญชีจ่ายนำส่งภาษีประจำเดือน ติดต่อประสานงานธนาคารเกี่ยวกับรายการเดินบัญชี ใบกำกับภาษี และหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย จัดเตรียมรายงานและเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมายในการปิดบัญชีประจำปี การทำงานร่วมกับสาขา และแผนกอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างมีประสิทธิภาพ

กรุงเทพมหานคร , เขตดินแดง

บริษัท บุญถาวร ไลท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด

เงินเดือน(บาท) : ตามตกลง

เจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบ (Interior Design)

เขียนแบบออก แบตกแต่งภายในโปรแกรม autocad ปรับแบบ เคลียร์แบบโปรแกรม autocad อื่นๆ ตามผู้บงคับบัญชาหมอบหมาย

กรุงเทพมหานคร , เขตทวีวัฒนา

บริษัท บุญถาวร ไลท์ติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด

เงินเดือน(บาท) : ตามตกลง

ช่างบริการติดตั้งงานไฟฟ้า สาขาปิ่นเกล้า

ติดตั้งงานไฟฟ้าในอาคารเช่น ที่บ้านลูกค้า หรือสถานที่ลูกค้าต้องการให้ไปติดตั้ง และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย

          นอกจากการเที่ยวชมสวนมะพร้าวแบบพัทยาดั้งเดิมแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้เรียนรู้มากมาย เช่น กิจกรรมเพื่อสุขภาพ, เรียนรู้สารพันงานศิลปะพื้นบ้าน, การปลูกผักสวนครัวและสวนสมุนไพร และงานหัตถกรรมพื้นบ้าน เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตะเคียนเตี้ย โทรศัพท์ 085 698 9732

ถ้าบอกว่าสมเหตุสมผลลองเดินไปหานายจ้างดูแล้วบอกว่าปีหน้าขอขึ้นเงินเดือน 12% อยากเห็นคำตอบหัวหน้าเหมือนกัน

ขึ้นค่าแรงควรขึ้น แต่ขึ้นตามความเหมาะสมจากคณะกรรมการกำกับค่าแรง ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองไปบีบคอนายจ้างว่าต้องขึ้นเท่านี้

เขตเมือง นิคมไม่มีปัญหาหรอก แต่จังหวัดไกลๆคนยิ่งย้ายเข้าเมืองหมดพอดี  

ผมก็เป็นนายจ้างคนครับ และผมก็ไม่มีปัญหาเรื่องค่าแรงครับทุกวันนี้ก็จ้าง 500/วัน ไม่รวมค่าคอมหรือโบนัส ยังไม่รวมสวัสดิการค่าเทอมของลูกๆ พนง ในเคสถ้าขึ้น600 ในดีเทล เค้าอาจจะไปลดค่าน้ำ,ไฟ ในอุตหสาหกรรม อะไรก็ว่าไป ก็ตีโพยกันว่าไม่ได้ ศก จะพังกันไปซะละ  

อะไรคือลดค่าน้ำค่าไฟ? โรงงานหรือ sme ส่วนใหญ่ ค่าไฟฟ้า ค่าประปามันคิดอัตราก้าวหน้าด้วยซ้ำ

เเล้วที่ท่านคิดมันเเค่คาดเดาเหมือนกันถูกมั้ย เเล้วเอาอะไรมายืนยันว่าเค้าจะลด ft ค่าไฟขึ้นตลอดเเล้วไม่ลงนะ รัฐเพิ่งเเบมือขอเงิน ปตท. อุดค่าไฟด้วยซ้ำ ตราบใดที่ไม่เห็นเเนวทางทีเ่ป็นรุปเป็นร่างคนอื่นเค้าท้วงมันก้ไม่แปลกสิ เห็นด้วยได้ เห็นต่างก้ย่อมได้ ถูกมั้ย? ไม่ใช่ตัวเองเห็นด้วย เเต่ห้ามคนอื่นเห็นต่าง

ผมไม่รู้ท่านทำธุรกิจอะไรหรอก เเต่คนรู้จักผมทำการ์เมนท์+โรงย้อม+ทำรองเท้า พนักงาน800+คน พนักงานฝีมือพวกช่างเย็บครึ่งนึงพวกนี้รายได้เกินอยู่เเล้ว เเต่มันมีพวกงานจิปาถะเก็บเศษผ้า ตรวจฝีเย็บรอยด้าย พวกงานที่ไม่ต้องใช้ฝีมือนี้ได้ไม่ถึง ถ้าต้องดันค่าเเรงให้ถึงคิดว่าผู้ประกอบการเค้าจะโวยไม่ได้เลยหรอ? เเล้วพวกพนักงานที่ไม่มีสกิลถ้าได้อัพค่าเเรงมาเกือบเท่าพนักงานชำนาญการที่ใช้ฝีมือ เค้าก้ต้องโวยกลับเหมือนกันเพราะเค้าก้ควรได้ปรับเพิ่ม

ท่านจะเเก้ยังไงบอกผมทีสิ  


ผมขอตอบประเด็นเรื่องแรงงานไม่มีทักษะได้ไหมครับ ในฐานะที่อดีตที่บ้านเคยเป็นโรงเย็บผ้าของแบรนด์เนมยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ในส่วนของคนงานที่ไม่มีทักษะผมขออนุญาตใช้คำว่าแรงงานละกันนะครับ การจ้างงานก็แบ่งเป็นสองส่วนถฑกละครับ 1.ชำนาญการมีทักษะอย่างที่ท่านกล่าว กับ2.แรงงานไม่มีทักษะ ทั้งสองถูกจ้างในเรทค่าจ้างขั้นต่ำตามกฏหมายเท่ากันก็ถูกแล้วนิครับ เพราะฝ่ายหนึ่งได้ค่าจ้างจากความสามารถ และอีกฝ่ายหนึ่งได้ค่าจากจากแรงงาน(ตามชื่อเลย) ถึงไม่มีทักษะความสามารถแต่เค้าใช้แรงใช้ร่างกายในการทำงานหนักเหมือนกัน ดีไม่ดีกลุ่มนี้งานหนักกว่าและใช่ร่สงกายหนักกว่ากลุ่มที่มีทักษะอีกครับ ต้องแยกประเด็นนะครับอันนี้เราคุยกันแค่ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ไม่ใช่ผลตอบแทนของพวกมนุษย์เงินเดือนนะครับ ในเมื่อเป็นแรงงานที่มีรายได้ขั้นต่ำไม่ว่ามีทักษะหรือไม่มีควรรับรายได้เท่ากันครับ ที่นี้การจ้างงานอยู่ที่นายจ้างครับรู้ทั้งรู้ว่าเค้าไม่มีทักษะแต่ยังจ้างงานก็ต้องจ่ายขั้นต่ำเท่ากันตามกฏหมายครับ และเมื่อจ้างแล้วก็ต้องเบือกใช้ให้ถูกประเภทของงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของกิจการตัวเองครับ ในส่วนที่ต้องเรียกร้องควรเป็นกลุ่มที่มีทักษะแหละครับต้องเรียกร้องผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามความสามารถไม่ใช่ไปกดคนไม่มีทักษะให้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตนครับ ค่าจ้างตัวเดียวกันแต่อีกคนขายฝีมือและอีกคนขายพละกำลังครับ สำหรับผมการได้เท่ากันสมควรแล้วครับ แต่ถ้าคนมีฝีมือรู้สึกว่าควรได้มากกว่านี้ก็ควรไปเรียกร้องขอค่าฝีมือขึ้นครับ

สำหรับที่บ้านผมตอนทำโรงเย็บผ้ากลุ่มมีทักษะความสามารถที่ทำออเดอร์เสร็จตรงตามเป้าหมายได้พิเศษเพิ่มตัวละ 1 บาทส่วนเงินค่าจ้างก็ต่างหากครับ นี่เรื่องเมื่อ 25-30 ปีที่แล้วนะครับสำหรับ 1 บาทต่อตัว เผื่อท่านจะบอกว่ามันน้อยไป และคนเย็บต่อคนวันนึงเย็นได้เป็นร้อยๆตัวครับเพราะไม่ใช่งานยากเลยแค่นำโลโก้แบรนด์มาเย็บติดเสื้อและกางเกงแค่นั้นครับ  

รายได้ขั้นต่ำยืนพื้นเท่ากันก้ถูกเเล้วนิครับไม่ได้มีใครเเย้งตรงนี้สักหน่อย เเต่เเรงงานทักษะค่าเเรงที่ได้มันมากกว่าขั้นต่ำ ณ ปัจจุบันเเค่นั้น ส่วนเเรงงานไม่มีทักษะก้อิงตามค่าเเรงขั้นต่ำ

รายได้ขั้นต่ำชื่อมันก้ตามที่บอกไงครับ เพราะเเรงงานทักษษะเค้าไม่ได้สนกระบอกเงินตรงนี้อยู่เเล้วเช่น ช่างเชื่อม ช่างหล่อ ช่างเย็บ ฐานส่วนใหญ่ก้ราว 600-700กว่าบาทไม่รวมโอ หรือตีงานเป็นชิ้นหรือจ๊อบ เเต่ถ้าเเรงงานไร้ทักษะเค้าปรับฐานค่าเเรงขั้นต่ำเเบบก้าวกระโดด ยังไงกลุ่มช่างทักษะก้ต้องเรียกร้องครับ เพราะกลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่มีมูลค่าได้เงินเดือนตามความสามารถอยู่เเล้ว ทำไมท่านไม่มองว่าเเรงงานไร้ทักษะมีมูลค่าในตัวเองมากพอกับค่าเเรง 600 หรือเปล่าล่ะ?

เเรงงานทักษะชื่อมันก้บอกอยู่นะครับคือทักษะ+เเรงงานหรือพลังคือเเรงงานที่มีผีมือ กับเเรงงานไร้ทักษะ สำหรับผมการได้ค่าเเรงรวมเท่ากันมันไม่สมควรอยู่เเล้ว เหมือนท่านทำงานวิศวกรเเต่บอกให้ได้ค่าเเรงเท่ากรรมกรท่านจะเห้นด้วยหรอ คนนึงใช้ทักษะอีกคนใช้กำลังเหมือนอย่างที่ท่านว่า

ไม่มีใครไปกดใครหรอกครับ คำถามคือท่านบอกให้เเรงงานทักษะเรียกร้องเงินค่าฝีมือเพิ่มจากนายจ้างเเทน เเล้วนายจ้างจะไปเรียกร้องจากใครล่ะครับถ้ากำไรเท่าเดิม กำไรไม่มีหรือขาดทุน อย่าบอกนะว่าให้เพิ่มราคาสินค้าไปอีก งั้นก้เข้าเเกปเงินเฟ้อทวีคูณเเบบตอนปรับ 300 น่ะสิ เพราะที่เค้าทักท้วงกันเค้ากลัวตรงนี้ว่านายต้างจะผลักภาระมาให้ผู้บริโภคไง

ปล. ไอการเย็บเเค่โลโก้เเบรนด์ติดเสื้อมันไม่ได้เรียกช่างทักษะนะ การ์เมนท์คือเย็บเสื้อ วางตะเข็บชุด เย็บพื้นรองเท้า

เเรงงานทักษะที่เค้าได้เงินเท่านั้นเพราะเค้าสร้างมูลค่าในตัวเอง ไม่ใช่จะเอาใครมาทำก้ได้ เเต่เเรงงานทั่วไปของบ้านเราคือทักษะไม่ถึงไงหรือไร้ทักษะ งานเเบบนี้จะเอาใครที่ไหนไม่มีประสบการณ์มาทำก้ได้ อย่างเด็กล้างจานกับเเม่ครัวประจำร้านอาหารในความเป้นจริงได้เงินเท่ากันมั้ยล่ะครับ?

 


ผมตอบในส่วน ปล.ของท่านก่อนนะครับ การ์เมนท์ผมรู้จักครับ การที่บอกเย็บโลโก้ไม่ใช้ทักษะท่านคิดผิดแล้วครับ มุมองศา ระยะกึ่งกลางหรือซ้าย-ขวา เย็บไม่ดีเนื้อผ้าย่นตรงโลโก้เสื้อหรือกางเกงจะโดนคิวซีตีตกเป็นชุดเสียนะครับ ผู้ประกอบการซับงานมาต้องรับผิดชอบทั้งตัวนะครับ มันคือทักษะครับแต่การเย็บเข้าประกอบเสื้อ วางตะเข็บหรือเย็บพื้นรองเท้าก็เป็นหนึ่งส่วนงานแยกเหมือนที่บ้านผมรับมานั่นแหละครับ ทักษะตัวจริงคือคนออกแบบครับที่เหลือคือทักษะการเย็บของช่างตาวแบบที่ท่านเรียกว่าชำนาญการนั่นแหละ งานตัวเดียวกันใช้ฝีมือเหมือนกันครับ

ท่านเปรียบให้เห็นภาพต่างที่มันใช้ประกอบเหตุผลไม่ได้ครับการนำวิศวะกับกรรมกรมารับเงินตอบแทนเท่ากัน สถานะการข้างงานก็ต่างกันแล้วครับ เพราะเรากำลังพูดถึงกลุ่มรับค่าแรง 600 เพราะฉะนั้นคุณจะทำงานด้านไหนก็แล้วแต่ๆถ้าสถานะการจ้างงานของคุณคือกลุ่มรับ 600 มันก็ต้องเท่ากันครับ ผมไม่ได้ว่าคุณนะแต่คุณมองคนไม่เท่ากันครับ อย่างคุณยกตัวอย่างคนเก็บเศษผ้าลองไม่มีพวกเค้าซิครับใครจะมาทำงานจุดนี้งานหนักนะครับ เช่นเดียวกับคนเย็บผ้าขาดพวกเค้าไปก็ไม่ได้เค้าสำคัญเท่าๆกันครับ ผมถึงบอกไงว่ามันต้องวนไปที่นายจ้างคุณเลือกรับคนที่ไม่มีความสามารถมาเองคุณก็ต้องจ่ายเค้าซิครับ คุณเป็นนายจ้างคุณอยากได้ลูกจ้างแบบไหนคุณเป็นคนเลือกเป็นคนพิจารณาเองเมื่อเลือกมาแล้วก็ต้องจ้างเค้าตามค่าจ้างซิครับ ไม่งั้นแม่บ้านกับรปภ.ก็เถียงกันตายเลยถ้าใช้ตัวพิจารณาแบบที่คุณบอกผมอ่ะ เพราะหน้าที่แต่ละหน้าที่มันก็สำคัญในตัวทั้งนั้นแหละครับ

ในส่วนผู้ประกอบการผมบอกได้เลยปัญหาการจ้างงานอยู่ราวไม่เกิน 30% ของรายได้อันนี้ผมให้สูงมากเลยนะครับ เค้ามีกำไรอยู่แล้วพวกโรงงาน ถ้าห่วงๆพวกร้านค้าเล็กๆที่มีลูกจ้างคนสองคนเถอะครับอันนั้นคือกระทบแน่ ส่วนโรงงานนายจ้างเมื่อค่าใช้จ่ายสูงขึ้นก็ต้องประหยัดการใช้วัสดุแบบสิ้นเปลืองมากขึ้นแทนครับ เช่น ด้ายหนึ่งหลอดเคยเย็บได้ 100 ตัวมาเป็น 110 ตัวแทน ไม่ใช่เป็นการลดคุณภาพนะครับแต่เป็นการลดการทำชิ้นงานเสีย เพราะด้ายหลอดนึงมันสามารถเย็บได้มากกว่า 100 แต่ที่นับแต่ 100 เผื่อมีงานเสีย งานต้องแก้ไข เลยตั้งค่ากลางไว้ที่ 100 แต่จริงๆมันได้มากกว่านั้นและไม่ใช่การลดคุณภาพแค่เป็นการเปลี่ยนนโยบาย หรือรับงานเพิ่มก็คือทางออกที่ถูกอีกวิธีนึงครับ รับงานลักษณะเดิมแต่ได้กำไรมากกว่า ออเดอร์ต่างชาติเยอะแยะครับ บ้านผมก็เคยแก้ไขฟองสบู่แตกด้วยการรับเย็บชุดทหารของสวีเดนครับ ต้นทุนทั้งหมดรวมส่งออกกลับสวีเดนเมื่อเทียบกับกำไร 1:3 เลยครับ ทุกวันนี้มีโรงงานข้างเคียงมารับออเดอร์นี้ต่อจากบ้านผมจนถึงทพกวันนี้เลยครับ โรงงานอยู่ลำปางครับ ส่วนบ้านผมเลิกเพราะหันมาทำส่งออกครับ

ส่วนที่คุณบอกแรงงานบ้านเราทักษะไม่ถึงผมของเถียงนะ โรงงานหรือกิจการบ้านเราส่วนใหญ่รับแรงงานมาต่อให้ไม่เคยทำมาก่อนจะถูกจับฝึกอบรมก่อนเกือบทุกตำแหน่งงานสำหรับกลุ่มแรงงานที่รับค่าแรงที่เป็นประเด็น 600 นี้ครับ ไม่มีโรงงานไหนหรือกิจการไหนรับคนทำไม่เป็นทำไม่ได้ให้มาทำโดยตรงหรอกครับงานมันเสียและค่าเสียหายมันมีครับ ลองดูอัตราจ้างรายวันในนิคมก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เพราะจะถูกฝึกอบรมก่อนทั้งนั้นครับ แม้แต่ร้านอาหารตำแหน่งคนล้างจานยังต้องสอนก่อนเลยว่าล้างยังไงให้สะอาด ประหยัดน้ำและประหยัดน้ำยาล้างจานครับ

แล้วที่ท่าบอกแรงงานทั่วไปเราไม่มีทักษะผมเถียงตายเลยครับ แรงงานบ้สนเราความสามารถสูงมากครับ เป็นแรงงานที่ทำเป็นหลายอย่างมากๆออลอินวันไม่เกินจริงครับ เพียงแต่จะจ้างตำแหน่งความสามารถเฉพาะมันก็ต้องรับคนที่มีความสามารถเฉพาะครับ ประโยคสุดท้ายที่ท่านบอกทักษะไม่ถึงหรือไร้ทักษะผมขอเถียงครับ มันเป็นที่นายจ้างใช้ไม่ถูกความสามารเองครับเพราะอะไรเหรอครับเพราะต้องการกดค่าจ้างไงละครับ ยิ่งเป็นโรงงานรับคนไม่มีความสามารถตามที่ท่านบอกแล้วยังไม่อบรมความสามารถให้เค้าอีก พองานไม่ดีก็มาโทษคนปฏิบัติงานอันนี้ผมว่าเป็นนายจ้างไม่มีทักษะมากกว่าลูกจ้างครับ ลองมองคนให้เท่ากันดูครับ เมื่อจ้างแรงงานค่าจ้างต้องเท่ากันครับส่วนค่าฝีมือเพิ่มเป็นหน้าที่ของนายจ้างเป็นเรื่องปกติแล้วครับ ไม่ว่าเก่งแค่ไหนคุณต้องรับค่าแรงเท่ากันครับเพราะทุกคนทำงานหนักเท่ากันต่างกันแค่หน้าที่ครับ ถ้าคุณมองว่าคุณเก่งเกินที่รับเงินเท่าคนอื่นคุณต้องผลักดันตัวคุณเองไปเป็นพนักงานประจำให้ได้หรือขึ้นไปอยู่จะดที่ผลตอบแทนสูงกว่าคนอื่นให้ได้ครับ

 

nc qc ในการ์เมนท์นี่ยากนะครับ เพราะ qa qc เค้าพยายามลด nc มาตลอดอยู่เเล้ว ไม่ใช่บอกว่าเพิ่มค่าเเรงปุ๊บอยากได้กำไรเท่าเดิมก้ไปลด nc สิ มันพูดง่ายนิครับ เเล้วคนที่ทำให้เกิด nc ก้พนักงาน มันก้วนกันเป็นงูกินหางอยู่ดี ถ้าจะเเก้ปัญหาคือต้องหาทางทำกำไรเพิ่มขึ้นจากยอดขายครับ หรือสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ ไม่ใช่บอกให้ไปลดของเสีย มันคนละทางกัน เพราะนิยามของ qa คือ nc/ng เป็น 0 ซึ่งมันไม่มีทางทำได้จริงไงครับ เเละโรงงานเค้าพยายามลดของเสียกันมาตลอดอยู่เเล้ว

ผมเปรียบวิศวกรกับกรรมกรเเค่ให้เห็นต่างในเรื่องเเนวคิดกับเเรงเฉยๆ เเต่ถ้าเอาจริงๆก้อย่างที่บอกคือเเม่ครัวกับพนักงานล้างจานนั่นเเหละ ยังไงก้ค่าเเรงไม่เท่ากัน

กำไรโรงงานท่านรองไปเปิดงบการเงินในตลาดหลักทรัพย์ดูจะได้รู้ว่าความเป็นจริงมันเ้ป็นยังไง

ไอการฝึกอบรมงานไม่ได้เรียกฝึกทักษะครับ คนละเรื่อง อันนั้นเรียกฝึกงานเพื่อให้ทำงานได้ เพราะเเรงงานฝีมือก้คือเเรงงานประบการณ์นั่นเเหละ ไม่ใช่ไปฝึกอบรมวันสองวันปุ๊บจะเป็นเเรงงานฝีมือเลย

ผมทำงานนิคมผมรู้ดีครับ งานนิคมส่วนใหญ่ไม่ได้เรียกเเรงงานฝีมือเลย เรียกเเรงงานทั่วไปก้ว่าได้เพราะเเค่เข้าไลน์ผลิต ฝึกการทำงานตามสเตชั่นเเค่นั้น ห่างไกลครับกับคำว่าช่างฝีมือ อน่างผมทำโรงงานชิ้นส่วนยานยนต์ เเรงงานฝีมือยังมีเเค่ 10-20% เองมั้ง เพราะส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักร+ระบบงานหรือ procedure คุมอีกทีอยู่เเล้ว

เรื่องทักษะเเรงงานลองเสิร์ชในกูเกิลดูก้ได้ครับของไทย เพราะเราเร่งให้เเรงงานพัฒนาทักษะมาหลายปีเเล้ว เเรงงานที่ทักษะดีจริงก้มักย้ายออกนอกประเทศไปทำงานต่างประเทศไง ออลอินวันไม่ใช่ดีนะ ในทางโรงงานมันคือเป็ดไม่ได้เรียกเเรงงานทักษะ ลองไปดูพวก oil&gas นั่นเเหละเเทบจะเเรงงานทักษะเพียงช่างเชื่อมโลหะ ช่างตรวจสอบรอยร้าว ไม่มีใครเค้าเอามาออลอินวันหรอกครับ คนละเรื่อง

ประเด็นของทักษิณท่านก้ต้องบอกให้ได้สิว่าเค้าจะทำยังไงเพราะเค้ามองในมุมหาเงิน เเต่ท่านมองมุมลดของเสีย เเค่นี้ก้คนละเรื่องเเล้ว มันยังมองไม่เห็นเเนวทางคนเค้าเลยท้วง ถ้ามันมีเเผนมาให้เห็นการัทกท้วงก้น้อยลงเป็นปกติ เพราะทักกี้เค้าไปทางหารายได้เพิ่มไม่ใช่ให้มานั่งลดรายจ่าย ประเด็นคือทำยังไงล่ะ? ถ้าท่านนึกไม่ออกว่าจะหารายได้เพิ่มยังไงท่านก้ไปเเย้งคนที่ไม่เห็นด้วยไม่ได้หรอก

 


ในเรื่องโรงงานผ้าผมไม่ขอเถียงละกันครับขนาดบ้านผมทำโดยตรง ประสบการณ์ตรง และแก้ผ่านช่วงฟองสบู่แตกมาได้ผมอธิบายไปแล้วท่านก็ยังแย้งผมเลยเลยครับ นายจ้างเมื่อเจอปัญหาเช่นรายจ่ายเพิ่มขึ้นเค้าก็ต้องปรับนโยบายของกิจการครับ ในเรื่องงานเย็บที่ท่านอธิบายมาผมไม่ได้อวดรู้นะครับผมเข้าใจหมดแหละครับ แต่ที่ผมไม่พูดถึงศัพท์ต่างๆผมต้องการให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดครับ

ผมไม่ได้บอกว่าผมเก่งนะแต่คุณน่าจะเข้าใจคำว่าแรงงานผิดหรืออาจเป็นผมเข้าใจผิดก็ได้มั้งครับ ประเด็นนี้ไม่ได้ยอมแพ้นะครับแต่ขี้เกียจโต้แย้งครับเพราะแต่ละคนตั้งมุมมองของตัวเองเป็นหลักแล้วทั้งคุณและผมครับ

คำว่าออลอินวันคือคนไทยเก่งหลายด้านครับ แล้วคุณเอางานแก๊ส ออย ที่เค้ารับแต่งานเฉพาะทางมาเทียบได้ยังไงละครับ พวกนี้แค่ค่าความเสียงงานก็สูงกว่าเงินเดือนคนทั่วไปแล้วครับ ผมถึงบอกไงว่าคุณมองคนไม่เท่ากัน ไม่ใช่คำต่อว่านะะครับแต่แค่การยกตัวอย่างของคุณมามันเอามาเทียบกลุ่มแรงงานที่เป็นค่าแรง 600 ไม่ได้ครับเพราะแต่ละตัวอย่างที่คุณยกมาเค้าไม่ได้อยู่ในกลุ่มรับเงินตัวนี้เลย

ในส่วนเรื่องนิคมอันนี้คุณรู้มากกว่าผมๆต้องยอมรับเพราะไม่เคยทำนิคมครับ ซึ่งถ้าตัวนี้ผมยกตัวอย่างผิดพลาดผมก็ขอยอมรับครับ แต่ที่คุณบอกว่ากลุ่มพวกนี้คือกลุ่มงานทั่วไปงั้นเค้าก็ควรได้รับค่าแรงเท่าแรงงานทักษะอันนี้ผมยืนยันเหมือนเดิมครับ แล้วให้กลุ่มทักษะไปรับค่าความสามารถชำนาญการเพิ่มกับนายจ้างเอาครับซึ่งมันเป็นแบบนี้ทุกที่อยู่แล้วครับ

ในส่วนกำไรโรงงานที่คุณให้เปิดตลาดหลักทรัพย์คุณต้องลดกรอบลงมาครับว่าเป็นดูโรงงานขนาดไหนครับ ผมก็ทำโรงงานมาก่อนครับพนักงานก็หลักร้อยครับ กำไรเหลือครับอยู่ที่ส่งผลกำไรต่อตรงตามความจริงหรือไม่แค่นั้นครับ ดูแค่โบนัสอีซูซะกับฟอร์ดปีนี้ก็รู้ครับ กำไรสวนทางกับโบนัสมากครับ

ส่วนที่บอกอบรมไม่ใช่ทักษะแค่เรียกไปเพื่อให้ใช้งานได้มันย้อนแย้งกับคำว่าชำนาญการของคุณไหมครับ ชำนาญการบางคนก็เก่งเลยตั้งแต่เรียนจบ บางคนก็เรียนมาไม่ตรงสายผ่านการอบรมสะสมประการณ์จากหน้างานจนเป็นชำนาญการ ทักษะมันก็แยกเป็นเก่งเลยกับฝึกจนเก่งครับ เพราะฉะนั้นทักษะของคุณกับของผมคงมีค่าไม่เท่ากันครับ เคยเห็นเด็กรับจ้างเย็บผ้าทุกวันจนกลายไปเป็นดีไซเนอร์ระดับโลกไหมครับ มันก็มาจากการโดนอบรมสอนจากคนทำไม่เป็นให้ทำจนเป็นนั่นแหละครับ ทำงานเป็นในตำแหน่งตัวเองได้นั่นก็คือมีทักษะแล้วครับ

ส่วนคุณทักษิณเค้ามีทางจัดการของเค้าผมไม่พูดถึงละกันครับ แต่ในส่วนของผมแสดงว่าคุณอ่านไม่หมดแต่คะณตัดสินผมว่าติดผิดซะแล้ว ผมไม่ได้บอกแต่ลดของเสียนะครับ การหารายได้เพิ่มออเดอร์ชุดทหารจากสวีเดนผมก็บอก ต้นทุนแค่ 1:3 ของกำไร แล้วแบบนี้เรียกว่าผมไม่หารายได้เพิ่มยังไงครับ? คนที่ท้วงลองดูซิครับทำไมเกาหลีใต้คนจบ ม.6 ทำงานออฟฟิต เงินเดือน 2.5-3 ล้านวอนตีเป็นไทย 6-7 หมื่นบาท ค่าครองชีพสูงก็ไม่มีปัญหาเพราะรายได้สูงกว่าไงละครับ ทำไมผู้ประกอบการเค้าถึงอยู่ได้ครับ ทำไมเค้ารับแรงงานต่างชาติที่ค่าจ้างสูงๆได้ครับ หลักการเดียวกันเลยคือการสร้างรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ได้ไงละครับ เมื่อรายได้เพิ่มมันจะส่งผลต่อระบบโดยรวมทั้งหมดไงละครับ ไม่ใช่เค้าไม่บอกวิธีทำครับ แต่ไม่เปิดใจรับฟังเค้ามากกว่าครับ
***และท่านจะโต้แย้งก็ได้ครับแต่ผมไม่ตอบละนะ ผมจบแค่เท่านี้ครับ ไม่ได้บอกว่าผมถูกหรือท่านผิด แต่เรามองคนละมุมกันครับ
***ผมเพิ่งเห็นที่คุณพิมพ์เสริมครับ ผมไม่ได้มองแต่มุมลูกจ้างครับ ผมมองในฐานะผู้ประกอบการนี่แหละครับและก็ยังเป็นผู้ปรกอบการในปัจจุบันอยู่ด้วย ผมถึงมองว่าทำได้ไงละครับ นายจ้างก็ปรับนโยบายกิจการตัวเอง ลดการฟุ่มเฟือยออกเพิ่มรายได้เข้ามาปกติของนายจ้างทุกคนเลยครับ ส่วนเรื่องบีบคอผู้ประกอบการนั้นเป็นเป็นการปรับเปลี่ยนตามความสมควรตามกาลเวลาครับ เค้าถึงขอเวลาถึงปี 70 เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้มันสอดคล้องกับนโยบายไงละครับ

 

โรงงานผ้าเเต่ละคนเจอปัญหาไม่เหมือนกันจะเเย้งกันก้ทำได้ ถ้าผมผิดท่านก้เเย้งสิไม่ใช่ทำงอนเเล้วไปต่อไม่ได้เพราะผมทำงานโรงงาน เรื่องพื้นฐานการทำงานโรงงานหรือไลน์ผลิตผมรู้ไม่น้อยกว่าท่านหรอกนะ เรื่องของเสียผมเลยเเย้งไง ไม่นางงนะ

เเรงงานสำหรับท่านคืออะไรล่ะ เพราะท่านโควทเปิดผมก่อนนะ ท่านก้ต้องอธิบายผมสิไม่ใช่มาให้ผมถามท่าน ถูกมั้ย

ก้เเรงงานฝีมือมันคือเเรงงานเฉพาะทางด้านใดด้านหนึ่งไงครับ ผมเลยพูดถึงช่างเชื่อมโลหะ ช่างเย็บผ้า ให้เห็นภาพง่ายๆ ท่านจะเอาช่างฝีมือเย็บผ้าที่มีประสบการณ์ไปทำงานกรรมกรมั้ยล่ะ? เก่งหลายอย่างเเต่เวลาทำงานมันใช้เเค่อย่างเดียวนะครับเเรงงานอะเค้าเลยเรียกช่างฝีมือ

ท่านก้บอกเองว่าใช้งานคนให้ถูกกับงาน ผมก็เห็นด้วยไง ไม่ใช่ทำทุกอย่างเเล้วบอกเก่งทุกอย่าง ไม่มีหรอกครับสำหรับในงานเเรงงาน ผมมองคนทุกคนเท่ากันครับ เเต่มูลค่าจากการทำงานของคนมันไม่เท่ากัน ป.ตรี รับสมัครเข้ามาเงินเดือนยังไม่เท่ากันเลย เเต่เเรงงานเราไม่รู้ที่มาไงครับมันเลยต้องมีเเรงงานขั้นต่ำ ถ้าปรับตัวเป็นเเรงงานฝีมือได้มันก้ได้เกินขั้นต่ำอยู่เเล้ว

คำว่าชำนาญการมันคือประสบการณ์ครับ ก้ท่านบอกเองเเรงงานทักษษะไม่ยากทุกที่มีอบรม จะบ้าหรอ? จบมาเก่งเลยคืออะไร เเรงงานหลายบางคนไม่ได้เรียนมาจบเลยเเล้วเก่งอะไร อย่างช่างเชื่อมโลหะเนี่ยคือคำจำกัดความของเเรงงานทักษะดีที่สุด ทำงาน ฝึกงานกันเป็นปีกว่าจะอัพค่าตัวได้ มาเรียนวันสองวันจบปุ๊บเก่งเลยอะไรงง? อย่างช่างเย็ยผ้าในโรงงานเค้าไม่สอนงานนะบอกก่อน รับคนทำได้ทำดีเลย ท่านเข้าใจคำว่าเเรงงานทักษษะว่ายังไงหว่า

ท่านจะเถียงเรื่องกำไรโรงงานทำไม ท่านทำกี่โรงงาน? ท่านเอามุมมองตัวเองมาตัดสินใจทั้งหมดมันถูกมั้ย ผมเลยบอกให้ไปเปิดงบการเงินจาก set เพื่อดูภาพรวม ท่านจะได้ไม่เอาอคติตัวเองที่เจอมาอย่างเดียวเป็นที่ตั้งไง ถ้าผมบอกเห็นเเต่โรงงานขาดทุน เเล้วจะเถียงกันจบมั้ย บอกให้ไปเปิดก้ลองไปดูก่อนไม่ใช่บอกไม่ทำเพราะเจอมาเเบบนี้

เเรงงานทักษะ คือ "แรงงานฝีมือหรือแรงงานที่มีทักษะ (Skilled Labor) หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ทางทฤษฎี และปฏิบัติ ทั้งนี้ ความช านาญในงานอาชีพสามารถตัดสินใจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในการท างานด้วยตนเองได้ เป็นแรงงานที่มีความสามารถในการควบคุมดูแลและ ตรวจสอบ และมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าแรงงานกึ่งทักษะ" หานิยามอ่านเอาครับ การทำงานเป็นไม่ใช่มีทักษะ ทักษะคือการสั่งสมประสบการณ์ครับคีย์มันคือตรงนี้

เห้อ เอาเกาหลีใต้มาเทียบนี่เลอะเทอะละ รู้มั้ยว่าอะไรคือผลิตภัณฑ์หลักของเกาหลีใต้? รู้จักเเชโบลใช่มั้ย เกาหลีนวัตกรรมเค้าคือเซมิคอนดักเตอร์เเละเเผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเค้ากำหนดมูลค่าได้เองเค้าปรับราคาได้ตามเหมาะสม เเต่บ้านเราสินค้าส่งออกหลักคือเกษตรเเล้วขะปรับราคาได้เเบบเค้ามั้ยล่ะ? เพราะมันมีเพดานคุม เค้าเลยบอกไงว่าถ้าจะปรับค่าเเรงขั้นต่ำบ้านเราต้องมีผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง

สินค้าเกษตรมาร์จิ้นต่ำ ไหนจะเรื่องการดูเเลรักษาไม่ให้เสียอีก ส่วนที่เหลือในบ้านเราส่วนใหญ่คือ OEM ก้เเปะเเบรนด์เเบบที่ท่านว่านั่นเเหละ ท่านจะไปเพิ่มราคายังไงผมไม่เข้าใจ

เย็บชุดทหารสวีเดนนี่คือการเเก้ปัญหาค่าเเรงหรอ? เหมือนบอกจะปรับค่าเเรงใช่มั้ยเเก้ปัญหาง่ายๆก้ไปหาออเดอร์มาเพิ่มสิ นี่หรือวิธีเเก้ปัญหา บอกลดของเสียยังเข้าท่ากว่าอีก ท่านจะให้โรงงานการ์เมนท์ทุกที่เค้าไปหาเย็บชุดทหารสวีเดนรึงไง ตลกอะ

ผมว่าท่านอ่านข่าวเเล้วท่านเข้าใจอะไรบ้างหว่า คีย์ของทักษินกับอุ๊งอิ๊งง่ายๆเลยคือหาเงินให้มากขึ้น หลักการมีเเค่นั้นเองลองอ่านจากที่ท่านเเปะข่าวมาก้ได้ คนเค้าเลยถามว่ามันทำยังไง? อย่างข่าวที่ท่านบอกเค้าก้ะูดถึงจุดอ่อนบ้านเราสองอย่างคือเเรงงานไร้ฝีมือเยอะ + เน้นรับจ้างผลิตเป็นหลัก ซึ่งสองอย่างนี้มันสร้างมูลค่าได้น้อย

คีย์หลักของอุ๊งอิ๊งคในการสร้างนวัตกรรมคือเน้นหนักไปทางด้านเกษตรกรรม+ท่องเที่ยว ซึ่งบ้านเราเเต่เดิมพื้นฐานมันก้เป็นอย่างนี้อยู่เเล้ว ผมเลยบอกไงว่ายังไม่เห็นรุปร่างที่ชัดเจน อย่างนโยบายภาษีมันก้ปรับช่วยเจ้าของกิจการมาตั้งเเต่ตอน 300 เเล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันก้เหมือนเอาของเก่าที่ทักษิฯเคยทำมาเล่าใหม่สำหรับผมอะ ไม่เห็นความต่างอะไรเลยกับตอนนู้น

 

555 เดี๋ยวนะท่าน ผมงอนตรงไหนครับตลกละที่ผมบอกว่าจะไม่ตอบแล้วเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วไงละครับในเมื่อท่านปักใจเชื่อในมุมทองท่าน ผมปักใจเชื่อในมุมมองผมมันก็จบถูกละนี่ครับ ทำไมถึงยดเยียดว่าผมงอนครับถามจริง เรื่องโรงงานการผลิตท่านจะบอกว่ารู้ไม่น้อยกว่าผมโอเคครับผมจบเรื่องนี้เดี๋ยวแย้งไปก็จะมีประเด็นอีกว่า คุณอาจจะรู้เยอะแต่ผมประสบการณ์ตรงผมก็บอกท่านได้แค่นี้ครับ ส่วนที่ท่านบอกแต่ละโรงงานเจอปัญหาไม่เหมือนกันก็ใช่แล้วครับแต่ละที่มันมีปัญหาของตัวเองอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องลดของเสียมันคือลดการฟุ่มเฟือยมันคือหนึ่งในนโยบายแก้ปัญหาของนายจ้างแล้วคุณจะตอบว่าไม่ใช่ได้ยังไงครับในเมื่อคุณยังบอกเองเลยว่าแต่ละที่ปัญหาไม่เหมือนกัน งง ไหมครับ

ที่ถามผมรวมถึงที่คุณหาความหมายมาให้ แรงงานก็คือแรงงานครับ ผู้ที่ทำงานตามหน้าที่ๆได้รับมอบหมายครับ คือผู่ที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำที่เท่ากันตามที่ผมแย้งกับท่านจนถึงตอนนี้ไงครับ

ส่วนที่ท่านให้ความหมายแรงงานมีทักษะใครๆก็รู้ไงครับ ซึ่งตัวทักษะตรงนี้มันมีค่าความสามารถต่างหากไงครับ ซึ่งผมเลยบอกไงว่าถ้ากลุ่มที่คุณบอกว่ามีทักษะหรือแรงงานใช้แรงกายปกติถ้าคุณเป็นกลุ่มถูกจ้างค่าแรงด้วยเรทแรงงานขั้นต่ำทุกคน ผมย้ำว่าทุกคนควรได้รับค่าแรงเท่ากัน เพราะมันคือค่าแรงขั้นต่ำ ถ้าคุณแยกว่าเป็นแรงงานไร้ทักษะได้รับค่าแรงงานเท่าคนมีทักษะไม่เหมือนสมแล้วประเทศนี้หรือโลกนี้จะมีขั้นแรงขั้นต่ำไว้เผื่ออะไรครับ เพราะขั้นต่ำมันคือต่ำที่สุดแล้วในการรับค่าจ้าง ส่วนคนมีทักษะพิเศษก็เป็นหน้าที่นายจ้างจะเพิ่มหรือที่เค้าเรียกกันว่าซื้อความสามารถเพิ่มเป็นรายได้เพิ่มก็ถูกแล้วนิครับที่ผมบอกมาทั้งหมด และนั่นเป็นหน้าที่ของนายจ้างทุกคนทั่วโลกเค้าก็ยอมรับและทำเหมือนกันหมดครับ

ที่คุณบอกคุณยกให้เห็นภาพง่ายๆช่างเชื่อม ช่างเย็บผ้า ผมอ่ะอธิบายง่ายกว่าคุณอีก แรงงานช่างเชื่อมหรือแรงงานผู้ใช้แรงงานหรือแม่บ้านทำความสะอาดหรือรปภ.ทุกคนคือแรงงานเฉพาะในตำแหน่งของตัวไงครับ ซึ่งทุกคนคือคนที่รับค่าแรงขั้นต่ำสุดเท่ากันไงครับ แต่คนที่มีทักษะสูงกว่าก็รับค่าฝีมือที่แตกต่างไปสิครับ ถ้าคุณบอกว่าก็มันรับเท่ากันอยู่งั้นผมก็บอกเลยมันมีปัญหาที่นายจ้างละครับ ไม่ใช่ปัญหาที่แรงงานขั้นต่ำ ไม่งั้นสมัครงานจะถามหาประสบการณ์ทำงานการ ความสามารถพิเศษและอายุการทำงานเพื่ออะไรครับ ก็เพื่อการแตกต่างของรายได้ไงละครับ

คุณบอกคุณมองคนเท่ากัน คนจบ ป.ตรีแต่ละคนค่าจ้างยังไม่เท่ากัน แต่แรงงานเราไม่รู้ที่มาเลยต้องมีขั้นต่ำส่วนใครมีฝีมือก็ได้เกินอยู่แล้ว ก็ถูกนิครับแล้วแตกต่างจากที่ผมโต้แย้งคุณว่าไม่ยุติธรรมสำหรับแรงงานมีฝีมือในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำตรงไหนครับ

ส่วนที่ท่าบอกช่างเย็บผ้าเค้าไม่สอนกันนะคงเป็นเฉพาะโรงงานที่คุณรู้จักแค่นั้นครับ ขนาดโรงงานที่บางลำภูที่บ้านผมเคยดิวงานมายังรับรายวันที่ไม่มีประสบการณ์เลย แล้วก็เอามาสอนทำจากง่ายไปจนสะสมความสามารถขึ้นไปถึงรับงานที่ยากขึ้นได้ครับ เอาผู้มีความสามารถเย็บผ้าเป็นหรือจบงานวิชาชีพทางนี้มาเลยคนงานไม่พอทำงานหรอกครับ อัตราส่วนคนเป็นเลยกับไม่เป็นบริมาณห่างกันเยอะครับ ส่วนเรื่องงานเย็บผ้าสอนวันเดียวก็ทำเป็นแล้วครับในส่วนงานพื้นฐานเรื่องนี้เถียงมาผมเถียงกลับเลย ช่างทำถนนขับรถเครื่องจักรกลหนักอบรมครบชั่วโมงไม่กี่ชั่วโมงก็ออกมาขับพร้อมทำงานได้เลยครับ มันจะมีเฉพาะในส่วนงานที่มันต้องใช้ความชำนาญการพิเศษแค่นั้นและรับที่ไม่ใช่ใครจะทำก็ได้ต้องเป็นช่างชำนาญการเฉพาะอย่างช่างเชื่อมที่ท่านบอกไงครับ ซึ่งตัวนี้มันไม่ควรเป็นกลุ่มแรงงานขั้นต่ำแล้ว ถ้ายังเป็นผมยืนยันว่าเป็นปัญหาที่นายจ้างแล้วครับ

ก่อนท่านว่าผมว่าทำมากี่โรงงานผมทำมา 2 ครับโรงงานผ้ากับโรงงานสโตร์ทำส่งออกและไม่เคยเจ๊งเลยซักโรงงานเดียว แต่ส่วนตัวผมๆเคยเจ๊งเรื่องลงทุนอสังหา เพราะฉะนั้นผมไม่มีอคติในเรื่องนี้ผมบอกเพราะผมรู้ว่ากำไรมันเหลือ การจ้างขั้นต่ำมันแค่ลดกำไรนายทุนลงมาแค่นั้นสำหรับโรงงาน เรื่อง set คุณไม่ต้องบอกเลยครับค่ารายงานบางอย่างมันมีอะไรหมกเม็ดอีกเยอะครับ ต่อให้มันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือการลงทุนก็ตาม คุณไปดูนิคมที่วังน้อยอยุธยาครับ เกือบ 80% แจ้งกิจการขาดทุนรอวันปิดเพื่อจะไม่จ้างพนักงานประจำเปลี่ยนเป็นลดจ้างรายวันทั้งๆที่การผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ มันเป็นกลยุทธ์ของพวกนายจ้างที่มันไม่ต้องการเเสดงผลประกอบกสรตามจริงๆครับ และเพื่อที่จะลดค่าจ้างงานให้ทุกคนทุกตำแหน่งรับเงินเท่ากันหมดไงครับ จะได้ลอยตัวเรื่องแรงงานมีฝืมือแต่ค่าจ้างสูงไงละครับ ผมถึงบอกว่าปัญหามันอยู่ที่นายจ้าง รัฐเค้าไม่ยัดเยียดภาระให้หรอกครับ เค้าออกนโยบายมาเค้าก็มีนโยบายช่วยสำหรับผู้ประกอบการทุกครั้ง

ส่วนเรื่อง้กาหลีใต้ที่คุณว่าผมเลอะเทอะ คุณนั่นแหละครับเลอะเทอะ แชโบลผมรู้จักครับที่ไหนในโลกทุกประเทศก็มีครับ ส่วนเซมิคอลทำไมผมจะไม่รู้ครับ ทุกประเทศมันมีกลุ่มนายทุนใหญ่เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนกันหมดครับ และมันก็ไม่ใช่ผู้จ้างงานทั้งหมดของเกาหลีครับ ภาคการเกษตรเค้าก็มีครับ เกาหลีก่อนมีทุกวันนี้เค้าก็เอาประเทศเจริญกว่าเป็นตัวตั้งแล้วทำตามเหมือนที่ไทยกำลังทำไงครับ ทำไมประเทศเจริญแล้วถึงจ้างขั้นต่ำเป็นรายชั่วโมงได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงนายทุนเหมือนที่คุณห่วงละครับ เเล้วทำไมประเทศนี้พอจะทำค่าแรงขั้นต่ำถึงทำไม่ได้ละครับ ส่วนเรื่องเกษตรไทยเราควบคุมปรับราคาได้มานานมากแล้วครับในส่วนการส่งออกอันนี้ผมรู้ดีเพราะทำอยู่ แต่ที่มันยังจนเพราะด่อค้าคนกลางและแชโบลที่มันคุมราคาทั้งประเทศไงละครับ แชโบลมันสั่งให้กดราคารับซื้อเพื่อเค้าจะได้กำไรในการขายออกไงครับ อย่างเช่นข้าวรับซื้อ 12,000 แต่นำขาย 3-4 หมื่นไงละครับ

ส่วนที่คุณบอกมาร์จิ้นและแปะแบรนด์ของผม ผมถึงบอกไงในเมื่อมันเพิ่มราคาต้นทุนไม่ได้มันก็ต้องลดต้นทุนในส่วนที่ฟุ่มเฟือยแทนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โคตรง่ายเลยครับเพื่อให้ช่องว่างมาร์จิ้นคงสภาพเท่าเดิม

ก็ที่อุ๊งอิ๊งบอกมันคือจุดเริ่มต้นสร้างเศรษฐกิจเอาเงินเข้าประเทศเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประเทศไงละครับ เมื่อเงินในประเทศเพิ่มเท่ากับประเทศมีรายได้เพิ่ม คนมีรายได้เพิ่มก็ซื้อของๆผู้ประกอบการเพิ่ม ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มก็จ้างงานเพิ่ม มันก็เป็นวงกลมแบบนี้มันไม่ถูกตรงไหนครับ

ผมขอบอกครั้งสุดท้ายครับว่าผมไม่ตอบแล้วท่านจะเข้าใจยังไงก็แล้วแต่ท่านเถอะครับ และผมไม่ได้งอน 1.ที่เมื่อคืนผมบอกจะไม่ตอบเพราะผมจะนอนแล้วมันดึกมากเกือบตีสองเลย กับ2.ที่วันนี้ผมจะไม่ตอบแล้วเพราะผมมีงาน วันนี้ผมนัดเซ็นส่งน้ำตาลไปอินเดียที่ฝั่งแม่สอดครับ ไม่ใช่เพราะงอน ผมไม่ได้งอนท่านเลย ตรงไหนผมผิดผมยังรับผิดกับท่านเรื่องนิคมเลย ผมชอบการโต้แย้งครับเพราะผมไม่ใช่ผู้รอบรู้ทุกเรื่อง การโต้แย้งมันทำให้ผมได้รู้เพิ่มและได้มุมมองใหม่ครับ

 

ไอนิยามผมก้เอาอ้างอิงมาจากความหมายต้นทางเพราะท่านบอกเเค่ฝึกอบรมงานก้เป็นเเรงงานฝีมือได้ ผมก้เเย้งว่ามันไม่ใช่ มันต้องอาศัยฝีมือ ประสบการณ์เเละความชำนาญงานประกอบด้วย

เอ่อค่าเเรงขั้นต่ำท่านเข้าใจว่ายังไง? เเรงงานเวลาได้เงินมันไม่ใช่คิดเอาค่าเเรงขั้นต่ำ+ฝีมืองานนะ มันคิดเหมารวมเป็นก้อน เลยงงว่าท่านจะเเยกเอาค่าฝีมืออะไร เเรงงานฝีมือที่ไหนได้เงินมาทางองค์กรเค้าไม่ได้เเยงว่าขั้นต่ำ 600+ค่าฝีมือ400 ที่ไหนเค้าเเยกกันเเบบนี้?

ท่านทำสองโรงงาน ผมทำ 4 โรงงานไม่นับฝึกงานตอนเรียนโทในกระทู้เก่าอีก งั้นผมก้มีประสบการณืมากกว่าท่านสิ? ผมเลยบอกไงว่าอย่าเอาอคติที่ผมหรือท่านมีมาตัดสิน บอกไปเปิดงบดุลดูก้ไม่ไปดู โรงงานที่ท่านหรือผมอยู่ได้คือเค้ารอดไง เเล้วโรงงานที่เค้าปิดตัวไปเพราะขาดทุนสะสมท่านจะเห็นมั้ยล่ะ

ไปดูโซนมหาชัยสิ โรงงานห้องเย็น+อาหารกระป๋องปิดตัวบาน ท่านคิดไงล่ะ? ผมก้เลยบอกไงว่าท่านอคติ โรงงานมันก้เป็นธุรกิจเเบบนึงมีกำไรมีขาดทุน ท่านจะมาอ้างได้ยังไงว่าโรงงานที่ท่านทำมันกำไรดีเเล้วโรงงานที่อื่นจะกำไรดีไม่ขาดทุนกันหมด?

รัฐไม่ยัดเยียดภาระ? ไปหาบทสัมภาษณ์เก่าสัปดาห์ที่เเล้วรายการหมาเเก่ก้ได้ครับ นายกสภานายจ้างยังบอกเองว่าตอนปี 55 ปรับค่าเเรง 300 ธุรกิจถักทอ ห้องเย็น อาหารกระป๋อง รองเท้า บ้านเราปิดตัวไปบาน เหลือเเต่รายใหญ่ๆที่ท่านบอกว่ามีกำไรมาจนถึงตอนนี้ไง

ท่านพูดเรื่องเกาหลีนี่ยิงเลอะเทอะ เเชโบลรู้มั้ยว่าคิดเป็นสัดส่วนรายได้ทั้งหมดเท่าไหร่ของเกาหลีเเละกลุ่มเเชโบลที่โดดเด่นคือเค้าหาเงินจากนอกประเทศเข้ามาในประเทศครับ เค้าเลยเพิ่มค่าเเรงได้ ไม่ใช่เเบบ CP บ้านเราที่เก่งเเต่ในประเทศพอออกนอกประเทศก้สู้เขาไม่ได้เเล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเพิ่มค่าเเรงขั้นต่ำ

ยิ่งท่านเทียบราคากับข้าวนี่ยิ่งไปไกลเลย เซมิคอนดักเตอร์กับสินค้าเกษตรกรรมเหอะๆ เค้าเลยบอกไงว่าบ้านเราต้องมีนวัตกรรมเป็นของตัวเองนั่นเเหละตัวสำคัญที่เพิ่มค่าเเรง มัวเเต่ขายยาง ขายข้าว เกษตรพื้นฐานเเบบเดิมๆ ขายวัตถุดิบได้กำไรชิ้นละ 1 บาท ไปให้ต่างประเทศเเปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กำไรชิ้นละ 100 บาท เเล้วจะเอาความสามารถที่ไหนมาเพิ่มค่าเเรง?

ท่านเลิกพูดเรื่องลดต้นทุนเหอะ ถ้าท่านพูดอีกนี่เเสดงว่าตอนเป็นเจ้าของกิจการท่านผ่านได้เเบบฟลุคๆเลยนะ qa โรงงานเป้าเค้าคือลดของเสีย kpi เค้าต้องลดของเสียทุกปีอยู่เเล้ว sales&marketing เค้าก้ต้องหายอดออเดอร์ตาม kpi เพิ่มทุกปีเพื่อให้ธุรกิจขยายตัว เเละ ฝ่าย production/finance เค้าก้ต้องหาทางลดต้นทุนทุกปีเป็นปกติอยู่เเล้วเพราะมันคือ kpi ของเค้า

บางโรงงานตอนนี้มัน lean จนเเทบจะไม่มีขั้นตอนสูญเปล่าหรือส่วนเกินให้ลดต้นทุนเเล้ว กลับกันอย่าง garment เนี่ย ต้นทุน 30-50% ของผลิตภัณฑ์มาจากค่าเเรง จะลดยังไง? เหมือนทำงานอาคารสูงหรือห้างสรรพสินค้าเค้าก้มีนโยบายให้ลดค่าไฟให้ได้มากที่สุด พวกนี้เข้าอนุรักษ์จนมันไม่รู้จะไปลดทีไ่หนเเล้ว ท่านจะลดต้นทุนอะไรอีก พูดเเจ้วๆเป็นนกเเก้วนกขุนทองเลย

ท่านก้ไม่ต้องตอบผมเหมือนกัน เถียงกับท่านละเหนื่อยตัวเองโควทเปิดมาเองเเต่ไม่รับฟังไง ผมก้บอกเห็นด้วยกับเพิ่มค่าเเรงเเต่ไม่เห็นด้วยที่มาจากนโยบายฝ่ายการเมือง คีย์เวิร์ดผมคือตรงนี้ พอบอกให้ท่านมองให้กว้างๆมองมุมอื่นประกอบ ท่านก้ไม่ทำเเละยืนยันว่าท่านเจอมาเเบบนี้ต้องเป็นเเบบนี้ เถียงเเบบนี้ท่านจะโควทมาทำไมเเต่เเรก? ไม่ต้องโควทมาเเล้วนะ อยากโควทก้หลังไมค์ละกัน  

อ่ะผมตอบผู้จบปริญญาโทนะครับ ผมผ่านมาแค่ 2 แต่ผมผ่านในฐานะเจ้าของกิจการ ท่านผ่านมา 4 ในฐานะอะไรผมไม่ทราบและไม่ได้คิดดูถูกอะไรท่านเลย ไม่เหมือนที่ท่านบอกผมผ่านฟลุ๊คๆนะครับ ทั้งที่ช่วงฟองสบู่แตกฆ่าตัวตายไปตั้งเยอะแต่ผมรอดมาแบบปกติสุขดีนะครับ

ผมจะตอบแค่สั้นๆนะครับที่ท่านไล่ให้ผมไปดูรายงายของหลักทรัพย์นะครับมันไม่ใช่ทั้งหมดไงครับ พวกไม่เข้าระบบไม่รายงานสถานะละครับ ไลน์การผลิดปีๆหลักร้อยล้านทั้งประเทศอีกตั้งเท่าไหร่ครับ แล้วเช่นกันผมบอกให้คุณไปดูนิคมวังน้อยคุณให้ผมไปดูมหาชัยผมตอบแบบเห็นแก่ตัวเลยครับผู้ประกอบการต้องปรับตัวตามนโยบายสิครับ ให้ผมดูคนที่ไปไม่รอดแล้วทำไมไม่ดูคนที่เค้ารอดละครับว่าเค้าทำยังไงถึงรอด ผมในฐานะผู้ประกอบการทุกครั้งที่รัฐมีนโยบายอะไรมาเกี่ยวข้องก็แล้วแต่เค้ามีนโยบายมาช่วยเสริมตลอด ทำไมผู้ประกอบการบางคนเข้าถึงการเงินได้สูงกว่าเพดานการผลิตละครับ บางทีมันดูแค่บัญชีไม่ได้ประเทศนี้มันมีการอาศัยช่องว่างเพื่อผลประโยชน์รออยู่ แต่เค้าดูที่กำลังการผลิตตามความจริงไงละครับเค้าเลยเค้าถึงเพดานการเงินได้สูงกว่ากำไร-ขาดทุน เพื่อนนำวงเงินไปสร้างโอกาสทำมูลค่าเพิ่มต่อไงครับ

ตัวอย่างเยอะแยะแต่ผมไม่ขอเอ่ยชื่อขี้เกีนจโดนฟ้อง ยอดขายร้อยล้าน ยอดภาระร้อยล้านนิดๆเพื่อแสดงรายงานว่าปีนี้ขาดทุนแต่ไปตรวขสอบการผลิตสิครับ กินการขาดทุนไม่มีที่ไหนผลิตสินค้ามากกว่าบริษัทที่แสดงกำไรอีกครับ

ในส่วนค่าแรงขั้นต่ำมันก็ทุกแล้วนิครับคุณยังว่าผมเข้าใจอะไรผิด ต่ำสุดที่แรงงานได้รับคือ 600 ส่วนใครอยู่อยู่ในตำแหน่งชำนาญการก็ได้พิเศษเพิ่มค่าตำแหน่งหรือค่าผลงานก็ถูกแล้วนิครับ ผมผิดตรงไหน พนักงานเก็บขยะทำงานได้ขั้นพื้นฐานต่ำสุดคือ 600 แล้วก็จบแค่นั้น ส่วนทักษะที่มีความสามารถก็ได้ค่าความสามารถเพิ่มและได้โอทีที่ทำเป็นรายได้ทางที่สองที่สามในขณะที่กลุ่มแรงงานล้วนๆจะจบแค่ 600 แค่นั้นมันไม่ใช้ยังไงครับ

การเกษตรแบบไม่ต้องมีนวตกรรมก็ไปดูเวียดนามสิครับ เศรษฐกิจโตตั้งเท่าไหร่ด้วยการเกษตรและการท่องเที่ยว ทำไมการเกษตรเค้าขายได้ราคาสูงกว่าบ้านเรา ทำไมการท่องเที่ยวเค้าตอนนี้ดึงดูดคนดีกว่าอดีต มันอยู่ที่ฝ่ายบริหารไงครับ ไม่ใช่เอื้อแต่นายทุนได้เอาเปรียบฝ่านเกษตรผู้ผลิตแบบทุกวันนี้

คุณหัวเราะเซมิคอลกับการเกษตร มันก็เหมือนผมหัวเราะวิศวะกับกรรมกรของคุณนั่นแหละ แชโบลเกาหลีตอนนี้คะณไปดูสิครับแต่ละโปรเจกได้รับการสนับสนุนการเงินจากรัฐบาลเกาหลีเท่าไหร่ แล้วรัฐเอาเงินมาจากไหนก็มาจากการท่องเที่ยวที่ทำงานควบคู่อุตส่าหกรรมบันเทิงในการสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศไงครับ ที่วันนี้กลุ่มแชโบลต้องทายอินสินค้าทุกตัวผ่านอุตสาหกรรมบันเทิงตลอด แล้วคุณจะบอกว่าแตกต่างกว่ากลุ่มเจ้าสัวเราเนี่ยนะครับ

เพราะจุดเด่นเราคือเกษตรและการท่องเที่ยวไงครับ เราก็ต้องอาศัยจุดเก่งของเราสร้างเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งไงครับ ถ้าไม่เริ่มจากจุดนี้จะให้เริ่มจากจุดไหนครับ

แล้วบอกผมไม่ต้องพูดเรื่องลดต้นทุนเพราะมันต้องลดทุกปีอยู่แล้ว เซลล์-มาเก็ตติ้ง-เอยี เค้าหางานเข้าเพิ่มอยู่แล้ว แล้วมันไม่ใช่ทางออกที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวกับนโยบายรัฐยังไงครับ

แล้วบอกว่าผมมองมุมเดียวเนี่ยคุณละครับ ผมก็บอกผมมองจากการเป็นนายจ้างผมบอกว่ามันทำได้ คุณละครับมองจากมุมไหนก็มุมอคติแบบผมนี่แหละ ถ้าผมในฐานะผู่อยู่รอดปลอดภัยผู้ไม่ได้จบ ป.โท ผู้ที่ผ่านวิกฤตมาได้แบบฟลุ๊คๆ ทั้งฟองสบู่แตกต้ำยำกุ้ง รัฐประหาร ขึ้นค่าแรง 300 รัฐประหารอีกรอบผ่านมาได้ทั้งหมดแบบฟลุ๊คๆจริงๆเหรอ ผมผ่านมาได้เพราะการปรับตัวไงละท่าน ถ้าผมฟลุ๊คผมว่านักวิชาการควรเอาผมไปเป็นกรณีศึกษาบ้างแล้วละครับ มิติการมองแตกต่างกันไม่เป็นไรครับ แต่ท่านว่าผมฟลุ๊คเนี่ยท่านเคยลงสนามจริงแบบผมละยังครับ

กับที่ท่านว่าผมพูดเป็นนกแก้วนกขุนทอง ก็ท่านบอกว่าเค้าลดค่าไฟให้อาคารสูงอะไรพวกนี้ใช่ไหมครับ ในเมื่อเค้าลดให้แล้วแต่ภาระยังสูงก็ลงทุนสร้างไฟฟ้าเองสิครับ ติดโซล่าเซลล์ช่วยลดต้นทุนลงไปอีกสิครับเพื่อนำช่องว่างตัวนี้ไปอุดหนุนค่าแรงลูกจ้างไงครับ โรงงานเพิ่มพัดลมเพดานทำงานควบคู่กับแอร์สิครับ จากแอร์ 10 ตัวเหลือ 5 ตัวและใช้พัดลมโรงงานแบบเพดานเพิ่มสิครับ มิติการมองแตกต่างไหมครับผมมองแบบชาวบ้านๆที่ไม่ใช่นักวิชาการเลยนะ ห้องน้ำใช้ไฟแบบอัตโนมัติแทนการเปิดทิ้งทั้งวันสิครับ ขนส่งสินค้าที่โรงงานงดการขนส่งภาคค่ำทำแต่ภาคเช้าลดการใช้พลังงานน้ำไฟในส่วนโกดังสิครับ คุณอาจมองเป็นเรื่องเล็กๆแต่เชื่อไหมครับลดต้นทุนได้หลักแสนเลยต่อเดือน ยิ่งโรงงานใหญ่ๆลดเป็นล้านครับ แบบนี้เรียกว่าผู้ประกอบการธรรมดาแบบผมฟลุ๊คไหมครับ

สุดท้ายผมจะไม่โควทตอบท่านแล้วแน่นอนครับ ท่านว่าผมเถียงแล้วท่านละครับ ผมไม่ใช่ผู้รอบรู้รอบจกรวสลหรอกครับ ในส่วนที่ผมกล่าวผิดตรงนิคมพอท่านท้วงผมยังยอมรับเลยครับ แล้วท่านละครับ แล้วว่าผมงอนตอนนี้บอกผมไมต้องโควทละนะสรุปอันนี้เพราะผมงอนใช่ไหมครับ ยืนยันสุดท้ายครับผมจะไม่ตอบแล้วไม่ว่าท่านจะโต้แย้งอะไรหรือต่อว่าผมอะไรหรือดูถูกว่าผมฟลุ๊คยังไงก็ตามครับ จะบุ๊คมาร์กหรือแคปหน้าจอเก็บไว้ก็ได้ครับ แล้วปี 70 ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเรามารอดูผลรับกันอีกทีครับ ขอบคุฯสำหรับการโต้แย้งและชี้แจงครั้งนี้ครับ

***วันนี้ผมดิวส่งน้ำตาล 50 ตันไปอินเดียที่ฝั่งแม่สอดผ่านเรือสินค้าเพื่อไปยังโกดังของอินเดียที่เปิดศูนย์รับซื้อที่พม่า ทราบไหมครับว่าอุปสรรคคืออะไร ราคาค่าขนส่งทางเรือขึ้นราคาจากเดือนที่แล้วโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า แต่ทำไมผมถึงยอมจ่ายเพิ่มรู้ไหมครับเพราะผมยอมลดกำไรเพื่อให้ผมยังมีกำไรครับ คุณลองถามโรงงานมหาชัยที่ปิดตัวลงสิครับ เคยยอมลดกำไรเพื่อให้ตัวเองยังทีกำไรบ้างไหม หรือผลิตสู้ราคาเดิมจนปิดตัวลงไป เคยหาทางดิ้นรนปรับไปทำอย่างอื่นเพิ่มสร้างโอกาสให้กิจการตัวเองอยู่รอดหรือไม่หรือดันทุรังจะทำแค่อย่างเดิม บางทีอีโก้เล็กๆทำคนหมดตัวมาเท่าไหร่แล้วครับ ถ้าใครมาอ่านใครก็ได้แล้วตั้งคำถามว่าถ้าผมเก่งจริงทำไมผมไม่ใหญ่โตไปมากกว่านี้ผมก็ตอบว่าเพราะผมทำเท่าที่ผมไหวไงละครับ ผมไม่ฝืน ผมไม่ทำเกินตัว ครอบครัวผมเน้นทำเท่าที่ไหวเลยรอดปลอดภัยมาถึงตอนนี้ เช่นกันกับผู้ที่เค้าปิดตัวลงด้วยความเคารพเค้าทำเท่าที่ไหวหรือทำมากเกินตัวเพราะความโลภมองแต่ปริมาณของตัวเงินครับ เรื่องแบบนี้แล้วแต่มุมมองครับ แล้วมารอดูปี 70 กันครับผมไม่ตอบละนะและไม่ข้อความด้วยครับ แล้วที่ผ่านมาผมพยายามไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเพื่อบางท่านมาอ่านจะได้เข้าใจง่ายๆครับ เพราะบางคนก็รู้บางคนเค้าก็ไม่รู้ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้และไม่เข้าใจในทางวิชาการครับ

 

ท่านดูถูกตั้งเเต่บอกผมมองคนไม่เท่ากันเเล้วครับ ลองไปใช้คำนี้พูดกับคนอื่นดูเเล้วเค้าจะคิดยังไงคิดเอาเอง ไม่ต้องให้ผมมาบอกมั้ง

ท่านจะผ่านมากี่ที่ ทำงานอะไรมา ใครถามท่านล่ะครับ ไม่เห้นมีใครเค้าอยากรู้หรือสนใจ เห็นท่านพราวด์ทูพรีเซนท์นักนิ ท่านก้ยังยืนยันคำเดิมว่าที่ตัวเองเจอคือสิ่งที่ถูก จะเป็นเจ้าของกิจการหรืออะไรก้ตาม จริงรึเปล่าก้ไม่รุ้ เเนวคิดก้ไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไหร่เอะอะลดของเสีย เอะอะเพิ่มยอดขาย คิดได้เเค่นี้เด็กมัธยมเค้าก้คิดได้ไม่ต้องถามท่านมั้ง

โรงงานเค้าปิดตัวเพราะเค้าขาดทุนสะสม บ้ารึเปล่าเอาอะไรมาคิดว่าโรงงานเค้าไม่หาทางอยู่รอด ก้บอกเเล้วท่านมันเกินเยียวยา เอะอะโยนความผิดให้โรงงานไม่ยอมปรับตัว โซนมหาชัยใหญ่ๆตอนนี้เหลือเเต่เครือไทยยูเนี่ยนที่ไปไล่ซื้อรายย่อยเทคเค้ามานี่เเหละ

ผมพิมอะไรไปไม่อ่านเลยรึไง บอกเคยทำโรงงาน โรงงานห้องเเถวรึไงวันๆไม่หาทางลดต้นทุน โรงงานอะไรของมัน ผู้ประกอบประสาอะไร

บอกส่งน้ำตาล น้ำตาลอะไร ทรายขาวหรือทรายเเดง มีโรงน้ำตาลเองมั้ย ทำเอทานอลด้วยมั้ย ของเครือไหนไทยรุ่งเรืองหรือมิตรผลรึเปล่า ค่าระวางเรือเท่าไหร่ล่ะตอนนี้ จะให้ผมถามเเบบนี้มั้ย ชอบจังเลย หรือเเค่รับมาขายไปที่ไม่ต้องใช้เเรงงานคน? ไอการส่งน้ำตาลทางเรือนี่เรียกเเก้ปัญหาหรอ ตลกก เนี่ยนะเเนวคิดผู้ประกอบการในการเเก้ปัฐหาธุรกิจ 55555555555555

ตัวเองโควทเริ่ม ก้ไม่ต้องโควทตอบสิ ไหนบอกจะไปก้ไปให้มันจริง มาต่อปากต่อคำอยุ่ได้ บอกให้หลังไมค์มา พิมพ์อะไรมาเวิ่นเว้อ

ก้บอกเเล้วเถียงกับท่านไปมันไม่ได้อะไรไง มองโลกเเคบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ก้เเล้วเเต่

 


เชิญท่านตามสบายครับ ตัวอย่างน้ำตาลนะผมไม่ต้องผลิตเลยโควต้ามิตรผลผมมีประจำทุกปี ท่านละครับอ่านบ้างไหมว่าผมทำสโตร์ส่งออกด้วย การหารายได้เพิ่มที่เป็นกำไรโดยไม่ต้องลงมือผลิตนี่ไม่ใช่ทางออกอีกทางเลือกเหรอครับ

แล้วขาดทุนสะสมมันเกิดจากอะไรครับ ขาดทุนแล้วยังขาดทุนสะสมเพิ่มไปอีกมันเกิดจากอะไรครับ

เอาท่านว่าตามสบายครับ ผมยังใช้ชีวิตสุขสบายดีในฐานะผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการต่อไป คนขาดทุนปิดกิจการผมเข้าใจครับแล้วทำไมไม่มองคนที่เค้ารอดละครับเค้ารอดเพราะอะไร แล้วก็เอากลยุทธวิธีที่เค้ารอดไปเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ไม่รอดซิครับ ผมยินดีให้ท่านหัวเราะต่อไปได้เลยครับ ชอบที่ตั้งคำถามค่าระวางเรือใช่ไหมครับ เคยเห็นเรือสินค้าที่แม่สอดยังครับ รอบเหมาครับ ผมก็ชอบจังเลยคนที่ใช้แต่วิชาการแต่สภาพจริงเป็นยังไงก็ไม่เคยเห็ยครับ

ตลกผมเรื่องส่งออกน้ำตาลคือหาทางแก้ของผู้ประกอบธุรกิจ เคยทำได้เท่าผมละยังครับ หรือรู้ทุกเรื่องแต่ไม่เคยทำเองเลยสักเรื่อง ใครตลกมากกว่ากันครับ ก่อนว่างผมงอนถามตัวเองก่อนเถอะครับ ส่วนรอบนี้ไม่ตอบจริงๆละครับ งอน ครับ


 

ไอการเเก้ปัญหาของท่านเหมือนบอกส่ง kex เเพง งั้นส่งไปรษณีย์ไทยละกัน นี่เเหละการเเก้ปัญหาของท่าน ไอเราก้นึกว่าชิปเม้นผ่านทะเล เหอะๆ

ผมไม่ได้บอกให้มองคนที่เค้ารอด ผมบอกมันทีทั้งคนที่รอดเเละไม่อรด ก้ท่านเองไม่ใช่หรอทู่ซี้ว่ายังไงคนก้รอดมีกำไรทุกปี สงสัยลืมที่ตัวเองพิมพ์มั้ง

คนเรานี่ก้เเปลกปากบอกกิจการดี มีเงิน เหยียดคนนู้นคนนี้ เเต่เเม่ต้องใช้สิทธิบัตรทองไปเบีบยดเบียนภาครัฐทั้งๆที่มีกำลัง โคตรย้อนเเย้ง 555555

มาตอบทำไม ไม่เเน่จริงนิ ไปไหนก้ไปไป๊  


อ้าวมาแก้ไขเหรอครับ ไปหาข้อมูลมาเหรอครับ แล้วพาดพิงแม่ผมอ่านครบแน่ใจเหรอครับ ผมพิมพ์อยู่นะเรื่องบัตรทองว่าคุณหมอเป็นฝ่ายแนะนำว่าให้เข้าโครงการ เพราะแม่ผมระยะสุดท้ายแล้วเอาเงินสดมาละลายทิ้ง ผมในฐานะผู้ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอผมก็ต้องปฏิบัติตามสิครับ เกี่ยวอะไรกับความสำเร็จการงาน แยกแยะยังไม่ออกเลยคุณนะ บอกผมว่าอ่านไม่ครบแน่ใจเหรอครับว่าเป็นผมที่อ่านไม่ครบ ว่าผมเหยียดคุณก็ว่าไปครับแล้วคุณละครับหรือว่าเห็นผมทำไม่ดีในความคิดคุณๆเลยต้องทำตามว่สงั้น

ในส่วนบัตรทองผมก็แสดงความเห็นกับเจ้าของโพสว่าบัตรทองมันดียังไง ผมยังบอกอยู่เลยว่าคุณหมอเป็นฝ่ายแนะนำ ถ้าคนไม่พูดความจริงจะกล้าเอาเรื่องครอบครัวหรือบุพการีมาพิมพ์ลงเหรอครับ ที่ลงเพื่อต้องการให้เป็นข้อมูลกับบุคคลอื่นๆที่เค้ามาอ่านในฐานะผู้เสพข้อมูลไงครับว่าบัตรทองมีประโยชน์ยังไงกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง ถนัดชกนอกรอบนี่คุณอ่ะ ในเวทีไม่ชอบว่างั้นใช่ไหมครับ ไม่เคารพกฏกติกาซะเลยจริงๆ

ในส่วนส่งน้ำตาลผมก็บอกอยู่ว่าส่งเรือฝั่งแม่สอด แล้วคุณจะเอาชิบเมนท์ทสงทะเลมาจากไหนครับ แม่สอดนะคุณ แล้วมันเป็นระยะสั้น ผมก็บอกอยู่ว่าโกดังอินเดียรับซั้ออยู่พม่าฝั่งแม่สอด  

เอ้าสรุปตัวเองเหยียดก่อน พอโดนเหยียดกลับทำรับไม่ได้ เจริญจริงพ่อคุณ 5555

เเล้วใครบอกบัตรทองไม่ดี? เเม่ป่วยระยะสุดท้าย รักษาเเบบประคองอาการได้ มีเงินเเต่ใช้บัตรทองเเละสิทธิราชการก้มี ก้เรื่องของท่านสิ จะให้เเม่ท่านลำบากหรือไม่ลำบากมันก้เรื่องของท่าน หัวท่านมีท่านก้คิดได้ นั่นเเม่ท่านไม่ใช่เเม่ผม

ก้นี่ไงในเวที บอกไม่โควทเเล้วมาตอบทำไม ตัวเองยังทำไม่ได้เเล้วมาพิมพ์หน้าสลอนอยู่อีก

ก้บอกเเล้วพืมพ์อะไรเยอะเเยะ ขอสรุปพอยท์สำคัญพอ เเม่สอดผมอ่านไม่ครบเอง ไม่ได้ว่างมานั่งพิมพ์ขนาดนั้น เเต่ทำไมผมต้องรู้เรื่องท่านทำขายยส่งน้ำตาล?

ก้บอกเเล้วมีอะไรก้หลังไมค์จะได้ตอบเเบบเรียลไทม์ มัวเเต่มาโควทเสียเวลา

 


คุณแน่ใจนะว่าผมเหยียดคุณก่อน แล้วตรงไหนครับที่ผมรับไม่ได้ กับประโยคที่ว่าเห็นผมผิดเลยทำผิดตามผมนี่นะที่ผมรับไม่ได้ แปลดีๆครับ

ในส่วนแม่ผมก็ใช่ไงครับแม่ของผม ผมก็โพสเกี่ยวกับแม่ของผมให้เจ้าของโพสเรื่องบัตรทองรับทราบ แล้วคะณละครับมายุ่งอะไรกับแม่ของผมในเมื่อสุภาพสตรีที่ผมกล่าวถึงเค้าคือแม่ของผมสิครับ และในส่วนเรื่องลำบากไม่ลำบากมีหัวคิดก็คิดไปเกี่ยวอะไรกับการใช้สิทธิบัตรทองครับ ขั้นตอนการรักษาเป็นไปตามในส่วนของบัตรทองแต่ในส่วนของการดูแลที่บ้านทั้งเตียงไฟฟ้าปรับนวดได้ เครื่องพ่นออกซิเจนด้วยระบบน้ำบริสุทธิ ตู้แช่น้ำยาเฉพาะสำหรับฉีดเพิ่มน้ำตาลมีครบครับเอาอะไรมาลำบาก ก็ผมมีเวลาให้โควทไงครับทำไมต้องหลังไมค์ละครับ

ทำไมคุณต้องรู้เรื่องผมขายส่งนำตาลก็คุณให้ผมหาวิธีหารายได้เพิ่มของผู้ประกอบการไมาใช่เหรอครับ ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องทำรายได้แค่ทางเดียวเพื่อประคองกิจการ เจ้าของกิจการมสวิ่งนายหน้าอสังหายังมีเลยครับ นี่ไงครับคนดิ้นรนเพื่อหารายได้เสริมให้กิจการไงละครับ

ผมแถมอีกนิดนึงครับ ขนาดอาจารย์เศรษฐ์ศาสตร์ยังยืนยันเลยว่าไม่มีกิจการไหนพังเพราะขึ้นค่าแรง ที่ผมโควทแต่แรกก็เพราะบอกว่าค่าแรงขึ้นได้ผู้ประกอบการเค้ารับไหว ที่ไม่ไหวคือขนาดเล็กลูกจ้าง 1-5 คนกลุ่มนี้กระทบจริงๆผมก็บอกมาตั้งแต่ต้นๆเลย

 

ท่านนี่ตลก จะหาทางให้ธุรกิจดั้งเดิมอยู่รอดเลยเอาอีกธุรกิจใหม่ไปโปะ ผมถามว่าจะทำให้ธุรกิจเดิมอยู้รอดยังไงด้วยตัวมันเอง งงมั้ย ถ้าธรกิจ 1 ไม่รอด ก้ทำธุรกิจ 2 ไปโปะ 1 งี้หรอิ ถ้าธุรกิจ 2 ไม่รอดอีก ก้ทำธุรกิจ 3 ไปโปะ 1 กับ 2 งี้หรอ จะบ้าตาย ใครสอนเเบบนี้

เเล้วผมบอกตรงไหนว่าห้ามขึ้นค่าเเรง? ผมบอกรอบที่ 3 เเล้วนะว่าค่าเเรงควรขึ้้น เเต่ไม่ใช่ขึ้นจากนโยบายการเมืองเพื่อเอามาใช้หาเสียง ควรขึ้นโดยอาษัยกลไกลจากคณะกรรมการกำกับค่าเเรง เค้ามีคนดูเเลอยู่เเล้ว

ก้ดื้ออะเรา พูดเเล้วพูดอีกก้ไม่อ่าน  

อันที่ว่าผมไม่อ่านผมก็ย้ำอีกครั้งว่าแน่ใจเหรอครับว่าคนที่อ่านไม่ใช่ผม

ผมก็บอกทั้งลดการฟุ่มเฟือย เพิ่มการผลิต ท่านก็บอกว่ามันทำกันปกติอยู่แล้ว แล้วธุรกิจมันมีมากกว่านี้เหรอครับนอกจากการปรับเอาตัวรอด

แล้วการทำธุรกิจเพิ่มเป็นอีกหนึ่งช่องทางตลกตรงไหนครับ คนที่ทำรายได้แค่ทางเดียวสิครับไม่ตลกกว่าเหรอ ผมก็บอกแล้วเป็นการหารายได้เพิ่ม ใครๆก็ทำกันครับผมย้ำเลยว่าใครก็ทำกันครับ ถึงบอกไงนายจ้างระดับร้อยล้านต่อปีเค้ายังทำนายหน้าอสังหาเพิ่มเลยครับ คนที่ทำรายได้แค่ทางเดียวคือคนที่ทำธุรกิจจริงๆเหรอครับผมไม่เคยเห็นนักธุรกิจคนไหนหาเงินทางเดียวนะ อย่างไม่ได้ๆก็ยังเทรดหุ้นเทรดค่าเงินเป็นรายได้เพิ่ม ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นนักธุรกิจนะครับผมไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นครับ ผมแค่นายจ้างงานธรรมดาๆนี้แหละ

การทำธุรกิจไปโปะ ใครสอน ผมก็ถามว่าการไม่หาธุรกิจใหม่ สร้างช่องทางใหม่ไปแทนที่กิจการเดิมที่รายได้ไม่เพียงพอใครบ้างไม่สอนแบบนี้ครับ เป็นอีกหนึ่งการสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการนะครับ ผมถึงบอกให้ไปดูนิคมที่วังน้อยไงครับ ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส่งญี่ปุ่นพอโควิดเข้าประเทศไทยดันแปลงโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคให้ผลิตหน้ากากอนามัยขายเพิ่มด้วย ด้วยการสั่งซื้ออุปกรณ์การผลิตใหม่หมด ทำไมผมถึงรู้ก็เพราะผมไปดิวหน้ากากอนามัยมาไงละครับ

สเกลโรงงานแล้วทำไมครับ สำหรับคนที่หารายได้เพิ่มเพื่อประครองกิจการเดิมก็มีเยอะแยะครับ เพราะเค้ามองว่ามันเป็นเรื่องของสถานการณ์ที่ปรับเปลี่ยนไงครับ กิจการมีขึ้นและมีลง ถ้าอนาคตกิจการตัวนี้มันมีโอกาสที่จะกลับมาใหม่เค้ารักษาไว้ผิดตรงไหนครับ ผมมีรุ่นพี่คนนึงคพณพ่อเค้าทำดีลเลอร์นำเข้ารถยุโรปเป็นกลุ่มแรกๆของรถบีเอ็มและออดี้ ต่อมาธุรกิจนี้เริ่มทดถอยเค้าเลยไปลงทุนทำกิจการโรงงานห้องคลีนรูมเพื่อสร้างรายได้มาประคับประครองลูกจากที่ดีลเลอร์รถยุโรป ต่อมาห้องคลีนรูมเริ่มงานน้อยแต่เค้าบอกผมว่าห้องคลีนรูมไม่มีวันตายเค้าก็ไปทำชิปปิ้งเพิ่มเพื่อมาประครองทั้งห้องคลีนรูมและดีลเลอร์รถ จนสถานะการณ์พลิกตลาดรถยุโรปในไทยกลับมาขายดี ห้องคลีนรูมกลับมาเป็นหัวเรือใหญ่ผลิตถุงมือยางอนายมัยการแพทย์ในช่วงโควิทส่งออกนอกด้วยโดยผ่านชิปปิ้งของตัวเองนั่นแหละ มันเป็นเรื่องของคนที่เค้ามองว่าอนาคตมันพลิกกลับมาได้ไงละครับ การยือดหยุ่น การปรับตัวเอาตัวรอดไงครับ คนที่ไปต่อไม่ได้ก็ปิดตัวลงก็ถูกแล้วครับหยุดภาระหนี้ก่อนฝืนไปแล้วจะยิ่งมากกว่าเดิม ส่วนทำโอลดิ้งก็แล้วไงครับทำไม่ถูกจุดก็เจ๊งได้ก็ปกตินิครับ ในเมื่อจะเจ๊งแล้วก็จะไม่หารายได้ใหม่เลยเหรอครับให้จบที่เจ๊งแค่นั้นเหรอครับ ผมถึงถามการหาเงินเพิ่มมันผิดตรงไหน

ผมก็ไม่ได้บอกเลยว่าคุณห้ามขึ้นค่าแรง ผมโควทคุณตรงที่คุณบอกว่าการขึ้นแบบก้าวกระโดดของแรงงานไร้ทักษะมันไม่สมควรเพราะมันจะทำให้คนที่มีทักษะเค้าจะเรียกร้องกับนายจ้างได้ และจะเป็นภาระของนายจ้าง ผมก็บอกว่ามันทำได้และไม่เป็นการยัดเยียด เพราะที่คุณบ กว่าควรเป็นตามกลไกของการจ้างงานนะครับ กลไกมันขยับมานานแล้วแต่ทุกวันนี้นายจ้างไม่ขยับตามกลไกหรือเรัยกว่ากดรายได้ลูกจ้างนั่นแหละครับ ไม่ได้เป็นเพียงการหาเสียงของการเมืองหรอก ถามว่าการเมืองได้ประโยชน์ไหมผมก็ตอบว่าใช่ แต่ถามว่ากลไกการจ้างงานอะครับมันขยับมานานแล้ว แต่ค่าจ้างแรงงานอ่ะครับมันโดนกดต่ำเกินจริงไงเค้าถึงต้องปรับและใช้ระยะเวลาในการปรับด้วยนิครับ

ส่วนการเมืองอ่ะมันคือนโยบายว่าเค้าจะทำอะไรบ้าง เพื่อไทย ก้าวไกล พลังประชารัฐ ประชาธิปปัตย์ ต่างมีนโยบายที่โดดเด่นของตัวเองทั้งนั้นและก้าวกระโดดกับการเปลี่ยนแปรงทั้งนั้นครับ

ในส่วนตัวผมๆจบที่โควทนี้ของจริงละ จริงๆผมจบตั้งแต่คุณไล่ผมไปไป๊นานละแต่คุณมาแก้ไขข้อความและพาดพิงถึงคุณแม่ของผม

แล้วสังเกตไหมครับตรงไหมผมพลาดผมก็ยอมรับ หรือผมพิมพ์สะกดผิดผมก็ขอโทษและบอกว่าเพราะผมรีบพิมพ์และนิ้วผมใหญ่เลยกดโดนตัวข้างเคียงเลยทำให้คุณอ่านยากขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เห็นมีแอ็คชั่นอะไรเกี่ยวกับการพาดพิงคุณแม่ผมเลย แต่ก็แล้วแต่คุณครับและผมจบของจริงละครับ แต่ถ้าพาดผิงคุณแม่ผมอีกผมก็มาอีกครับ เพราะผมโต้แย้งอะไรผมยังจบแค่ที่ตัวคุณเลย และนี่ไม่ใช่การหัวร้อนอะไรเลยครับแต่ผมโต้แย้งกับคุณมันก็ควรเป็นแค่ผมกับคุณเท่านั้นใช่ไหมครับ  

ไอลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย ท่านไม่ต้องบอกใครเค้าก้รู้ไง ผมเลยถามว่ามันเเก้ปัญหายังไง? เพราะทุกที่เค้าทำกันอยู่เเล้ว ผมถามหานโยบายภาครัฐเว้ย ก้ฝ่ายการเมืองบีบให้ปรับค่าเเรงขั้นต่ำ งั้นภาครัฐต้องมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการสิ ถูกมั้ย?

คิดง่ายๆถ้าฝ่ายการเมืองให้เพิ่มค่าเเรงขั้นต่ำเป็นวันละ 2000 ท่านจะมีหน้ามาพูดให้ลดต้นทุน เเล้วเพิ่มยอดขายคือทางออกของผู้ประกอบการหรอ? คือพวกนี้เค้าทำกันเป็นพื้นฐานอยู่เเล้ว มันเป็นรูทีน มันเป็นเบสิคที่ต้องทำ ท่านจะลดต้นทุนให้ตายยังไง มันก้จะมีจุดๆนึงที่ลดต้นทุนไปไม่ได้มากกว่านี้ โรงงานญี่ปุ่นรู้ดีครับ ต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มทุกวัน เเค่ท่านจะหาทางลดต้นทุนทุกวันผมเลยถามไงทำยังไง? ลดวันนี้ได้ เเล้วพรุ่งนี้ลดยังไงต่อ? เเต่วัตถุดิบของทุกอย่างราคาวิ่งขึ้นตลอดนะ เเค่จะประคองรายได้ยังเหนื่อยเลย

ก้ที่มันกดรายได้ลูกจ้างได้เพราะอะไร ก้เพราะเค้าเป็นเเรงงานไร้ฝีมือไงคิดไมไ่ด้เหรอ ปากบอกอยากให้เเรงงานได้ค่าเเรงขั้นต่ำเพิ่ม เเต่งานที่เเรงงานทำได้มูลค่าของงานเพิ่มมากขึ้นมั้ย? เเล้วเเรงงานฝีมือเค้าเลยไม่มีปัญหาไง เพราะเค้าได้ค่าเเรงเกินกว่านั้นอยู่เเล้ว นายจ้างกดค่าเเรงเค้าก้ออกไปหาที่ใหม่ นายจ้างหาคนไม่ได้เค้าก้ต้องปรับค่าเเรงเพื่อจูงใจ หลักการมันเป็นเเบบนี้

ไม่ใช่เเรงงานทำอะไรไม่เป็น ทำยังไงก้ทำยังงั้น 10 ปีไม่พัฒนา ทำงานเดิมๆซ้ำที่ไม่ได้ใช้ทักษะ เเต่จะเอาค่าเเรงเพิ่มขึ้นเเบบก้าวกระโดด เอาอะไรคิด?

ท่านนี่งีเง่าไม่เลิก เเนวคิดท่านก้เหมือนตู่เลย เอะอะบอกขายออนไลน์ บอกปรับตัว ถามทำยังไงก้ไล่ไปขายออนไลน์ ผมถามธุรกิจดั้งเดิมทำยังไงถึงจะอยู่รอด บอกเอาอีกธุรกิจนึงที่ทำมาช่วยโปะ เเล้วปล่อยให้ธุรกิจเดิมขาดทุนไปเรื่อยๆ ความคิดผู้ประกอบการยังไงเนี่ย? ถ้าทำหลายอย่างเเล้วมันไม่เวิร์คเเบบรุ่นพี่ท่านล่ะ? รุ่นพี่ท่านมีทุนเท่าไหร่ หรือต้องกู้มาเปิดธุรกิจทางเลือกล่ะ? ผมเลยบอกไงเอามุมมองเเต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง มองเเต่คนประสบความสำเร็จ เเล้วคนที่ล้มเหลวหรือเจ๊งมองเค้าบ้างมั้ยล่ะ?

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก