- Main Page
- Right to terminate employment.
สิทธิลูกจ้าง กรณีถูกเลิกจ้าง
การเลิกจ้างและการจ่ายค่าชดเชย |
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้กำหนดหน้าที่ของนายจ้างและสิทธิของลูกจ้างกรณีการเลิกจ้าง ทั้งนี้โดยอาศัยหลักการตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่158 ที่กำหนดเรื่องการเลิกจ้าง คือ 1. ห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรที่เกี่ยวข้องกับความสามารถหรือพฤติกรรมของ ลูกจ้าง 2. ลูกจ้างจะต้องได้รับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนการเลิกจ้างหรือได้รับค่าชดเชยหรือการชดเชยแบบอื่นๆ เว้นแต่ลูกจ้างจะกระทำความผิดอย่างร้ายแรง 3. ในกรณีที่มีการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม หากนายจ้างไม่สามารถรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานได้ลูกจ้างต้องได้รับเงินชดเชยอย่างเพียงพอ |
จากหลักการเรื่องการเลิกจ้างตามอนุสัญญา ILO ดังกล่าว พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้ กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง ทั้งนี้การเลิกจ้างได้แก่ การที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและ ไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และการที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป โดยมีเจตนารมณ์ในการให้ความคุ้มครองลูกจ้างซึ่งต้องถูกเลิกจ้างให้ ได้รับค่าชดเชย
ไม่ว่าจะเป็นกรณีนายจ้างเป็นฝ่ายให้ลูกจ้างออกจากงาน นายจ้างเลิกกิจการ หรือ ลูกจ้างต้องออกจากงาน |
1.ลูกจ้างลาออกจากงานโดยสมัครใจ 2.ลูกจ้างที่ทำสัญญากับนายจ้างโดยมีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน และนายจ้างเลิกจ้างตามกำหนด ระยะเวลานั้น สำหรับงานที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 2 ปี โดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง และเป็นการจ้างงานใดงานหนึ่งที่ทำชั่วคราวในช่วงเวลาอันสั้นแล้วเสร็จสิ้นไป ซึ่งการว่าจ้างถือเอาความแล้วเสร็จของ งานเป็นสาระสำคัญในการกำหนดระยะเวลาการจ้าง ได้แก่งานดังต่อไปนี้ 2.1 งานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและ สิ้นสุดของงานที่แน่นอน เช่น งานค้นคว้าทดลอง หรืองานสำรวจวิจัยซึ่งอาจเป็นการทำลองผลิตสินค้าชนิดใหม่ก่อน นำเข้าสู่กระบวนการผลิตตามปกติของธุรกิจนายจ้าง หรือการสำรวจหาแหล่งขุดเจาะน้ำมันในกิจการโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่ง งานเหล่านี้มิใช่งานที่ทำเป็นปกติธุระในกิจการของนายจ้างนั้น 2.2 งานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน เช่น จ้างลูกจ้างเป็นช่างไม้ ช่างปูน
ช่างผูกเหล็กในงานรับเหมาก่อสร้างซึ่งงานจะเสร็จตามหน้างาน หรือนายจ้างประกอบกิจการผลิตสินค้าสำเร็จรูป 2.3 งานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น เช่น จ้างลูกจ้างทำงานในการผลิตซึ่งอาศัย |
ถ้าเป็นการจ้างงานที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอนในงานอื่นซึ่งมิใช่งาน 3 ประเภทนี้ ก็ไม่ใช่กรณียกเว้นเรื่อง ค่าชดเชย |
ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างและไม่อยู่ในกรณียกเว้นข้างต้น รวมทั้งไม่อยู่ในกรณียกเว้นตามมาตรา 119 ด้วย จะมีสิทธิ ได้รับค่าชดเชยต่อเมื่อมีอายุงานตามเกณฑ์ที่กำหนดดังนี้ 1. ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 30 วัน 2. ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 90 วัน 3. ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 180 วัน 4. ลูกจ้างที่มีอายุงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 240 วัน |
สิทธิผู้ประกันตน กรณีถูกเลิกจ้าง |
จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเดือนละ 5,000 บาท |
1081
ข่าวโรงงานปิดกิจการแล้วมีภาพพนักงานออกมาประท้วงเรียกร้องค่าชดเชยยังคงมีมาให้เห็นอยู่เนือง ๆ ถึงเกิดเป็นคำถามขึ้นมาให้รู้สึกอยากค้นหาคำตอบว่า หากโรงงานหรือบริษัทจำเป็นต้องปิดกิจการ หรือเลิกจ้างพนักงานเพราะไม่อาจต้านทานพิษเศรษฐกิจไหว จะต้องทำอย่างไรจึงจะ win-win ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย และไม่เกิดปัญหาการฟ้องร้อง หรือการชุมนุมประท้วงให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอย่างที่เป็นข่าว
เมื่อคุณจำเป็นต้องปิดกิจการ คุณจะต้องทำหนังสือแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งงวดค่าจ้าง เช่น กำหนดปิดกิจการวันที่ 30 ธันวาคม ก็ต้องประกาศภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน แต่หากคุณไม่ได้แจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าในระยะเวลาดังกล่าว คุณต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีก 1 เดือนด้วย
นอกจากนี้ คุณยังจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่พนักงานตามอายุงานของแต่ละคน ตามมาตรา 118 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541ในอัตราดังต่อไปนี้
- พนักงานทำงานมาเป็นเวลา 4 เดือน แต่ไม่ครบ 1 ปี ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน หรือ 1 เดือน
- พนักงานทำงานมาเป็นเวลา 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน หรือ 3 เดือน
- พนักงานทำงานมาเป็นเวลา 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน หรือ 6 เดือน
- พนักงานทำงานมาเป็นเวลา 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน หรือ 8 เดือน
- พนักงานทำงานมาเป็นเวลา 10 ปีขึ้นไป ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน หรือ 10 เดือน
แต่หากคุณไม่สามารถแบกรับสภาพการขาดทุนได้ไหวอีกต่อไป การบอกกล่าวล่วงหน้า และจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายอย่างครบถ้วน จะเป็นทางออกที่ดีและไม่มีปัญหาในภายหลัง รวมทั้งไม่ต้องถูกฟ้องร้อง หรือเป็นข่าวให้เสียชื่อเสียงอีกด้วย
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พนักงานลาป่วยบ่อย จัดการอย่างไร
ทำอย่างไรเมื่อลูกน้องมีปัญหา?