ใบ ความรู้ เรื่อง การพูดโน้มน้าวใจ

2.การพูดโน้มน้าวใจ

    2.1 ความหมายของการพูดโน้มน้าวใจ

             การพูดเชิญชวน เกลี้ยกล่อม ชักจูงให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ ศรัทธา มีความคิดเห็นคล้อยตาม และปฏิบัติตาม เช่น การพูดโฆษณา การพูดหาเสียง การพูดเชิญชวนให้ปฏิบัติตาม การพูดชักจูงให้เปลี่ยนแปลงทัศนคติ การพูดปลุกเร้าให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ

2.2 ประเภทของการพูดโน้มน้าวใจ

        ประภทของสารที่โน้มน้าวใจที่นิยมในปัจจุบันที่สำคัญมี ๓ รูปแบบ คือ การพูดเชิญชวนการโฆษณาสินค้าหรือบริการ และการโฆษณาเชินชวน

2.3 หลักการพูดโน้มน้าว

1) พูดตามจุดมุ่งหมายของการพูดจรรโลงใจ ให้เหมาะกับสถานการณ์ โอกาส เวลาในการพูด


2) พูดโดยคำนึงถึงผู้ฟังผู้พูดควรพูดให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่สูงส่งดีงามและชี้ให้เห็นถึงอุดมคติ หรือให้เห็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจะทำให้ได้รับคุณค่าและประโยชน์การฟัง


3) สร้างบรรยากาศในการพูด โดยแทรกอารมณ์ขันที่ทำให้ผู้ฟังผ่อนคลายหรือมีอารมณ์สุนทรี


4) ใช้ถ้อยคำภาษา อ้างอิง คำคม หรือยกตัวอย่างต่างๆ เป็นอุทาหรณ์ที่ชัดเจนและตรงกับประสบการณ์ ความสนใจ และทัศนคติของผู้ฟังประเภทและตัวอย่างการพูดจรรโลงใจการพูดจรรโลงใจแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

- พูดจรรโลงใจให้คลายทุกข์ การพูดจรรโลงใจให้บุคคลที่มีความทุกข์ได้คลายทุกข์จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทำให้บุคคลมีกำลังใจที่จะต่อสู้อุปสรรคต่อไป การพูดจรรโลงใจจึงช่วยปลุกปลอบใจให้ผู้มีความทุกข์ มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์ต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่ท้อถอยแม้จะมีอุปสรรคสักเพียงใด

- พูดจรรโลงให้เพิ่มสุข การพูดจรรโลงให้ผู้ฟังมีความสุขการทำได้โดยการบอกเล่าเรื่องที่สนุกสนานแต่มีสาระประโยชน์ผู้ฟังจะเกิดความรู้สึกเพลิดเพลิน และมองเห็นโลกนี้สวยงามน่าอยู่ ในขณะเดียวกันก็ได้รับแนวคิดที่ดีจากการฟังอีกด้วยเรื่องที่นำมาพูดจรรโลงใจให้ผู้ฟังมีความสุข ได้แก่ นิทานสนุกๆ การแนะนำหนังสือหรือแนะนำให้ฟังเพลงหรือดูละคร การท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ เป็นต้น

- พูดจรรโลงใจให้คติข้อคิด การพูดจรรโลงใจให้คติข้อคิดแก่ผู้ฟัง เป็นการพูดที่ทำให้ผู้ฟังเกิดกำลังใจที่จะทำความดีหรือนำข้อคิดต่าง ๆ จากการฟังไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ได้การพูดให้คติข้อคิดมักจะมีลักษณะเป็นการพูดสั่งสอน หรือให้โอวาทในโอกาสสำคัญๆหรือเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดขึ้น ซึ่งผู้พูดจะนำเอาเหตุการณ์นั้นมาบอกเล่าแก่ผู้ฟัง โดยมีจุดมุ่งหมายในการพูดเพื่อให้ผู้ฟังได้แง่คิดและนำข้อคิดต่าง ๆ ไปพิจารณา หรือนำไปปฏิบัติต่อไป

2.4 การเตรียมการพูดโน้มน้าวใจมีดังนี้

๑.    ขั้นการสร้างความสนใจ  ผู้พูดควรใช้ถ้อยคำ  สำนวน ตลอดจนวิธีการพูดให้คมคายทำให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ และต้องการที่จะฟังต่อไป ท่วงทีท่าทางของผู้พูดต้องมีความกระตือรือร้น     จะสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวผู้พูด

 ๒.  ขั้นสร้างความต้องการ  เป็นการชี้ให้เห็นความจำเป็น หมายความว่า ผู้พูดพยายามให้ผู้ฟังตระหนักถึงความจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำ หรือปฏิบัติตามที่ผู้พูดแนะนำ และเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อผู้ฟัง

๓.   ขั้นสร้างความพอใจ เป็นขั้นที่ผู้พูดทำให้ผู้ฟังเห็นจริงตรงกับใจผู้ฟังผู้พูดจะเสนอข้อคิดต่างๆ  ถ้าเป็นการโฆษณาสินค้า ก็จะเป็นการเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ

๔.   ขั้นสร้างมโนภาพ  ผู้พูดพยายามใช้ถ้อยคำให้ผู้ฟังมองเห็นภาพมองเห็นประโยชน์หรือโทษของสิ่งนั้นๆ หรือผู้พูดพยายามยกตัวอย่าง อุปมาอุปไมย และเหตุการณ์ต่างๆ มาประกอบให้ผู้ฟังเห็นภาพตามที่ต้องการอย่างชัดเจน

การใช้ภาษาเพื่อการโน้มน้าวใจ

 การพูดโน้มน้าวประกอบด้วยคำ ๓ คำ คือ คำว่า การพูด การโน้มน้าว และ ใจ ซึ่งแต่ละคำมีความหมายดังนี้
 การพูดโน้มน้าวใจ หมายถึง การพูดเพื่อชักชวนให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ หรือเห็นด้วยทั้งทางความคิดและการกระทำ ตามความมุ่งหมายของการพูด

ความรู้เรื่องการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ คือ การพยายามเปลี่ยนแปลง ความเชื่อ ทัศนคติ การกระทำของบุคคล อื่นด้วยกลวิธีที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจผู้นั้น จนเกิดการ ยอมรับและเปลี่ยนตามผู้โน้มน้าวใจต้องการ

วัตถุประสงค์ของการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจมีวัตถุประสงค์สำคัญโดยทั่วไป 4 ประการ คือ

1. เพื่อชักนำหรือโน้มน้าวใจให้เกิดความเชื่อถือ ศรัทธา ในเรื่องที่พูดหรือเขียน เช่น การชักนำให้ทำประกันชีวิต การโฆษณาคุณภาพของสินค้า การโน้มน้าวใจให้ศรัทธาในศาสนา เป็นต้น

2. เพื่อกระตุ้นหรือเร้าใจให้เห็นความสำคัญของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เช่น การพูดให้เห็นความสำคัญของป่าไม้ การพูดให้เห็นความสำคัญของวัฒนธรรมไทย การเขียนให้ประทับใจในการทำงานอย่างเสียสละของตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น

3. เพื่อปลุกใจให้เกิดความสำนึกและปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
 เช่น การปลุกใจให้รักชาติ การปลุกใจใช้สินค้าไทย การปลุกใจให้รวมพลังสามัคคีเป็นต้น
 เช่น การปลุกใจให้รักชาติ การปลุกใจใช้สินค้าไทย การปลุกใจให้รวมพลังสามัคคีเป็นต้น

4. เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความเห็นคล้อยตามและนำไปปฏิบัติ
เช่น การโน้มน้าวใจให้รู้จักการวางแผนครอบครัว การโน้มน้าวใจให้รู้จักใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอดส์ การเชิญชวนให้เลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น

เนื้อหาที่ใช้ในการพูดโน้มน้าวใจ
ในการโน้มน้าวใจ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนแล้ว การเลือกใช้เนื้อหาก็เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการพูดจะได้ผลหรือไม่อยู่ที่เนื้อเรื่อง เพราะฉะนั้นเนื้อหาที่ใช้ในการพูดโน้มน้าวใจ ควรมีลักษณะดังนี้

1. ใช้วิลีหรือประโยคที่สะดุดตา โอ่อ่า และเร้าความสนใจ เช่น สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินก็สิ้นคิด รักภาษาไทย ควรรู้รักษ์ภาษาไทย รู้บางสิ่งในทุกสิ่ง และรู้ทุกสิ่งในบางสิ่ง เกียรติยศและ ความซื่อสัตย์ เป็นต้น
2. ใช้คำขวัญ คำพังเพย หรือคำสอน เป็นจุดสนใจสำคัญในการพูด และแทรกข้อคิด ลงไปในเนื้อหาการโน้มน้าว เช่น สามัคคี คือพลัง ชาติจะรอดปลอดภัย ถ้าคนไทยสามัคคี สามัคคีกันไว้ ชาติไทยจะพัฒนา พุทธธรรมนำใจให้สงบ
3. ใช้เนื้อหาหรือชื่อที่เฉพาะเจาะจง ไม่ใช่ถ้อยคำที่มีความหมายกว้างเลือนลาง พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เนื้อหาที่เป็นนามธรรมเข้าใจยาก ควรใช้ตัวอย่างเรื่องราวที่เป็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ผู้ฟังมองเห็นภาพได้ชัดเจน เช่น การกล่าวถึงบุคคลสำคัญของชาติไทย ก็กล่าวเชื่อเจาะจง เช่น วีรสตรีศรีสุริโยทัย สมเด็จพระนเรศวร กู้เอกราชชาติไทย รัชกาลที่ 2 ยุคทองของวรรณคดีไทย พ่อขุนรามคำแหง ท่านประดิษฐ์คิดอักษร เป็นต้น
4. ใช้สิ่งตรงกันข้ามเป็นเครื่องเร้าใจ เช่น ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธศาสน์ คนในชาติกลับขาดศีลธรรม สงครามหรือสันติภาพ ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เยาวชนคนเก่ง นักเลงนักเรียน แด่มิตรและศัตรู เป็นต้น
5. ใช้การเร้าใจให้รุนแรง โดยใช้พื้นฐานความต้องการของมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยความปลอดภัย ความต้องการทางสรีระ ความต้องการชื่อเสียงเกียรติยศ จึงใช้ความต้องการพื้นฐานเหล่านี้มาเป็นเครื่องเร้าใจให้ความต้องการสัมฤทธิ์ผล เช่น ถนอมกายเจริญวัย ถนอมใจเจริญสุขหากขาดความสามัคคี ก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ โอกาสและความยุติธรรม เราจะสู้ต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะ เป็นต้น
6. ใช้เนื้อหาที่เร้าใจผู้ฟังเกิดจินตนาการอย่างแจ่มชัด จินตนาการที่เร้าอารมณ์และความรู้สึกของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความหวั่นไหว เช่น น้ำไหลเชี่ยวกราก บ้านเรือนจมอยู่ใต้กระแสน้ำ ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย ขาดเครื่องนุ่งห่ม ขาดอาการและยา อากาศหนาวเหน็บ โปรดยื่นความช่วยเหลือเขา...โดยการบริจาคสิ่งของเครื่องใช้แก่เขาเหล่านั้น...

ขั้นตอนในการพูดโน้มน้าวใจ
มี 5 ขั้นตอนดังนี้ คือ

1. ขั้นการสร้างความสนใจ ผู้พูดควรใช้ถ้อยคำ สำนวน ตลอดจนวิธีการพูดให้คมคายทำให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ และต้องการที่จะฟังต่อไป ท่วงทีท่าทางของผู้พูดต้องมีความกระตือรือร้น จะสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวผู้พูด
2. ขั้นสร้างความต้องการ เป็นการชี้ให้เห็นความจำเป็น หมายความว่า ผู้พูดพยายามให้ผู้ฟังตระหนักถึงความจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำ หรือปฏิบัติตามที่ผู้พูด3
3. ขั้นสร้างความพอใจ เป็นขั้นที่ผู้พูดทำให้ผู้ฟังเห็นจริงตรงกับใจผู้ฟัง ผู้พูดจะเสนอข้อคิดต่างๆ ถ้าเป็นการโฆษณาสินค้า ก็จะเป็นการเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า "นี่เอง....คือผลิตภัณฑ์ที่ฉันต้องการ"
4. ขั้นสร้างมโนภาพ ผู้พูดพยายามใช้ถ้อยคำให้ผู้ฟังมองเห็นภาพมองเห็นประโยชน์หรือโทษของสิ่งนั้นๆ หรือผู้พูดพยายามยกตัวอย่าง อุปมาอุปไมย และเหตุการณ์ต่างๆ มาประกอบให้ผู้ฟังเห็นภาพตามที่ต้องการอย่างชัดเจน
5. ขั้นเรียกร้องให้เกิดการกระทำเป็นขั้นสุดท้ายที่ผู้พูดเรียกร้องให้ผู้ฟังเชื่อถือ เกิดความคิดเห็นคล้อยตาม และกระทำตามที่ผู้พูดต้องการ เช่น ตัดสินใจเลือกซื้อ

//www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter6-1.html

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก