เป็นประจําเดือนสวดมนต์ไหว้พระได้ไหม

คำตอบที่ 1

หนูว่ามันคงไม่จำเป็นคถ้าเราตั้งใจจะทำ

ชื่อผู้ตอบ

ทิชากร

วันที่เขียน

15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 15:07:30

คำตอบที่ 2

1. มีประจำเดือน สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ไม่บาปอะไร จะบาปได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้ไปทำร้ายใครเลย ไม่ได้ผิดศีลอะไรเลย เพียงแต่คนสมัยก่อนเขาไม่มีผ้าอนามัย เวลามีประจำเดือน ถ้าไปนั่งมันจะดูแลลำบาก จะมีกลิ่นให้คนอื่น ๆ ไม่สะดวกสบายด้วย เขาจึงห้ามไว้แบบนั้น แต่ปัจจุบันมีผ้าอนามัยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร

2. ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด ความสะอาดเรียบร้อย จะทำให้จิตใจสงบได้ง่าย เช่นเรานั่งอยู่ในที่อากาศถ่ายเทดี พื้นที่สะอาด เราจะสบายใจ แต่ถ้าเรานั่งอยู่ใกล้ ๆ กองขี้หมา มีกลิ่นเหม็นฉุนมา เราก็ไม่ชอบแล้ว  ดังนั้น ไม่ว่าจะทำบุญหรือไม่ทำบุญ  การฝึกดูแลความสะอาดทั้งตัวเรา ทั้งสถานที่ ควรฝึกให้เป็นนิสัย

การทำสมาธิมีหลายวิธี สวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง  แต่สมาธิไม่ใช่จุดหมายปลายทางของชีวิต สมาธิแค่เครื่องมือเท่านั้น

การปฏิบัติที่ถูกต้องคือการฝึกเจริญสติภาวนา ให้รู้เท่าทันสิ่งต่าง ๆ ตามสภาพจริง ซึ่งมีหลายที่สอน

ถ้าเราจะฝึกเอง แรก ๆ แนะนำว่า  สวดมนต์สัก 5-10 นาที เดินจงกรม 15-30 นาที และนั่งสมาธิ 15-30 นาที  ทำแบบนี้ทุก ๆ วัน จะดีมาก นานวันเข้า เราอาจเพิ่มเวลาได้ เช่น เดิน 1 ช.ม. นั่ง 1 ช.ม. 

การฝึกปฏิบัติเจริญสติภาวนานี้ ไม่ใช่เพื่อเท่ หรือโชว์ใคร แต่เพื่อให้ใจเราสงบ นิ่ง และจะมีพลัง รู้เท่าทันสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา

อ่าน ฟังและฝึกปฏิบัติตามนี้เลย

//buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews6&newsid=143

หรือไปฝึกปฏิบัติที่วัดแบบระยะเวลาสั้น ๆ สัก 5-7 วัน ก็จะดีมาก
แนะนำวัดนี้ //buddhisthotline.com/index.php?page=frmnews3&newsid=195

ชื่อผู้ตอบ

อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษา 99

วันที่เขียน

15 สิงหาคม พ.ศ. 2558 20:31:30

  1. aoyleo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:4 มิถุนายน 2010โพสต์:212 ค่าพลัง:+99

    hello4ดิฉันมีความสงสัยมานานแล้วค่ะ ขอท่านผู้รู้ที่รู้จริงๆ ช่วยไขข้อสงสัยของดิฉันที่มีมานานด้วยเถอะค่ะ
    ดิฉันอยากทราบว่า ผู้หญิงเมื่อเป็นประจำเดือน สามารถที่จะสวดมนต์ และสวดพระคาถาได้หรือไม่ค่ะ เช่นพระคาถาพาหุง พระคาถาชินบัญชร
    ขอขอบคุณทุกท่านที่แนะนำ
    ขออนุโมทนา...........
    catt11

  2. Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:5 เมษายน 2011โพสต์:452 ค่าพลัง:+335

    ทำความดีต้องเลือกระยะหรือคับ
    ถ้าบังเอิญเราตายตอนเป็นประจำเดือน
    เราจะตายในระยะที่มีความดี
    หรือจะตายตอนที่ไม่มีอะไรเลย

  3. aoyleo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:4 มิถุนายน 2010โพสต์:212 ค่าพลัง:+99

    อนุโมทนา แต่มีข้อสงสัยอีกอย่างก็คือ ทำไมเวลาสถานที่ทรงเจ้า หรือ สำนักอะไรบางอย่าง ทำไมเขาห้ามไม่ให้คนเป็นประจำเดือนไปในวันทีเป็นละคะ

  4. aoyleo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:4 มิถุนายน 2010โพสต์:212 ค่าพลัง:+99

    คำตอบยังคลุมเครือค่ะ ดิฉันคิดว่าการทำความดีหรือเป็นคนดีหรือการตายในระยะที่มีความดี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการสวดมนต์หรือท่องพระคาถา เพราะบางพระคาถาเค้าอาจจะมีข้อห้ามบางอย่างบางประการก็ได้ ซึ่งเป็นข้อสงสัยค่ะ เพราะบางคนเป็นคนดีทำความดีแต่ไม่เคยสวดมนต์ก็มีคะ
    อนุโมทนา

  5. ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:24 ตุลาคม 2010โพสต์:86 ค่าพลัง:+257

    ผมเล่นเน็ต อยู่ใกล้ ๆกับท่านครู(ครูบาเจ้าเทพมุณี) พอดีครับ เลยถามท่าน
    ท่านก็ช่วยเมตตา ตอบมาให้
    คำอธิบายน่าสนใจครับผม
    (อิอิ แต่ ท่านไม่ทราบหรอกว่า ผม เอาคำถามมาจาก เว็ป อิอิ)
    ท่านตอบมาว่า
    ........................................................................................
    ป๊อบ.....เอ้ย! (ผมชื่อป๊อบครับ) ฟังครูนะ
    การเจริญภาวนะ หรือสวดมนต์ เป็น การสรรเสริญ พระเป็นเจ้าอย่างหนึ่งตามหลักศาสนานั้นๆ
    เช่นเราชาวพุทธก็สรรเสริญพระพุทธเจ้าของเรา อาจจะเป็นการท่องจำหรืออ่านก็ได้
    อานิสงค์มากมายนับไม่ถ้วน แล้วในบทสวดของเราแบ่งไว้ 6 ประการด้วยกัน ตามแบบของครูนะ
    1 บูชาคุณงามความดี ของพระรัตนตรัยมีพระพุทธเป็นที่ตั้งอันดับแรกเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาคือ พระธรรม และพระสงฆ์
    2เป็นการสาธยาย มนต์นั้นๆ เพื่อ พอพรบ้าง
    ขออฐิษฐานบ้าง
    ขอน้อมรับบ้าง
    ขอคุณสมบัตินั้นๆมาช่วยเหลือบ้าง
    ขอเรียนแบบบ้างประมาณว่าเป็นไอด้อลล์ น่ะ
    เช่น ขอพร ก็ประเภท สัพพะพุทธนุภาเวนะเป็นต้น
    อฐิษฐาน ก็เช่น การสมาทานศิล เพื่อจะปฏิบัติตามเป็นต้น
    ขอคุณสมบัตินั้นๆ มาช่วย ก็เช่น พาหุงมหากา เป็นต้น
    ขอมาเป็นต้นแบบ ก็ ประเภท โมระปริต เป็นต้น

    3เพื่อทบทวน ธรรม การปฏิบัติ เพื่อทบทวนองค์ความรู้ หรือ เพื่อ ทบทวน ให้เราทราบความเป็นไปของของที่สุด ของชีวิต จะได้ ไม่ทุก ใจ ในเวลา เจอ โลกธรรมที่มากกว่า แปด ประการ ที่นอกเหนือ ลาภยศสรรเสริญและสุข
    4ไว้ บอกล่าวแก่สรพสัตว์ ทั่วอนันตจักรวาล ที่มีอยู่แต่เราไม่เห็นเพราะอยู่คนละภาวะ ภพ ภูมิ และสถานที่
    5เพื่อเชื่อมความสัมพันธิ์ กับธรรมะ และธรรมชาติ และตัวเรา ตรงนี้ เราได้ นั่งฟังคลื่นชนิดหนึ่งในการสวดมนต์ นักวิทยาศาสตร์ เขาก็ วิจัยแล้วว่า คลื่นพลังงาน มีผลกระบทบกับจิตใจมนุษย์ เช่นกัน แล้วเสื่นเสียงพลังงานต่ำ ก็ สามารถ ทำให้ การพักผ่อน การนอนหลับ การกินการขับถ่าย ดี เป็นต้น ดังนั้น เสียงที่ นักวิทยาศาสตร์ ทางจิตวิเคาระแล้วว่า ทำให้ พลังออร่า ในชีวิต ดี ขึ้น และ ขจัดปัญหา ความตึงของก้านประสาทได้ ดี คือ เสียงพลังงาต่ำ เช่น เสียงน้ำตก เสียงนกร้องเสียงไวโอลิน เสียงโอเปรล่าห์ และท้านสุด คืิอเสียงสวดมนต์ และพลังงานคลื่นต่ำนี้ก็เริ่มเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ทางเลือก ในต่างประเทศแล้ว
    6เพื่อ ให้เรามีเวลา อยู่กับตนเอง

    ดังงนั้น การสวดมนต์ ภาวนา มีอานิสงค์ ด้วยกัน 6 ประการเช่นกัน

    1 ได้ให้เวลา กับตัวเองบ้าง เพราะวันๆ เราร จะให้เวลา กับสิ่งอื่นคนอื่นมากไป
    2 ได้ฝึก สมาธิ ฝึกสติ เพราะ การสวดมนต์ นั้น คนเรา จะจดจ่อกับการอ่านหรือการสวดมนต์
    3 ได้ฝึกเป็นคนพูดดี คิดดี ทำดี เพราะช่วงเวลาสวดมนต์ เราไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ไม่ได้คิดอะไร และที่สำคัญเราได้ ฝึดพูดดีด้วยเพราะในภาษามนต์ ที่สวด เปรียมไปด้วย ความเมตตาที่เปล่งออกมาเป็นภาษา เปรี่ยมไปด้วย ความดีเพราะเป็นภาษา ของนักปราชญ์ เป็นภาษาของบัณฑิตย์เป็นภาษา ของผู้ดี ภาษาสวดมนต์ ไม่มีคำหยาบ ไม่มีคำลามก ไม่มีคำให้ร้าย หรือคำสาปแช่งเลย เป็นภาษา ของความรัก เป็นภาษาของความเอิ้ออาทร เป็นภาษาของความเมตตาอาดูร เป็นภาษาที่มีแต่การเตือนสติ ดังนั้นเราได้ ฝึกการ พูดดี โดยตรงไปในตัว อย่างไม่ทันตั้งใจหรือตั้งใจก็ตาม
    4 การสวดมนต์นั้นบางอัน มีการทบทวนคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อเรา จะได้เรียนรู้ และปฏิบัติตาม
    5เพื่อ ได้รับกระแสเสียง ของพลังงานคลื่นกระแสต่ำ เป็นการบำบัด อีกทางหนึ่งด้วย

    6เมื่อสวดด้วยจิตที่ตั้งมั้น แล้ว จะมีพลังแห่ง สมาธิเข้ามาส่งให้ กระแสเสียง ไปกระทบ
    โสติสมาธิและการบำเพ็ญ ของเทวดา และเหล่านักสิทธิ์ วิทยาธร ทำให้มาร่วมการ เจริญพระพุทธมนต์ด้วย จะมีเทพดามาสวดด้วยมาอนโมทนา
    ทั้งมิฏฉาทิฏฐิเทพยดา (เทวดาร้าย)
    ทั้งสัมมาทิฏฐิเทพยาดา(เทวดาดี)จะมาร่วมด้วย แต่เป็นปรกติของเขาเหล่านั้น คือ ทวาร ทั้ง9 และตาหูจมูกลิ้นกายใจ ท่านเหล่านั้น จะเป็นทิพย์ ผัสสะการสัมผัสใดใด กระทบจะรับรู้ ได้ง่าย เพราะปรกติ มนุษย์ จะมีกลิ่นสาปของสภาวะมนุษย์ อยู่แล้ว เพราะมี ธาตุ4 ประชุมกันในขันธ์ 5 เป็นเนื้อหนังมังสา
    ท่านครูเล่าเน้นว่า(จมูก เทวดา ได้กลิ่นเหม็นลึกเข้าไปยันจิตใจมนุษย์เชียวแหละ)

    เรื่องประจำเดือนน่าจะมาจากมูลเหตุนี้เป็นสำคัญเพราะนัยยะว่า สถานที่ สถานที่หนึ่งที่ใดบางที อาจจะถือว่ามีเทวดาหรือ อญาณทิพย์ ญาณหนึ่งญาณใดมาร่วมปะสาสังสมาคกรรมด้วย(ประชุม) หากเป็น เทพประเภทสัมมา ทิฎฐิ ก็คงไม่เป็นปัญหา หากแต่ เทพบางองค์ ที่มนุษย์ ให้ความสำคัญนับถือ เป็นเทพฝ่ายมิฏฉาทิฏฐิ ก็มักจะมีโทสะ รุนแรง ถืออารมณ์ อันเกรี้ยวกราดดุร้าย อาจจะเป็นที่ไม่พอใจ เท่าใดนัก เรื่องนี้อาจเชื่อมโยงไปถึงเรื่องความเชื่อของเทพเทวดา ประมาณว่า จะพาลไม่มา ร่วม กิจหรือประโยชน์แก่สถานที่ นั้นๆ ก็อาจเป็นได้
    แต่ถ้าหาก ปรารถนาสวดมนต์ ภาวนา เป็นที่ตั้ง เราจะไปสนใจอะไรกันเล่าในเรื่องนี้
    มาก็มา ไม่มาก็ไม่ต้องมาสิ ประมาณว่า กรูจะสวดอ่ะ ใครจะทำไมเหรอ ดังนั้น ถ้าสมมุติว่า เราตัดเรื่องเทพเทวดา ออกไม ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ประมาณว่าทำสิ่งนี้เพื่อตัวกรู ของกรู บุญกรู ดีก็ของกรู ก็สวดไป สวดเองที่บ้านก็ได้ ยืนยัน ว่า สวดได้ทุกบท ท่าเป็นบท สวดมนต์ ของพระพุทธเจ้า หาก ไม่สนใจใส่ใจเรื่องเทพเทวดามากนักน่ะ สวดไปเลย เพราะในบทสวดต์ มนต์ไม่ได้กล่าวไว้ ว่าห้ามสวด เทพเทวดา ที่เป็น สัมมาทิฏฐิท่านก็ยังเข้าใจอยู่ก็อาจจะอยู่ไกลๆ แล้วอนโมทนา บุญ อยู่ห่างๆ ก็เป็นได้ (เข้าใกล้ ไม่ไหว เหม็นอ่ะแล้วทำเสียงแบบ จมูกบี้ๆว่า ฉร้า ตรู้ จร้า//สาธุจร้า// อะไร ทำนองนั้น อิอิ)
    ท่านครูบอกว่า ท่าไม่ใส่ ใจเรื่องเทวดานะครับ สวดไปเลยเพราะเรา ไม่ได้ สวดเพื่อสาปแช่งคน ทำร้ายใคร หรือ ด่าทอใคร สวดเองอยู่ที่บ้านก็ ได้ ผมแอบเห็นท่าน นั่นสวดมนต์ อยู่บ่อยๆ น่ะ ที่โตะน้ำชาท่านบ้าง นั่งจิบกาแฟบ้าง ท่านก็มีหนังสือสวดมนต์เล่นมหนึ่งท่านก็นั่งอ่านของท่านไปสวดมนต์ของท่านไป ตามประสาท่านน่ะ
    ท่านบอกว่า จะได้ ถือโอกาส ให้เวลา กับตัวเองบ้าง

    ยืนยันว่า สวดเอง สวด คนเดียว สวดไปเล้ย!!!!!!!ไม่มีปัญหา ถ้าคิดว่าจะเอาบุญเพื่อตัวเอง เพราะจัดเป็น ภาวนามัย อยู่ ในบุญกิริยาวัตถุสิบประการอยู่แล้ว แต่ถ้าคิดว่าสวดเผื่อ เทวดาด้วย ก็ไม่ต้องสวด รอหายก่อนก็ค่อยสวด แต่ท่านบอกว่า ดี เสียอีกเพราะเทวดา เห็นว่าเป็นคน ดีมีศิลธรรมชอบสวดมนต์ ไหว้พระเป็นเนืองนิจต์ เทพเทวดาเห็นก็ชอบ แล้วปรารถนา มารอเกิดเป็นลูกเรา
    ว่าจริงป่ะ พูดถึงท่าแต่งงานอ่ะนะ พูดถึงกรณีคนที่มีแฟนอ่ะ
    สาธุ ครับผม สวดเห้อะ ธรรมชาติปรกติของผู้หญิงน่ะนะ เรื่องประจำเดือน ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2011

  6. naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:23 มกราคม 2006โพสต์:1,609 ค่าพลัง:+2,870

    ทำใจของเราให้สะอาด แล้วจะสวดในใจที่ไหนก็ได้

    เรื่องร่างทรงแล้วแต่ท่านจะชอบ แต่ถ้าจะลงจริงๆ นั่งขี้ก็ลง

  7. ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:24 ตุลาคม 2010โพสต์:86 ค่าพลัง:+257


    ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ สาธุๆๆๆๆ

  8. pooltime เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:10 มีนาคม 2010โพสต์:155 ค่าพลัง:+113

    อยากถามมานาน คือว่า สวดมนต์ออกเสียง หรือไม่ออกอนิสสงค์ ต่างกันไหม ผมสวดออกเสียงไม่ได้ครับ เพราะที่บ้านพ่อกับแม่ จะนอน แล้ว อ่ะไม่อยากกวน เลยสวดแบบไม่ออกเสียง แต่รู้สึกจิตจะนิ่งมาก อ่ะ

    อีกอย่างครับ สวดบนที่นอน อ่ะ จะเป็นไรไหม ไม่มีห้องพระ กำลังคิดจะทำแต่ก้อไม่มีตังอีก เฮ้อ

  9. eveja_cm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:11 กุมภาพันธ์ 2007โพสต์:58 ค่าพลัง:+190

    อนุโมทากับผู้ตั้งคำถามและผู้ตอบคำถามค่ะ

  10. เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:24 กรกฎาคม 2007โพสต์:689 ค่าพลัง:+4,154

    ประเด็นที่เจ้าของกระทู้สงสัยแยกแยะเป็น
    1. บางสำนักทรงเจ้า ห้ามคนเป็นประจำเดือนไป คุณเลยชักสงสัยว่าคนที่มีประจำเดือนคงมีอะไรไม่ดีไม่เป็นมงคล เค้าจึงห้ามทำการมงคล
    2. เลยสงสัยต่อไปว่า การสวดมนต์เป็นการทำการมงคลอย่างหนึ่ง จึงไม่ควรที่ผู้มีประจำเดือน ซึ่งเจ้าของกระทู้เดาเอาเอง ว่าอาจเป็นคนที่ไม่มีมงคลตามนิยามของเจ้าสำนัก ทำการมงคลนี้

    ขอตอบนะครับ ขึ้นอยู่กับคุณเชื่อใคร เชื่อพระพุทธเจ้าหรือเชื่อเจ้าสำนักหรือเชื่อความคิดตนเอง ถ้าเป็นผมผมเชื่อพระพุทธเจ้า เพราะผมเชื่อว่าท่านเป็นผู้ที่มีคุณยิ่งใหญ่ที่สุดในทั่วสากลพิภพ และผมเชื่อว่ามีเทพเจ้าที่มีฤทธิ์มีกำลังใหญ่เป็นจำนวนมาก ที่เคารพพระพุทธเจ้าเช่นกัน

    พระพุทธเจ้าท่านไม่เคยสอนว่าคนมีประจำเดือนไม่มีมงคลและไม่เคยสอนว่าคนมีประจำเดือนทำความดีไม่ได้ ท่านสอนแต่ว่าอย่าประมาทในการทำความดี เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง แปลว่าควรทำใจให้เกาะความดีในทุกเวลา การสวดมนต์บูชาคุณพระรัตนตรัยเป็นการทำใจให้เกาะความดีใหญ่แบบหนึ่ง แปลว่าทำได้ทุกที่ทุกเวลา แปลว่าคนใดยิ่งทำบ่อยๆ คนนั้นก็จะมีเทพเจ้าที่มีฤทธิ์มีกำลังใหญ่เป็นจำนวนมาก ที่เคารพพระพุทธเจ้า เข้าปกป้องคุ้มครองชีวิตบ่อยๆ ชีวิตก็จะมีมงคลบ่อยๆ เจริญบ่อยๆ แคล้วคลาดปลอดภัยบ่อยๆ

    อ่อ คนทุกคนก็ยังมีขี้มีเยี่ยวฝังในตัว สกปรกไม่แพ้ประจำเดือน แถมยังมีทุกวัน แต่เค้าก็มีมงคลได้ ทำการมงคลได้ ขึ้นอยู่ที่ใจนะครับ
    เพราะร่างกายมันมีแต่ของสกปรกอยู่ข้างในเต็มไปหมด มีทุกวันตั้งแต่เกิดยันตาย ล้างไงก็ไม่ออก ถ้าถือมงคลที่ร่างกายมันก็ไม่เป็นมงคลทุกวันอยู่แล้วอะครับ แต่ใจคนที่สกปรกไปด้วยกิเลส ถ้าเมื่อไรที่ใจคิดดี มีศีล สมาธิ ปัญญา คนนั้นก็จะใจสะอาดถือเป็นผู้ที่มีมงคล

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2011

  11. sky6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:8 พฤษภาคม 2011โพสต์:733 ค่าพลัง:+457

    ไม่ทราบว่าท่านนับถือพระพุทธเจ้าหรือไม่ ถ้านับถือไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
    ขอให้ท่านไปอ่านทำวัตรเช้าแปล นะครับ จะเข้าใจทุกอย่าง

  12. aoyleo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:4 มิถุนายน 2010โพสต์:212 ค่าพลัง:+99

    ขออนุโมทนาและขอบคุณกับทุกๆคำแนะนำและความคิดเห็น ทำให้ดวงจิตใสๆขึ้นมาเยอะเลยค่ะ เวลาที่ดิฉันสวดมนต์ดิฉันก็จะทำเพื่อตนเองและก็ผู้อื่นเสมอแต่ตอนนี้คงจะต้องรักตัวเองและทำเพื่อตัวเองให้มากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เคลียมากๆค่ะ
    :VO

  13. ศิษย์ฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:24 ตุลาคม 2010โพสต์:86 ค่าพลัง:+257

    อนุโมทนาสาธุสาธุกับความคิดนี้ครับ ท่านครู บอกผมว่า ชาวพุทธที่ดี ต้องไม่ถือมงคล ตื่นข่าว มงคลควรอยู่ที่จิตใจ ไม่ใช่ อาการสามสิบสองที่มันมีของมันอยู่แล้ว ของพวกนี้มันเป็นยังงั้นยังงั้น หนีไม่พ้น สลัดไม่หลุด เพราะเป็นธรรมชาติของร่างกาย ชอบควาเห้นของคุณจัง หุหุหุ

แชร์หน้านี้

  • หน้าแรก

    หน้าแรก

  • เว็บบอร์ด

    เว็บบอร์ด

  • มีอะไรใหม่

    มีอะไรใหม่

  • วิดีโอ

    วิดีโอ

  • รูปภาพ

    รูปภาพ

  • เสียงธรรม
  • สมาชิก

    สมาชิก

  • ห้องสนทนา

    ห้องสนทนา

  • Menu

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก