ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้ว และแถลงข้อความอันเป็นเท็จ หรือรู้อยู่แล้วในข้อความจริงใด แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้นให้บริษัททราบในขณะที่ขอเอาประกันภัย ซึ่งถ้าบริษัททราบข้อความจริงนั้น ๆ แล้ว อาจจูงใจบริษัทให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือไม่ยอมทำสัญญา สัญญาประกันภัยจะตกเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 ซึ่งบริษัทอาจบอกล้างสัญญาและไม่จ่ายเงินตามกรมธรรม์
กรณีที่บริษัทจะไม่คุ้มครอง
- กรณีผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายด้วยใจสมัครภายใน 1 ปี นับแต่วันทำสัญญา หรือวันต่ออายุกรมธรรม์ หรือวันกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ครั้งสุดท้าย
- กรณีผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
- กรณีผู้เอาประกันภัยแถลงอายุคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องแท้จริง และบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่าในขณะทำสัญญาประกันภัยอายุที่ถูกต้องแท้จริงอยู่นอกจำกัดอัตราเบี้ยประกันภัยตามปกติของบริษัทฯ
รับประกันโดย
บริษัทรับประกันชีวิต : บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
นายหน้าประกันชีวิต : ธนาคารออมสิน ในฐานะนายหน้านิติบุคคล ใบอนุญาตเลขที่ ช00008/2549
ความคุ้มครอง
– ในกรณีที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินผลประโยชน์ของจำนวนเงินเอาประกันภัยของเดือนที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ในตารางแสดงจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์หลัก ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะไม่เกินจำนวนหนี้ที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยค้างชำระอยู่กับผู้รับประโยชน์หลัก ณ เวลานั้น ส่วนที่เหลือของจำนวนเงินเอาประกันภัยในขณะนั้น (ถ้ามี) บริษัทจะจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์รอง
– ในกรณีที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยตกเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และการทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงนั้นเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน บริษัทจะจ่ายร้อยละ 100 ของจำนวนเงินเอาประกันภัยตามตารางแสดงจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์หลัก ซึ่งไม่เกินจำนวนหนี้ที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยค้างชำระอยู่กับผู้รับประโยชน์หลัก ส่วนที่เหลือของจำนวนเงินเอาประกันภัยในขณะนั้น (ถ้ามี) บริษัทจะจ่ายให้แก่สมาชิกผู้เอาประกันภัย และสัญญาของสมาชิกผู้เอาประกันภัยจะสิ้นผลบังคับทันที
-ในขณะที่สัญญานี้มีผลใช้บังคับ และสมาชิกผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลง ซึ่งการเสียชีวิตเป็นผลโดยตรงจากอุบัติเหตุภายใน 180 วัน นับแต่วันเกิดอุบัติเหตุ หรือได้รับการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทำให้สมาชิกผู้เอาประกันภัยต้องรักษาตัวติดต่อกันในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ใน และเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุนั้นเมื่อใดก็ดี บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์หลัก ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะไม่เกินจำนวนหนี้ที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยค้างชำระอยู่กับผู้รับประโยชน์หลัก ณ เวลานั้น ส่วนที่เหลือของจำนวนเงินเอาประกันภัยในขณะนั้น (ถ้ามี) บริษัทจะจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์รอง
ค่าชดเชย 2 เท่า บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินผลประโยชน์เป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย ถ้าสมาชิกผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตจากเหตุใดเหตุหนึ่งที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 ถ้าอุบัติเหตุเกิดขึ้นแก่ยานพาหนะ หรือลิฟท์ทำให้เสียชีวิต
(ก) ในยานพาหนะสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักร ซึ่งผู้ทำการขนส่งสาธารณะเป็นผู้รับจ้างทำการขนส่งบนเส้นทางขนส่งทางบกที่ได้กำหนดไว้ หรือ
(ข) ขณะที่สมาชิกผู้เอาประกันภัยอยู่ในลิฟท์ (ยกเว้นลิฟท์ที่ใช้ในเหมืองแร่หรือสถานที่ก่อสร้าง) หรือ
กรณีที่ 2 การเสียชีวิตเกิดขึ้นเนื่องจากไฟไหม้โรงมหรสพ โรงแรม หรือ อาคารสาธารณะอื่นใด ซึ่งสมาชิกผู้เอาประกันภัยอยู่ ณ สถานที่นั้นในขณะที่เริ่มไฟไหม้
แบบประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อประชาชน กำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยสูงสุด 4,000,000 บาท
จะไม่ต้องตรวจสุขภาพตามระเบียบของบริษัท* หากจำนวนเงินเอาประกันภัยสูงกว่านี้ จะต้องตรวจสุขภาพ
ตามระเบียบของบริษัท
*กรณีที่ต่ำกว่า 4,000,000 บาท แต่ลูกค้าเคยมีประวัติสุขภาพ บริษัทอาจมีการขอประวัติ
การรักษาพยาบาลหรือผลการตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณารับประกันภัย
หากคุณกำลังมีคำถามว่า ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อคืออะไรกันแน่? จะตัดสินใจทำดีหรือไม่? บทความนี้ มาทำความรู้จักกับประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อให้มากขึ้น พร้อมความคุ้มค่าจากการทำประกันประเภทนี้
หัวข้อหลัก
- ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) คืออะไร?
- รูปแบบการคุ้มครองของประกันสินเชื่อบ้าน
- จะเลือกการคุ้มครองของประกันสินเชื่อบ้านแบบไหนดี?
- จุดเด่นของประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ
- การทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ เหมาะกับใครบ้าง?
- เลือกทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อกับ ธอส.
ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) คืออะไร?
ในการขอสินเชื่อเพื่อบ้านกับธนาคาร จะมีประกันอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ที่ต้องทำความรู้จัก นั่นคือ ประกันอัคคีภัย ที่จะช่วยคุ้มครองตัวบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน และประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ที่จะช่วยประกันความเสี่ยงให้ทั้งกับผู้กู้และธนาคารได้
ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ หรือ ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (Mortgage Reducing Term Assurance : MRTA ) เป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองกับผู้ขอสินเชื่อ ในกรณีที่ผู้ขอสินเชื่อเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรในขณะที่กำลังผ่อนชำระสินเชื่อบ้านอยู่ โดยประกันจะคุ้มครองวงเงินกู้ 100% หรือบางส่วนที่ 70-80% ตามที่ผู้ขอสินเชื่อเป็นผู้เลือก
เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับผู้ขอสินเชื่อ บริษัทประกันจะเป็นผู้ชำระหนี้ที่เหลืออยู่ให้กับทางธนาคารตามทุนประกันที่ระบุเอาไว้ในสัญญา จึงช่วยให้ทายาทของผู้ขอสินเชื่อไม่ต้องรับภาระหนักในการชำระหนี้ต่อ
รูปแบบการคุ้มครองของประกันสินเชื่อบ้าน
ในการเลือกทำประกันสินเชื่อบ้าน ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกได้ทั้งวงเงินและระยะเวลาคุ้มครองได้ตามต้องการ โดยแบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
1. คุ้มครองแบบคงที่
เป็นรูปแบบการคุ้มครองเต็มวงเงินในทุนประกันตลอดระยะเวลาการคุ้มครอง โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกได้เองว่าจะให้คุ้มครองเต็ม 100% ของวงเงินกู้ หรือคุ้มครองบ้างส่วนที่ 70-80% ได้ ซึ่งก็จะมีผลต่อเบี้ยประกันที่เพิ่มลดตามการคุ้มครอง
แต่การเลือกความคุ้มครองบางส่วนที่ไม่เต็มวงเงิน ก็จะทำให้ทุนประกันชำระหนี้ได้ไม่หมด ทำให้ทายาทของผู้ขอสินเชื่อต้องรับภาระในส่วนที่เหลือต่อ
2. คุ้มครองแบบลดหลั่นตามยอดหนี้คงเหลือ
เป็นรูปแบบการคุ้มครองของประกันที่จะลดลงตามยอดหนี้คงเหลือ ที่ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกระยะเวลาและทุนประกันในการคุ้มครองได้เอง ไม่ว่าจะเป็น 5 ปี, 10 ปี, 15 ปี จนถึง 30 ปี โดยทุนประกันและความคุ้มครองจะลดลงเรื่อยๆ ตามยอดหนี้ที่ลดลงในแต่ละปี
จะเลือกการคุ้มครองของประกันสินเชื่อบ้านแบบไหนดี?
หากว่าคุณต้องการทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ เพื่อให้คุ้มครองความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝันในอนาคต แต่ยังไม่รู้จะเลือกความคุ้มครองแบบไหนดี หลักๆ ให้พิจารณาที่เบี้ยประกันและความคุ้มค่าในการคุ้มครอง
โดยการคุ้มครองแบบคงที่ จะให้ทุนประกันเท่าเดิมไปตลอดระยะเวลาเอาประกัน เช่น ทุนประกัน 2 ล้านบาท ระยะเวลาเอาประกัน 30 ปี ไม่ว่าจะเกิดเหตุในช่วงปีไหน ก็จะยังได้ทุนประกันจำนวนเต็มตามสัญญา เป็นต้น แบบนี้จะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าแต่ได้รับการคุ้มครองในวงเงินที่สูง
และการคุ้มครองแบบลดหลั่นตามยอดหนี้คงเหลือ ในแต่ละปีทุนประกันจะลดลงไปตามยอดหนี้คงเหลือ ซึ่งจะให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเท่ากับจำนวนเงินกู้ที่ลดลง แบบนี้จะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่า
ถ้าหากว่าจะเลือกแบบไหนที่คุ้มค่ากว่า ก็จะขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยงและความจำเป็นของผู้กู้แต่ละคน โดยค่าเบี้ยประกันก็จะขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และ ระยะเวลาความคุ้มครอง ยิ่งมีระยะเวลาคุ้มครองนานขึ้น ค่าเบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นตาม
จุดเด่นของประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านถูกลง เนื่องจากการทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อช่วยลดความเสี่ยงทั้งในฝั่งธนาคารและผู้ขอสินเชื่อ รวมถึงระยะเวลาเอาประกันภัยมากขึ้น ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษตามที่ทางธนาคารกำหนด
- ชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จ่ายเป็นก้อนเดียวจบตอนที่เริ่มขอสินเชื่อ ซึ่งจะรวมอยู่ในยอดเงินกู้ที่ทางธนาคารอนุมัติด้วย
- นำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยจะต้องทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ สำหรับกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาเอาประกันภัยตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ก็จะสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายในปีที่ชำระ ไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
- คุ้มครองภาระหนี้สินที่จะตกเป็นของทายาท ทำให้คนในครอบครัวของผู้ขอสินเชื่อไม่ต้องรับภาระหนักในการผ่อนชำระสินเชื่อภายหลัง เนื่องจากทางธนาคารจะได้รับชำระหนี้ต่อจากบริษัทที่รับทำประกันจนครบตามสัญญา
- เป็นประกันที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ขอสินเชื่อ โดยผู้ขอสินเชื่อมีสิทธิในการเลือกซื้อประกันภัยจากธนาคารได้ตามความความสมัครใจ และปฏิเสธได้หากไม่เป็นไปตามความต้องการของตนเอง (อ้างอิงตามประกาศของ คปภ. พ.ศ. 2561)
- ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อสามารถยกเลิกหรือเวนคืนได้ โดยการยกเลิกจะไม่กระทบกับดอกเบี้ยเงินกู้ และได้รับเงินส่วนต่างคืนตามอัตราเวนคืนในกรมธรรม์
- ไม่ต้องทำประกันใหม่หากรีไฟแนนซ์ เมื่อรีไฟแนนซ์ไปที่ธนาคารอื่น สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นธนาคารใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องทำประกันใหม่
การทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ เหมาะกับใครบ้าง?
การเลือกทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ จะมีความคุ้มค่าต่อผู้ขอสินเชื่อแต่ละบุคคลมากน้อยแตกต่างกันไปตามความจำเป็น แล้วใครบ้างที่เหมาะกับการประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ?
ผู้ที่เป็นเสาหลักในครอบครัวที่แบกรับภาระหนี้สิน
ให้พิจารณาดูว่า คุณเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว และรายได้หลักของครอบครัวมาจากคุณใช่หรือไม่
หากคำตอบคือใช่ การทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อก็จะช่วยลดภาระหนักให้กับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรส ลูก พ่อแม่ พี่น้อง ให้ไม่ต้องสานต่อภาระหนี้สินต่อในระยะยาว
ผู้ที่ต้องการส่งต่อให้บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินของคนในครอบครัว
พิจารณาดูว่า อยากให้บ้านหลังที่กำลังผ่อนชำระกับธนาคารหลังนี้ เป็นมรดกส่งต่อให้กับลูกหลานหรือคนในครอบครัวได้อาศัยต่อไปหรือไม่
หากคำตอบคือใช่ การทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อก็จะช่วยในการชำระหนี้ให้กับธนาคารต่อจากคุณในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้บ้านหลังนี้ไม่ต้องถูกขายต่อเพื่อนำมาชำระหนี้ที่ค้างอยู่ และเป็นทรัพย์สินของคนในครอบครัวต่อไป
เลือกทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อกับ ธอส.
หากคุณต้องการขอสินเชื่อเพื่อบ้านและทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านร่วมด้วย ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน สำหรับชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) มาเสนอให้กับคุณ
โดยเรามีสินเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง หรือกลุ่มผู้มีรายได้สูง เราก็มีผลิตภัณฑ์พร้อมโปรโมชั่นหลากหลาย ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสม
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่