การเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ ๕ เกิด ประโยชน์ต่อประเทศชาติด้านใดมากที่สุด

การเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศในทวีปยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสยาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธไมตรีแก่ประเทศต่างๆในทวีปยุโรป เพื่อให้ประเทศที่พระองค์เสด็จประพาสเหล่านั้นมองเห็นว่าประเทศสยาม เป็นประเทศที่มีการพัฒนาตัวเองและไม่ได้ล้าหลังป่าเถื่อน และเพื่อโอกาสในการร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคงและส่งเสริมความเป็นเอกราชของประเทศสยาม แม้จะอยู่ในช่วงท่ามกลางยุคล่าอาณานิคมก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะมีมูลเหตุมาจากกรณีสงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือในปี พ.ศ. 2436 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการเสียดินแดนให้แก่ต่างชาติเลยทีเดียว ผลจากการเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าวนั้น ทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่มาจากประเทศในทวีปเอเชีย ที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปอย่างจริงจังโดยทรงรู้จักแฝงแนวความคิดจิตวิทยาและการปฏิบัติตามธรรเนียมยุโรปอีกด้วย[ต้องการอ้างอิง]

สำหรับประเทศที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินจากทั้งสองครั้ง มีดังต่อไปนี้

  • สหราชอาณาจักร
  • ฝรั่งเศส
  • เบลเยียม
  • เยอรมนี
  • อิตาลี
  • จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
  • เดนมาร์ก
  • เชโกสโลวาเกีย
  • สวิตเซอร์แลนด์

การเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศในทวีปยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสยาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธไมตรีแก่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป เพื่อให้ประเทศที่พระองค์เสด็จประพาสเหล่านั้นมองเห็นว่าประเทศสยามเป็นประเทศที่มีการพัฒนาตนเองและไม่ได้ล้าหลังป่าเถื่อน และเพื่อโอกาสในการร่วมกันแก้ไขปัญหาความมั่นคงและส่งเสริมความเป็นเอกราชของประเทศสยาม แม้จะอยู่ในช่วงท่ามกลางยุคล่าอาณานิคมก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะมีมูลเหตุมาจากกรณีพิพาทระหว่างสยามกับฝรั่งเศสในเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือในปี พ.ศ. 2436 ที่ทำให้สยามเสียดินแดนมากที่สุดเท่าที่มีการเสียดินแดนให้แก่ชาติตะวันตก ผลจากการเสด็จพระราชดำเนินดังกล่าวนั้นทำให้พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่มาจากทวีปเอเชียที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปอย่างจริงจังโดยทรงรู้จักแฝงแนวความคิดจิตวิทยาและการปฏิบัติตามธรรมเนียมยุโรปอีกด้วย
สำหรับประเทศที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินจากทั้งสองครั้ง มีดังต่อไปนี้
สหราชอาณาจักร
ฝรั่งเศส
เบลเยียม
เยอรมนี
อิตาลี
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
เดนมาร์ก
เชโกสโลวาเกีย
สวิตเซอร์แลนด์
จักรวรรดิรัสเซีย
สำหรับรายละเอียดแต่ละครั้ง มีดังต่อไปนี้

บทที่ 5: การเสด็จพระราชดำเนินเยือนเดนมาร์กของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อปี พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 มิ.ย. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 ต.ค. 2565

| 31,169 view

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จประพาสยุโรป 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450 ซึ่งทำให้ทรงสามารถสร้างพันธมิตรทางการทูตกับมหาอำนาจตะวันตกและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพระราชวงศ์ในยุโรป นอกจากนี้ ทรงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเทศตะวันตกเนื่องจากทรงเป็นพระมหากษัตริย์จากเอเชียพระองค์แรกที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับกษัตริย์ยุโรปได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องใช้ล่าม

การเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2440

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสยุโรปด้วยเรือหลวง ”มหาจักรี” ในปี พ.ศ. 2440 โดยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 เรือหลวงได้เข้าเทียบท่ากรุงโคเปนเฮเกนพร้อมกับเรือรบ Helgoland และ Tordenskjold ของเดนมาร์ก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ด้วยเครื่องแบบจอมพลและประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูล Order of the Elephant ของเดนมาร์ก ทั้งนี้ ในขบวนเสด็จประกอบด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช รวมทั้งสมาชิกในพระราชวงศ์และข้าราชบริพารอีกจำนวนมาก โดยในการเสด็จประพาสเดนมาร์กครั้งนี้ทรงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากสมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 9 ซึ่งทรงจัดให้ประทับที่พระราชวัง Amalienborg ด้วย

ระหว่างการประทับที่เดนมาร์ก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยือนสถานที่ต่างๆ ในกรุงโคเปนเฮเกนและเกาะซีแลนด์ เช่น โรงงาน Royal Danish Porcelain หรือ Royal Copenhagen ในปัจจุบัน โดยทรงซื้อเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมากกลับไปยังสยาม นอกจากนี้ ทรงได้เยี่ยมชมพระราชวัง Frederiksborg พระราชวัง Fredenborg สวน Tivoli พิพิธภัณฑ์รูปปั้นและประติมากรรมสลักหินอ่อน Thorvaldsen และโรงเบียร์ Carlsberg ซึ่งได้ทอดพระเนตรกระบวนการหมักดอกฮ็อปส์และมอลท์ รวมทั้งการหมักและการเก็บรักษาเบียร์ นอกจากนี้ ทรงได้ประทับล่องเรือ “Dannebrog” ร่วมกับพระราชวงศ์เดนมาร์กไปยังเมือง Helsingør ด้วย

การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่สองเมื่อปี พ.ศ. 2450

ในการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ เยือนเดนมาร์กเป็นครั้งที่ 2 ด้วยในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2450 ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสยามและเดนมาร์กแนบแน่นยิ่งขึ้น โดยทรงได้รับการต้อนรับจากสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 8 ให้ประทับที่พระราชวัง Bernstorff

ในระหว่างการเสด็จฯ เยือนเดนมาร์กครั้งนี้ ได้เสด็จฯ ไปยังเมือง Roskilde และเยี่ยมชมวิหาร Roskilde Cathedral ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพเก่าแก่ของกษัตริย์และราชินีแห่งเดนมาร์ก โดยทรงวัดส่วนสูงบน “เสาวิหารหลวง” ร่วมกับพระมหากษัตริย์เดนมาร์กในอดีต นอกจากนี้ ได้เสด็จฯ ไปเยือนที่พำนักของ Andreas du Plessis de Richelieu และ H.N. Andersen โดยมีสมาชิกในครอบครัวของบุคคลทั้งสองเฝ้าฯ รับเสด็จ

ในวันสุดท้ายของการเสด็จฯ เยือนเดนมาร์ก ได้ทรงล่องเรือไปยังคาบสมุทร Jutland และทรงหยุดประทับที่เมือง Aarhus ก่อนจะทรงล่องเรือต่อไปยังท่าเรือเมือง Frederikshavn และประทับรถไฟไปยังเมือง Skagen ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของคาบสมุทร Jutland โดยเสด็จฯ ถึงเมือง Skagen ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 และเสด็จฯ เยือนแหลมเกรเนนซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเดนมาร์กและทรงปักธงช้างเผือกไว้ที่แหลมดังกล่าว ต่อมาได้พระราชทานธงช้างเผือกดังกล่าวให้แก่เมือง Skagen เป็นของขวัญ

ในโอกาสรำลึกวันครบรอบ 100 ปี ของการเสด็จประพาสเมือง Skagen ในปี พ.ศ. 2550  สโมสรไลออนส์เดนมาร์กและประเทศไทยร่วมกับ พญ. คุณหญิงอัมพร สุคนธมาน ที่ปรึกษากิตติศักดิ์สโมสรไลออนส์กรุงเทพ ได้จัดสร้างองค์หล่อพระบรมรูปทรงม้าสัมฤทธิ์เพื่อจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์เมือง Skagen โดยเป็นองค์หล่อจำลองของพระบรมรูปทรงม้าที่ตั้งอยู่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม หลังจากนั้น พระบรมรูปทรงม้าสัมฤทธิ์จำลองดังกล่าวได้ถูกย้ายไปประดิษฐานที่อาคาร Asia House ณ กรุงโคเปนเฮเกนจนถึงทุกวันนี้ โดยชุมชนไทยในเดนมาร์กและนักท่องเที่ยวชาวไทยจะเดินทางไปสักการะพระบรมรูปทรงม้าดังกล่าวเนื่องในโอกาสสำคัญ เช่น วันปิยมหาราช เป็นประจำทุกปี

 แหล่งข้อมูลและภาพ: 1) หนังสือ “A Tale of Two Kingdoms” จัดพิมพ์โดยบริษัท อีสเอเชียติก (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2539

2) หนังสือ Admiralen, Kongen & Kaptajnen, Danskere i Elefanternes Rige จัดพิมพ์โดยบริษัท Høst & Søn ในเดนมาร์กเมื่อปี พ.ศ. 2541

3) //aarhuswiki.dk/wiki/Kong_Chulalongkorns_bes%C3%B8g_i_Aarhus_i_1907

4) //scandasia.com/2547-the-exhibition-celebrating-100-years-of-king-rama-v-visit-denmark/

5) //thai-dansk.dk/indvielse%20Kong%20Chulalongkorns%20rytterstatue.htm

6) www.kanalfrederikshavn.dk

7) www.siraphisut.com

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ถึงท่าเรือด่านศุลกากรกรุงโคเปนเฮเกนเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2440

สมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 9 ทรงให้การต้อนรับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จประพาสเดนมาร์กเมื่อปี พ.ศ. 2440

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ รัชการที่ 5 และรัชการที่ 9 ทรงวัดส่วนสูงบน “เสาวิหารหลวง” ในวิหาร Roskilde Cathedral ร่วมกับพระมหากษัตริย์เดนมาร์กในอดีต

ในการเสด็จประพาสเดนมาร์กครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการต้อนรับจากสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 8 และพระราชวงศ์เดนมาร์กเมื่อเสด็จฯ ถึงสถานีรถไฟใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน ก่อนที่จะเสด็จฯ ไปยังพระราชวัง Amalienborg โดยรถม้า

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปักธงช้างเผือกที่แหลมเกรเนนซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเดนมาร์กเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2450

ธงช้างเผือกเมื่อครั้งที่ได้จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เมือง Skagen เมื่อปี พ.ศ. 2550

สถานเอกอัครราชทูตฯ และชุมชนไทยในเดนมาร์กร่วมสักการะพระบรมรูปทรงม้าที่อาคาร Asia House เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช ปี 2562

การเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติด้านใด

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จประพาสยุโรป 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450 ซึ่งทำให้ทรงสามารถสร้างพันธมิตรทางการทูตกับมหาอำนาจตะวันตกและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพระราชวงศ์ในยุโรป นอกจากนี้ ทรงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในประเทศตะวันตกเนื่องจากทรงเป็นพระมหากษัตริย์จากเอเชียพระองค์แรกที่ ...

การเสด็จประพาสของร 5 มีผลประโยชน์อะไรบ้าง

การเสด็จประพาสต้นนอกจากจะทำให้เห็นมุมมองของพระมหากษัตริย์ ข้าราชการ และประชาชนแล้ว การเสด็จประพาสต้นยังก่อให้เกิดผลต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหายประชวร เพราะจุดมุ่งหมายของการเสด็จประพาสต้นก็คือให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พักผ่อน

ประเทศใดที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป

อิตาลี จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เดนมาร์ก เชโกสโลวาเกีย

เพราะเหตุใดจึงทำให้รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต่างประเทศ

การเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปยังต่างประเทศในทวีปยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสยาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธไมตรีแก่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป เพื่อให้ประเทศที่พระองค์เสด็จประพาสเหล่านั้นมองเห็นว่าประเทศ ...

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก