เทพบุตรดาวเหนือ เคนชิโร่:
กิจของสงฆ์ ต้องมีการบิณฑบาตรอยู่แล้ว แต่ผมสงสัยว่า
1.พระสงฆ์ไม่บิณฑบาตรได้ไหม แต่ให้เก็บปิ่นโตส่งวัดแทน
2.พระสงฆ์ไปหยุดบิณฑบาตรจุดใดจุดหนึ่งได้ไหม
3.ทราบมาว่าการบิณฑบาตร ให้บิณฑบาตรพอฉัน แล้วพระที่บิณฑบาตรจนล้นใส่ย่ามยังไม่พอใส่ถุงอีกต่างหาก
ละอ่อนโบราณ:
ขอตอบเป็นข้อๆนะครับ
1.พระสงฆ์ไม่บิณฑบาตรได้ไหม แต่ให้เก็บปิ่นโตส่งวัดแทน
๑) พระสงฆ์จะไม่บิณฑบาตก็ได้ครับ
คือถ้ามีทายกเขาถวายก็ฉันของที่เขาถวาย
แต่ถ้าไม่มีใครถวายก็ต้องบิณฑบาตครับ (ไม่งั้นอด) มีตัวอย่างดังนี้ครับ
เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้นพระเทวทัตทูลได้ขอวัตถุ 5 ประการ
ต่อพระบรมศาสดา คือ
1. ให้ภิกษุทั้งหลายอยู่ป่าตลอดชีวิต เข้าสู่บ้านมีโทษ
2. ให้ภิกษุถือบิณฑบาตตลอดชีวิต รับนิมนต์มีโทษ
3. ให้ภิกษุถือผ้าบังสุกุลตลอดชีวิต รับคฤหบดีจีวร (ผ้าที่เขาถวาย)
มีโทษ
4. ให้ภิกษุอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต เข้าสู่ที่มุงบังมีโทษ
5. ให้ภิกษุห้ามฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต ฉันมีโทษ
พระบรมศาสดาทรงปฏิเสธใน 4 ข้อข้างต้นแต่ภิกษุใดจะปฏิบัติโดยสมัครใจก็ไม่บังคับ
และในข้อที่ 4 นั้นทรงอนุญาตให้อยู่โคนไม้ได้ 8 เดือน
ช่วงเข้าพรรษาซึ่งตรงกับฤดูฝนให้อยู่ประจำในที่มีที่มุงที่บังมิดชิด
คือ ถ้ำ ป่าช้า เรือนว่าง วัด เป็นต้น.
ส่วนข้อที่ 5 นั้นทรงอนุญาตให้ฉันเนื้อที่บริสุทธิ์โดยเงื่อนไข 3 ประการ
คือไม่ได้เห็น ไม่ได้ฟัง ไม่ได้นึกรังเกียจ ว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน
การที่โยมเอาปื่นโตมาส่งก็คือเอามาถวายนั่นเองครับ
2.พระสงฆ์ไปหยุดบิณฑบาตรจุดใดจุดหนึ่งได้ไหม
๒) หยุดรอรับบิณฑบาตได้ครับ ยกเว้นในที่อโคจร คือที่ไม่สมควรเข้าไป (ดูเรื่องอโคจร //www.freewebs.com/vipassana/akojorn.htm)
แต่ถ้าโยมเขานิมนต์ให้ไปข้างหน้าต้องไปที่อื่นครับไม่สมควรยืนรอ
3.ทราบมาว่าการบิณฑบาตร ให้บิณฑบาตรพอฉัน แล้วพระที่บิณฑบาตรจนล้นใส่ย่ามยังไม่พอใส่ถุงอีกต่างหาก
๓) พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระวินัยปิฎก เสขิยวัตรสิกขาบทโภชนปฏิสังยุตต์ ขัมภกตวรรค
สิขาบทที่ ๑๐ ว่า ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจะรับบิณฑบาตเพียงเสอขอบบาตร
ถ้าภิกษุไม่เอื้อเฟื้ออรับเกิน หิ้วถุงพะลุงพะลัง เป็นอาบัติ และดูไม่น่าเลื่อมใส เป็นคนมักมาก
ตามพระวินัยพระภิกษุมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธในการรับอาหารบิณฑบาตร เมื่อท่านรับเพียง
พอแก่ความต้องการแล้ว ถ้าท่านรับเกินขอบบาตรเป็นอาบัติ การปฏิเสธไม่เป็นอาบัติ
ละอ่อนโบราณ:
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ - หน้าที่ 492
โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๔
พระบัญญัติ
๘๓. ๔. อนึ่ง เขาปวารณาเฉพาะภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล ด้วย
ขนมก็ดี ด้วยสัตตุผงก็ดี เพื่อนำไปได้ตามปรารถนา ภิกษุผู้ต้องการ
พึงรับได้เต็ม ๒-๓ บาตร ถ้ารับยิ่งกว่านั้นเป็นปาจิตตีย์ ครั้นรับเต็ม
๒-๓ บาตรแล้ว นำออกจากที่นั้นแล้ว
พึงแบ่งปันกับภิกษุทั้งหลาย นี้
เป็นสามีจิกรรมในเรื่องนั่น.
สิกขาบทวิภังค์
[๔๙๖] คำว่า อนึ่ง . . เฉพาะภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล ความว่า
ที่ชื่อว่าตระกูล ได้แก่ตระกูล ๔ คือ ตระกูลกษัตริย์ ตระกูลพราหมณ์
ตระกูลแพศย์ ตระกูลศูทร.
บทว่า ผู้เข้าไป คือ ผู้เข้าไปในตระกูลนั้น
ที่ชื่อว่า ขนม ได้แก่ ของกินชนิดใดชนิดหนึ่งที่เขา
จัดเตรียมไว้เพื่อต้องการเป็นของกำนัล ที่ชื่อว่า สัตตุผง ได้แก่
ของกินอย่างใดอย่างหนึ่งที่เขาจัดเตรียมไว้ เพื่อต้องการเป็นเสบียง
คำว่า เขาปวารณา. . . เพื่อนำไปได้ตามปรารถนา คือ เขาปวารณาไว้ว่า ท่านประสงค์เท่าใด จงรับไปเท่านั้น.
บทว่า ผู้ต้องการ คือ ผู้อยากได้.
บทว่า พึงรับได้เต็ม ๒ - ๓ บาตร ความว่า พึงรับได้เต็ม ๒ บาตร ๓ บาตร
คำว่า ถ้ารับยิ่งกว่านั้น ความว่า รับเกินกว่ากำหนดนั้น ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ ครั้นรับเต็ม ๒-๓ บาตรแล้ว ออกจากที่นั้นไปพบภิกษุ
แล้วพึงบอกว่า ณ สถานที่โน้น กระผมรับเต็ม ๒ - ๓ บาตรแล้ว
ท่านอย่ารับ ณ ที่นั้นเลยถ้าพบแล้วไม่บอก ต้องอาบัติทุกกฏ
ถ้าเมื่อบอกแล้ว ภิกษุผู้รับบอกยังขืนรับต้องอาบัติทุกกฏ
คำว่า นำออกจากที่นั้นแล้ว พึงแบ่งบันกับภิกษุทั้งหลาย คือ นำไปสู่โรงฉันแล้ว พึงแบ่งปันกัน
บทว่า นี้เป็นสามีจิกรรมในเรื่องนั้น หมายความว่า นี้เป็นการถูกต้องตามธรรมเนียมในเรื่องนั้น.
นายเหตุผล:
ถูกต้อง ชัดเจน ตามนั้น
เจื่อ "ละอ่อนโบราณก่ะ" เปิ้นเป็นตุ๊เจ้าเก่าหนา 555 ^_^