3.2 เส้นเมริเดียนกับการกำหนดเขตเวลา
เมอริเดียน คือเส้นสมมุติที่ลากผ่านขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เมอริเดียนของแต่ละเส้นจะยาวเป็นครึ่งหนึ่งของวงกลม และปลายของเมอริเดียนทุกเส้นจะบรรจบกันที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เส้นเมอริเดียนเริ่มแรก ได้แก่ เส้น 0 องศา ที่ลากผ่านตำบลกรีนิช ใกล้กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เส้นเขตวัน คือ เส้นเมอริเดียนที่ 180 องศา หรือเส้นตรงกันข้ามกับเส้นเมอริเดียนเริ่มแรกถือว่าเป็นเส้นแบ่งเขตวันระหว่างชาติ เป็นเส้นที่เพิ่มวันใหม่และสิ้นสุดวันเก่า ผู้เดินทางจะไปทางตะวันตก โดยข้ามเส้นเขตวันจะต้องลดลงหนึ่งวัน และถ้าข้ามเส้นวันไปทางตะวันออกก็ต้องเพิ่มวันอีกหนึ่งวัน เวลามาตรฐาน คือ เวลาที่คิดตามเส้นเมอริเดียนมาตรฐาน เส้นเมอริเดียนทุก 15 องศา เวลาจะต่างกัน 1 ชั่วโมง เช่น เที่ยงวันที่เมอริเดียนเริ่มแรกที่เส้นลองจิจูด 15,30,45 องศาตะวันออก จะเป็นเวลา 13.00 น. , 14.00 น. 15.00 น. ตามลำดับ ส่วนเส้นลองจิจูดที่ 15 , 30,45 องศาตะวันตก จะเป็นเวลา 11.00 น. , 10.00 น.และ 09.00 น. เวลาท้องถิ่นคือเวลาที่เป็นจริงตามความแตกต่างกันของเส้นลองจิจูดแต่ละเส้นเวลาจะต่างกัน 4 นาที ฉะนั้นเวลาของตำบลต่างๆ ในโลกจะตรงกัน เช่น ไทยอยู่ลองจิจูดที่ 105 องศา เวลาของไทยจึงเร็วกว่าที่กรีนิช 7 ชั่วโมง เพราะไทยกับกรีนิช อยู่ห่างกัน 105 องศา (15 องศาเวลาต่างกัน 1 ชั่วโมง) สำหรับเวลาในประเทศไทย เพื่อความสะดวกในการทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวันถือว่าอยู่ในเขตเวลาเดียวกัน เวลาแต่ละจังหวัดในประเทศไทย จึงเป็นเวลาเดียวกัน |
วิดีโอ YouTube
เส้นเมริเดียนแรก หรือ เส้นเมริเดียนปฐม ( Prime Meridian ) คือเส้นเมริเดียนที่ลากผ่านหอดูดาวแห่งหนึ่ง ตำบล กรีนิช
ใกล้กรุงลอนดอนในประเทศอังกฤษทั้งนี้เพื่อใช้เป็นหลักอ้างอิงในการนับเส้นเมริเดียนอื่น ๆ ต่อไป
เส้นเมริเดียนรอบโลก มี 360 เส้น แบ่งเป็นเส้นองศา ตะวันออก 180 เส้น และเส้นองศาตะวันตก 180 เส้น
ความสำคัญของเส้นเมริเดียน คือ บอกพิกัดของตำแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ บนพื้นผิวโลกโดยใช้ร่วมกันเส้นขนาน
( เส้นละติจูด ) และใช้เป็นแนวแบ่งเขตเวลาของโลก
2. ชนิดของแผนที่
โดยทั่วไปแบ่งแผนที่ได้เป็น 3 ชนิด ตามการใช้งาน ได้แก่
1.)
แผนที่ภูมิประเทศ (Topographic Map) เป็นแผนที่ที่แสดงลักษณะความสูงต่ำของพื้นผิวโลก โดยใช้เส้นชั้น
ความสูง บอกค่าความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แผนที่ชนิดนี้ถือเป็นแผนที่มูลฐานที่จะนำไปทำข้อมูลอื่นๆ
ที่เกี่ยวกับแผนที่
2.) แผนที่เฉพาะเรื่อง(Thematic Map) เป็นแผนที่ที่แสดงลักษณะใดลักษณะหนึ่งโดยเฉพาะได้แก่ แผนที่รัฐกิจ
แสดงเขตการปกครองหรืออาณาเขต แผนที่แสดงอุณหภูมิของอากาศ แผนที่แสดงปริมาณน้ำฝน แผนที่ประวัติสาสตร์
เป็นต้น
3.) แผนที่เล่ม (Atlas ) เป็นแผนที่ที่รวบรวมเรื่องต่างๆ ทั้งลักษณะทางกายภาพ ลักษณะทางด้านเศรษฐกิจ
ลักษณะทางสังคม แผนที่ภูมิอากาศ ไว้ในเล่มเดียวกัน
3.องค์ประกอบของแผนที่
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ภูมิประเทศแบบต่างๆ ป่าไม้
ปริมาณน้ำฝน และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ที่ตั้งของเมือง เส้นทางคมนาคม พื้นที่เพาะปลูก โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ
ดังนี้
3.1 ชื่อแผนที่ (map name)เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับให้ผู้ใช้ได้ทราบว่าเป็นแผนที่เรื่องอะไร แสดงรายละเอียด
อะไรบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง และตรงความต้องการ โดยปกติชื่อแผนที่จะมีคำอธิบายเพิ่มเติมแสดงไว้ด้วย เช่น
แผนที่ประเทศไทยแสดงเนื้อที่ป่าไม้ แผนที่ระเทศไทยแสดงการแบ่งภาคและเขตจังหวัดเป็นต้น
3.2 ขอบระวาง (border) แผนที่ทุกชนิดจะมีขอบระวาง
ซึ่งเป็นขอบเขตของพื้นที่ในภูมิประเทศที่แสดงบนแผนที่
แผ่นนั้น มักจะแสดงด้วยเส้นขนานเพื่อแสดงตำแหน่งละติจูดกับเส้นเมริเดียนเพื่อแสดงตำแหน่งลองจิจูด และ
จะแสดงตัวเลขเพื่อบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ของตำแหน่งต่างๆ
3.3 พิกัด
(coordinate) พิกัดเป็นตัวกำหนดตำแหน่งต่างๆ บนแผนที่ โดยทั่วไปนิยมใช้อยู่ 2 แบบ คือ
3.3.1 พิกัดภูมิศาสตร์ (geographic
coordinate)
พิกัดภูมิศาสตร์เป็นระบบที่บ่งบอกตำแหน่งที่ตั้งของจุดตำแหน่งต่างๆ บนพื้นผิวโลก โดยอาศัยโครงข่ายของเส้น
โครงแผนที่ซึ่งประกอบด้วยเส้นเมริเดียนกับเส้นขนานตัดกันเป็น “
จุด”
1.) ละติจูด (Latitude ) เป็นค่าของระยะทางเชิงมุม โดยนับ 0 องศา จากเส้นศูนย์สูตรไปทางเหนือหรือใต้จนถึง
90 องศา ที่ขั้วโลกทั้งสอง
2.) ลองจิจูด (Longitude ) เป็นค่าของระยะทางเชิงมุม โดยนับ 0 องศา จากเส้นเมริเดียน ไปทางทิศตะวันออก
และทิศตะวันตก จนถึง 180 องศา
ปัจจุบันการบ่งบอกจุดตำแหน่งบนพื้นผิวโลก สามารถทราบได้ง่ายและถูกต้องโดยใช้จีพีเอสเครื่องมือกำ
หนดตำแหน่งบนพื้นผิวโลก (GPS: Global Positioning System) เครื่องมือชนิดนี้ มีขนาดเล็กพกพาได้สะดวก
และให้ข้อมูลตำแหน่งบนพื้นผิวดลกได้ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้นจึงมีผู้นำเครื่องมือนี้ไปใช้ได้สะดวกสบายใน
กิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การเดินเรือ การเดินทางท่องเที่ยวป่า การเดินทางด้วยรถยนต์ เครื่องบิน เป็นต้น เมื่อกดปุ่มสวิตช์
เครื่องจะรับ
3.3.2 พิกัดกริด เป็นการกำหนดตำแหน่งที่ วัดเป็นระยะทาง ของค่าเหนือ(เส้นในแนวนอน(N= northing))
กับค่าตะวันออก (เส้นในแนวตั้ง (E= easting)) เพื่อให้ทราบว่าตำแหน่งนั้นอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรเป็นระยะทางกี่เมตร
และห่างจากเส้นกึ่งกลางโซนแผนที่นั้นระยะทางกี่เมตร ในแผนที่ภูมิประเทศ 1: 50,000 จะมีระบบพิกัดกริดที่ตีเป็น
ตารางขนาด 2x2 เซนติเมตร(1 ช่อง 2x2 เซนติเมตร มีพื้นที่จริง 1 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งแต่ละเว้นจะมีตัวเลขกำกับบอก
ค่าระยะทางของค่าเหนือและค่าตะวันออก
3.4 ทิศทาง (direction) มีความสำคัญต่อการค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งต่างๆ โดยในสมัยโบราณใช้วิธีดูทิศทางตามการ
ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และการดูทิศทางของดาวเหนือในเวลากลางคืน ต่อมามีการประดิษฐ์เข็มทิศ
ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการหาทิศขึ้น เนื่องจากเข็มของเข็มทิศจะชี้ไปทางทิศเหนือตลอดเวลา การใช้ทิศทางในแผนที่
ประกอบกับเข็มทิศ หรือการสังเกตดวงอาทิตย์และดาวเหนือจึงช่วยให้เราสามารถเดินทางไปยังสถานที่ที่เราต้องการได้
ในแผนที่จะต้องมีภาพเข็มทิศหรือลูกศรชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ ถ้าหากแผนที่ใดไม่ได้กำหนดภาพเข็มทิศหรือลูกศรไว้
ก็ให้ใจว่าด้านบานของแผนที่คือทิศเหนือ
4. มาตราส่วน (map scale)
มาตราส่วนหมายถึง สิ่งแสดงให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางในแผนที่กับระยะทางที่ปรากฏจริงบนผิวโลก
เนื่องจากแผนที่เป็นภาพย่อส่วนของพื้นโลก จึงจำเป็นต้องมีมาตราส่วนกำกับไว้ในแผนที่ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้แผนที่ทราบ
ว่ามาตราส่วนในแผนที่นั้นใช้แทนระยะทางบนพื้นผิวโลกมากน้อยเพียงใด มาตราส่วนที่นิยมใช้มีอยู่ 3 ขนิด ดังนี้