วิธีจูนทีวีรุ่นเก่าเสาอากาศ

ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค. 63 เตรียมปรับจูนทีวีด้วยช่องสัญญาณใหม่ เริ่มต้นในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเข้าไปดูพื้นที่ตามแผนปรับปรุงโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัลได้ที่ //700.nbtc.go.th หากพบว่าทีวีที่บ้านดูไม่ได้ เตรียมหยิบรีโมทมาปรับจูนสัญญาณทีวีใหม่

ก่อนอื่นต้องตรวจสอบกล่องทีวีดิจิทัลให้สมบูรณ์ ดังนี้

  • ตัวกล่องสัญญาณทีวีดิจิทัลได้มาตรฐาน มีสติกเกอร์ Class A Broadcast รองรับสัญญาณทีวีดิจิทัลจาก กสทช. ได้
  • มีสายพอร์ตเชื่อมต่อแบบเสียบ
  • มีเสาอากาศภายใน หรือเสาก้างปลา เพื่อรับสัญญาณ

4 ขั้นตอนจูนทีวีดิจิทัล จาก กสทช.

วิธีที่ 1 สำหรับกล่องทีวีดิจิทัลรุ่น 32HS525AN, 40HS525AN และ 55RS542AN

  1. กดปุ่ม “เมนู” ที่รีโมท
  2. กดเลือก “ค้นหาช่อง”
  3. กดเลือก “สแกนอัตโนมัติ”
  4. กดเลือก “ค้นหาช่องรายการ”

วิธีที่ 2 สำหรับกล่องทีวีดิจิทัลรุ่น 49US533AN

  1. กดปุ่ม “เมนู” ที่รีโมท
  2. กดเลือก “ค้นหาสถานีอัตโนมัติ”
  3. กดเลือก “ประเภทการค้นหา”
  4. หน้าจอแสดง “ค้นหาช่องรายการ”

ขั้นตอนจูนทีวีดิจิทัล จาก Smart TV 

ตรวจสอบสติกเกอร์ Class A Broadcast บนโทรทัศน์ และเข้าสู่เว็บไซต์ //700.nbtc.go.th เลือกค้นหาการจูนสัญญาณทีวีเพื่อดำเนินการด้วยตัวเอง ตามประเภทเครื่องรับสัญญาณ โดยเลือกจาก Model ของรุ่น

หากดูทีวีไม่ได้อย่าเพิ่งตกใจ ลองทำตามขั้นตอนที่แนะนำบนเว็บไซต์ กสทช. ก่อน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) Call Center 020 700 700

วิธีที่ 1 ถ้าระบบโทรทัศน์เครื่องเก่าแบบที่รับจากเสาอากาศแบบอะนาล็อก ช่อง 3,5,7,9,11,Thaipbs ถ้าอยากดูทีวีดิจิตอลจะต้องทำยังไง

  • ถ้ามีทีวีจอแก้ว หรือแบบทีวีLCD,LED,หรือจอพลาสม่า อยู่แล้วแต่เป็นระบบเก่าไม่มีจูนเนอร์ทีวีดิจิตอล ถ้าจะดูทีวีดิจิตอ ต้องหาซื้อ กล่องทีวีดิจิตอล ( Set top box ) มาเชื่อมต่อเข้ากับทีวีแบบเดิม ก็สามารถรับทีวีดิจิตอลได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่ แบบนี้สะดวกและไม่เปลืองเงิน

ส่วนวิธีการเชื่อมต่อทำได้ดังนี้

ส่วนประกอบ เสาอากาศทั่วไปความถี่ UHF(หนวดกุ้ง,ก้างปลา)+กล่องทีวีดิจิตอล+ทีวีเครื่องเดิม

เราสามารถเชื่อมต่อสายอากาศเข้ากล่องทีวีดิจิตอลและทีวีได้เลยโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือเพราะทุกอย่างได้ออกแบบและประกอบมาจากโรงงานผู้ผลิต

5. ตั้งค่าการใช้งานครั้งแรก โดยส่วนใหญ่แล้วตัวกล่องจะให้เราตั้งค่าข้อมูลเบื้องต้น เช่น วันที่, เวลา, ประเทศ, ภาษา รวมถึงการปรับอินพุตต่างๆ จากนั้นทำการค้นหาช่อง เป็นอันเสร็จ

ทั้งนี้ กล่องทีวีดิจิตอลแต่ละยี่ห้อก็จะมีหน้าตาเมนูหรือขั้นตอนการตั้งค่าต่างๆ ไม่เหมือนกัน แนะนำให้ดูคู่มือประกอบไปด้วยขณะทำการปรับตั้งค่า

ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมามักจะเมินคุณจากภายนอกของ Series-5 มักจะมองคุณเป็นพวกสูงวัยที่ยังชอบขับรถเอง หรือแม้แต่พวกผู้บริหารวัยกลางคนที่เน้นยานพาหนะอารมณ์สปอร์ต แถมยังชอบเหล่สาวๆ อีกตะหาก! แต่ภายในของ 520d คุณจะนั่งสบายๆ เมื่อขับออกทางไกล และเมื่ออยู่ในอารมณ์ที่จะขับเร็วขึ้น การผลักดันมันเข้าสู่โหมดสปอร์ต จะทำให้คุณอมยิ้ม ข้อเท็จจริงที่ว่า BMW ยังมีเครื่องยนต์ดีเซลขายในไทย ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความประหยัด เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ทำงานแบบเต็มกำลังเชื่อมต่อกับเกียร์ 8 สปีด ZF8HP เกียร์เทพของ BMW ที่ใช้งานมานานและมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไดนามิกของ Series-5 LCI บ่งบอกได้ว่ารถคันนี้ยึดติดอยู่กับรากเหง้าของมอเตอร์สปอร์ต เป็นเครื่องจักรที่ใช้เชื้อเพลิงอย่างระมัดระวัง และขับเคลื่อนได้ดี มีความหรูหราพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระดับแนวหน้าของวงการ 

รถรุ่นปรับโฉมใหม่ หรือ LCI อย่าง Series-5 G30 เวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ ประจำปี 2021 รถทดสอบในอาทิตย์นี้คือซาลูนหรู 4 ประตู รุ่น New Series-5 520d M Sport ประกอบในประเทศ ราคาเปิดออกมาที่ 3,539,000 บาท เมื่อลองส่องดูทั่วทั้งคันก็จะพบว่าหน้าตาของ BMW 5-Series รุ่นปรับโฉมมีความสวยงามลงตัว รูปลักษณ์แตกต่างจากรุ่นที่แล้วไม่มากนัก งานออกแบบด้านหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติมความเข้มข้นของ New Series-5 ให้เฉียบคมและดูดีขึ้นมาอีกนิด การปรับให้น้ำหนักส่วนเกินถูกตัดออกไป เกิดขึ้นจากแนวคิด BMW Efficient Lightweight เน้นการใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่มีความทนทานสูงแต่น้ำหนักเบามาใช้เป็นเปลือกตัวถังและแชสซี New Series-5 รุ่น 520d จึงมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน (520d F10) 115 กิโลกรัม ตัวถังถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล 50/50 และมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน

การลงมือจูนช่วงล่างเพิ่มเติมในโฉม LCI ส่งผลให้การขับขี่มีความคล่องตัว เข้ากับความหนึบนุ่มของระบบรองรับที่เซตมาให้ในรูปแบบที่มีกลิ่นของสปอร์ตซาลูนมากกว่ารุ่น Luxury ตัวก่อนปรับโฉม ทีมวิศวกรของ BMW ทำงานอย่างหนักเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศลง 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศอยู่ที่ 0.26 เป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ซาลูนขนาดกลาง ไล่เรียงจากไฟหน้าแบบใหม่ Adaptive LED พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light และที่เพิ่มเข้ามาก็คือกระจังหน้าใหม่ พร้อมระบบเปิด-ปิดกระจังหน้าอัตโนมัติ เมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์ยังคงเย็นอยู่ แผ่นครีบด้านในของชุดกระจังจะปิด เพื่อทำให้กระแสลมไหลผ่านได้ดีขึ้น และเมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงขึ้น กระจังจะเปิดออกโดยอัตโนมัติเพื่อนำลมมาช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ร่วมกับพัดลมไฟฟ้า กันชนหน้า M Sport มีช่องรับอากาศทั้งส่วนหน้าและที่นำไประบายความร้อนให้กับชุดเบรกหน้า

จุดที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ 520d M Sport LCI ก็คือ
ภายนอก 

ไฟหน้า Adaptive LED ทำงานเร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และมีกำลังในการส่องสว่างไกล 500 เมตร

กระจังหน้า พร้อมระบบปิด-เปิดอัตโนมัติ

ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยมฝั่งละท่อ ซ้าย-ขวา

ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำรอบคัน

ล้ออัลลอย M ลายใหม่ ขอบ 18 นิ้ว

อุปกรณ์ภายในที่เพิ่มเข้ามาให้คือ
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ตรงหน้าคนขับแบบยิงข้อมูลสะท้อนกระจกบังลมบานหน้า Head-up Display
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ Parking Assistant
ประตูทุกบานพร้อมฟังก์ชัน Soft-close function
วัสดุตกแต่งภายใน Smoke Grey เสริมด้วยโครเมียม
ชุดเครื่องเสียง Harman Kardon 16 ลำโพง กำลังขับ 600 วัตต์
ระบบ Active Protection
กุญแจ Digital Key on iPhone

ระบบความปลอดภัย มีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ เช่น

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning,
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา Lane Change Warning
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Crossing-traffic Warning Rear
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และคนเดินถนน ที่ความเร็วต่ำ City Braking Function
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยจอด Rear Collision Prevention
ระบบเตือนป้ายจราจร Speed Limit Info and no-overtaking indicator

ดีไซน์ภายนอกของ BMW 520d M Sport Facelift มีการเติมอุปกรณ์ใหม่ทุกจุด เช่น ไฟหน้าแบบ Adaptive LED ที่ปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัย รงมถึงการทำงานในโหมดอัตโนมัติ ที่ได้รับการปรับใหม่ให้ทำงานได้ครอบคลุมและละเอียดเพิ่มขึ้น ไฟหน้าใน BMW ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงกับโมเดลนั้นๆ สำหรับ Series-5 รุ่นใหม่ ไฟหน้าแบบ Adaptive LED มีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับในขณะเข้าโค้ง ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร ไฟหน้าจะทำงานเป็นอิสระ โดยไม่ทำให้แสงไฟไปรบกวนรถยนต์คันอื่น การลดหรือยกไฟสูง เมื่อวิ่งเข้าไปใกล้รถยนต์คันข้างหน้า แม้ระบบจะยังคงเปิดไฟสูงแต่ใช้การแบ่งช่องเพื่อเบี่ยงเบนแสงไฟไม่ให้ไปแยงตารถคันข้างหน้า หรือรถที่แล่นสวนมา การทำงานและกำลังในการส่องสว่างใกล้เคียงกับ Multi Beam LED ของ new E-Class น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ Mercedes-Benz E220d AMG Dynamic รุ่นปรับโฉมซึ่งเป็นรถคู่แข่งของ 520d มีแค่ไฟ LED High Performance เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มิติตัวถังของ BMW Series-5 G30 520d M Sport LCI มีตัวเลขความยาวฐานล้อ 2,975 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหน้า 1,605 มิลลิเมตร ความกว้างฐานล้อหลัง 1,630 มิลลิเมตร ฝากระโปรงหลังถูกออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ความจุ 530 ลิตร ขอบล่างของกระโปรงปรับให้มีระดับต่ำลงกว่าในรุ่นก่อน ทำให้จัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ได้ง่าย ภายในช่องเก็บของที่ทั้งเปิดฝากระโปรงได้กว้างขึ้น และมีขนาดที่กว้างกว่าเดิม ฝากระโปรงหลังที่ทำจากอลูมิเนียมทั้งบาน ลดน้ำหนักลงอีก 4.2 กิโลกรัม ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ เป็นล้อ M รุ่นใหม่ ขอบ 18 นิ้ว ใส่ยางต่างไซส์แบบหน้าเล็กหลังใหญ่ ยางหน้า 245/45R18 ยางหลัง 275/40R18 ยาง pirelli p zero runflat ทำให้ 520d M Sport ไม่ต้องพกพายางอะไหล่ และให้พื้นที่กับแบตเตอรี่ที่อยู่ใต้ห้องเก็บสัมภาระท้ายอย่างเต็มที่

บั้นท้ายมีความเปลี่ยนแปลงด้วยไฟท้าย LED แบบใหม่ กันชนหลัง M พร้อมท่อระบาบไอเสียทรงเหลี่ยมที่สวยงาม พลาสติกสีเทา ใช้ตกแต่งบริเวณชายล่างของกันชนหลัง พร้อมแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงมัลติรีเฟคเตอร์ ฝาท้ายทำงานด้วยไฟฟ้า มีเซนเซอร์ที่ใช้ขากวาดไปบริเวณใต้กันชนขณะถือของสองมือแล้วไม่สามารถเอื้อมมือไปกดเปิดฝาท้ายได้ จุดอื่นๆ ที่ยังคล้ายรุ่นที่แล้วก็คือ เสาอากาศครีบปลาฉลาม ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือกล้องมองรอบคันที่สามารถเลือกมุมมองรอบทำให้การขับเดินหน้า-ถอยหลังในที่คับแคบมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขอบอกว่ากล้องใหม่นั้นมีความคมชัดสูงกว่าเดิมพอสมควรเลยทีเดียว

ห้องโดยสารของ BMW 520d M Sport มีการเพิ่มเติมฟังก์ชันต่างๆ เพื่อความน่าใช้งาน และเป็นการถล่มรถคู่แข่งที่มีราคาเท่ากัน ด้วยอุปกรณ์บางอย่างที่เหนือกว่า งานออกแบบฉีกความซ้ำซากจำเจเดิมๆ ด้วยงานตกแต่งที่หรูหรา เน้นบรรยากาศของการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ไล่เลียงจากชุดควบคุม iDRIVE เวอร์ชันล่าสุด ปุ่มควบคุมระบบแอร์แบบใหม่ หน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ TFT LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนหน้าจอมาตรวัดไปตามโหมดการขับเคลื่อน นอกเหนือจากพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงเพื่อความผ่อนคลาย โดยใช้วัสดุซับเสียงแบบใหม่ทำหน้าที่ป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกได้ดีขึ้น

BMW G30 (Series-5) รุ่น 520d M Sport ออกแบบห้องโดยสารมาเพื่อการขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ การจัดวางตำแหน่งของปุ่มและสวิตช์ต่างๆ เอื้ออำนวยต่อการใช้งานของคนขับเป็นหลัก มันถูกตกแต่งภายในด้วยโลหะพวกอลูมิเนียม หนังแท้ ผ้าและพลาสติกเกรดสูง รวมถึงวัสดุในดีไซน์ที่แสดงออกถึงความหรูหรา เป็นเอกลักษณ์ของยานยนต์ซาลูนไซส์กลางจากแบรนด์ตราใบพัด หน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ TFT 12.3 นิ้ว จอแสดงผลบนแผงคอนโซลกลางขนาดใหญ่ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว ที่ทำงานควบคู่กับระบบ iDrive Controller จอยิงสะท้อนข้อมูล BMW Head-up Display คอยแจ้งเตือนข้อมูลรายละเอียดของการเดินทางตรงหน้าคนขับ ส่วนฟังก์ชัน REMOTE SOFTWARE UPGRADE ระบบนี้รถจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ โดยใช้สมาร์ทโฟนในการอัปเดตทำได้อย่างง่าย และยังสามารถเปิดการใช้งานฟังก์ชันอื่นๆ ได้อีกด้วย

เบาะนั่ง M ดีไซน์สปอร์ต สำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ออกแบบส่วนด้านข้างของเบาะที่ยกสูง จุดนี้เองที่ทำให้เจ้าของหลายคนออกอาการเมื่อยเมื่อขับทางไกล บางคนถึงกับต้องทำเบาะรองเสริมเพื่อแก้ความเมื่อยดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้เป็นทุกคน เพราะสรีระของลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของนั้นมีความแตกต่างกัน ขอบของเบาะบริเวณสะโพกที่ออกแบบให้ยกตัวสูงขึ้น เมื่อผมขับทางไกลทั้งวันจากกรุงเทพฯไปยังกุยบุรีแล้วขับกลับ รวมระยะทางเฉียด 600 กิโลเมตร ก็พบว่าเมื่อยอยู่เหมือนกัน เบาะหลังมีพื้นที่กว้างขวางพอเพียง พร้อมช่องแอร์เพื่อความเย็นฉ่ำที่กระจายได้อย่างทั่วถึง Series-5 520d M Sport ยังมีม่านไฟฟ้าด้านหลังและม่านด้านข้างของบานประตูหลังทั้งสอง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและช่วยบังแสงแดดได้ดี เพดานห้องโดยสารใช้วัสดุเก็บเสียงในตัว ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดี โดยเฉพาะในบริเวณที่ใกล้กับศีรษะเพื่อความผ่อนคลาย ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่บนแชสซีได้รับการปรับให้มีน้ำหนักเบาลงมาก เช่น การรวมระบบเบรกมือไฟฟ้าเข้ากับคาร์ลิปเปอร์เบรกล้อหลังซึ่งลดน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม โดยรวมแล้วการลดน้ำหนักของตัวเบรก ล้อและยางที่มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ Series-5 LCI มีน้ำหนักรวมของช่วงล่างเบาลง มีผลต่อการตอบสนองและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัด

Gesture Control เวอร์ชันใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้น เป็นหนึ่งในระบบควบคุมและสั่งการที่เชื่อมต่อการทำงานของระบบ ให้ความบันเทิงเริงรมย์โดยการใช้สัญญาณมือโบกผ่านหน้าจอที่ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับ คนขับสามารถเร่งหรือหรี่เสียงเพลงได้ง่ายแค่ใช้การวนนิ้ว แต่ก็ต้องใช้ความคุ้นเคยเพื่อทำให้นิ้วอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ระบบ Gesture Control ซึ่งเป็นฟีเจอร์ควบคุมฟังก์ชันหลักด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือ BMW เปิดตัวออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในรถยนต์ New Series-7 เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีการนำเอาระบบสั่งงานแบบใหม่ดังกล่าวมาติดตั้งไว้ใน New Series-5 ระบบดังกล่าวพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว แสดงผลข้อมูลระบบนำทางโทรศัพท์ เพลง หรือเมนูฟังก์ชันต่างๆ ของตัวรถ นอกจากจะสั่งการได้ผ่านทางปุ่ม iDRIVE Controller แล้วระบบควบคุมนี้ยังรองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ เสียง หรือการสัมผัสปุ่มบนหน้าจอ สำหรับระบบ Gesture Control นั้นนำเสนอการใช้งานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสะดวกสบายในทุกฟังก์ชันทั้งระบบ infotainment และโทรศัพท์ ผ่านการขยับมือหรือนิ้วมือ ซึ่งจะถูกตรวจจับโดยระบบเซนเซอร์ 3D บริเวณคอนโซลและแปลเป็นคำสั่งต่างๆ ตามการเคลื่อนไหว เช่น สามารถรับโทรศัพท์ได้ด้วยการชี้นิ้วชี้ไปที่หน้าจอ หรือสามารถปัดมือเพื่อปฏิเสธสายเรียกเข้า

ระดับความคมชัดของหน้าจอมอนิเตอร์ใน New Series-5 G30 ให้รายละเอียดของภาพกราฟิกบนการทำงานของฟังก์ชันใหม่ที่มีการเพิ่มเข้ามาให้ ชุดควบคุม iDRIVE เวอร์ชันใหม่ล่าสุดมาพร้อมหน้าจอมอนิเตอร์ขนาด 10.25 นิ้ว ช่วยให้เจ้าของรถสั่งการผ่านปุ่มควบคุม iDRIVE ได้ง่ายและสะดวกกว่าปุ่มแบบคลิก รวมถึงรูปแบบของการสั่งงานในระบบสาระบันเทิงที่คล้ายการสั่งงานด้วยโทรศัพท์สมาร์ทโฟน พร้อมฟังก์ชัน Message Centre ภายในระบบ iDRIVE สำหรับการพิมพ์ข้อความ ตอบอีเมลหรือข้อมูลอื่นๆ

BMW 5 Series Sedan LCI ติดตั้งระบบเสียงเซอร์ราวด์ของ Harman Kardon Logic 7® แอมพลิฟายเออร์ DSP แบบหลายช่อง มีกำลัง 600 วัตต์ ลำโพง Harman Kardon ประสิทธิภาพสูง หลากหลายขนาด จำนวน 16 ตัว ให้รายละเอียดของการฟังที่แบบ 3D ชุดลำโพงและแอมป์ประกอบด้วย

7 × 25 mm Aluminum dome tweeters, dashboard, front, side & rear
2 × 217 mm subwoofers (central bass), below the front seats
7 × 100 mm midrange speakers, dashboard, front, side & rear
Harman Kardon Logic 7® DSP amplifier in Class-D technology with 600-watt total output

Logic 7 จาก Harman Kardon ให้เสียงเซอร์ราวด์ที่เหนือกว่า โดยเฉพาะการบันทึกเสียงสเตอริโอที่ไม่มีการบีบอัพไฟล์ โปรแกรม Discrete Logic 7 จัดการกรองสัญญาณเสียง และทำการกระจายสัญญาณไปลำโพง ผลลัพธ์ที่ได้คือสเปกตรัมเสียงแบบ 360° โดยไม่จำเป็นต้องปรับตัวควบคุมเสียงทุ้มหรือเสียงแหลม สำหรับตำแหน่งการฟังที่คมชัดทั้งเบาะหน้าและเบาะผู้โดยสารตอนหลังครอบคลุมทั่วทั้งคัน

520d M Sport Facelift ซาลูนหรูของผู้บริหารวางเครื่องดีเซลรุ่นใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพด้านแรงบิดและความประหยัดรวมถึงการลดมลภาวะ อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกแตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง 530e M-Sport เล็กน้อย โดยเน้นความสง่างามแบบรถยนต์ของผู้บริหารระดับสูง เครื่องยนต์ดีเซล 4 กระบอกสูบ ขนาด 2.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น เสริมแรงบิดด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์กับชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ มีค่าการปล่อย Co2 ต่ำ ระดับ EURO-6 เครื่องดีเซลเทอร์โบเดี่ยวขนาด 2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้า แรงบิดจัดหนักถึง 400 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ ZF 8HP 8 สปีด รุ่น LCI ใน 520d M Sport เพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย Paddle Shift มาให้อีกด้วย สมรรถนะเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โหมดขับเคลื่อน 3 รูปแบบ ที่สามารถปรับแยกย่อยได้ เริ่มจาก

ECO PRO
โหมดประหยัด หน้าปัดมาตรวัดจะปรับเปลี่ยนเป็นสีฟ้าพร้อมเข็มวัดการใช้พลังงานรวมถึงอัตราความประหยัดเมื่อใช้คันเร่งที่มีความเหมาะสม โหมดนี้จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังซึ่งใช้เกียร์ ZF 8HP ช่วยลดรอบเครื่องยนต์โดยเกียร์จะปรับขึ้นสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็ว ใช้ขับในเมืองแบบไหลไปเรื่อยๆ ไม่เน้นเร็ว หรือขับออกทางไกลแบบไม่ใช้เชื้อเพลิงเต็มเหนี่ยว คันเร่งออกแนวยืดหยุ่นสูง เกียร์จะดันขึ้นไปที่เกียร์สูงหรือเกียร์ 7-8 เมื่อใช้ความเร็วเดินทาง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง

COMFORT
เป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ระบบจะพาเข้าสู่โหมดนี้ Comfort Mode ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งขับในเมืองและออกทางไกล มาตรวัดจะแปลเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองอมส้ม สเกลของวัดรอบและวัดความเร็วปรับรูปแบบให้แตกต่างไปจากโหมด ECO Pro คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองได้ดีกว่า ECO PRO รวมถึงระบบส่งกำลังหรือเกียร์ก็จะเลือกอัตราทดที่มีความเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้ เป็นโหมดกลางๆ ที่ขับช้าก็ได้ขับเร็วก็ดี

SPORT
โหมดสำหรับขาแรงที่ชอบขับเร็ว มาตรวัดจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พร้อมการแจ้งเตือนตำแหน่งเกียร์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดจนสุดไม่ว่าจะเป็นแรงม้าแรงบิดรวมถึงการตอบสนองของคันเร่งและพวงมาลัยไฟฟ้า เป็นโหมดที่มีประสิทธิภาพในการเค้นกำลังระดับสูงสุด ทำให้ 520d M Sport LCI ว่องไวเกินหน้าเกินตาความเป็นรถยนต์ของผู้บริหาร สมองกลไฟฟ้า ECU ที่ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ 8 สปีด จะเปิดทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับการไปให้เร็วขึ้น รวมถึงการปรับการทำงานของอัตราทดและน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้า เพื่อการตอบสนองที่ดี Sport Mode ต้องการพื้นที่ที่โล่งพอสมควรในการปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดลงสู่พื้นถนน

ในขณะที่วัยรุ่น มักจะเล็งไปที่ 3-Series ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 รุ่น (320d /330e/M340i/M3) และ 3 Series รุ่น LCI ก็สวยมาก แต่คู่แข่งของ BMW Series-3 อย่าง New C-Class W206 พุ่งเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานของความเป็นสปอร์ตซีดานด้วยระบบพลังงานผสม BMW พยายามปรับจูนให้ 5 Series LCI คล่องตัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Mercedes New E-Class ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ Series-5 LCI เป็นรถที่สะดวกสบาย มีไดนามิกดี และหรูหราที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ทำหน้าที่อย่างราบรื่นและเงียบพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้รอบสูงอย่างต่อเนื่อง เครื่องดีเซลก็ไม่ได้ดังจนทำให้รำคาญ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Series-5 ถึงยังคงอยู่ หรืออยู่ยั้งยืนยงมาถึง 7 รุ่นแล้ว นั่นเป็นเพราะว่า BMW ไม่ลืมวิธีทำให้รถไซล์กลางคันโตเข้าโค้งได้เนียนและสนุก ใครก็ตามที่ยังคงชมเชยความเจ๋งของ E39 ในบางแง่มุมของการขับที่น่าประทับใจ G30 520d LCI M Sport  ก็แทบจะไม่แตกต่าง ระบบปฏิบัติการ BMW OS7 ( operating system 7) ค่อนข้างฉลาดและไม่ต้องรอจนถึง OS8 ชายกลางอย่าง 520d มีระบบให้ความบันเทิงอย่างตึง เครื่องเสียงเจ๋งๆ ที่มีกำลังขับเหลือเฟือ เบาะ พวงมาลัยและช่วงล่าง ทำให้ขับได้สบาย เมื่อคุณไม่ได้อยู่ในอารมณ์ซิ่ง มันจะสงบและมีความสุภาพเรียบร้อยเหมือนรถผู้บริหารทั่วไป

BMW 520d M Sport LCI รุ่นประกอบในประเทศ เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเล็กแบบ 4 กระบอกสูบ มีเสียงของเครื่องยนต์เบาลงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ชุดเกียร์ออโตเมตริก Step-Tronic 8 สปีดของ ZF ให้อัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว เป็นเกียร์ที่ BMW ใช้ในรถเกือบจะทุกโมเดลไล่จาก Series-1 ไปจนถึง Series-7 รวมถึง M Car ที่เปลี่ยนจากเกียร์คลัตช์คู่ DCT มาเป็นเกียร์ 8 สปีด  ใน Series-5 G30 มีซุ้มเกียร์ที่สวยงาม สวิตช์ปรับตั้งโหมดขับเคลื่อนอยู่ข้างคันเกียร์ทำให้ใช้งานได้ง่ายและเร็ว การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งในรถผู้บริหารคันนี้ก็เต็มไปด้วยความง่ายดาย กดคันเร่งเบาๆ ในโหมด Comfort แรงบิด 400 นิวตันเมตรจะโผล่มาในรอบต่ำทันที เมื่อลองกดคันเร่งเบาๆ แค่ 1,350-2,400 รอบต่อนาที แรงบิดเกือบทั้งหมดจะปั่นล้อจนเกือบจะฟรีทิ้ง หากเผลอตัวหรืออยากจะจัดเต็มๆ กับสปอร์ตซาลูนคันนี้ก็แค่กดคันเร่งไฟฟ้าให้ลึกหน่อย คุณก็จะพบกับแรงดึงพุ่งทะยานจากเครื่องยนต์ที่ทำให้รู้สึกสนุก อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 7.5 วินาที หากมีทางที่โล่งมากพอ แรงบิด 400 นิวตันเมตรดึงตัวถังหนัก 1.7 ตันให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บนเส้นทางจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าไปยังจังหวัดประจวบฯ แรงบิดจากเครื่องดีเซลตัวเล็กมากที่จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไหลลื่น อย่างที่เคยบอกกันบ่อยๆ ว่า ค่าย BMW นั้นมักจะได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีอยู่เสมอ และนี่ก็เป็นเครื่องยนต์ดีเซลตัวเล็กอีกรุ่นที่ถูกปรับแต่งมาจากโรงงานจนมีประสิทธิภาพไม่เป็นสองรองใคร

งานตกแต่งภายในก็ดีเช่นกัน เมื่อเทียบกับคู่แข่งด้านออปชัน Series-5 520d M Sport LCI กินขาด ของที่ใส่มาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเทศกาล BMW Festival of 5-Series มีการเพิ่มหน้าจอมอนิเตอร์กลางแบบไวด์สกรีน ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เครื่องปรับอากาศมาพร้อมปุ่มปรับสภาพอากาศที่ใช้งานง่าย ความสมดุลระหว่างสวิตช์เกียร์แบบใหม่นั้นจัดการได้ค่อนข้างดี ที่ชอบก็คือ ประตูดูด BMW soft close automatic doors เครื่องเสียง Haman Kardon แม้จะไม่มี Panoramic Roof แต่ก็ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจซื้อลดน้อยถอยลง BMW ตอกย้ำพื้นฐานของการนั่งขับที่ดีเยี่ยมเหมือนเดิม ส่วนฟังก์ชันควบคุมและสั่งงานด้วยท่าทางเป็นลูกเล่นเก่า iDrive ก็เช่นกัน การปรับปรุงทำให้ตอนนี้มันดีและง่ายจนไม่อยากเอื้อมหรือยื่นนิ้วมือไปแตะจอภาพ การตั้งค่าระบบสาระบันเทิงผ่านอุปกรณ์ iDrive นั้นง่ายมาก ใช้ไปไม่นานคุณจะติดใจ และแทบไม่อยากเปลี่ยนไปใช้รถยี่ห้ออื่นที่ไม่มีอุปกรณ์ iDrive

BMW 520d M Sport นั้นยากที่จะตำหนิ ไม่เพียงแต่เครื่องยนต์จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่โดดเด่น ระบบส่งกำลังทั้งหมดยังมีประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย ความปราณีตในระดับสูงและความสะดวกสบายในการขับ ที่นำเสนอโดย Series 5 LCI รุ่นปรับปรุง ถือเป็นระดับผู้นำในความคิดของการสร้างรถซาลูนไซล์กลางกันเลยทีเดียว 520d M Sport มีราคาค่อนข้างสูง แม้ว่าจะมีออปชั่นใส่มาให้เยอะมาก แต่ราคาก็ดูเหมือนจะแพงเกินไป คุณภาพก็เป็นไปตามระดับของราคา หากคุณกำลังมองหารถผู้บริหารที่หรูหรา มีความสมดุลทั้งด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพ ความสบาย และไม่สนใจเรื่องกำลังเครื่องยนต์มากนัก BMW 520d M Sport LCI เป็นทางเลือกที่ดี 

สโลแกนทางการตลาดในอดีตของ BMW ที่ว่า 'สุดยอดเครื่องจักรแห่งการขับขี่' อาจดูทะนงตัวและหยิ่งยโส แต่ 5 Series ก็ทำอย่างนั้นมาโดยตลอด ตั้งแต่ E34 E39 มาจนถึง G30 life cycle impulse แทบจะไม่มีรถยนต์ระดับผู้บริหารคันใดที่สามารถสลับไปมาระหว่างการขับทางไกลบนไฮเวย์ และความบันเทิงบนถนนชนบทได้อย่างราบรื่น ยกเว้น 5-Series และ Lexus ES ดังนั้นไม่ว่าคุณจะต้องการขับแบบไหน ซีรีส์ 5 ก็พร้อม รุ่นดีเซล มีกำลังน้อยกว่ารุ่น Plug-in Hybrid แต่น้ำหนักของรุ่นเสียบปลั๊กก็หนักกว่ามาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะน้ำหนักของแบตเตอรี่ แต่เครื่องดีเซลที่ทำระยะทางต่อเชื้อเพลิงหนึ่งถังไกล 900 กิโลเมตร ก็ยังน่าใช้มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ 5-600 กิโลเมตร 

ผู้โดยสารได้รับการปกป้องจากความสับสนวุ่นวายของโลกภายนอก ในย่านความเร็วต่ำ (60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เสียงลมที่แทบไม่ได้ยิน ระบบกันสะเทือนที่ปรับมาใหม่ ดูดซับความไม่สม่ำเสมอของถนนได้ทั้งหมด  520d / 530e ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด การควบคุมตัวรถก็ยอดเยี่ยม ขณะใส่เข้าโค้ง ด้วยมุมเอียงเล็กน้อยและการบังคับเลี้ยวที่ให้ความรู้สึกดี การตอบสนองที่ตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความมั่นใจขณะขับเร็ว 520d รถจะเบากว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง Audi A6 ประมาณ 100 กก. ซึ่งทำให้การควบคุมและการเร่งเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง Series-5 ทุกรุ่นให้ความรู้สึกคล่องตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ระบบบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต ช่วยให้ขับเร็วได้อย่างมั่นใจ ให้ความสะดวกสบายหรือความสปอร์ตได้รับการจัดลำดับความสำคัญตามความต้องการ ระบบขับเคลื่อนล้อหลังกับยาง P ZERO เพิ่มการยึดเกาะเป็นพิเศษ ซึ่งคุณจะรู้สึกได้มากที่สุดเมื่อเร่งความเร็วขณะออกจากโค้งที่ลื่นไถล ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพที่ซับซ้อนช่วยทำให้เจ้าของรถรุ่นขับเคลื่อนสองล้อรู้สึกปลอดภัย 

เกียร์อัตโนมัติของ ZF กลายเป็นสิ่งสำคัญของแบรนด์ BMW ในความเป็นจริง มันคืออุปกรณ์ในระบบขับเคลื่อนที่แสดงให้เห็นถึงรสนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ความสะดวกสบายและความประหยัดที่เพิ่มขึ้นจากระบบส่งกำลังอัตโนมัติสมัยใหม่ ทำให้เกียร์ 8 สปีด ถูกปรับปรุงอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อทำให้การทำงานของเกียร์ ZF8HP เหมาะสมกับบุคลิกภาพของ 5 Series อย่างสมบูรณ์แบบ โหมด Sport เกียร์ตอบสนองการทดกำลังเร็วขึ้น ลากรอบคาอยู่ในเกียร์ 4 - 5 นานขึ้น และมีแพดเดิ้ลชิฟท์ที่หลังพวงมาลัยให้ใช้งาน ไม่ว่าคุณจะกระโชกโฮกฮากกับมันยังไง เกียร์ 8 สปีดลูกนี้ก็ยังคงผ่องถ่ายอัตราทดอย่างนุ่มนวลอยู่ดี แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยที่ BMW บอกกับลูกค้าว่า ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน อันที่จริง BMW ควรแจ้งลูกค้าให้เปลี่ยนของเหลวหล่อลื่นระบบเกียร์ที่ 20,000-30,000 กิโลเมตร ดูจะได้ใจลูกค้ามากกว่านะครับ

520d 2.0 ลิตร 190 แรงม้า กับอีก 400 นิวตันเมตร นั้นเร็วเกินพอสำหรับผู้ขับส่วนใหญ่ มันใช้เวลา 7.5 วินาที สำหรับพุ่งออกตัวจาก 0 ไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช้ากว่า Mercedes-Benz E220d หนึ่งในสิบของวินาที อัตราเร่งที่เร็วใช้ได้ มากเกินพอสำหรับผู้คนส่วนใหญ่  จุดเด่นของมันก็คืออัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ในระดับ 13-15 กิโลเมตรต่อลิตร เชื้อเพลิงดีเซลเต็มถังขับได้ไกล 900 กิโลเมตร ความสามารถด้านประสิทธิภาพของ 520d ในด้านการประหยัดนั้นเกิดจากอัตราทดของเกียร์ และน้ำหนักตัวที่เบาลงอย่างมากเมื่อเทียบกับรถคู่แข่ง มากถึง 100 กก. ในบางรุ่น BMW 520d M Sport LCI ยังเบากว่ารุ่นก่อนถึง 70 กก. การใช้อลูมิเนียมและแมกนีเซียมที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน 

อัตราสิ้นเปลืองในเมืองเฉลี่ย 13 กิโลเมตรต่อลิตร และเมื่อขับออกทางไกลในโหมด Comfort BMW 520d ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 15 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับแบบผสมเร็วสลับช้า ถือว่าประหยัดพอใช้ เชื้อเพลิงเต็มถัง 80 ลิตร ไปได้ไกลเฉียดๆ 800 กิโลเมตร BMW 520d LCI เป็นรถที่เร็วเอาเรื่องแม้จะใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุแค่ 2.0 ลิตร ภาพลักษณ์และสไตล์ของมัน ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ขับทางไกลได้สบายขึ้น ให้ความรู้สึกเบาและพลิ้วจากการเซตช่วงล่างใหม่ การปลดปล่อยพลังงาน 400 นิวตันเมตร แบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ขับได้อย่างนุ่มนวล หน้ารถเกาะหนึบกับผิวถนนได้ดี พวงมาลัยมีน้ำหนักเป็นเลิศเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น เมื่อขับเร็ว จากน้ำหนักที่เบาสบายมือ ECU แสนรู้ที่ใช้ควบคุมการทำงานของพวงมาลัยจะหน่วงให้น้ำหนักมากขึ้นอีกนิดเพื่อความแม่นยำลดอาการเบาเกินเหตุในย่านความเร็วสูง โดยเฉพาะการหวดเข้าโค้ง แชสซีก็ถูกออกแบบให้ทำงานสอดคล้องไปกับกำลังของเครื่องยนต์โดยมีพลังงานสำรองเหลือเฟือสำหรับการเร่งแซงรถช้า เรียกว่ากดกันพรวดเดียวก็แซงผ่านได้อย่างง่ายดาย  

การปรับจูนค่าการทำงานของโช้คและสปริงใหม่ 520d เป็นรถคันโตที่เร็ว เก็บเสียงดี ใส่ของมาให้ใช้เยอะกว่ารถคู่แข่ง แม้จะไม่มี Panoramic Roof แต่ระบบ Active Protection บานประตูดูด เครื่องเสียงชั้นดี ฟังก์ชันทันสมัยต่างๆ และการควบคุมที่สมบูรณ์แบบของมัน ทำให้ BMW 520d รุ่นปรับโฉม LCI มีความน่าใช้อยู่ไม่น้อย แม้จะเป็นรถผู้บริหารระดับสูง แต่การขับรถด้วยตัวเองสร้างความพึงพอใจได้มากกว่านั่งเฉยๆ อยู่เบาะหลัง การปรับปรุงทำให้รถรุ่นนี้มีความเหมาะสมกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็น Series-5 ที่ยกศักยภาพของการควบคุม พัฒนาการที่เหนือกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ถ้าคุณมีเงินเหลือมากพอ เทคโนโลยีที่คอยให้ความสบายยามเดินทาง ห้องโดยสารที่สวยงาม เครื่องยนต์ดีเซลจอมประหยัด มีกำลังมากพอในการที่จะไปถึงยังจุดหมายท่ามกลางการระแวดระวังของระบบความปลอดภัย มันคือรถที่คุณสามารถซื้อได้อย่างมั่นใจแทบจะไม่ต้องคิด และจะไม่ผิดหวังกับประสิทธิภาพการใช้งานทั้งทางใกล้และทางไกล.

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก