เครื่องซักผ้า 5 กิโลซักได้กี่ชิ้น

ใครกำลังมองหาเครื่องซักผ้า เครื่องใหม่อาจเคยสงสัยว่าควรเลือกน้ำหนักซักที่กี่กิโลกรัม ใช้เกณฑ์อะไรในการเลือก จำนวนสมาชิกในบ้าน ปริมาณผ้า หรือชนิดของผ้า วันนี้ LG Blogger จะพาไปหาคำตอบพร้อมกับนำเสนอเครื่องซักผ้าฝาบน LG ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่มปริมาณความจุภายในเครื่องให้ใส่ผ้าได้มากขึ้นในขนาดเครื่องเท่าเดิมด้วย

ความจุเครื่องซักผ้าเท่าไหร่ เหมาะกับใคร?

เครื่องซักผ้า แต่ละเครื่องนั้นจะมีปริมาณน้ำหนักความจุ ผ้าหน่วยเป็นกิโลกรัมระบุไว้ที่ตัวเครื่อง ซึ่งหมายถึงน้ำหนักของผ้าแห้งที่ใส่ได้ อย่างเครื่องซักผ้า LG ก็มีขนาดความจุให้เลือกหลากหลายมาก 

ปริมาณผ้ากับขนาดเครื่องซักผ้า

หากอยากรู้ว่าบ้านของคุณเหมาะกับเครื่องซักผ้าความจุเท่าใดก็สามารถคำนวณได้จากปริมาณผ้าที่ซักในแต่ละครั้ง ดังนี้

  • เครื่องซักผ้าความจุขนาด 5-7 กิโลกรัม สามารถซักเสื้อผ้าได้ 25-30 ชิ้น
  • เครื่องซักผ้าความจุขนาด 7-9 กิโลกรัม สามารถซักเสื้อผ้าได้ 31-45 ชิ้น
  • เครื่องซักผ้าความจุขนาด 9-11 กิโลกรัม สามารถซักเสื้อผ้าได้ 46-65 ชิ้น

น้ำหนักเฉลี่ยของเสื้อผ้าแต่ละชนิด

ถึงแม้ว่าสามารถใช้ปริมาณผ้าเพื่อกะขนาดความจุ ของเครื่องซักผ้า ได้คร่าวๆ แต่เสื้อผ้าแต่ละชนิดก็มีน้ำหนักเฉพาะที่ต่างกันออกไป ดังนั้นควรทราบน้ำหนักเสื้อผ้าแต่ละชนิดเพื่อคาดคะเนปริมาณเสื้อผ้าในการซักด้วย โดยเสื้อผ้าแต่ละชนิดมีน้ำหนักต่อตัวคร่าวๆ ดังต่อไปนี้

  • กางเกงยีนส์ 600 กรัม
  • เสื้อ 200 กรัม
  • เสื้อชั้นใน 100 กรัม
  • กางเกงชั้นใน 100 กรัม
  • ถุงเท้า 100 กรัม
  • ผ้าเช็ดตัว 200 กรัม
  • ผ้าคลุมเตียง 700 กรัม

สำหรับผ้านวมก็เป็นอีกชนิดผ้านึงที่หลายคนคำนึงถึงเมื่อจะเลือกซื้อเครื่องซักผ้า ซึ่งการเลือกความจุครื่องซักผ้าก็สามารถดูได้จากน้ำหนักของผ้านวมดังนี้

  • ผ้าห่มนวมขนาด 3.5 ฟุต ควรเลือกใช้เครื่องซักผ้าขนาด 10 กิโลกัรมขึ้นไป
  • ผ้าห่มนวมขนาด 6 ฟุต ควรเลือกใช้เครื่องซักผ้าขนาด 13 – 15 กิโลกรัมขึ้นไป

เมื่อทราบแล้วว่าควรเลือกเครื่องซักผ้า ความจุเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้เครื่องซักผ้าของแต่ละคน การเลือกเครื่องซักผ้าที่มีนวัตกรรมเพื่อความสะอาดทั้งยังทนทานได้รับการรับประกันมอเตอร์นาน 10 ปี ก็เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม 

LG Blogger ขอแนะนำ เครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น TV2520SV7J เป็นเครื่องซักผ้าระบบ Inverter Direct Drive ที่มีความจุการซักมากถึง 20 กก. ทั้งยังออกแบบภายในถังซักให้กว้างขึ้นถึง 19.5% ในขนาดเครื่องเท่าเดิม 

เครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น TV2520SV7J มาพร้อมระบบถนอมผ้าอัจฉริยะ AI DD ที่ช่วยเลือกรูปแบบการซักให้เหมาะสมกับปริมาณผ้าและชนิดของผ้าโดยคำนวณจากน้ำหนักของผ้าช่วยเพิ่มการถนอมผ้ากว่าเครื่องซักผ้าทั่วไปมากกว่าถึง 24.8% นอกจากถนอมผ้าแล้ว ระบบถนอมผ้าอัจฉริยะ AI DD ยังช่วยลดการใช้พลังงานได้มากถึง 18.6% 

เครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น TV2520SV7J มาพร้อมมอเตอร์ Inverter Direct Drive ทำงานเงียบ ทนทานกว่าจึงมาพร้อมการรับประกัน 10 ปี  และมีเทคโนโลยี 6 Motion Direct Drive ที่ช่วยให้การซักผ้าสะอาดมากขึ้น โดยมีการซักถึง 6 รูปแบบ  เพิ่มความมั่นใจในการเลือกเครื่องซักผ้าได้มากกว่าเดิม

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

//worthen-life.com/washingmachine-futon/

//home.kapook.com/view45539.html

//www.priceza.com/article/shopping-guide/เครื่องซักผ้ากับเรื่องน่ารู้-กิโลกรัมที่ระบุไว้-คืออะไร.html

6 กิโลจะใส่ยีนส์ได้ไม่เกิน 3 ตัวครับสำหรับยีนส์ไซด์ธรรมดา จะใส่ 4 ก็ได้ แต่จะไม่ค่อยสะอาดนัก เพราะแน่นเกินไป ถ้ายีนส์ไซด์คนอ้วนมาก ๆ จะใส่ได้แค่ 2 ตัวครับ

ส่วนถ้าเป็นเสื้อยืดนี่น่าจะใส่ได้ประมาณ 12 ถึง 15 ตัวครับ

ถ้าเฉพาะเสื้อเชิ็้ตแขนยาวก็คงประมาณ 10 ถึง 12 ตัว

ที่บอก 6 กิโลเป็นน้ำหนักผ้าแห้งครับ แต่โดยมากมักใส่ผ้าได้ไม่ถึง 6 โล ถ้าใส่ 6 โลจริง จะซักไม่ค่อยสะอาด เพราะแน่นถังเกินไป

ถ้าอยู่ 2 คนและซักรวมกัน แนะนำให้ซื้อประมาณ 8 ถึง 10 กิโลดีกว่าครับ

Was thanked: 12 time(s) in 12 post(s)

ไม่เคยนับว่ากี่ชิ้น กี่ตัว

ใส่ผ้า เปิดสวิทซ์ กด Start พอเครื่องหมุนทดสอบ มันจะบอกปริมาณน้ำ และผงซักฟอก ก็กด Pause หยุดชั่วขณะ ใส่ผงซักฟอก ตามปริมาณที่แจ้ง ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม (ถ้าอยากใส่)

กจากนั้นก็ กด start ปล่อยให้เขาทำหน้าที่ของเขาไป

แต่ถ้าเมื่อไร เครื่องบอกปริมาณสูงสุด ก็จะหยิบผ้าออกชิ้นสองชิ้น หรือไม่พอถึงตอนน้ำเต็ม เครื่องเริ่มซัก ก็มาเปิดดูผ้าว่า ผ้าข้างบนๆ โดนดึงเปลี่ยนวนลงไปข้างล่าง หรือไม่ ถ้าผ้าข้างบน ยังลอยฟ่องอยู่ ก็ล้วงหยิบออกมาใส่กะละมัง สองสามชิ้น รอรอบใหม่

คุณอาจคิดว่าใช้เครื่องซักผ้าก็ง่ายๆ ไม่เห็นต้องวุ่นวายอ่านวิธีใช้ให้ยุ่งยาก แต่ข้อห้ามที่เรากำลังจะเล่าให้ฟัง ถึงจะไม่ทำให้เครื่องซักผ้าของคุณพังทันที แต่หากทำไปเรื่อยๆ ไม่ดีกับเครื่องซักผ้าของคุณแน่ วิธีใช้เครื่องซักผ้าที่รักษาทั้งเสื้อผ้าและเครื่องซักผ้าทำได้ไม่ยาก

เครื่องซักผ้ามีกี่แบบ

เครื่องซักผ้าแต่ละประเภทมีข้อเด่นและข้อด้อยแตกต่างกัน หากจะแบ่งกลุ่มเครื่องซักผ้า ก็แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ 

เครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ 

เครื่องซักผ้าชนิดนี้เป็นแบบฝาบนที่มี 2 ถัง คือ ถังซักและถังปั่นหมาด ที่เรียกว่ากึ่งอัตโนมัติก็เพราะคุณต้องเติมน้ำ ใส่ผงซักฟอก และตั้งเวลาเอง เมื่อซักผ้าเสร็จ คุณก็ต้องย้ายผ้ามาที่ถังปั่นหมาดเอง 

ข้อดีก็คือ คุณสามารถกำหนดเวลาซักได้เอง จึงรวดเร็ว รวมถึงง่ายต่อการแยกผ้าซัก แถมราคาก็ถูกกว่า ส่วนข้อเสียก็คือคุณต้องลงแรงเยอะหน่อยในการทำทุกอย่างด้วยต้วเอง

เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ 

เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ ตามที่ชื่อบอกคือคุณไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่ใส่ผ้า เลือกโปรแกรมการซัก และกดปุ่ม จากนั้นก็นั่งรอ เครื่องซักผ้าก็จะทำให้คุณทุกอย่าง เหลือแค่นำไปตาก ซึ่งบางเครื่องก็มีระบบปั่นแห้งด้วย เครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติแบ่งย่อยออกไปได้อีกเป็นแบบฝาบนและฝาหน้า     

  • เครื่องซักผ้าฝาบน - ถังซักผ้าตั้งตรง ใช้ระบบการซักแบบหมุนไปมาทางซ้ายขวาให้เกิดแรงเหวี่ยง จึงต้องใช้มอเตอร์กำลังสูงที่อยู่ด้านล่างของถังซักและใช้ไฟค่อนข้างมาก แต่ระบบนี้อาจซักขจัดคราบหนักได้ไม่หมดเกลี้ยง ข้อดีคือสะดวกในการใส่ผ้าและใส่ผ้าได้จำนวนมาก

  • เครื่องซักผ้าฝาหน้า - ถังมีลักษณะเป็นวงล้อ มอเตอร์ตั้งในแนวดิ่งที่ทำให้ถังหมุนเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ ผ้าจึงตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก แรงการซักระบบนี้จึงขจัดคราบได้ค่อนข้างดี แต่ใส่ผ้าได้ไม่มากนัก ข้อเสียคือใช้เวลาซักนานและราคาสูง 

5 วิธีใช้เครื่องซักผ้าแบบผิดๆ 

คุณอาจจะกำลังทำร้ายเครื่องซักผ้าของคุณอยู่แบบที่คุณไม่รู้ตัวด้วยวิธีซักผ้าที่ผิด เพราะบางอย่างก็ดูไม่น่าจะเสียหายอะไร แต่กลับทำให้ลดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าได้ 

#1 ใช้งานเครื่องซักผ้าหนักเกินไป

คุณควรอ่านคู่มือว่าเครื่องซักผ้าของคุณมีความจุที่รองรับได้เท่าไร ส่วนใหญ่ความจุจะระบุเป็นกิโลกรัมของน้ำหนักแห้ง แต่เลขนี้เป็นแค่การกะปริมาณคร่าวๆ คุณไม่ถึงขั้นต้องไปชั่งน้ำหนักเสื้อผ้าก่อนใส่ในเครื่องซักผ้า เทียบเป็นจำนวนชิ้นได้ประมาณนี้

  • ความจุ 5-6.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 25-30 ชิ้น

  • ความจุ 7-8.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 36-45 ชิ้น

  • ความจุ 9-10.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 46-65 ชิ้น

  • ความจุ 11 กิโลกรัมขึ้นไป ซักเสื้อผ้าได้ 56 ชิ้นขึ้นไป

การใส่เสื้อผ้าเกินขีดกำจัด จะทำให้เสื้อผ้าของคุณไม่สะอาดถึงจะผ่านการซักแล้ว เพราะถังซักจะแน่นจนไม่มีพื้นที่ให้ผ้าขยับเสียดสีกัน น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟองอาจซอกซอนเข้าไม่ถึงทั่วทุกจุดของเสื้อผ้า 

นอกจากนี้ยังทำให้มอเตอร์ของเครื่องซักผ้าทำงานหนักเกินกว่าที่ออกแบบไว้ จะหมดอายุการใช้งานและต้องเปลี่ยนก่อนเวลาอันสมควร

#2 เติมน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกเยอะเกิน

คุณอาจเข้าใจว่ายิ่งใช้นำ้ยาซักผ้าหรือผงซักฟอกมาก ก็จะยิ่งทำให้ซักเสื้อผ้าได้สะอาดขึ้น แต่ความจริงแล้ว หากคุณใส่น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกมากเกินไปจะทำให้ซักไม่หมด และเกิดเป็นคราบติดบนเสื้อผ้า ยิ่งถ้าเป็นเสื้อผ้าสีเข้มจะยิ่งเห็นคราบได้ชัดเจน 

โดยเฉพาะชุดออกกำลังกายที่ทำจากใยสังเคราะห์ถักทออย่างแน่น การใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกเกินขนาดจะทำให้ตกค้างในเนื้อผ้า ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตและมีกลิ่น จึงควรใช้เพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ใช้ปกติ เราขอแนะนำผงซักฟอกสูตรพิเศษอย่างบรีสเอกเซล แอคทีฟเฟรซ ที่เน้นขจัดกลิ่นเหงื่อและกลิ่นอับ แถมไม่ทิ้งคราบผงซักฟอกตกค้างบนเสื้อผ้า

นอกจากนี้ คุณไม่ควรใส่น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกลงบนเสื้อผ้าโดยตรง เพราะจะทำให้เกิดคราบหรือสีด่างเป็นวง ให้คุณใส่ในช่องสำหรับใส่น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกเท่านั้น อ่านคู่มืออีกครั้งให้แน่ใจ

การใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกเยอะเกิน ไม่เพียงทำให้เสื้อผ้าเสียหาย แต่ยังทำให้ช่องใส่น้ำยา ที่กรอง และท่อน้ำของเครื่องซักผ้าอุดตัน ทำให้ซักเสื้อผ้าไม่สะอาด รวมถึงเครื่องซักผ้าอาจทำงานได้ไม่ดีจนต้องหาวิธีซ่อมเครื่องซักผ้า

#3 ไม่จัดระเบียบเสื้อผ้าก่อนเอาใส่เครื่อง

ก่อนนำเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า คุณควรแยกประเภทของเสื้อผ้า แยกซักสีเข้มกับสีอ่อน แต่เท่านั้นยังไม่พอ คุณควรซักผ้าประเภทเดียวกันพร้อมกัน เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเสียหาย เช่น คุณไม่ควรซักเสื้อผ้าที่บอบบางพร้อมกับผ้ายีนส์ที่แข็ง หรือผ้าบางอย่างอาจต้องซักเดี่ยวๆ อย่างเช่นเสื้อกันหนาว

คุณควรนำสิ่งของออกจากกระเป๋าเสื้อและกางเกงให้หมด ไม่ว่าจะเหรียญ ปากกา กระดาษทิชชู ลูกอม หรืออะไรก็แล้วแต่ สำคัญเลยคือเข็มขัด คุณต้องห้ามลืมถอดเข็มขัดออกจากหูกางเกงเด็ดขาด เพราะของเหล่านี้จะหลุดออกจากกระเป๋าและอาจเหวี่ยงไปทำให้เครื่องซักผ้าเสียหาย โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาหน้าที่เป็นกระจก ส่วนกระดาษทิชชูจะย่อยเป็นขุยและอาจไปติดตามที่ต่างๆ 

คุณควรรูดซิปเสื้อผ้าขึ้นก่อนใส่เครื่องซักผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ไปเกี่ยวเสื้อตัวอื่น หรือขีดข่วนด้านในของถังซักผ้า แต่ถ้าเป็นกระดุม ให้คุณแกะรังดุมออกเพราะแรงเหวี่ยงของเครื่องซักผ้าอาจทำให้รังดุมขยาย ทีนี้เวลาติดกระดุมก็จะหลุดง่าย 

เคล็ดลับเด็ด- ถ้าให้ชัวร์ ใช้ถุงตาข่าย ถุงนี้ใช้ได้ทั้งป้องกันเสื้อผ้าบอบบางไม่ให้โดยเหวี่ยงไปมาจนยืดย้วยเสียหาย และป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าที่มีซิปหรือตะขอไปเกี่ยวเสื้อผ้าตัวอื่นจนพังด้วย

#4 อย่าปิดเครื่องซักผ้า!

คุณอาจคิดว่าต้องปิดฝาเครื่องซักผ้าเพื่อป้องกันแมลงหรือสัตว์เล็กๆ เข้าไปติดอยู่ข้างใน ถ้าออกไม่ได้ล่ะก็ เหม็นเน่าแน่ แต่การปิดฝาเครื่องซักผ้าให้มิดชิดตลอดเวลาจะทำให้สะสมความชื้น ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับและเป็นสาเหตุของเชื้อรา โดยเฉพาะที่ขอบยาง 

สิ่งที่คุณควรทำก็คือ เมื่อใช้เครื่องซักผ้าเสร็จ ให้คุณรีบนำผ้าออกมาโดยไม่ทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้าเป็นเวลานานๆ เช็ดขอบยางไม่ให้เปียก เพราะตรงนี้ขึ้นราได้ง่าย และหากเสียหายจะทำให้เครื่องซักผ้าเหม็น มีเชื้อโรค และอาจทำให้ยางพังจนน้ำรั่ว จากนั้นให้คุณเปิดฝาเครื่องซักผ้าระหว่างรอบการซักเพื่อให้น้ำระเหยออกจนแห้งแล้วจึงปิด

#5 ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

ถึงจะดูเหมือนว่าเครื่องซักผ้าได้รับการล้างทุกครั้งที่คุณซักผ้า แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ คุณยังคงต้องล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอยู่ดี 

ทุกครั้งหลังการซักผ้า อย่าลืมเอาเศษผงหรือเศษผ้าต่างๆ ที่ตกค้างในถังซักผ้าออกไปทิ้ง รวมถึงทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกและช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ด้วยการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น เพื่อไม่ให้อุดตันหรือมีคราบสะสม 

เปิดโปรแกรมซักน้ำร้อน โดยปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานด้วยถังเปล่าแบบไม่มีเสื้อผ้า เติมน้ำส้มสายชูใสลงไปด้วย 1-2 ถ้วยตวงขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องซักผ้าคุณ น้ำส้มสายชูจะช่วยกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อโรค คุณควรทำเช่นนี้เดือนละครั้ง 

เพียงแค่คุณหลีกเลี่ยง 5 ข้อห้ามของการใช้เครื่องซักผ้า ก็ถือว่าเป็นวิธีดูแลเครื่องซักผ้าได้ดีที่สุดแล้ว อีกข้อควรระวังก็คือ ถึงเครื่องซักผ้าของคุณจะใช้งานได้ปกติ คุณไม่ควรซักผ้าขณะไม่อยู่บ้าน เพราะอาจเกิดน้ำรั่วหรือเครื่องขัดข้องจนอาจเกิดไฟไหม้

5 สัญญาณเมย์เดย์จากเครื่องซักผ้า

คำถามว่าเมื่อไรที่ต้องใช้วิธีซ่อมเครื่องซักผ้า ให้คุณสังเกตเครื่องซักผ้าของคุณว่ามีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมหรือไม่ เพราะทั้งหมดนั้นเป็นสัญญาณว่ากำลังมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น 

  • สั่นสะเทือน - เครื่องซักผ้าสั่นสะเทือนเวลาทำงาน อาจเป็นได้ว่ามีการเคลื่อนที่จนเครื่องซักผ้าขยับไปตั้งบนพื้นที่ไม่เรียบ 

  • เสียง - ถ้าเครื่องซักผ้ามีเสียงดังผิดปกติ อาจมีระบบการทำงานที่ติดขัดข้างในที่เรามองไม่เห็น

  • กลิ่น - เครื่องซักผ้ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เสื้อผ้าที่ซักมาก็ไม่หอมสดชื่น อาจมีความอับชื้นสะสมด้านใน

  • ค่าน้ำค่าไฟ - หากอยู่ๆ คุณต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟมากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมตรวจสอบเครื่องซักผ้าด้วยว่ามีการรั่วตรงไหนหรือไม่ 

  • ความสะอาด - เสื้อผ้าซักแล้วไม่สะอาดเหมือนเดิม คงต้องเรียกมือโปรมาช่วยสืบว่าเกิดอะไรขึ้น

เครื่องซักผ้ามีจุดอ่อนที่ต้องระวัง หากมีปัญหาเครื่องซักผ้าไม่ทำงานหรือทำงานไม่เต็มที่ ลองเช็กการทำงานของมอเตอร์ ประสิทธิภาพของปั๊มน้ำ การอุดตันหรือรั่วซึมของท่อ สภาพของสายพาน ความแน่นของยางที่ขอบฝาเครื่อง 

หากคุณลองตรวจสอบทุกอย่างแล้วยังไม่เวิร์ค คงต้องมองหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วย สิ่งสำคัญก็คือ คุณควรรีบซ่อมเมื่อเจอความผิดปกติ เพราะทิ้งไว้นานอาจทำให้ซ่อมยากขึ้นและระบบอื่นๆ พังไปด้วย

เครื่องซักผ้ารวน ชีวิตป่วน!

เครื่องซักผ้าพัง! ไม่ใช่แค่หมายถึงการที่คุณขาดอุปกรณ์ซักผ้าแล้วลำบากชีวิต แต่นี่ยังทำให้คุณสูญเสียเสื้อผ้าสุดโปรด เสียเงิน และเสียเวลา 

เวลาเสื้อผ้าเหม็นและมีคราบตกค้างอันเนื่องมาจากเครื่องซักผ้ามีปัญหา ทำให้คุณเสียบุคลิกและความมั่นจนไม่อยากเจอใคร ป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ได้ด้วยวิธีใช้เครื่องซักผ้าที่ถูกต้อง

เครื่อง ซัก ผ้า 5 กิโล ใส่ ผ้า ได้ กี่ ชิ้น

ความจุ 5-6.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 25-30 ชิ้น ความจุ 7-8.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 36-45 ชิ้น ความจุ 9-10.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 46-65 ชิ้น ความจุ 11 กิโลกรัมขึ้นไป ซักเสื้อผ้าได้ 56 ชิ้นขึ้นไป

เครื่องซักผ้า 12 กิโล ซักผ้าได้กี่ชิ้น

ความจุถังซักไม่เกิน 9 กิโลกรัม ซักผ้าได้ประมาณ 36 – 45 ชิ้น ความจุถังซักไม่เกิน 11 กิโลกรัม ซักผ้าได้ประมาณ 46 – 65 ชิ้น ความจุถังซักตั้งแต่ 12 กิโลกรัมขึ้นไป ซักผ้าได้ 56 ชิ้นขึ้นไป

ซักผ้าครั้งละกี่ชิ้น

เครื่องซักผ้าขนาด 5-6.9 กิโล สามารถใส่เสื้อผ้าได้ประมาณ 25-30 ชิ้น เครื่องซักผ้าขนาด 7-8.9 กิโล สามารถใส่เสื้อผ้าได้ประมาณ 6-45 ชิ้น เครื่องซักผ้าขนาด 9-10.9 กิโล สามารถใส่เสื้อผ้าได้ประมาณ 46-65 ชิ้น เครื่องซักผ้าขนาด 11 กิโล ขึ้นไป สามารถใส่เสื้อผ้าได้จำนวน 56 ชิ้น ขึ้นไป

ผ้า20ตัวกี่กิโล

จากน้ำหนักโดยประมาณนั้น จะแตกต่างตามเนื้อผ้า ชนิดเส้นใยผ้า ความหนา ขนาด …..โดยทั่วไป การซักเสื้อผ้าประจำวันประมาณ 15-20 ชิ้น จะมีน้ำหนักรวมประมาณ 5 กิโลกรัม พอเหมาะสำหรับการซักโปรแกรมปกติ 1 ครั้งค่ะ

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก